เสียงหนึ่งโพล่งออกมาจากฝูงชน ทุกคนต่างหันไปมองตามเสียง เห็นเพียงชายคนหนึ่งที่ดูอายุอานามประมาณสามสิบ ใบหน้าประหนึ่งหยก สุภาพเรียบร้อย มือของเขาถือกระบี่วิญญูชน เดินขึ้นแท่นประลองช้า ๆพอเห็นคนมา องค์ชายใหญ่เลิกคิ้วเล็กน้อย เห็นชัดว่าเขาไม่รู้จักอีกฝ่าย“เจ้าเป็นใคร?”องค์ชายใหญ่ขมวดคิ้วถาม“ข้าคือหลิวเป้ยแห่งเมืองจัว วันนี้ได้รับคำเชิญจากองค์ชายรองมาประลองกำลังขอรับ”หลิวเป้ยวางตัวเหมาะสม รายงานชาติตระกูล ย่างเท้ามาถึงบนแท่นประลอง“อะไรนะ? เขาก็คือหลิวเป้ย(เล่าปี่)? สุภาพบุรุษอันดับหนึ่งแห่งเมืองจัว จิตใจดีงาม มีเมตตารักความยุติธรรม แม้จะยากจนข้นแค้น กลับมีปณิธาน มีจิตใจของจอมยุทธ์ เรียกได้ว่าชื่อเสียงระบือไกลทีเดียว”“ไม่เพียงเท่านี้ เขายังสาบานเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกับเทพยุทธ์คนขายเนื้อจางเฟย (เตียวหุย) แห่งเมืองจัวและเทพดาบกวนอวี่ (กวนอู) ที่สวนดอกท้อ เมืองจัวรู้กันทั่ว”“หลิวเป้ยดูหน้าตาสะอาดหมดจด จะยกกระถางยักษ์หกร้อยชั่งได้จริงหรือ? ที่เขาเผชิญคือองค์ชายใหญ่เชียวนะ คนหนุ่มอันดับหนึ่งของต้าเฉียน”......กระถางยักษ์เป็นรายการแข่งขันที่นิยมเสมอมา นั่นคือสัญลักษณ์ของกำล
“เจ้า เจ้ากล้าพูดว่าข้าไม่ไหวหรือ?”ถูกองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยยั่วยุ ไฟโทสะองค์ชายใหญ่เพิ่มขึ้นพรวด เขามองด้วยสายตาที่เกรี้ยวโกรธพลางพูด “น้องรอง ให้ดีเจ้าจงเบิกตาสุนัขของเจ้าดูให้ดีว่าข้ายกกระถางเก้าร้อยชั่งได้หรือไม่”“พี่ใหญ่กล้าหาญดังคาด วันนี้ก็ให้พวกเราได้เห็นท่วงทำนองแห่งยุคของท่านสักหน่อยเถอะ!”กลยุทธ์ยุแม่ทัพได้ผลจริง ๆ เห็นองค์ชายใหญ่ติดกับ องค์ชายรองหัวเราะเสียงเย็น ในดวงตาล้วนเป็นความกระหยิ่มใจ ยามนี้ กระถางยักษ์เก้าร้อยชั่งถูกคนหามขึ้นแท่นประลองแล้ว“ช้าก่อน!”ก็ขณะที่องค์ชายใหญ่เตรียมจะลงมือ จู่ ๆ แม่ทัพฝ่ายซ้ายฮั่วเจิ้นหลงก็เดินออกมา เขามีความน่าเกรงขามแม้ยามสงบ แผ่พลังแกร่งกล้าออกมาจากเนื้อตัวบนล่าง เพียงสายตาเดียวทำให้คนขนลุกโดยที่ไม่หนาวนี่คือกลิ่นอายเด็ดขาดของผู้ที่อยู่ในสนามรบหลายสิบปีจึงจะมี“ท่านพ่อตา มีอะไรหรือ?”องค์ชายใหญ่หันไปมองพ่อตา ถามด้วยใบหน้าฉงน“คังเอ๋อร์ เจ้ารอก่อน!”ฮั่วเจิ้นหลงหันไปมองทางองค์ชายรองพร้อมเอ่ยเสียงหนัก “องค์ชายรองสมกับที่เป็นหนึ่งในองค์ชายผู้โดดเด่นแห่งต้าเฉียน มีความเข้าใจในกติกาการแข่งขันลึกซึ้งเช่นนี้ ข้าผู้แซ่ฮั่วเลื่อมใส!”
