ใบหน้าที่ยิ้มละไมอบอุ่นแปรเปลี่ยนไปทันทีที่มั่นใจว่าปภาวดีจะไม่หวนกลับมาอีก เด็กคนนี้ถูกตามใจจนเสียคน อายุเท่าไหร่แล้วยังคิดว่าตัวเองเป็นเด็กทำอะไรก็น่ารักน่าเอ็นดูไปหมด เขาเห็นลิลลี่มาตั้งแต่เธอยังเป็นแค่เด็กมัธยมต้น รู้ว่าสองครอบครัวนี้หมายมั่นใจว่าจะให้ลูกสาวกับลูกชายได้เป็นสามีภรรยากันเพื่อจะได้กลายเป็นครอบครัวเดียวกัน อวัชเดินกลับมาดูข้าวกล่องทั้งสองกล่อง เขาโยนทั้งสองกล่องลงถังขยะอย่าไงไม่ไยดี เดินไปหยิบบุหรี่ที่ซ่อนไว้ในลิ้นชัก แล้วตรวไปเปิดหน้าต่างจุดบุหรี่สูบ ปากเรียกเขาว่าน้องแต่ใช้งานเหมือนหมูเหมือนหมา ผัวเมียก็ยุ่งแต่กับเรื่องนอกใจ ลูกชายก็หลงผู้หญิง คนทำงานหนักก็มีแต่เขาที่ทุ่มเททุกอย่างแต่กลับไม่ได้อะไรสักอย่าง แค่มีเงินเดือนใช้ไปเดือนๆ แค่นั้น เขาคาบบุหรี่ในปากแล้วหยิบมือถือกดส่งข้อความไป อย่างไม่ลังเล รอเพียงไม่กี่วินาทีปลายทางก็ตอบกลับ เขายิ้มแล้วเก็บมือใส่กระเป๋าเสื้อตามเดิมปล่อยให้ตายใจกันไปก่อน ไม่ช้าไม่นาน มันทุกคนต้องได้ผลตอบแทนอย่างสาสม กวิวัชร์ขับมาหยุดที่หน้าคฤหสาน์ เขาถอนหายใจหนักหน่วงก่อนเปิดประตูรถแล้วก้าวลงมา ยื่นกุ
“ภาพมีแปดภาพใส่กรอบให้ใหม่อย่างดี นี่คงไม่คิดว่าพี่แบกของหนักขนาดนั้นขึ้นมาพร้อมกันหรอกใช่ไหม” พราวมุกขึงตาใส่แล้วก้าวเข้าไปในลิฟต์ คิมหันต์กลั้นยิ้มแล้วเอื้อมมือไปกดหมายเลขชั้นที่ต้องการ แผ่นหลังของเธอสัมผัสไอร้อนจากกายเขารวมทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาด้วย จู่ๆ เธอก็รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา “ไปที่ชั้นจอดรถหรือคะ” “ครับ” หญิงสาวถามไปอย่างนั้น ตั้งใจทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น เวลาไม่กี่นาทีแต่เหมือนยาวนาน พราวมุกกลัวเขาจะถามเรื่องที่เธอไม่อยากพูดถึง เมื่อเขานิ่งเงียบก็ยิ่งทำให้เธอกระวนกระวายใจ ทำไมเขาต้องมาหาเธอถึงที่ทำงานด้วยนะ แบบนี้เธอก็ดูไม่เป็นมืออาชีพเอาเสียเลยสิ เพิ่งได้ผ่านโปรฯแท้ๆ อย่าให้คนอื่นมองเธอไม่ดีเลยนะ เธอได้แต่ยืนหงุดหงิดจนไม่รู้ว่าประตูลิฟต์เปิดออกแล้ว เป็นคิมหันต์ที่ยกมือขึ้นจับไหล่แล้วประคองให้เธอก้าวออกมา “จะทำอะไร!” “ก็เหม่ออะไรอยู่ล่ะ พี่ก็ดันให้ออกจากลิฟต์ไง” เขาแสร้งทำหน้างงทั้งที่เห็นว่าคนปากเก่งหน้าแดงแล้วถือโอกาสโอบไหล่คนตัวเล็กให้เธอไปยังรถSUVสีบอร์นเงินที่จอดไม่ไ
