น่าเสียดาย ครั้งนี้เขาผิดไปแล้ว ความแน่วแน่ของเซี่ยงเส้าเหยียนอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาลิบลับ!“เจ้าคิดว่าเราจะเหมือนเจ้าที่ให้ประโยชน์ก็หันหัวหอกเข้าหาพวกกันเองหรือ? เป็นหญ้าบนกำแพง?”เซี่ยงเส้าเหยียนสองตาแดงก่ำ “เจ้าผิดแล้ว! วันนี้พวกเจ้าต้องตาย! ข้าพูดเอง ข้าเซี่ยงเส้าเหยียนขอสาบาน ไม่ตัดหัวพวกเจ้า ข้าจะไม่หันหลังกลับ!”“แม่งเอ๊ย เจ้านี่พูดอะไรก็ไม่ฟังเลยแฮะ!”จางหมาจื่อโกรธขึ้งแทบกระอักเลือด เวลานี้เขาไร้หนทางแล้ว ที่ทำได้หนึ่งเดียวในตอนนี้คือวิ่งหนีสุดชีวิต ไม่มีวิธีการอื่น!ส่วนลึกของป่าทึบ หลังจากดวงตาลึกลับทั้งสองเห็นฉินอวิ๋นฟานถูกซัดตกหน้าผาแล้วก็หายตัวไปจากท่ามกลางป่าทึบอย่างเงียบเชียบ“เจ้า เจ้าว่าอะไรนะ?! รัชทายาทถูกยอดฝีมือเขตปรมาจารย์ซัดตกหน้าผาไปแล้ว?!”หานซิ่นที่เก็บกวาดสถานที่รบพาทุกคนเร่งมาถึง ครั้นรู้ว่าฉินอวิ๋นฟานประสบเคราะห์ก็ทรุดตัวนั่งลงกับพื้น แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง“เป็น เป็นไปได้ยังไง? ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”หลิวเป้ยถลาคุกเข่าลงกับพื้น สั่นเทิ้มทั้งตัว เขาพูดพึมพำว่า “รัชทายาทคืออัจฉริยะที่หายากบนใบโลกนี้ ห่วงใยประชาราษฎร์ จะถูกคนลอบป
“ท่านกุนซือ ที่อาเจ็ดข้าพูดก็ใช่จะไม่มีเหตุผล พวกเรายังไม่เห็นร่างของรัชทายาท เทียบกับเสียใจอยู่ที่นี่ ทำไมไม่ไปค้นหาความจริงเล่า?”เซี่ยงเทียนเวิ่นรีบพูดราวกับคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย “อีกอย่าง รัชทายาทเป็นคนดีสวรรค์ย่อมคุ้มครอง ต่อให้พลัดตกหน้าผาก็ไม่แน่ว่าจะเสียชีวิต หากเกิดปาฏิหาริย์ล่ะ?”พอเซี่ยงเทียนเวิ่นดึงสติเช่นนี้ หลิวเป้ย หานซิ่นและคนอื่น ๆ ต่างตะลึงงัน ในใจบังเกิดความหวังเสี้ยวหนึ่ง นั่นสิ! รัชทายาทแค่พลัดตกหน้าผา ไม่ได้หมายความว่าต้องตายแน่นี่!องครักษ์อู่ก็ถูกซัดหนึ่งฝ่ามือเหมือนกัน ถึงจะบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ไม่ตายไม่ใช่หรือ?“เอาแผนที่มา!”หานซิ่นรีบให้คนหยิบภาพแผนที่ป่าที่วาดขึ้นมาแล้วเริ่มตรวจสอบอย่างละเอียด หนึ่งครู่ให้หลังจึงเอ่ยเสียงหนัก “นี่คือจุดผาขาด ในสถานการณ์ที่ถ้ามีต้นไม้ลำต้นเอนหรือว่าก้นหุบมีบึง ก็เป็นไปได้ว่ารัชทายาทอาจรอดชีวิต!”“เยี่ยมไปเลย ดีจริง ๆ หวังว่ารัชทายาทจะยังมีโอกาสรอด”หลิวเป้ยตื่นเต้นมาก เช่นเดียวกับที่หานซิ่นบอก รัชทายาทยังมีโอกาสรอดสูงมาก เขารีบพูด “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วยังจะรออะไรอีก? พวกเรารีบลงมือกันเถอะ!”“พวกเราต้องลงมือกันอ
