เมื่อหลิวอี้ซือกล่าวจบ ทั้งท้องพระโรงพลันฮือฮาดังระงม!“อะไรนะ?! หลัวเทียนเป้าถึงกับใช้ขั้วอิทธิพลยุทธภพลอบสังหารฉินอวิ๋นฟาน?!”“สวรรค์! หลัวเทียนเป้าจะกล้าเกินไปแล้ว! นี่ นี่คือเรื่องต้องห้ามของทุกราชวงศ์ การต่อสู้ระหว่างแว่นแคว้น ทันทีที่ใช้ขั้วอิทธิพลยุทธภพจะเท่ากับท้าทายขีดจำกัดของราชวงศ์ใหญ่ทั้งหลาย นี่มิเท่ากันผลักต้าเยียนลงหลุมหรือ?!”“มิน่าฉินอวิ๋นฟานถึงได้จับมือกับทุกแคว้นแล้วคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกีดกันต้าเยียน เห็นชัดว่าพฤติกรรมของหลัวเทียนเป้าทำให้ทุกแคว้นไม่พอใจ”......เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในราชสำนักทำให้ใบหน้าหลัวอิงสงเปลี่ยนเป็นสีตับหมูฉับพลัน เรื่องนี้แม้แต่เขาเองก็เพิ่งจะรู้เอาตอนท้าย แต่ตอนที่เขารู้ ทุกอย่างก็สายไปแล้วเห็นหลัวอิงสงน้ำท่วมปาก หลิวอี้ซือได้ใจมาก เขากล่าวต่อ “เพราะความดื้อรั้นทระนงตนของบุตรชายคนที่สี่ของตระกูลหลัวหลัวเทียนเป้า สุดท้ายทำให้ต้าเยียนเราต้องสูญเสียอย่างหนัก แม่ทัพผู้เฒ่าหลัว ข้าใส่ความท่านหรือไม่?”กับการบีบคั้นทุกฝีก้าวของหลิวอี้ซือ หลัวอิงสงพูดแย้งไม่ออกสักคำ ใช่ว่าเขาไม่อยากแย้ง แต่เขาจะแย้งตอนนี้ไม่ได้แม้ตระกูลกลัวจะได้รับความไว้วา
ในตอนที่พวกเขาเดินทางไปโน้มน้าวแคว้นต่าง ๆ หากสถานการณ์ไม่สู้ดี เป็นไปได้มากว่าฝ่าบาทอาจเปิดสงครามกับต้าเฉียนในตอนที่ฉินอวิ๋นฟานมาต้าเยียน และใช้สิ่งนี้ในการขย่มขวัญแคว้นต่าง ๆ......เวลานี้ฉินอวิ๋นฟานกำลังอยู่ระหว่างทางกลับเมืองหลวง และแผนการชั่วร้ายที่จะเล่นงานเขากำลังก่อตัว!“ทูลไท่ซั่งหวง พรุ่งนี้รัชทายาทก็จะเดินทางกลับถึงเมืองหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ...”ในตำหนักเหยียนเหนียน ไท่ซั่งหวงนอนอยู่บนเก้าอี้อย่างพึงพอใจอารมณ์ดี ดื่มด่ำกับแสงตะวันอย่างผ่อนคลาย ในตอนนี้เอง เฉาเจิ้งฉุนมาถึงข้างตัวเขาและพูดเตือนอย่างระวัง“ฟานเอ๋อร์ทำดีมาก สามารถควบคุมเมืองอู่โจวได้ในเวลาหนึ่งเดือน และทำคำสัญญาของเขาในตอนนั้นให้เป็นจริงได้ ช่างน่ายินดียิ่งนัก!”ไท่ซั่งหวงไม่ปกปิดความยินดีบนใบหน้าของเขาสักนิด นับจากสถาปนาแคว้นต้าเฉียน แม้จักรพรรดิทุกองค์ต่างมีวิธีการที่แตกต่างกันไป แต่ยอดฝีมือในการใช้อำนาจและความสามารถในการปกครองบ้านเมือง กลับไม่เป็นดังปรารถนาการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของฉินอวิ๋นฟานและการแสดงสติปัญญาและวิธีการเหนือคนของเขาทำให้ไท่ซั่งหวงปลาบปลื้มไม่หยุด กระทั่งทำให้เขาเห็นความหวังอีกอย่างหนึ่