คุณจันทนานั่งอยู่ในห้องอาหารหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาว โดยมีหญิงสาวสองคนนั่งร่วมโต๊ะ คนหนึ่งคือหญิงสาวที่หมายมั่นให้เป็นสะใภ้ของตระกูล ส่วนอีกคนคือหญิงสาวที่ลูกชายประกาศกร้าวว่าเป็นว่าที่ภรรยา พลอยดาวเตรียมใจไว้ตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์สายจากคุณจันทนา ถึงปากจะบอกว่าอยากเลี้ยงมื้อเที่ยง เพื่อขอบคุณที่เธอช่วยขายภาพในงานแสดงศิลปะวันนั้น แต่เธอมั่นใจว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น และเมื่อเห็นว่ามารดาของคนรักมาพร้อมกับผู้หญิงอีกคน เธอก็พอจะเข้าใจ “ลิลลี่ถือวิสาสะสั่งอาหารไว้แล้ว อาหารฝรั่งเศสโดยเชฟมิชลินสตาร์เลยนะคะ หวังว่าคุณพลอยดาวจะไม่ถือสา” “ไม่เลยค่ะ พลอยเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายค่ะ” พลอยดาวยิ้มให้พลางดันแว่นตาชิดใบหน้าด้วยความเคยชิน คุณจันทนากวาดตามองพลอยดาวอย่างเปิดเผย นางยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้อาจไม่สวยผุดผาดแต่โครงหน้าได้รูป ทั้งแววตาใส่กระจ่าง ปากอิ่มที่แต้มแต่งอย่างพอดี การแต่งตัวที่ไม่มากไม่น้อยเกินไป รวมทั้งบุคลิกมั่นใจในตัวเอง นั่งหลังเหยียดตรงมือไม้วางบนตักไม่มัวพะวักพะวงกับโทรศัพท์มือถือ แต่ยังไงคนที่เธอหมายตาไว้เป็นลูกสะใภ้คือปภ
“เอ่อ...” คุณจันทนาหันไปสบตากับปภาวดีที่ทำตาแดงๆ เหมือนคนจะร้องไห้ นางชอบปภาวดีที่เป็นคนหัวอ่อนว่านอนสอนง่าย นางสั่งอะไรก็ทำตามที่นางสั่งเสมอ แต่บ้างครั้งก็อดหงุดหงิดไม่ได้ เจ้าน้ำตาเหมือนปั้นจากน้ำที่พร้อมจะร้องไห้ได้ทุกครั้ง “คุณแม่ค่ะ” ปภาวดีกระตุกแขนเสื้อคุณจันทนา “เรา...เรากลับกันเถอะค่ะ” คุณจันทนาทำเสียงเฮอะไม่พอใจออกมาคำหนึ่ง แต่ก็พยักหน้ารับ ปภาวดีรีบจัดการเคลียร์ค่าอาหาร ส่วนพลอยดาวยังคงใบหน้าระบายยิ้ม ทั้งสองลุกขึ้นยืนทำให้พลอยดาวลุกขึ้นตาม “ฉันจะกลับแล้ว” “พลอยขอเดินออกไปพร้อมท่านนะคะ”พลอยดาวฉวยกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องไหล่ เธอไม่รู้หรอกว่าต่อไปจะเป็นยังไง เธอพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด ช่วงนี้เธอไม่ได้เจอกวิวัชร์เลย นานแค่ไหนนะ เกือบเดือนได้แล้วสินะ ตัวเธอเองก็ยุ่งกับการขอทุนเรียนต่อ ส่วนเขาก็ยุ่งกับงาน มีแค่วิดิโอคอลคุยกันทุกคืน แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เผื่อวันข้างหน้าไกลกัน จะได้รู้ว่าเขาจะอดทนรอเธอได้หรือเปล่า พลอยดาวเดินตามหลังคุณจันทนากับปภาวดีออกมาที่หน้าโรงแรม ทั้งสองรอให้คนขับรถวนรถขึ้นมารับ ส่วนพ
