“หือ?”จู่ ๆ ก็มีคนขอร้อง ฉินยวนแววตาเย็นยะเยือก ไฟชั่วร้ายไร้นามมวลหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวใจฉับพลัน เขาหันหน้าไป จังหวะที่สายตาตกอยู่บนตัวของมู่หรงจิ่น ความงามล่มเมือง โฉมหน้าบริสุทธิ์ดุจเทพธิดาลงมาจุติก็มิปานของมู่หรงจิ่นสะท้อนเข้าสู่ม่านตา ทำให้หัวใจของเขารัดแน่นฉับพลัน“แล้วเจ้าเป็นใครอีก?”ฉินยวนที่คิดจะระเบิดโทสะในทีแรกสะกดอารมณ์เดี๋ยวนั้น ถามอย่างนึกสนุกมู่หรงจิ่นเปิดเผยฐานะของฉินอวิ๋นฟาน ทำให้อ๋องน้อยเกรงอยู่บ้าง นางรีบพูด “ข้าคือพระชายารัชทายาทมู่หรงจิ่น เมื่อครู่ได้ยินว่าลูกสาวของช่างใหญ่หลู่ถูกคนรังแกจึงรีบมา”“หา? นาง นางก็คือพระชายารัชทายาท?”“เห็นว่ารัชทายาทเป็นคนเด็ดขาดเต็มสิบส่วน ถ้าล่วงเกินเขา น่ากลัวว่าเราจะไม่มีจุดจบที่ดีนะ”“ก็นั่นนะสิ! คราวนี้เจอเข้ากับตอแล้ว จะทำยังไงดีเนี่ย?!”ทันทีที่มู่หรงจิ่นเปิดเผยฐานะ สามคนที่เหลือเริ่มหวั่นวิตกทันที ในฐานะที่เป็นคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ของต้าเฉียน พวกเขาย่อมรู้เรื่องของฉินอวิ๋นฟานประมาณหนึ่งอยู่แล้ว นั่นมันคนสุดโหดคนหนึ่งเลยนะ!เมื่อชายหน้าอัปลักษณ์เห็นดังนี้ นัยน์ตากลิ้งกลอกก่อนจะเอ่ย “แม่ง พวกเจ้าอย่าปอดแหกกันได้ไหม? ร
ตามการพองโตของหัวใจแห่งความชั่วร้าย ฉินยวนเข้าสู่ภาวะคลั่งกับตัวเองโดยสมบูรณ์เขาเชิดมุมปากน้อย ๆ ยิ่งเหิมเกริมไม่กลัวเกรงต่อสิ่งใด เดินไปตรงหน้ามู่หรงจิ่นช้า ๆ แล้วชะโงกหน้าถึงข้าหูนางเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าย่ามใจ “เจ้าไปตอนนี้ยังทันนะ ทันทีที่พวกเราเริ่ม เจ้าคิดจะไปจะไม่มีโอกาสแล้ว”“พะ พะ พวกท่านจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ!”มู่หรงจิ่นตกใจกับฉินยวนถอยหลังเนือง ๆ ใบหน้าแตกตื่น ยิ่งฉินยวนทำเช่นนี้ นางก็ยิ่งไปไม่ได้ นางจะดูหลู่เซียงหลิงถูกเดรัจฉานฝูงนี้ย่ำยีต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ถ้านางไป นางต้องรู้สึกผิดไปทั้งชาติ และจะรู้สึกผิดต่อฉินอวิ๋นฟานด้วย!“อ้อ? เช่นนั้นเจ้าคิดจะร่วมด้วยสินะ?”ฉินยวนใบหน้าชั่วร้าย ยิ้มเจ้าเล่ห์พูดท้าทาย“พะ พวกท่านเดรัจฉานนี่ ช่างเป็นเหมือนปีศาจร้ายแท้ ๆ!”หลู่หนีเห็นดังนั้นจึงส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ ขนาดมู่หรงจิ่นบอกฐานะก็ยังไม่ได้ผล เห็นชัดว่าคนพวกนี้ถึงขั้นไม่สนอะไรทั้งนั้นเขารีบพูด “พระชายารัชทายาท ท่านรีบไปเสียเถอะ รีบไป จะให้ท่านด่างพร้อยเพราะพวกเราพ่อลูกไม่ได้ ถ้ารัชทายาทรู้เข้า เขาต้องคลั่งแน่”นับจากติดตามฉินอวิ๋นฟาน หลู่หนีก็ค้นพบทิศทางของตัวเองชั