ฉินอวิ๋นฟานที่ดูเรื่องสนุกอยู่ข้าง ๆ ถูกลูกไม้ที่คาดไม่ถึงขององค์ชายรองนี้ทำให้อึ้งอยู่เหมือนกัน ถ้าเขาไม่ชนะ เช่นนั้นก็ใช้กติกา ใช้ฐานะน้องชายแท้ ๆ เชื้อเชิญให้ผู้แข่งขันที่ร้ายกาจที่สุดประลองกับองค์ชายใหญ่ และเอาชนะอีกฝ่ายทั้งอย่างนี้วิธีการและนิสัยใจคอเช่นนี้ ทำให้ฉินอวิ๋นฟานระแวงคนผู้นี้มากขึ้นทันทีท่ามกลางความคาดหวังของทุกคน เห็นเพียงหลิวเป้ยกระชากเสื้อท่อนบนออก เผยกล้ามเอ๊ทแพคกับกล้ามเนื้อแข็งแรงออกสู่อากาศโดยตรงว้าว...ทันทีที่เห็นกล้ามเนื้อฟิตเปรียะทั้งตัวของหลิวเป้ย ทุกคนก็โกลาหลทันที ดูคนที่หน้าไม่ได้จริง ๆ ผิวเผินดูสุภาพเรียบร้อย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นชายฉกรรจ์ล่ำบึกคนหนึ่งมิน่าพวกจางเฟยกวนอวี่ถึงยินยอมกราบหลิวเป้ยเป็นพี่ใหญ่ ดูท่าคนผู้นี้จะไม่ธรรมดาพู่...ครั้นเห็นภาพนี้ ฉินอวิ๋นฟานน้ำพุ่งออกจากปากอีกครั้ง ทำไมมันไม่เหมือนในประวัติศาสตร์เลยเนี่ย หลิวเป้ยกลายเป็นผู้ชายกล้ามปูไปตั้งแต่เมื่อไร? อยู่นานได้เห็นเยอะจริง ๆ!ภายใต้สายตาของทุกคน สองมือหลิวเป้ยจับด้านล่างของกระถางเก้าร้อยชั่งฉับพลัน สองขาย่อลง ออกแรงทันที ส่งเสียงครางต่ำหนัก ๆ ทีหนึ่งไม่กี่วินาทีให้หลัง กร
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด องค์ชายรองต้องสัญญาอะไร มิเช่นนั้นด้วยนิสัยของเขา คงไม่ร่วมศึกชิงบัลลังก์ง่าย ๆ เช่นนี้”“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้!!!”ฉินอวิ๋นฟานผงกศีรษะหนัก ๆ ดูว่าหลิวเป้ยคงถูกองค์ชายรองปั่นหัวแล้ว ด้วยความเข้าใจที่ฉินอวิ๋นฟานมีต่อองค์ชายรอง คนที่ชำนาญการวางแผนชั่วร้ายคนหนึ่ง ในสายตามีแต่ผลประโยชน์ จะเป็นคนที่ยึดมั่นในสัจจะได้ยังไง?ไม่ถึงครึ่งนาที หลิวเป้ยยกกระถางเก้าร้อยชั่งได้จริง ๆ ทุกคนในลานฝึกยุทธ์กู่ร้องกระโดดโลดเต้น มือโบกเท้ารำ ดีใจกับความสำเร็จของหลิวเป้ยเวลานี้ สองมือหลิวเป้ยยกกระถางเก้าร้อยชั่งขึ้นสูง เส้นเลือดฝอยในดวงตาแตก กัดฟันแน่น สีหน้าของทั้งคนแทบผิดรูปผิดร่าง ภายใต้แรงถ่วงอย่างหนัก ใบหู จมูกมีเลือดสดซึมออกมา แต่หลิวเป้ยยังคงไม่ยอมแพ้การนับเวลายังคงดำเนินต่อ หลิวเป้ยยังอดทน จางเฟยและกวนอวี่ที่อยู่ด้านล่างทนดูไม่ไหวแล้ว“พี่ใหญ่ ยกได้ก็เก่งมากแล้ว พอประมาณก็พอ พวกเราอย่าเอาชีวิตมาเล่นเลย มันไม่คุ้มกัน!”จางเฟยอยู่ข้างล่างร้อนรนปานมดในกระทะร้อน ทำใจไม่ได้ แทบอยากขึ้นไปรับแทนพี่ใหญ่ แต่เขารู้นิสัยของอีกฝ่าย ดื้อรั้นนัก เพื่อชัยชนะแล้ว แม้แต่ชีวิตก็ใช้เดิมพัน“น