“อะไรนะ...มึง...มึงเป็นคนทำ” “เออ กูทำ กูสะใจที่เห็นครอบครัวมึงพังพินาศ” อวัชแหงนหน้าหัวเราะ “เห็นแก่ความเป็นพี่น้อง กูจะบอกให้นะ ว่าตอนนี้เมียมึงนอนพะงาบ ๆอยู่ไอซียูแล้ว!” “อะไรนะ คุณแม่” หัวใจของอวัชกระตุกแทบหยุดเต้น “ก็มันไม่ยอมแบ่งหุ้นบริษัทให้กู จะเอาไว้ให้ว่าที่ลูกสะใภ้ กูก็เลยสั่งคนไปเก็บไง” อวัชหัวตะโกนใส่ แต่ไม่บอกความจริงทั้งหมด “ไอ้ระยำ!” องอาจง้างหมัดหมายจะซัดเข้าที่ใบหน้า แต่อวัชก็ไวไม่แพ้กัน ชักปืนที่ซ่อนไว้ด้านหลังขึ้นจ่ออีกฝ่าย เพียงเสี้ยววินาทีที่กวิวัชร์ได้สติ เขาใช้มือสับที่ข้อมือของอวัช ทำให้ปากกระบอกปืนกดลงที่พื้นแล้วสับศอกใส่ใบหน้าทันที เรียกเลือดสีสดออกจากปากและจมูกอวัชที่ล้มหงายหลังและทำปืนหลุดมือ องอาจรีบใช้เท้าเหยียบไว้ไม่ให้อวัชหยิบขึ้นมาได้ “ความเป็นพี่น้องของเราจบกันวันนี้ไอ้วัช!” ประกาศจบก็ตามด้วยเตะเสยปลายคาง คราวนี้อวัชถึงกับสลบคาเท้าไปจริงๆ “โทรหาแม่สิ” “ครับพ่อ” กวิวัชร์รีบหยิบสมาร์ทโฟนโทรหามารดา แต่ไม่ปลายทางไม่รับสาย เขามองหน้าพ่อทำหัวใจแทบ
คราวนี้หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมา แต่เพราะหัวเราะแรงไปสะเทือนแผลจนต้องยกมือขึ้นแตะ กวิวัชร์งุนงงไม่เข้าใจว่าเธอหัวเราะอะไร “น้องพลอย” “คือ...ทุนเรียนปริญญาโทที่พลอยขอไปเป็นทุนเรียนในประเทศค่ะ พลอยไม่ได้ไปต่างประเทศ” “อ้าว... พี่ก็กลุ้มใจมาตั้งนาน” “ขอโทษค่ะ พลอยนึกว่าพี่กั้งรู้แล้ว” “ถ้าอย่างนั้นเราก็แต่งงานกันได้แล้วสินะ พลอยอยากเรียนอะไร อยากทำอะไร พี่สนับสนุนทุกอย่าง ขอให้ทุกก้าวของพลอยมีพี่อยู่ข้างๆก็พอ” “ไม่เร็วไปหรือคะ เราเพิ่งคบกันไม่นาน” “พี่ไม่รู้ว่าใครกำหนดเงื่อนไขเรื่องเวลา แต่พี่รู้ว่าหัวใจพี่รักได้แค่คนเดียวและคนนั้นก็คือพลอยดาว แล้วน้องพลอยรักพี่กั้งคนนี้บ้างไหมครับ” แววตาอ้อดอ้อนของเขาทำให้เธอไม่อาจมองใครได้อีก พลอยดาวยื่นมือจับสาบเสื้อให้เขาโน้มหน้ามาใกล้ กวิวัชร์โน้มตัวลงอย่างว่าง่าย หญิงสาวยื่นริมฝีปากประทับตรงมุมปากที่เขาเจ็บเพราะหมัดของพ่อ “น้องพลอยก็รักพี่กั้งค่ะ”หัวใจได้ยินคำตอบที่ต้องการ เขารู้ว่าความหมายของคำนั้นดี ถ้อยคำเรียบง่ายแต่ไม่ง่ายเลยกว
‘งานที่นี่ก็มีทำ ทำไมต้องกลับเมืองไทย’ ‘มุกก็แค่อยากอยู่เมืองไทยมากกว่า’ ‘มีใครทำอะไรให้มุกไม่สบายใจหรือเปล่าลูก’ ‘ไม่มีค่ะ’ เธอตอบเร็วแบบไม่ต้องคิดมาก ‘มุกก็แค่อยากใช้ชีวิตที่มุกเลือกเอง’ ‘พูดเหมือนแม่บังคับมุกยังไงไม่รู้’ ‘ก็เพราะแม่ไม่บังคับมุกไงคะ มุกเลยเลือกกลับไปใช้ชีวิตที่เมืองไทย’ ‘มุกจะกลับไปอยู่กับพ่อเหรอ’ ‘นิสัยอย่างมุกอยู่กับพ่อไม่ได้หรอกค่ะ มุกดูคอนโดไว้แล้ว ให้มุกอยู่คอนโดดีกว่าค่ะ’ ‘ถ้ามุกคิดดีแล้วก็ตามใจลูก แต่ถ้ามีอะไรก็พูดกับแม่ได้เสมอ’ ‘ค่ะแม่’ มีเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่ยกมาให้แม่คล้อยตาม แต่เรื่องหนึ่งที่เธอไม่อยากยอมรับเพราะมีบางเรื่องติดค้างในความรู้สึกเธอ พลอยดาวจัดการเรื่องคอนโดให้เธอก่อนแล้ว เมื่อมาถึงเมืองไทย เธอก็เข้าพักได้ทันที แน่นอนว่าพ่อไม่ค่อยพอใจแต่ก็เปลี่ยนใจเธอไม่ได้ ช่วงอยู่ต่างประเทศ เธอทำกิจกรรมบ่อย พลอยดาวเป็นอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) มีช่องยูทูปของตัวเอง การทำงานประจำในตำแหน่งเลขาฯ คือความท้าทายหนึ่งของเธอ เ
พราวมุกเดินมาที่ตู้เย็น รินน้ำส้มแล้วเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน นั่งอ่านดูข้อความที่พิมพ์ค้างไว้ที่หน้าโน้ตบุ๊ก ตอนอยู่ต่างประเทศ พราวมุกทำงานพิเศษเป็นพี่เลี้ยงเด็ก และเด็กที่เคยเลี้ยงเป็นเด็กพิเศษต้องใช้ภาษามือ เธอเลยได้ฝึกภาษามือไปด้วย กลับมาเมืองไทย มีเพื่อนของพ่อที่ทำงานมูลนิธิเกี่ยวกับเด็กพิเศษ เธอเข้าไปทำกิจกรรมด้วยตามประสาคนชอบทำกิจกรรมอยู่แล้ว เด็กๆ ที่นั้นใช้ภาษามือในการสื่อสาร เธอมีความสามารถด้านนี้เลยช่วยได้เยอะ แต่ไม่คิดว่าจะได้เจอตาหน้าตายนั้นด้วย หญิงสาวเบ้ปากใส่อย่างลืมตัว คนอะไรขี้เก๊กชะมัด แต่งตัวก็ไม่เหมือนครูบาอาจารย์ แต่ตัวสูงแบบนั้นใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็ดูดีเหมือนกันแฮะ บอสเราหล่อกว่าตั้งเยอะ ตานั้นไม่เห็นมีอะไรดี แค่ตัวสูง ไหล่กว้าง ใส่ ผิวสีแทน แล้วก็ใส่แว่นตา บ้าจริง! ยัยพราวมุก! เธอจะแพ้ทางผู้ชายใส่แว่นตาไม่ได้นะ! พราวมุกอยากเอาหัวโขกผนังห้องเพื่อให้ได้สติจริงๆ ทำไมเธอต้องชอบผู้ชายใส่แว่นด้วยก็ไม่รู้ หรือเธอชอบผู้ชายแบบเด็กเนิร์ดเหรอ? แม้ว่าผู้ชายใส่แว่นจะเรียกสายตาให้เธอหันไปมอง แต่เธอก็ไม่ได้หวั่นไหวไปกับทุกคนเสียห
น้ำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานทำเอาหัวใจของชายหนุ่มอ่อนยวบ เขาถอนหายใจแล้วหมุนตัวไปถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก ปกติเขานอนไม่สวมเสื้อแล้วก้าวขึ้นไปนอนเคียงข้าง คนตัวเล็กพลิกตัวเข้ามากอด ซุกใบหน้าหาตำแหน่งที่พอเหมาะแล้วหลับตาพริ้ม เขาก้มมองแล้วยิ้มอย่างเป็นสุข การได้กอด ได้รักและปกป้องใครสักคน มันทำให้หัวใจอิ่มเอมได้ถึงขนาดนี้เลยหรือ? ความรักเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ “รักนะคะ” “อะ..อ.