“ความหมายของไท่ซั่งหวงคือให้กระหม่อมปกป้องผู้ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”หลงอู่ตระกูลหลงถือว่าเป็นตระกูลลึกลับที่สุดของต้าเฉียน มีทั้งหมดห้าพี่น้อง แต่ละคนมีความสามารถไม่ธรรมดา น่ากลัวอย่างยิ่ง ซ่อนเร้นอยู่ในความมืดทุกยุคทุกสมัย คุ้มครองความปลอดภัยของจักรพรรดิต้าเฉียนตลอดเวลา ดังนั้นจึงขนานนามว่าตระกูลพิทักษ์มังกรแม้จะเป็นหัวหน้าหน่วยบูรพาที่น่ากลัวอย่างยิ่งยวดอย่างเฉาเจิ้งฉุนก็ยังรู้เรื่องตระกูลพิทักษ์มังกรน้อยมาก นักฆ่าเหนือระดับที่ซ่อนเร้นอยู่ในความมืดเช่นนี้ ปกติแล้วจะไม่ลงมือ ลงมือคือต้องตาย!ดังนั้น แม้เฉาเจิ้งฉุนจะกุมกองกำลังแข็งแกร่งและลึกลับที่สุด แต่เขายังคงจงรักภักดีต่อราชวงศ์ ไม่กล้ามีพฤติกรรมละเมิดแม้แต่น้อย ยิ่งไม่กล้าสนับสนุนองค์ชายองค์ใด และนี่ก็คือความน่าสะพรึงกลัวของตระกูลพิทักษ์มังกร“ต้าเฉียนฝูงมังกรไร้เศียร การแย่งชิงบัลลังก์ดุเดือด สถานการณ์ราชสำนักมีความเสี่ยงที่จะเสียการควบคุมได้ตลอดเวลา การแสดงออกของฟานเอ๋อร์ระยะนี้สะดุดตายิ่งนัก จะถูกเล่นงานได้ง่าย ดังนั้นข้าจึงอยากให้เจ้าแอบคุ้มครองเขาลับ ๆ รับรองว่าเขาจะไม่ตายก็พอ”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนักตระกูลพิทักษ์มังกรคือไ
ถูกคนลอบโจมตีจากด้านหลัง มู่หรงจิ่นตกตะลึงพรึงเพริด โยนน้ำแกงเห็ดหูหนูขาวเม็ดบัวข้นในมือออกไปแบบไม่รู้ตัว ก่อนจะกระวีกระวาดผลักมือใหญ่ของฉินอวิ๋นฟานออกแล้วรีบหนีเหมือนกระต่ายที่แตกตื่นแต่ขณะที่นางกำลังหมุนตัวเงยหน้าขึ้น เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยปรากฏตัวอยู่ตรงหน้านาง จู่ ๆ ชายในดวงใจก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า มู่หรงจิ่นสมองขาวโพลนเดี๋ยวนั้น ทั้งคนยืนโง่งมอยู่กับที่“จิ่นเอ๋อร์ ไม่เจอกันหนึ่งเดือน เจ้าคิดถึงข้าหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มแป้น ดวงตาซุกซนกวาดมองบนตัวมู่หรงจิ่นไปมา ดวงหน้าใสซื่อบริสุทธิ์พิไลลักษณ์แห่งยุคนั้น สรีระนูนเว้างดงามสมบูรณ์แบบ กอปรกับสัมผัสมือยืดหยุ่นเมื่อครู่ ทำให้ความดันเลือดของฉินอวิ๋นฟานพุ่งปรี๊ด เกิดอารมณ์วาบหวาม“พี่อวิ๋นฟาน ใน ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว?”เมื่อนั้นมู่หรงจิ่นจึงคืนสติจากความตกตะลึง ดวงตาชื้นแฉะ กระโจนตัวเข้าสู่อ้อมอกของฉินอวิ๋นฟานทันที ความคิดถึงมากล้นเหนือวาจา การกระทำของนางบ่งบอกทุกสิ่ง“แหะ ๆ คิดถึงข้าหรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานกอดมู่หรงจิ่นพลางพ่นลมร้อนข้างใบหูของนาง แม้การกระทำของมู่หรงจิ่นจะบอกคำตอบเขาแล้ว แต่ฉินอวิ๋นฟานก็ยังถามต่อ
