“บ้าไปแล้ว?”ฉินอวิ๋นฟานแสยะยิ้ม “เหอะ ต้าเฉียนเรามีคำสั่งตั้งเท่าใดที่ถูกคนเบื้องล่างตีความผิดโดยมีจุดประสงค์ร้าย เลี่ยงงานหนักทำงานสบาย? ข้าแค่ขอให้ปฏิรูปการเกษตรอย่างเคร่งครัดเท่านั้น พี่รองต้องร้อนใจเช่นนี้เลย? ท่านกำลังกลัวอะไร?”ถูกฉินอวิ๋นฟานไต่ถาม สีหน้าฉินอวิ๋นฮุยเปลี่ยนเป็นอีหลักอีเหลื่อ ด่าทอสาปแช่งฉินอวิ๋นฟานในใจหลายร้อยรอบแล้ว เจ้าบัดซบนี่เห็นว่ามีเหตุผลก็จะเอาคนให้ตาย ไม่ให้ทางลงเลย!กับฉินอวิ๋นฟานที่บีบคั้นอย่างต่อเนื่อง ฉินอวิ๋นฮุยสะกดไฟโกรธและพูดว่า “น้องเจ็ด เจ้าจะมีมนุษยสัมพันธ์หน่อยได้หรือไม่? ขืนเถรตรงไม่อ่อนข้อเช่นนี้ ต่อไปเจ้ายากจะยืนอยู่ในราชสำนักต้าเฉียน หลาย ๆ ครั้งมิใช่ดำก็คือขาว!”“อ้อ? พี่รองกำลังสอนหลักการเชื่อมสัมพันธ์ข้าสินะ? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็อยากฟังสักหน่อยว่ามนุษยสัมพันธ์ของท่านมันคือเป็นอย่างไรกันแน่!”ฉินอวิ๋นฟานคือทหารหน่วยรบพิเศษที่มาจากยุคปัจจุบัน นิสัยแข็งกร้าวมาตลอด ใช่ว่าเขาไม่มีมนุษยสัมพันธ์ หากเขาจงเกลียดจงชังมนุษยสัมพันธ์ที่เสียสละคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเช่นนี้มากหลาย ๆ ครั้งสิ่งที่เรียกว่ามนุษยสัมพันธ์ก็เป็นแค่กฎระเบียบ ก
ฉินอวิ๋นฮุยพูดด้วยสีหน้ากระหยิ่มใจ “น้องเจ็ด นี่มิใช่เรื่องที่กลัวหรือไม่กลัว แต่ท่าทางของเจ้าที่มีต่องานนี้ต่างหากที่เป็นปัญหา!”“เหอะ ข้านับว่าเข้าใจแล้ว พวกท่านก็แค่พวกคนเห็นแก่ตัวชั้นยอด ที่มีท่าทีเช่นนี้ก็แค่เพราะเข้าหาผลประโยชน์หลีกเลี่ยงส่วนเสียเท่านั้น!”ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าพูดด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง “แต่... ลูกคิดสมปรารถนาของพวกท่านในวันนี้ผิดแล้ว!”“การปฏิรูปการเกษตรมิอาจล่าช้า ถ้าไม่มีคนที่มีความสามารถในการทำงานสูงคอยควบคุมและเสริมด้วยกฎหมายเข้มงวด เกรงว่าเรื่องนี้คงต้องเจ๊งตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม! ทันทีที่การดำเนินงานเกิดข้อผิดพลาด จะต้องสะเทือนไปทั้งราชสำนักต้าเฉียน!”“เจ้าพวกคนที่ใช้อุบายจิตใจไม่ซื่อตรง ต่อไปก็เจียมเนื้อเจียมตัวหน่อย ผลลัพธ์ของเรื่องบางเรื่องมิใช่สิ่งที่พวกท่านจะรับไหว!”กับฉินอวิ๋นฟานที่แข็งกร้าวไม่เป็นรองใคร ทุกคนต่างมองหน้ากัน สายตาจดต่ออยู่ที่ตัวของฉินอวิ๋นฮุยทั้งหมด อย่างไรเสีย เขาก็คือคู่แข่งตัวฉกาจของฉินอวิ๋นฟาน“เหอะ! ใครขู่ไม่เป็นบ้าง?!”ฉินอวิ๋นฮุยแสยะยิ้มแล้วพูด “ทุกคนต่างก็ทำเพื่อชิงบัลลังก์ในตอนท้ายเท่านั้น เจ้าคิดว่าตัวเองสูงส่งนักหรือ? เจ้