ไรนะครับ” เขานึกว่าเธอหลับ แม้ได้ยินชัดแต่อยากได้ความมั่นใจอีกครั้ง “รักค่ะ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้ “ขอบคุณที่มาให้รักนะคะ” “ครับ” เขาจูบหน้าผากเธอเบาๆ “พี่รักน้องมุก ขอบคุณที่ให้โอกาสผู้ชายธรรมดาคนนี้ได้รู้จักความรักนะครับ” “ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง มุกจะถนอมความรักของพี่คิมไว้นานๆ” “พี่ก็จะถนอมความรักที่น้องมุกให้พี่เก็บไว้ให้นานที่สุด” “อื้ม พี่คิมไม่กลัวพ่อของมุกจริงๆเหรอคะ เราคบกันแล้ว ไม่ต้องหลบๆมาเจอกัน เพราะฉะนั้นให้พ่อแม่รู้คงไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” พราวมุกถาม ดวงตาเริ่มปิดลง คราวนี้เธอง่วงแล้วจริงๆ
“เหมือนเรื่องของเรานะเหรอ” “แค่กๆ ก็...ประมาณนั้น” “ทำไมพูดแค่นี้ก็ต้องเขิน” เธอมองเขาแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ “แล้วนายไม่เข้าใจประโยคไหนของฉัน” “ก็...เอ่อ...ที่น้องมุกบอกว่าไม่ชอบผู้ชายเหมือนพ่อ ...พี่ก็พยายามวิเคราะห์มาตลอดแต่ก็ยังไม่เข้าใจ” “ถึงขั้นต้องวิเคราะห์เลยเหรอ” เธอไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “ฉลาดอย่างนายไม่เข้าใจจริงๆเหรอ” เขาพยักหน้าแทนคำตอบ ท่าทางเหมือนลูกศิษย์ที่รอรับคำสอนของคุณครูทำให้พราวมุกยันกายขึ้นนั่ง เขาหยิบหมอนให้เธอเอนหลังพิงหัวเตียง “ตั้งแต่เด็ก ฉันจะเห็นพ่อยุ่งกับงานตลอด แม่เล่าว่าพ่อกับแม่คบกันตั้งแต่เรียนมหา’ลัย พอจบก็แต่งงานกันทันที และเพื่อให้ได้เงินเดือนที่สูงขึ้น พ่อก็เรียนต่อปริญญาโทและทำงานไปด้วย รับงานวิจัยอีกสารพัด หลายครั้งที่แม่รู้สึกเหมือนเป็นคนนอก ไม่เข้าใจในงานของพ่อ จนสุดท้ายมันเกิดเป็นความเหินห่างและทำให้แม่เป็นฝ่ายขอเดินออกจากชีวิตของพ่อ ฉันเอง...เวลาอยู่กับพ่อก็ไม่ค่อยเข้าใจงานของพ่อ เวลาอยู่กันสามคน ฟังพ่อกับพลอยคุยกันก็ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน ยิ่งเวลาที
“อยู่ที่นี่แหละ” แฟรงค์ยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังวาบ“ทะ...ทำไมทำแบบนี้”“เพราะเธอทำให้ฉันต้องทำแบบนี้”“แฟรงค์...ฉันไม่เข้าใจ ...นายปล่อยฉันก่อนได้ไหม เรา...เรามาคุยกันดีๆ ก่อนดีไหม”“มุก” น้ำเสียงเขาพร่าลง สายตาจับจ้องริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นจนเรียบตึง “ฉันทำดีกับเธอตั้งมากมาย เธอยังไม่สนใจฉัน ฉันเบื่อเล่นเป็นบทคนดีแล้ว ถึงเวลาที่เธอจะได้รู้ว่าตัวจริงของฉันเป็นยังไง บางที เธออาจจะชอบมันก็ได้”พราวมุกเบี่ยงหน้าหลบทันทีที่เห็นแฟรงค์โน้มหน้าลงมา เธอพยายามยกเท้าขึ้นเตะไปมาแต่กลับถูกเขาใช้ร่างตัวเองกดทับเธอไว้ ยิ่งดิ้นรนร่างกายก็ยิ่งแนบชิด เสียงลมหายใจของเขาแรงขึ้น สีหน้าก็ตื่นเต้นจนแก่นกายแข็งขันดุนดันจนเขาปวดหนึบไปหมด เขาครางอย่างพอใจที่เห็นเหยื่อตัวน้อยแสดงการขัดขืนชัดเจนถึงเพียงนี้ พราวมุกเข้าใจในทันทีว่าการขัดขืนของเธอกระตุ้นความต้องการทางเพศของเขา แต่เธอฝืนทำอยู่นิ่งไม่ได้ สีหน้าหื่นกระหายมันน่ารังเกียจ เธอขยะแขยงจนต้องพยายามบิดตัวหนี“ที่รัก! บอกแล้วคุณต้องชอบมัน”“แฟรงค์! ปล่อย!”