การประลองกำลังมาถึงช่วงสำคัญ เชื่อมโยงกับหัวใจทุกคน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่สนับสนุนองค์ชายใหญ่ ชัยชนะครั้งนี้อาจตัดสินอนาคตและโชคชะตาของพวกเขาหลิวเป้ยผู้ช่วยขององค์ชายรองยกกระถางเก้าร้อยชั่งด้วยท่วงทำนองล้อเล่นกับชีวิต ทั้งยังสามารถยกได้นานถึงเจ็ดนาทีอย่างน่าสะพรึงกลัว สำหรับองค์ชายใหญ่ มันคือความท้าทายอย่างใหญ่หลวงแบบไม่ต้องสงสัยไม่ถึงสามนาที องค์ชายใหญ่กลับปรากฏสภาพที่กำลังใจกำลังกายไม่เพียงพอ สีหน้าซีดขาวมากขึ้นเรื่อย ๆ เหงื่อกาฬมากขึ้นทุกทีในฐานะที่อยู่สูงและมีสิทธิพิเศษมากมาย สาวงามข้างกายและผู้ติดตามขององค์ชายใหญ่ย่อมมีมากมายไม่สิ้นเขาซึ่งเข้าวิธียุทธ์ร่างกายแข็งแรง คนทั่วไปไม่อาจเทียบ ฮอร์โมนมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า แต่การสุขสันต์ทุกค่ำคืน แม้ร่างกายจะทำจากเหล็กก็รับไม่ไหว รายรับไม่พอจ่ายเพียงไม่กี่นาทีก็อ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด“พี่ใหญ่หนอพี่ใหญ่ ท่านทะนงตนมากเกินไปแล้ว”องค์ชายรองยิ้มร้าย “ถึงข้าจะพ่ายแพ้ในการประลองด้านบุ๋น จบอย่างอเนจอนาถ แล้วท่านเคยคิดหรือไม่ ข้ามุ่งเป้าเป็นพิเศษที่การประลองด้านบู๊ต่างหาก ขอเพียงท่านอดทนได้ไม่ถึงเจ็ดนาที เช่นนั้นชัยชนะสองรอบหลังก็จะตกเ
ชั่ววูบเดียว ทุกคนลุกขึ้นยืนพรวดพร้อมส่งเสียงกรีดร้อง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ยามนี้ สีหน้าองค์ชายใหญ่เปลี่ยนถนัด ในใจยิ่งประหวั่นพรั่นพรึงหมื่นส่วน กลิ่นอายแห่งความตายปะทะเข้าใบหน้ากระถางยักษ์อยู่เหนือศีรษะเขาสามชุ่น เป็นระยะห่างที่ประชิดเหลือเกิน ไม่มีโอกาสหลีกหนีใด ๆฉินอวิ๋นฟานยามนี้ขมวดคิ้วมุ่น หากกระถางใบนี้ทับอยู่บนตัวองค์ชายใหญ่ เขาจะต้องตายแน่ ในช่วงเวลาสำคัญของการชิงบัลลังก์ หากองค์ชายต้องเสียชีวิตเพราะการประลอง เรื่องนี้จะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่วินาทีนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีของขนาดประมาณถั่วลันเตาพุ่งไปทางแท่นประลอง อานุภาพร้ายกาจมาก กระแทกกระถางยักษ์ใบนั้น ส่งเสียงสะเทือนเลือนลั่นในหูจนอื้ออึงจากนั้นก็เห็นวิถีเคลื่อนไหวของกระถางยักษ์เปลี่ยนแปลงทันใด ภายใต้แรงกระแทกอันหนักหน่วง มันลอยออกนอกแท่นประลองปัง!!!!น้ำหนักอันหนักอึ้ง ภายใต้แรงกระแทกหนัก ๆ มันตกอยู่บนพื้นอย่างจัง ลานฝึกยุทธ์สั่นสะเทือนทันใด การเปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้ทุกคนร้องเสียงหลงดังระงมซี้ด...ไม่มีใครไม่ระทึก กวาดสายตามองดูรอบ ๆ ไม่เห็นอะไรน่าสงสัย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หลังจากพ้นเคราะห์ องค์