“อย่าพูดไป ข้าฉินอวิ๋นฟานสามารถทำได้ใสสะอาดเหมือนน้ำ ชัดเจนเหมือนกระจกจริง ๆ นั่นแหละ! แต่จากปฏิกิริยาของพี่รอง ดูเหมือนว่าท่านจะไม่มั่นใจเอาเสียเลยนะ?”ฉินอวิ๋นฟานพูดหน้ามั่น“หึ! น้องเจ็ด เจ้าอย่ามายั่วยุข้าหน่อยเลย ข้าไม่หลงกลหรอก! แค่ข้อเรียกร้องพวกนั้นของเจ้าก็ไม่มีใครทำได้แล้ว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ตกหลุมพรางของฉินอวิ๋นฟาน เจ้าหมอนี่แผนร้ายเยอะนัก หากไม่ระวังจะหลงกลได้ ถูกเขาคว้าตำแหน่งสำคัญไปได้สองตำแหน่งติดต่อกัน ช่างร้ายนัก!“ไม่ ข้าคิดว่ารัชทายาทกล่าวมีเหตุผล หากลิ่งหูเสี่ยวสามารถทำได้ใสสะอาดเหมือนน้ำ ชัดเจนเหมือนกระจกจริง เช่นนั้นจะเป็นวาสนาของต้าเฉียน”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกับฉินอวิ๋นฮุยกำลังกัดกันไม่หยุด น้ำเสียงทุ้มหนักดังขึ้นฉับพลัน ครั้นหันไปมอง เห็นเพียงถังเจิ้นไห่มองฉินอวิ๋นฟานด้วยสายตามาดร้าย เต็มไปด้วยกลิ่นอายของการท้าทาย“หือ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านสนับสนุนน้องเจ็ดรึ?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้ว มองไปทางถังเจิ้นไห่ด้วยความฉงน ตามที่เขารู้จักถังเจิ้นไห่ ต่อให้เขายกเลิกความร่วมมือกับถังเจิ้นไห่ด้วยผลประโยชน์ ถังเจิ้นไห่จะไม่สนับสนุนฉินอวิ๋นฟานจึงจะถูก“รัชทายาทมั่นใจเช่นนี้
ยามนี้เขากังวลมากว่าฟานเอ๋อร์จะดูจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของพวกเขาออกหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีแผนลับลมคมในอยู่เบื้องหลัง เรียกได้ว่าต้องป้องกันเอาไว้ก่อน หากพลั้งเผลอไปเพียงนิดเดียวจะตกหลุมพรางเขาได้ พวกเขาแทบอยากให้ฟานเอ๋อร์ลงนามในสัญญาร่วมเป็นตายนี้ให้เร็วที่สุด!“ฟานเอ๋อร์ เจ้าต้องคิดให้ดีนะ นี่คือท้องพระโรง เมื่อลงนามในสัญญาร่วมเป็นตายจะมิอาจหวนกลับ ข้าขอแนะนำให้เจ้าตรึกตรองให้ดีก่อนจะทำ”ไท่ซั่งหวงขมวดคิ้วเตือน “แม้เจ้าจะมีจิตใจเปี่ยมด้วยอุดมการณ์ดวงหนึ่ง หากบ้านเมืองซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิดมากนัก จะเสี่ยงเพียงเพราะอยากสร้างผลงานไม่ได้ ยิ่งมิอาจสรุปเรื่องที่ยังไม่รู้ง่าย ๆ!”“เสด็จปู่ หม่อมฉันทำงานเช่นนี้เสมอมา ไม่เคยนึกเสียใจกับเรื่องที่ตัดสินใจไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฉินอวิ๋นฟานกล่าวด้วยท่าทางที่ทำให้คนตะลึง “อีกอย่าง เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงส่วนรวม ยิ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ราชวงศ์ต้าเฉียนเรารุ่งโรจน์ หม่อมฉันต้องทุ่มสุดกำลังแน่นอน แล้วจะกลัวอัดใดกับสัญญาร่วมเป็นตายขี้ปะติ๋วนี้?”ซี้ด...ทุกคนต่างสูดปากเมื่อได้ยิน พวกเขาเลื่อมใสความกล้าและความมั่นใจของฉินอวิ๋นฟานนัก นี่คือความเด็ดเดี่ยวใน