เธอตวาดเขาเสียงสั่นแล้วถ่มน้ำลายใส่หน้าเขา แฟรงค์ผงะไปทันที ปล่อยมือจาก
“อ้าว…แม่ก็นึกว่าลูกกับหนูพลอยดาว...” “ไม่ใช่ครับแม่ คิมกับน้องพลอยเป็นแค่พี่น้องกันครับ ไม่ได้คิดอย่างอื่นกันเลย แล้วตอนนี้น้องพลอยก็มีคนรักแล้วด้วย “แม่ก็นึกว่า...” แม่ยิ้มแหย คุณกานดาก็เห็นลูกชายเที่ยวรับส่งดูแลพลอยดาวมาตลอด หญิงสาวเองก็นิสัยดี น่ารัก ถ้าได้เป็นลูกสะใภ้ นางก็ไม่ขัดอะไร “เอ่อ...แม่ครับ แม่ว่า..ปกติผู้หญิงเขาจะชอบผู้ชายเหมือนพ่อใช่ไหม แบบมีพ่อเป็นต้นแบบอะไรอย่างนั้น” คุณกานดาฟังแล้วก็พยักหน้ารับ “ก็ทำนองนั้นแหละ” “แล้วถ้าผู้หญิงที่บอกว่าไม่ชอบผู้ชายเหมือนพ่อนี่...แม่คิดยังไงครับ” “แม่เคยเจอเคสเด็กผู้หญิงถูกพ่อทำร้ายร่างกายมาโรงพยาบาล ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่มีใครอยากได้แฟนแบบพ่อหรอก” คิมหันต์ขมวดคิ้วยุ่ง เป็นไปไม่ได้หรอก อาจารย์วิทยาไม่ใช่คนชอบใช้ความรุนแรงอยู่แล้ว เป็นคนใจเย็นและประนีประนอม ขนาดเจอนักศึกษาหัวเสียขึ้นเสียงใส่ อาจารย์ยังนิ่งเฉยไม่ตอบโต้ได้เลย “...หรือไม่ก็...” คุณกานดาพูดอย่างเพิ่งนึกออก “อาจจะเปรียบเปรยว่าทำตัวเหมือนพ่อ คอยคุมไปเสียทุกอย่างก็ได้”
“หา! นี่เราเห็นอะไรแบบนี้บ่อยๆเหรอ” “พี่คิม! มุกไม่ใช่คนชอบแอบดูคนอื่นนะ แค่สงสัยนิดๆหน่อยๆแต่ไม่มีหลักฐานเท่านั้นเอง” ได้ยินเธอเรียก ‘พี่คิม’ หัวใจก็ปลื้มปริ่มยินดี มันไม่เหมือนเวลาพลอยดาวเรียกเขาว่า ‘พี่’ เพราะนั้นคือความรู้สึกแบบพี่ชายน้องสาว แต่เมื่อได้ยินจากปากของพราวมุก เขารู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น ไม่ใช่ ‘นายนั้น นายนี่ หรืออาจารย์คิม’ เขาห็นใบหน้าเล็กๆ มีเหงื่อออกก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้“ให้พี่สตาร์ทรถให้ไหม” “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวพวกเขารู้” โชคยังเข้าข้างที่ไม่กี่นาทีต่อมารถคันนั้นสงบลง อวัชลงจากรถเสื้อผ้ายับยู่เล็กน้อย เขาถอยห่างออกมาและไม่กี่นาทีต่อมารถคันนั้นก็เคลื่อนออกไป พราวมุกสะดุ้งโหยงเมื่ออวัชกวาดตามองมาทางเธอ หญิงสาวรีบก้มหัวลงต่ำแต่กลายเป็นว่าเธอซุกเข้าไปในอกแกร่งของคิมหันต์กลิ่นหอมจากตัวเขาทำให้เธอดิ้นขลุกขลักแต่ชายหนุ่มกอดรัดแน่นขึ้น “ชู่ว์...อย่าเพิ่งขยับ ให้เขาไปก่อน” คราวนี้พราวมุกจึงหยุดดิ้นแทบกลั้นหายใจเมื่อตกอยู่ในวงแขนที่โอบกอด อากาศน้อยเกินไปหรือเธอกำลังเ