เซี่ยงเส้าเหยียนโยนถุงเลือดโชกสองใบลงไปและกล่าวว่า “เจ้าเมืองเซียวนี่คือหัวของหลัวเทียนเป้าและจางหมาจื่อ ข้านำมาแล้ว เอาไว้ข้าพารัชทายาทกลับมาก็แขวนหัวของสองคนนี้ไว้บนกำแพงเมืองอู่โจวเถอะ!”“ดี!”พริบตาเดียวม่านรัตติกาลก็มาถึง หานซิ่นและคนอื่น ๆ รวดเร็วมาก เวลานี้พวกเราถึงจุดที่แผนที่ทำสัญลักษณ์แล้ว หานซิ่นเอ่ยเสียงหนัก “จุดไฟเถอะ เดินทางเต็มกำลัง!”......“ฮ่า ๆ ๆ ยอด ยอดมาก!”หลังจากได้ข่าว ฉินอวิ๋นคังก็หัวเราะชอบใจยกใหญ่ เขาหัวเราะได้สะใจมาก ไร้ซึ่งความกังวล ความแค้นที่อัดอั้นใจมานานถูกระบายออกมาได้เสียทีเขาปลอดโปร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ หน้าตาแช่มชื่นสดใส “ฉินอวิ๋นฟาน เจ้าบัดซบนี่ตายได้สักที ดีที่ได้แผนการสมบูรณ์แบบของท่านกุนซือ ในที่สุดก็ขจัดอุปสรรคการขึ้นครองราชย์ตัวโตของข้าแล้ว น้องรองม้วนเสื่อกลับไปแบบดูไม่ได้ ข้าฉินอวิ๋นคังคือผู้ชนะยิ่งใหญ่ในการเดินทางมาเมืองอู่โจวครั้งนี้!”“ข้าจะดูสิว่าต่อไปใครจะยังขวางความก้าวหน้าของข้าฉินอวิ๋นคังได้อีก”ฉินอวิ๋นคังในตอนนี้มีจิตใจฮึกเหิม องอาจไม่ธรรมดา การคว้าชัยชนะอย่างขาดลอยครั้งนี้ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง“ใช่แล้ว ที่น่า
“เจ้า ส่งคนไปสืบข้อมูลทุกอย่างของตระกูลเริ่นมาแล้วรีบมารายงานข้า”สิ้นเสียง ร่างหวงต้าหยวนขยับก็หายไปจากตำแหน่งเดิมในพริบตาหลังจากออกมาแล้ว หวงต้าหยวนกรอบตาแดงระเรื่อ อารมณ์ซับซ้อนถึงที่สุด นางไม่เคยสนใจใครเช่นนี้มาก่อน ครั้นฉินอวิ๋นฟานเกิดเรื่อง ปราการของนางพังทลายลงสิ้นเชิง พร้อมกันนั้นก็ทำให้นางได้เผชิญหน้ากับหัวใจของตัวเองด้วยท่ามกลางความมืดมิด นางขี่ม้าศึกตัวหนึ่ง เร่งห้อตะบึงไปทางจุดที่ฉินอวิ๋นฟานเกิดเหตุในตำหนักเหยียนเหนียน เมื่อไท่ซั่งหวงได้รู้ข่าวที่ฉินอวิ๋นฟานตกหน้าผาร่างสั่นเทิ้มฉับพลัน กรอบตาแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผ่านไปนานเขาจึงพูดตำหนิตัวเอง “เหล่าเฉา เจ้าว่า... ข้าทำเกินไปหรือไม่?”เห็นไท่ซั่งหวงเสียใจขนาดนี้ ตำหนิตัวเองขนาดนี้ เฉาเจิ้งฉุนจึงรีบพูดปลอบ “ไท่ซั่งหวง ทรงตรัสอะไรน่ะพ่ะย่ะค่ะ จะว่าพระองค์ทำเกินไปได้ยังไง?”“จะโทษก็ต้องโทษที่เกิดเรื่องกะทันหันนัก ถึงหน่วยบูรพาเราอยากยื่นมือเข้าช่วย แต่สภาพการณ์ในตอนนั้นมันไม่ทันแล้ว”“นี่... คงเป็นลิขิตกระมัง!”“รัชทายาทมีความสามารถและวิธีการเหนือผู้คนโดยแท้ ยิ่งมีปณิธานหัวใจห่วงใยชาวประชา น่าเสียดาย สวรรค์มักริษ