“เชิญพวกเราไปสนุกที่หอวั่งเจียง? ท่านไม่ได้เข้าใจผิดกระมัง?”ฉินอวิ๋นฮุยพูดหน้าตาแตกตื่น “น้องเจ็ด เจ้าไม่มีสมองผลักตัวเองเข้ากองไฟ ไม่ควรภาวนาให้ตัวเองมีบุญมาก ๆ หรือ? ไม่นึกว่าในสถานการณ์เช่นนี้ยังจะเชิญพวกเราไปสนุกอย่างไม่รู้สึกรู้สาเช่นนี้อีก?”“เฮ้อ! สวัสดิการเช่นนี้ พวกเราละอายใจจะรับโดยแท้ น้องเจ็ดโปรดรับการคารวะจากข้าด้วย!”ฉินอวิ๋นฮุยค้อมตัวลงต่ำกับฉินอวิ๋นฟาน คำนับแรง ๆ ทีหนึ่ง เมื่อลงนามในสัญญาร่วมเป็นตาย ขาข้างหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานได้ก้าวเข้าประตูผีไปแล้ว ตอนนี้กลับยังมีใจเชิญทุกคนไปสำเริงสำราญ? ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่สิน่า!“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”ถ้อยคำหยามเหยียดของฉินอวิ๋นฮุยทำให้ท้องพระโรงเกิดเสียงหัวเราะขบขันขึ้นมาทันที กับฉินอวิ๋นฟานที่รนหาที่ตาย ทุกคนย่อมอยากเห็นท่าทางขายหน้าของเขาถังเจิ้นไห่มองฉินอวิ๋นฟานอย่างเย็นชา มุมปากแสยะยิ้มเล็กน้อย เขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าฉินอวิ๋นฟานเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกลับกล้าลงนามในสัญญาร่วมเป็นตายยามนี้ไท่ซั่งหวงพะวงนัก เขาพอเดาได้ว่าฉินอวิ๋นฟานต้องมีแผนรับมือแน่ แต่ในสถานการณ์จนมุมเช่นนี้ เกรงว่าจะเปลี่ยนแปลงยาก!เห็นเพียงจางเต้
แต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง นี่ยังไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของฉินอวิ๋นฟาน พริบตาเดียวกรงเล็บของเขาก็คว้าตำแหน่งเจ้ากรมโยธามาอีกแล้ว ที่น่าแค้นไปกว่านั้นคือ บรรดาขุนนางใหญ่ในนี้ยังถูกอีกฝ่ายหลอกใช้ด้วย ช่วยให้ฉินอวิ๋นฟานบรรลุเป้าหมายที่สามอย่างราบรื่น!การต่อสู้ในราชสำนัก ฉินอวิ๋นฟานต่อสู้กับคนหมู่มากตามลำพัง ควบคุมทุกคนอยู่ในกำมือ สิ่งที่ได้รับเรียกว่าเป็นกอบเป็นกำ และทุกคนเดินไปตามครรลองที่ฉินอวิ๋นฟานกำหนดเอาไว้แต่แรก กลับไม่รู้เลยว่าตัวเองคือหนึ่งในนั้น นี่ทำให้เขาทั้งร้อนรน ทั้งแค้น ทั้งกระอักกระอ่วนเจ้ากรมโยธาคือขุนนางใหญ่อันดับหนึ่งของต้าเฉียน พริบตาเดียวฉินอวิ๋นฟานก็กวาดตำแหน่งสำคัญไปสามตำแหน่ง นี่น่าจะพอใจได้แล้วกระมัง? แผนที่เขาวางไว้กำลังจะเริ่มดำเนินงาน ณ บัดนี้ เรียกได้ว่าสมบูรณ์ครบถ้วนแต่ให้เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง เจ้าบัดซบฉินอวิ๋นฟานจะโหดเพียงนี้! ทูลขอคำสั่งจากเสด็จปู่ให้ตั้งหน่วยประจิม แล้วยังจะให้ยอดฝีมือของหน่วยบูรพาเข้าร่วมอีก นี่ใครจะไปรับได้?!หน่วยบูรพาคือไพ่ตายลึกลับของราชวงศ์ ลึกลับและน่าสะพรึงกลัว มีสิทธิ์ประหารซึ่งเป็นอำนาจสูงสุด แม้ไม่ร่วมการเมืองในราชส