“ปัง!!!”หลู่หนีใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี หนึ่งหมัดชกไปที่ชายร่างกำยำตรงหน้า อีกฝ่ายเหยียดมุมปากเล็กน้อย ฉายรอยยิ้มจาง ๆ เขาไม่เพียงแต่ไม่หลบ กลับกันยังเปิดทรวงอกรับหมัดนี้เองอีกตามเสียงกระแทกทุ้มต่ำ ชายร่างกำยำผู้นั้นนอกจากจะไม่ล้ม ยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าหลู่หนี ไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น หลู่หนีมองแววตาไม่ยี่หระของอีกฝ่าย หัวใจคือความสิ้นหวังทั้งหมด“ฮ่า ๆ ๆ ว่าที่ท่านพ่อตาของข้า วันนี้ท่านไม่ได้กินข้าวมาหรือยังไง อาศัยแรงแค่นี้ก็คิดจะทำร้ายข้า? ไร้เดียงสาไปหน่อยแล้ว!”รับกับหมัดไม่เจ็บไม่คันของหลู่หนี ชายร่างกำยำยิ่งเหิมเกริม แหงนหน้าหัวเราะกับฟ้าเสียงดัง“เป็นไปได้ยังไง?”แววตาของหลู่หนีสว่างมืดสลับสับเปลี่ยน เต็มไปด้วยความครั่นคร้าม แม้เขาจะเป็นคนธรรมดา แต่ก็ตีเหล็กหลอมโลหะมานานหลายปี มีกำลังมากกว่าคนทั่วไป ไม่นึกว่าหนึ่งหมัดกับชายตรงหน้าจะเหมือนสะกิด? “จบกัน จบกัน พี่อวิ๋นฟาน ท่านรีบมาเถอะ ขืนไม่มาอีกจะเกิดเรื่องใหญ่จริง ๆ แล้วนะ!”ทันทีที่เห็นภาพนี้ มู่หรงจิ่นความหวังเหลือศูนย์ ภาวนาในใจหวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะมาถึงโดยเร็วไม่หยุด มิเช่นนั้นพวกนางคงไม่รอดแน่แล้ว“มีอะไรเป็นไปไ
“หยุดนะ หยุดกันให้หมด ข้าขอร้องละ...”เห็นบิดาถูกซ้อมอย่างทารุณเช่นนี้ หลู่เซียงหลิงร่ำไห้ดังดอกท้อต้องหยาดฝน พยายามส่งเสียงวิงวอน แต่พวกเฉาส่วงกลับไม่สนใจ ยิ่งหลู่เซียงหลิงส่งเสียงสิ้นหวังแค่ไหน พวกเขาก็ยิ่งฮึกเหิม ยิ่งลงมือหนักมากขึ้น!“พวก พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุด ทำเกินไปแล้วนะ พวกเจ้าทำเกินไปแล้วจริง ๆ!”มู่หรงจิ่นทนดูต่อไปไม่ได้อีก นางเปล่งเสียงด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด ในตอนนี้เอง เฉาส่วงและคนอื่น ๆ จึงหยุดการกระทำ มองมู่หรงจิ่นด้วยใบหน้าครุ่นคิดภายใต้มือเท้าดิบเถื่อนของชายฉกรรจ์หลายคน เพียงชั่วเดี๋ยวเดียวหลู่หนีนอนลมหายใจรวยรินแน่นิ่งอยู่กับพื้น มีเลือดท่วมตัว สภาพอเนจอนาถถึงขีดสุด“เกินไป? ไม่เกินไปพวกเราจะทำรึ?”ฉินยวนเหยียดยิ้มตรงมุงปาก พูดอย่างมีความหมายโดยนัย “พี่สะใภ้ ยังไง? เจ้าก็คิดได้แล้วใช่ไหม? ถ้าคิดได้แล้ว พวกเราก็จะหยุด”“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”พวกเฉาส่วงทำหน้าเหมือนอันธพาล แสดงด้านที่เป็นจิ๊กโก๋ออกมาจนสิ้น ความเลวทรามรังแกชายย่ำยีหญิงทำให้คนคลื่นเหียน กลับจนใจที่ทำอะไรไม่ได้“รัชทายาทจะมาถึงแล้ว หยุดตอนนี้ยังทันนะ!”มู่หรงจิ่นหมดหนทางแล้วจริง ๆ ถ้าให้พวกเขาลงมือต่