การประลองใกล้จะถึงช่วงท้าย สถานการณ์กระจ่างชัดทุกที มีคนยินดี มีคนทุกข์ใจห่างราชสำนักหลายปี สภาพการณ์ในราชสำนักตอนนี้ซับซ้อนกว่าที่ไท่ซั่งหวงคิดไว้มาก แม้เขาจะเป็นไม้ใกล้ฝั่ง แต่แววตาลุ่มลึกคู่นั้นฉายประกาย ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ยิ่งไม่รู้ว่าเขากำลังรอคอยอะไรเติ้งซูหมิงเป็นองครักษ์คนสนิทที่จงรักภักดีกับเหมียวชิงอีที่สุด เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งอย่างออกหน้าของแคว้นเหมียว ยิ่งได้รับสมญานามองครักษ์หญิงงามอันดับหนึ่งนางไม่เพียงสรีระนูนเว้าสวยสด ดวงหน้ารูปไข่หมดจดเรียบเนียนงามปานหยกขาว เย็นชาอย่างยิ่ง ทำให้คนรักแต่ขลาด กลับมีความปรารถนาอยู่ในใจ ทุกเรื่องที่นางทำล้วนเป็นตัวแทนของเหมียวชิงอีนางเปล่งเสียงด้วยใบหน้าเรียบเฉย “การประลองด้านบู๊รอบสุดท้ายคือการประลองพลังยุทธ์ ขอเชิญองค์ชายทุกท่านประจำที่ด้วย!”สิ้นเสียงของเติ้งซูหมิง ลานฝึกยุทธ์กลายเป็นคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง“น้องรอง ต่อให้เจ้ามีแผนร้ายวิธีการมากแค่ไหน ก็หาคนช่วยได้แค่คนเดียว ดังนั้นการประลองพลังยุทธ์ต้องอาศัยตัวเองแล้ว เจ้าเตรียมใจไว้แล้วหรือ?”ถึงองค์ชายใหญ่จะบาดเจ็บ แต่อย่างไรเขาก็เป็นคนหนุ่มอันดับหนึ่งของต
พฤติกรรมขององค์ชายรองทำให้องค์ชายใหญ่และบริวารไม่พอใจโกรธแค้น ต่างพากันกล่าวโทษอย่างหนัก กระทั่งทำให้เรื่องบานปลาย ใช้เรื่องนี้กำหนดพฤติกรรมขององค์ชายรองไท่ซั่งหวง ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวและคนอื่น ๆ ขมวดคิ้วมุ่นเหมือนกัน แต่การแข่งขันยังไม่เริ่ม ทั้งเห็นชัดว่าองค์ชายรองจงใจทำเช่นนี้ พวกเขาจึงได้แต่ดูสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ“รัชทายาท ตามกติกา ดูเหมือนว่าองค์ชายรองจะละเมิดแล้วกระมัง?”มู่หรงจิ่นใบหน้าสับสน เวลานี้เกิดความรู้สึกสนใจขึ้นมาอย่างหนักเหมือนกัน แต่นางไม่รู้จักคนอื่น ดังนั้นจึงได้แต่ถามฉินอวิ๋นฟาน อย่างไรเวลานี้ฉินอวิ๋นฟานก็สลัดคราบเดิมแล้ว เห็นเขาใบหน้าราบเรียบ นางจึงถามด้วยความแปลกใจ“เขาไม่ได้ทำผิดกติกา ถ้าข้าทายไม่ผิด ตั้งแต่เริ่มการประลองด้านบู๊ พี่รองเริ่มเผยเขี้ยวเล็บแล้ว ความทะเยอทะยานของเขามีมากนัก พวกเราทุกคนอยู่ในแผนการของเขาทั้งหมด”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนักเริ่มแรก ฉินอวิ๋นฟานยังไม่เห็นความผิดปกติ กระทั่งเริ่มการประลองกำลัง จู่ ๆ เขาก็ตงิดใจขึ้นมา ฉินอวิ๋นฮุยกำลังใช้ช่องโหว่ของกติกาเล่นโกง คนซึ่งเชี่ยวชาญการใช้ช่องโหว่คนหนึ่ง จะให้คนอื่นจับข้อบกพร่องที่ชัดเจนอย