พราวมุกสะบัดหน้าไปมา บอกตัวเองให้ทุ่มเทกับงานและลืมผู้ชายที่คิมหันต์นั้นเสียที ทว่าอีกด้านหนึ่งที่พราวมุกไม่รู้ ฝ่ายอาจารย์หนุ่มก็หน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา แต่ทุกคนเข้าใจไปว่าเขาเครียดกับเรื่องวิทยานิพนธ์ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพราวมุกทำเหมือนไม่อยากติดต่อพูดคุย ทั้งที่เขาอยากเดินหน้า ‘จีบ’ อย่างเป็นทางการ แต่เธอกลับหลบหน้าเขาเสียอย่างนั้น มันเกิดอะไรขึ้น(วะ)เนี้ย! เขายกมือขึ้นนวดขมับเป็นจังหวะเดียวกับโทรศัพท์มือถือดังขึ้น รีบร้อนรับสายโดยไม่ดูว่าใครโทรเข้ามา เพราะใจหวังให้เป็นเสียงหวานใจ แต่กลายเป็นว่า “อาจารย์พี่คิม...” “ครับ” คิมหันต์ตอบรับแล้วยกมือถือดูหน้าจอแล้วค่อยพูดต่อ “อ้อ..นายนนท์มีอะไรเหรอ” “พอดีมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือ รูปที่ขายได้ในงานนิทรรศการต้องเอาไปส่งที่บริษัท...แต่รถของพวกเราขนไปไม่หมด เลยอยากจะรบกวนอาจารย์คิม...” เพียงแค่ได้ยินชื่อบริษัทนั้น เขาก็ดีดตัวนั่งหลังตรงทันที เพราะมันคือบริษัทที่พราวมุกทำงานอยู่ “ได้ครับ เดี๋ยวพี่เอาไปส่งเอง” “ต้องรบกว
“ฮาโหล” “น้องมุก” “อืมมมม” “พี่อยู่หน้าคอนโดแล้วนะ นี่...เปิดกล้องคุยกันหน่อย ไม่สบายมากไหม” ครู่ต่อมาคิมหันต์ก็ได้เห็นพราวมุกที่นอนตะแคงกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ตัวนั้น ท่าทางดูไม่ดีเอาเสียเลย “กินยาหรือยัง ไม่สิ กินข้าวหรือยัง” “มุกไม่มีแรง” เธอพึมพำออกมาแทบฟังไม่เป็นคำพูด รู้สึกหนักศีรษะมาก “โอเค. เดี๋ยวพี่ขึ้นไปหา พี่ไปซื้อยากับของกินให้เราก่อน” พราวมุกได้แต่รับคำแล้วหลับต่อ คิดว่าตัวเองฝันไปด้วยซ้ำจนกระทั่ง ได้ยินเสียงเรียกเพรากับเคาะประตูห้องจนเธอสะดุ้งแล้วเดินไปเปิดประตูให้ ยังไม่ทันเอ่ยถามอะไร ฝ่ามือของเขาที่อังที่หน้าผากของเธอ “ตัวไม่ร้อน แต่วัดไข้เผื่อความแน่ใจก่อนแล้วกัน” “นาย...” คราวนี้พราวมุกตื่นเต็มตา เบี่ยงตัวให้เขาเข้ามาในห้อง เธอยืนงงๆ ว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอไม่สบาย “พี่ซื้อโจ๊กมากินสักหน่อยแล้วค่อยกินยา จะตรวจATKไหม” “มุกตรวจแล้วขึ้นขีดเดียว” เธอเดินลากเท้ามานั่งที่เก้าอี้ในห้องครัวขนาดเล็ก แต่สายตาก็ถู