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาขอโทษขอโพย รัชทายาทน่าจะใกล้มาถึงแล้ว พวกเราอดทนกันอีกหน่อยนะ”ถึงมู่หรงจิ่นจะกระวนกระวายใจอย่างหนัก แต่ก็ยังกระซิบกำชับนางยังไม่ลืมพยายามใช้เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นกำบังร่างขาวปานหิมะของหลู่เซียงหลิง จะได้ไม่เผยออกมาเยอะเกินไป อย่างไรเสีย ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงยังสำคัญมาก“ข้า ข้ากลัวว่าตัวเองจะรอให้รัชทายาทมาถึงไม่ไหวแล้ว!”หลู่เซียงหลิงส่ายหน้า สีหน้าสิ้นหวัง ใช่ว่านางไม่อยากรอ หรือกลัวคนเลวทรามพวกนี้ก็ไม่ แต่นางไม่กล้าเอาชีวิตของบิดาไปเสี่ยง กลับกัน อย่างไรก็คือต้องตาย จะบริสุทธิ์ก็ดี จะแปดเปื้อนมลทินก็ช่าง อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับทำให้บิดาและพระชายารัชทายาทต้องเดือดร้อนยามนี้ แววตาไร้ศูนย์ของหลู่เซียงหลิงเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ขึ้นมา นางฝืนยันร่างอ่อนระทวย แล้วดึงเสื้อผ้าที่มู่หรงจิ่นเพิ่งคลุมให้ออกนางมองไปทางฉินยวนและเอ่ยขึ้น “ท่านอ๋องน้อย เมื่อครู่เป็นเซียงหลิงที่ไม่รู้ความเอง ข้ายอมพวกท่านแล้ว ท่านจะปล่อยพ่อข้ากับพระชายารัชทายาทไปได้หรือไม่? อย่างไรจุดประสงค์ของพวกท่านก็คือข้า พวกเขาคือผู้บริสุทธิ์”“แม่นางเซียงหลิง เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ! อย่ายอมแพ้เด็ดขาดนะ!”ครั้นกล
ชายหน้าอัปลักษณ์เห็นดังนั้นแล้วยิ่งคึก พุ่งตัวเข้าใส่ทันที คนอื่น ๆ ก็เริ่มด้วยเหมือนกัน ลูบไล้อย่างปราศจากความเกรงกลัว“พวก พวกเจ้า พวกเจ้ามันเดรัจฉาน! ปล่อยพวกนางนะ! ปล่อยพวกนาง! ข้าขอร้องละ!”หลู่หนีนอนหมดเรี่ยวแรงอยู่กับพื้น สองขาถูกตีจนหักแล้ว ไร้กำลังจะลุกขึ้นยืน เห็นลูกสาวและพระชายารัชทายาทถูกรังแก หลู่หนีสิ้นหวังเหลือคณา เขาอดกลั้นต่อความเจ็บแสนสาหัส คลานไปทางมู่หรงจิ่น ปากก็ขอร้องไม่หยุด“เฮอะ...”ฉินยวนมองหลู่หนีอย่างเย็นชา แสยะยิ้มอย่างดูแคลน “พี่น้องทั้งหลาย เอาเลยให้เต็มที่ไปเลย! เอาให้สดชื่น เอาให้สนุก!”“โอ้ว...”ครั้นได้รับการชี้สั่งของฉินยวน พวกเฉาส่วงก็กำเริบเสิบสานทันที ลงมือกับมู่หรงจิ่นและหลู่เซียงหลิงอย่างบ้าคลั่งมากขึ้น ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของพวกนางไม่หยุด“ไสหัวไปนะ พวกเจ้าทำอย่างนี้กรรมต้องตามสนองแน่!”ยามนี้มู่หรงจิ่นกลัวสุดขีด แต่นางยังคงกอดหลู่เซียงหลิงเอาไว้ไม่ปล่อย กลัวว่าหลู่เซียงหลิงจะถูกคนชั่วช้าฝูงนี้ทำให้แปดเปื้อน แม้นางก็ถูกอีกฝ่ายรังแกเหมือนกัน แต่ขณะที่ถูกล่วงเกิน มู่หรงจิ่นยังพยายามขัดขืนอย่างสุดความสามารถ“กรรมตามสนอง? ฮ่า ๆ ๆ เจ้าเชื่อจริงหร