หลังจากไท่ซั่งหวงกำหนดโยกย้ายขั้นพื้นฐานกับเรื่องนี้แล้วก็ออกไปทันทีแม้เขาจะผ่านลมคาวฝนเลือดพายุโหมกระหน่ำหลายสิบปี ยังศิโรราบต่อเชาวน์ปัญญาและฝีมืออันน่ากลัวของฉินอวิ๋นฟาน เรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้ อยู่เหนือการควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง กระทั่งว่าเขายังต้องเดินตามแนวคิดของฉินอวิ๋นฟานอยู่ข้างหลังที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ ฉินอวิ๋นฟานใช้แผนการโจ่งแจ้งทั้งหมด ทั้งยังไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นปฏิเสธอีกด้วย ทุกอย่างอยู่ในมุมผลประโยชน์ของบ้านเมือง อุทิศอย่างไร้ผลประโยชน์ส่วนตัว มีจิตใจหาญกล้าปณิธานแน่วแน่เมื่อเรื่องราวยุติลง ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นพลางมองฉินอวิ๋นฟาน อารมณ์ซับซ้อนยิ่งนัก เขาอยากค้านมาก แต่พอคำพูดมาถึงริมฝีปากเป็นต้องกลืนกลับไปทันใดนั้นฉินอวิ๋นฟานเอ่ยปาก “พี่รอง ถ้าท่านไม่พอใจก็เลือกก่อกบฏได้นะ เพราะนี่คือทางลัดทางหนึ่ง!”ซี้ด...ก่อกบฏ?นี่คือเรื่องต้องห้ามของราชวงศ์?!อีกอย่าง คำพูดนี้ยิ่งเป็นศัพท์ต้องห้าม เพราะมันเชื่อมโยงกับประสาทส่วนอ่อนไหวของทุกคน ทำให้ขุนนางในที่นั้นตกตะลึงพรึงเพริดไปกันหมด นี่ฉินอวิ๋นฟานบ้าไปแล้วรึ?! ถึงกลับกล้าท้าทายองค์ชายรองต่อหน้าเช่นนี้?!“กะ กบ
ไท่ซั่งหวงมองไปทางเฉาเจิ้งฉุนด้วยความประหลาดใจมากขึ้น เฉาเจิ้งฉุนคือขันทีที่เขาเชื่อใจมากที่สุด คือผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลมอย่างยิ่ง คือคนที่สังเกตและให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด เกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลของฉินอวิ๋นฟาน เฉาเจิ้งฉุนมีสิทธิ์วิจารณ์มากที่สุด“แน่นอน รัชทายาทวางแผนกับพระองค์ที่กระหม่อมกล่าวถึงมิได้มีความหมายไม่ดีอันใด”เฉาเจิ้งฉุนหัวเราะราบเรียบก่อนจะเอ่ย “ไท่ซั่งหวง ทรงจำเรื่องที่รัชทายาทถูกลอบสังหารในตอนนั้นได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“หือ? เรื่องนี้ข้าต้องจำได้อยู่แล้ว ตระกูลเหอชดใช้สิ่งที่ก่ออย่างใหญ่หลวง และถือเป็นการอธิบายกับฟานเอ๋อร์อย่างหนึ่ง”ไท่ซั่งหวงพยักหน้าพูด “เพื่อป้องกันไม่ให้ฟานเอ๋อร์หยิ่งผยองเกินไป ใช้ข้าเป็นโล่กำบังอยู่ข้างหลัง ข้าจึงไม่ได้สืบสาวเอาความเรื่องนี้อีก ถือเป็นวิธีการคานอำนาจทั้งสองฝ่ายกระมัง?!”“ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ที่กระหม่อมอยากพูดคืออีกเรื่องหนึ่งต่างหาก นั่นคือเรื่องที่รัชทายาทให้เฉินม่อสหายร่วมเรียนคนสนิทเข้าหน่วยบูรพา พระองค์น่าจะยังพอจำได้กระมังพ่ะย่ะค่ะ?”เฉาเจิ้งฉุนเอ่ย“อ้อ? เรื่องนี้? พอจำได้ แต่ข้าไม่ได้ใส่ใจนัก”จู่ ๆ เฉาเจิ้ง
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