จู่ ๆ ก็ถูกฉินอวิ๋นฟานหยอกเอินพูดจาหวานใส่ ทำเอาจางอวี่ม่อหัวใจระส่ำ รีบสะบัดมือใหญ่ของฉินอวิ๋นฟานที่ซุกซน“โอ๊ย! อวี่ม่อ ข้าบาดเจ็บจนเป็นแบบนี้ไปแล้ว เจ้าอย่าใจร้ายกับข้าอย่างนี้จะได้ไหม?”ฉินอวิ๋นฟานบ่นแบบวิญญาณไม่อยู่กับร่องกับรอย“เช่น เช่นนั้นท่านต้องการให้ข้าทำยังไง?” จางอวี่ม่อเขินพอฉินอวิ๋นฟานเห็นจางอวี่ม่อเขินก็รู้ว่าตัวเองตะล่อมได้ที่แล้วจึงดีใจลิงโลด เขารุกหนักต่อ “อวี่ม่อ เจ้าจะล้างของสี่หนึ่งให้ข้าได้หรือไม่?”“ล้างอะไรหรือ? ได้สิ ท่านอยากกินผลไม้ใช่หรือไม่ ข้าจะไปทำให้ท่านเดี๋ยวนี้แหละ”จางอวี่ม่อไม่เข้าใจว่าฉินอวิ๋นฟานต้องการอะไร นึกว่าเขาอยากกินจึงรีบถามอย่างห่วงใย“ไม่ ๆ ๆ ข้าไม่หิว”ฉินอวิ๋นฟานส่ายหน้าพูด “ข้าหมายถึง เจ้าจะล้างหัวใจบรรจุข้าไว้ได้หรือไม่?”ถูกฉินอวิ๋นฟานหยอดคำหวานมธุรสให้อีกครั้ง จางอวี่ม่ออายจนหน้าแดงซ่าน แทบอยากมุดแผ่นดินหนี วาจาหวานเลี่ยนของฉินอวิ๋นฟานทำให้นางรับไม่ได้จริง ๆ“ไอ้หยา ท่านไปเรียนวาจาเลอะเทอะท่านนี้มาจากไหน น่าอายชะมัด!”ถึงนางจะต่อต้านอยู่บ้าง แต่ในใจกลับดีใจเสียไม่มี ความรู้สึกที่ได้รับความเอาอกเอาใจจากคนอื่นช่างหวานชื่นป
เมื่อว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ฉินอวิ๋นฟานจึงพูดออกไปอย่างหัวไว “อาจารย์ ท่านก็อย่าให้อวี่ม่อลำบากใจเลย พันผิดหมื่นผิดล้วนเป็นข้าที่ผิด เป็นข้าที่ทำให้ชื่อเสียงความบริสุทธิ์ของแม่นางอวี่ม่อมัวหมอง ถ้าท่านจะลงโทษก็ลงโทษข้าคนเดียวเถอะ”ตึง!!!!เมื่อฉินอวิ๋นฟานพูดคำนี้ออกมา ยายกู่เบิกตาโพลงราวกับถูกอสนีบาตห้าสายฟาดใส่กระหม่อม นางออกไปแค่วันเดียว ไม่นึกว่าชื่อเสียงความบริสุทธิ์ของอวี่ม่อจะสูญสิ้นแล้ว?!“เจ้า เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าพูดมาให้ละเอียดอีกทีสิ?!”ยายกู่ถามอีกครั้งด้วยความสับสนฉงนฉงาย“คือเช่นนี้...”ฉินอวิ๋นฟานไม่ปกปิดอีก เล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างละเอียดยิบรอบหนึ่ง ยายกู่ฟังแล้วหน้าดำเป็นหมิ่นหม้อ แทบอยากซัดฉินอวิ๋นฟานให้ตายในหนึ่งฝ่ามือแต่ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกแล้ว ถึงจะฆ่าฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ทันแล้ว“ขออภัยด้วย อาจารย์ เรื่องเกิดขึ้นฉุกละหุก ข้า...”จางอวี่ม่อมองไปทางยายกู่แบบไม่ได้รับความเป็นธรรม กลัวว่าจะทำให้นางโกรธ แต่เรื่องก็เหมือนละครเช่นนี้ คือความบังเอิญทั้งนั้น“เฮ้อ!”ยายกู่ถอนหายใจหนัก ๆ ทีหนึ่ง “ที่แท้เขาก็คือรัชทายาทต้าเฉียนฉินอวิ๋นฟาน! หรือว่านี่จะเป็นชะตาของท