“ข้าเอง ข้าเอง”เห็นหลู่เซียงหลิงอเนจอนาถเช่นนี้ หัวใจของฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้เหมือนถูกมีดกรีด เขารีบกอดหลู่เซียงหลิงเข้าอ้อมอกและพูดปลอบ “ไม่เป็นแล้ว เซียงหลิง ฝันร้ายมันจบลงแล้วนะ ข้ารับรองว่าต้องให้คนชั่วพวกนี้รับกรรมอย่างสาสม!”ในวาจาที่นุ่มนวลของฉินอวิ๋นฟานมีไฟโทสะมหาศาลแอบแฝงอยู่มู่หรงจิ่น หลู่หนี หลู่เซียงหลิงล้วนเป็นคนสำคัญที่สุดของฉินอวิ๋นฟาน ยิ่งเป็นสิ่งต้องห้ามของฉินอวิ๋นฟาน ไม่มีผู้ใดสามารถท้าทายเส้นต่ำสุดอยู่บนหัวของเขาได้ ผู้ใดท้าทาย มันต้องตาย!นี่คือเมืองหลวงต้าเฉียน มิใช่อำเภอเล็ก ๆ ที่นกไม่ถ่ายมูล พฤติกรรมต่ำทรามเช่นนี้กลับเกิดกับฉินอวิ๋นฟานเป็นครั้งที่สอง? หนำซ้ำยังปรากฏอยู่ในสำนักศึกษาหลวงต้าเฉียนซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์แห่งการศึกษา?หากเรื่องเช่นนี้ยังทนได้ เช่นนี้ยังมีอะไรที่ทนไม่ได้อีก!หากกำแหงอีก มิใช่ว่าผู้ใดก็ขี่อยู่บนหัวรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนแล้วอุจจาระใส่ได้หรือ?“รัช รัชทายาท ท่าน ท่านรับตัวข้าไว้เถอะ ข้าต้องการ ข้าต้องการอยู่กับท่าน!”เวลานี้ ด้วยฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดฉีอิน หลู่เซียงหลิงเสียสติสัมปชัญญะไปทุกที เสียความมุ่งมั่
และนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของเพลิงโทสะของฉินอวิ๋นฟานเท่านั้น ความสยองขวัญที่แท้จริงยังอยู่ข้างหลัง พวกเขาไม่ตระหนักเลยว่าตัวเองล่วงเกินตัวตนที่น่ากลัวขนาดไหนเพราะความโง่งมและกำแหงของพวกเขา ทำให้ชีวิตของพวกเขาเข้าสู่การนับถอยหลังอย่างเป็นทางการ หากพวกเขาไม่รู้ตัวเลย“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร? ริอ่าน...”ฉินยวนเพิ่งพูดไปได้ครึ่งเดียวก็ถูกฉินอวิ๋นฟานถีบหน้าอีกครั้ง ฉินอวิ๋นฟานไม่นึกอยากฟังว่าเขามีฐานะเช่นไร ยิ่งไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเขาเห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานราวกับเทพสังหารมาเยือน เขามองลงล่าง สายตาแห่งความตายนั้นไม่มีความรู้สึกสักนิด มีแต่การฆ่าฟันอย่างอำมหิตเท่านั้นจึงสามารถดับไฟโกรธไม่สิ้นสุดของเขา“ข้าไม่อยากรู้ว่าเจ้าคือใคร ข้าแค่รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำในวันนี้จะต้องตาย! นี่ก็พอแล้ว!”วาจาอย่างง่ายของฉินอวิ๋นฟานเต็มไปด้วยความเผด็จการ ไม่ปกปิดเจตนาสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขาสักนิด ถ้าไม่ใช่ว่าเขามาทันเวลา หลู่เซียงหลิงกับมู่หรงจิ่นคงประสบเคราะห์ไปแล้วบัญชีนี้ต้องมีคนชดใช้ด้วยชีวิตจึงจะดี!มิเช่นนั้น มหาสงครามกับต้าเยียนกำลังจะเกิด หากมีคนกลั่นแกล้งเขาอย
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