“อ่อ...ไม่...” “ไม่ต้องเขินน่า คนกันเองทั้งนั้น ใครก็รู้ว่าอาจารย์คิมจีบน้องพลอยดาวอยู่” “ไม่ใช่ครับ!” “อายุไม่น้อยแล้ว คบกันก็ไม่แปลกนี่ จริงสิงานเปิดนิทรรศการ อาจารย์คิมแวะไปรับสองพ่อลูกมางานพร้อมกันได้ไหม ปกติอาจารย์วิทยาไม่ค่อยชอบขับรถ” พราวมุกได้ยินชัดเจน ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องทำนองนี้ รู้สึกเจ็บแปลบที่อกจนต้องยกมือขึ้นกดตรงที่เจ็บ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เธอยังเด็กแล้ว แม้เธอกับพลอยดาวเป็นฝาแฝด หน้าตาและรูปร่างเหมือนกันมาก เคยสลับเปลี่ยนตัวกันและไม่ถูกจับได้ แต่ลึกๆ เธอรู้ดีว่าความชอบรวมทั้งการใช้ชีวิตของเธอไม่เหมือนพลอยดาว เวลาที่อยู่ด้วยกันสามคนพ่อลูก เธอรู้สึกเหมือนคุยกับพ่อไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ มีแต่พลอยดาวเท่านั้นที่เข้าสิ่งที่พ่อทำ บางที นี่อาจเป็นเหตุผลที่แม่หย่ากับพ่อ และเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เธอไม่อยากอยู่บ้านเดียวกับพ่อ เธอค่อยๆ ขยับเท้าและก้าวออกมาอย่างเงียบเฉียบ ราวกับไม่เคยยืนอยู่ตรงนั้น เธอเดินกลับมาที่ลานจอดรถ คล้ายลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ตัดสินใจเข้าไปนั่งในรถ ไม่คิดจะโทษเขาในความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น
เอกสารของวันนี้เรียบร้อยหมดแล้ว พราวมุกทบทวนตารางงานของวันพรุ่งนี้แล้วเก็บของใช้ใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับ ใกล้งานนิทรรศการแล้ว เธอรับปากคนอื่นๆ จะไปช่วยดูความเรียบร้อย เลิกงานแล้วก็ต้องแวะไปดูสถานที่จัดงาน เธอเป็นคนทีทำอะไรแล้วต้องทำให้สุด ทั้งงานประจำก็ไม่ให้บกพร่อง “คุณมุกครับ” “คะบอส” พราวมุกวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะทันที “คือ...เอ่อ...” เขาอึกอักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อันที่จริงเขาไม่แน่ใจว่าพราวมุกรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับพลอยดาวหรือไม่ ตั้งแต่ตกลงคบกัน เขาไม่เห็นพราวมุกจะมีท่าทีเปลี่ยนไปเลยสักนิด เธอไม่เคยใช้สิทธิพิเศษหรือร้องขออะไรเป็นกรณีพิเศษเพียงเพราะเธอคือน้องสาวของผู้หญิงที่เขาคบหาดูใจ “มีอะไรหรือคะบอส” เห็นท่าทีอึกอักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอก็ต้องสูดลมหายใจลึก หวังว่าจะไม่ให้เธอทำงานล่วงเวลานะ ‘เร็วๆนะบอส มุกมีนัด’ “เอ่อ คุณมุกเคยไปงานฟังบทกวีอะไรพวกนี้ไหมครับ” “เอ๋?” หญิงสาวทำตาโต “คือ...ธีมงานเป็นยังไงเหรอครับ ต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษไหม” “อ้อ”