เรื่องนี้สำหรับจางอวี่ม่อแล้วราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ เมล็ดแห่งความรักในใจนางเพิ่งจะงอก หรือว่าต้องถูกถอดรากทั้งอย่างนี้แล้ว?ความเศร้าไม่มีสิ้นสุดผุดขึ้นกลางใจนาง ความรู้สึกแบบนี้ทำให้นางอึดอัดมาก กระทั่งรู้สึกหายใจไม่ออก“นี่เกี่ยวกับความรักที่บิดาคนหนึ่งจะมีต่อบุตรสาว ต่อไปเจ้าจะเข้าใจเอง!”ยายกู่ส่ายหน้าพูด “ฉินอวิ๋นฟานคือรัชทายาทที่โดดเด่นมากจริง ๆ เอาไว้เขาอาการดีขึ้นแล้ว ข้าจะให้เขาออกไป สำหรับเรื่องแต่งงานของพวกเจ้าในท้ายที่สุด ข้าไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ”ยายกู่วางยารักษาแผลขวดหนึ่งแล้วจึงออกไปนางสัมผัสคลื่นอารมณ์ของฉินอวิ๋นฟานและจางอวี่ม่อได้อย่างชัดเจน นางยืนอยู่หน้าประตูและพูดพึมพำว่า “เฮ้อ! ในเมื่อเป็นเคราะห์รัก แล้วจะผ่านไปได้ง่าย ๆ ได้ยังไง?”หลังจากยายกู่ออกไป จางอวี่ม่อจมอยู่กับความทุกข์ไม่รู้จบอีกครั้ง นางรู้ว่าบิดายอมรับความสามารถและนิสัยของฉินอวิ๋นฟาน แต่บิดาไม่อยากให้พวกนางอยู่ด้วยกันจริง ๆก่อนหน้านี้นางไม่รู้จักฉินอวิ๋นฟานมากนัก และไม่ได้สนใจสักเท่าไร แต่หลังจากเรื่องนี้ นางเกิดความรู้สึกที่แปลกออกไปกับฉินอวิ๋นฟาน ความรู้สึกใจเต้นแรงแบบนั้นทำให้นางรู้สึกวิเศษน
ยามราตรี หวงต้าหยวนในชุดสีดำปลอดปรากฏอยู่ที่ก้นหุบตรงจุดที่ฉินอวิ๋นฟานตกลงมาอย่างเงียบเชียบ ภายใต้การส่องแสงของดวงจันทร์ นางพบว่าจุดนี้มีร่องรอยมีคนมาเป็นประจำจากสัญชาตญาณฉับไวของผู้หญิง ก้นเหวคือบ่อน้ำร้อน น่าจะมีผู้หญิงผ่านมาประจำ ในเมื่อไม่มีเงาร่างของฉินอวิ๋นฟาน เช่นนั้นก็เป็นไปได้ว่าจะถูกคนช่วยไปแล้วหวงต้าหยวนหัวเราะร้ายทีหนึ่ง “เฮอะ เจ้าบัดซบนี่ดวงแข็งจริง ๆ บุญหนักทีเดียว ตกหน้าผามาแล้วยังได้เจอหญิงงามอีก หรือว่านี่ก็คือโอรสแห่งสวรรค์?”หลังจากรู้ว่าฉินอวิ๋นฟานยังไม่ตาย จิตใจที่กระวนกระวายของหวงต้าหยวนก็สงบลงได้ การที่ฉินอวิ๋นฟานได้เจอกับหญิงงามอีกครั้ง แม้ว่ามันจะทำให้นางขื่นขมเล็กน้อย หากนางสนใจความเป็นความของฉินอวิ๋นฟานมากกว่า เมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการแล้วจึงหายตัวไปท่ามกลางความมืดมิดหนึ่งชั่วยามให้หลัง ก้นหุบเหวมีเงาร่างชุดดำปรากฏขึ้นสายหนึ่งอีกครั้ง หลังจากเขาสำรวจบ่อน้ำร้อนอย่างละเอียดแล้วก็หายตัวไปอย่างเงียบ ๆ เกรงว่าแม้ยามหลับฝันฉินอวิ๋นฟานก็คงคิดไม่ถึง เขาเพิ่งเกิดเรื่องได้ไม่นานกลับยังมีคนลึกลับกลุ่มหนึ่งให้ความสำคัญกับความเป็นความตายของเขากระทั่งยามสี่ ดวง
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