เห็นท่าทางทั้งอายทั้งตื่นตระหนกของมู่หรงจิ่น ฉินอวิ๋นฟานชักจะทำไม่ลง จึงหันเหไปว่า “จริงสิ เซียงหลิงล่ะ? ทำไมไม่เห็นนางเลย? พวกเจ้าสามพี่น้องพร้อมกันก็ได้นี่!”“น้องเซียงหลิงน่ะ นางไม่ค่อยสนใจกิจการเครือเหิงไท่สักเท่าไร ดังนั้นจึงทุ่มเทกับสำนักศึกษาประชาชนที่ท่านสนับสนุนเมื่อก่อนหน้านี้ พาราชบัณฑิตจำนวนหนึ่งในสำนักศึกษาหลวงและผู้มีความรู้ด้านวรรณกรรมอีกจำนวนหนึ่งสอนหนังสือให้กับเด็กยากไร้แบบไม่มีค่าใช้จ่าย”มู่หรงจิ่นเคารพการตัดสินใจนี้ของหลู่เซียงหลิงมาก ขอเพียงนางชอบ มู่หรงจิ่นก็จะสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง พี่อวิ๋นฟานพยายามอยู่ข้างนอกก็ไม่ง่ายแล้ว พวกนางพี่น้องจะบาดหมางกันไม่ได้เด็ดขาด ตำหนักหลังปรองดองสมานฉันท์ พี่อวิ๋นฟานจึงจะมีความสุข“อ้อ? เซียงหลิงมีจิตเมตตาอย่างนี้เชียว? ทำดีมาก!”ฉินอวิ๋นฟานพยักหน้าอย่างชื่นชม “การศึกษามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อบ้านเมือง เด็ก ๆ เหล่านี้อาจเป็นความหวังในอนาคตของต้าเฉียน นี่ก็คือสาเหตุสำคัญที่ข้าสนับสนุนอย่างหนักให้เด็กยากไร้พวกนี้รู้หนังสือ มีความรู้”“แต่น่าเสียดาย กำลังของข้าในตอนนี้มีจำกัด คนที่ใช้ได้ก็มีน้อยเหลือเกิน ได้แต่ทุ่มเงินให้มากห
“รัชทายาท ท่านกลับมาแล้วจริง ๆ!”ชายหน้าตาหมดจดคนหนึ่งกำลังเดินวนเวียนอยู่หน้าตำหนักรัชทายาท บนใบหน้าคือความร้อนรน ทันทีที่เห็นฉินอวิ๋นฟานก็รีบคุกเข่าลงปานคว้าฟางเส้นสุดท้าย“ไม่ต้องพูดมาก เซียงหลิงเป็นอะไรไป เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? บอกมาเร็ว!”ยามนี้ฉินอวิ๋นฟานร้อนรนดั่งไฟ ตอนนี้เขาไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น อยากแต่รู้ความปลอดภัยของหลู่เซียงหลิงทันทีหลู่เซียงหลิงคือผู้หญิงคนที่สามของเขา และเป็นผู้หญิงที่สำคัญที่สุดในชีวิตเขาเช่นกัน หากเซียงหลิงเกิดเรื่องใต้พระบาทโอรสสวรรค์ เขาจะไม่อภัยให้ตัวเองเด็ดขาด“พี่เซียงหลิงถูกคนล้อมอยู่ในสำนักศึกษาหลวง เกรงว่าจะมีอันตรายถูกกักตัว รัชทายาท ท่านรีบไปช่วยนางเถอะ ขืนชักช้าเกรงจะไม่ทันแล้วขอรับ”ชายหน้าตาหมดจดตรงหน้ารีบพูด“หือ? บัดซบ! ขั้นนี้แล้วสำนักศึกษาหลวงยังกล้าลงมือกับเซียงหลิงอีก?!”ฉินอวิ๋นฟานหรี่ดวงตาทั้งสองข้าง แผ่กลิ่นอายสังหารน่ากลัวออกมาจากทั่วสรรพางค์กายทันทีหนึ่งเดือนก่อน เขาโกรธเกรี้ยวหวานหลุดเพราะเซียงหลิงประสบเคราะห์ร้าย กวาดล้างหกตระกูลในคราวเดียว เกิดเป็นคลื่นใหญ่ยักษ์ในเมืองหลวง ไม่นึกว่าสำนักศึกษาหลวงยังกล้าลงมือกับเ
“แล้วที่ลูกศิษย์ตายนี่มันยังไง?”ฉินอวิ๋นฟานข่มไฟโทสะอย่างหนัก ถามข้อสงสัยใหญ่ในใจของเขาต่อให้คนพวกนี้ไร้ยางอายสุดขั้วแค่ไหน ไม่มีขอบเขตแค่ไหน โกยเงินเข้ากระเป๋าอย่างเอาเป็นเอาตายแค่ไหน แต่อย่างมากก็แค่อยากได้ทรัพย์สิน ทำให้เด็กยากไร้พวกนี้ลำบาก ทนทุกข์มากหน่อย แต่สำนักศึกษาธรรมดา ๆ ต่อให้ลงโทษตามความเหมาะสม ต่อให้เจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ถึงขั้นทำให้คนตายได้นี่? “เฮ้อ! รัชทายาท ที่เรื่องนี้ดำเนินมาถึงขั้นนี้ ที่พวกพี่เซียงหลิงถูกล้อมโจมตีก็เพราะต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้เด็กที่ตายกับผู้ปกครองนั่นแหละ”อีกฝ่ายถอนหายใจหนัก ๆ สุดท้ายจึงบอกต้นตอของเรื่องเมื่อรู้ว่าเซียงหลิงเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเด็กที่ตายไปคนนั้น ฉินอวิ๋นฟานจึงตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่อง เรื่องนี้เกรงว่าจะซับซ้อนกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากในฐานะที่เป็นคนยุคปัจจุบันทะลุมิติมา ฉินอวิ๋นฟานใช้นิ้วเท้าคิดยังคิดได้ นี่น่าจะเป็นการขูดรีดข่มเหงรังแกที่ระดับสูงกระทำต่อระดับล่าง ถึงขั้นที่ไม่คำนึงถึงสิ่งใด มิเช่นนั้นคงไม่ทำให้พวกเซียงหลิงโกรธเกรี้ยวดังนั้นจึงเกิดเรื่องที่เซียงหลิงพาชายหนุ่มผู้มีอุดมการณ์มีจิตสำนึกจำนวน
“ได้!”อู่จ้านฟังมาตลอดทาง ไฟโกรธในใจเกินกว่าจะระงับได้นานแล้ว เขารู้นิสัยและวิธีการของฉินอวิ๋นฟานดี ฉินอวิ๋นฟานไม่มีทางอดกลั้นต่อเรื่องประเภทนี้ได้ หากไม่กวาดล้างให้สิ้นซาก คนพวกนี้จะยิ่งเหิมเกริม ยิ่งไม่เกรงกลัวแน่......“แม่งเอ๊ย! กล้ามาอาละวาดในสำนักศึกษาหลวงซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้รึ?!”“ซ้อมมัน ซ้อมมันให้ตายไปเลย!”หน้าสำนักศึกษาหลวง ชายที่ดูราวสี่สิบกว่าต้น ๆ กำลังแยกเขี้ยวยิงฟัน เดือดดาลถึงขีดสุด ชี้พวกหลู่เซียงหลิงแล้วโพล่งปากด่า กระทั่งจะเริ่มลงไม้ลงมือแล้ว“ท่าน ท่านกล้าหรือ?!”เห็นสถานการณ์หลุดจากการควบคุม หลู่เซียงหลิงพลันเปลี่ยนสีหน้า นางรีบตะคอกกลับไปว่า “ราชบัณฑิตหวังอันสือคืออาจารย์ระดับหนึ่งของสำนักศึกษาหลวง แม้แต่เขาท่านก็กล้าลงมือหรือ?”“ฮ่า ๆ ๆ อาจารย์ระดับหนึ่งแล้วยังไง? โธ่เอ๋ยข้ายังเป็นรองหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงแน่ะ! ซ้อมไอ้พวกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาแล้วจะทำไม?”จางหยิงชุนหัวเราะยกใหญ่ เขาพูดอย่างกำแหงที่สุด “เด็ก ๆ! ซ้อมหวังอันสือให้ตายไปเลย เกิดเรื่องข้ารับผิดชอบเอง!”“ท่านกล้ารึ! จางหยิงชุน ท่านอย่าทำเกินไปนักนะ แม้ท่านจะเป็นรองหัวหน้าสำนัก
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว