“ปัง!!!”หลู่หนีใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี หนึ่งหมัดชกไปที่ชายร่างกำยำตรงหน้า อีกฝ่ายเหยียดมุมปากเล็กน้อย ฉายรอยยิ้มจาง ๆ เขาไม่เพียงแต่ไม่หลบ กลับกันยังเปิดทรวงอกรับหมัดนี้เองอีกตามเสียงกระแทกทุ้มต่ำ ชายร่างกำยำผู้นั้นนอกจากจะไม่ล้ม ยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าหลู่หนี ไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น หลู่หนีมองแววตาไม่ยี่หระของอีกฝ่าย หัวใจคือความสิ้นหวังทั้งหมด“ฮ่า ๆ ๆ ว่าที่ท่านพ่อตาของข้า วันนี้ท่านไม่ได้กินข้าวมาหรือยังไง อาศัยแรงแค่นี้ก็คิดจะทำร้ายข้า? ไร้เดียงสาไปหน่อยแล้ว!”รับกับหมัดไม่เจ็บไม่คันของหลู่หนี ชายร่างกำยำยิ่งเหิมเกริม แหงนหน้าหัวเราะกับฟ้าเสียงดัง“เป็นไปได้ยังไง?”แววตาของหลู่หนีสว่างมืดสลับสับเปลี่ยน เต็มไปด้วยความครั่นคร้าม แม้เขาจะเป็นคนธรรมดา แต่ก็ตีเหล็กหลอมโลหะมานานหลายปี มีกำลังมากกว่าคนทั่วไป ไม่นึกว่าหนึ่งหมัดกับชายตรงหน้าจะเหมือนสะกิด? “จบกัน จบกัน พี่อวิ๋นฟาน ท่านรีบมาเถอะ ขืนไม่มาอีกจะเกิดเรื่องใหญ่จริง ๆ แล้วนะ!”ทันทีที่เห็นภาพนี้ มู่หรงจิ่นความหวังเหลือศูนย์ ภาวนาในใจหวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะมาถึงโดยเร็วไม่หยุด มิเช่นนั้นพวกนางคงไม่รอดแน่แล้ว“มีอะไรเป็นไปไ
“หยุดนะ หยุดกันให้หมด ข้าขอร้องละ...”เห็นบิดาถูกซ้อมอย่างทารุณเช่นนี้ หลู่เซียงหลิงร่ำไห้ดังดอกท้อต้องหยาดฝน พยายามส่งเสียงวิงวอน แต่พวกเฉาส่วงกลับไม่สนใจ ยิ่งหลู่เซียงหลิงส่งเสียงสิ้นหวังแค่ไหน พวกเขาก็ยิ่งฮึกเหิม ยิ่งลงมือหนักมากขึ้น!“พวก พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ หยุด ทำเกินไปแล้วนะ พวกเจ้าทำเกินไปแล้วจริง ๆ!”มู่หรงจิ่นทนดูต่อไปไม่ได้อีก นางเปล่งเสียงด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด ในตอนนี้เอง เฉาส่วงและคนอื่น ๆ จึงหยุดการกระทำ มองมู่หรงจิ่นด้วยใบหน้าครุ่นคิดภายใต้มือเท้าดิบเถื่อนของชายฉกรรจ์หลายคน เพียงชั่วเดี๋ยวเดียวหลู่หนีนอนลมหายใจรวยรินแน่นิ่งอยู่กับพื้น มีเลือดท่วมตัว สภาพอเนจอนาถถึงขีดสุด“เกินไป? ไม่เกินไปพวกเราจะทำรึ?”ฉินยวนเหยียดยิ้มตรงมุงปาก พูดอย่างมีความหมายโดยนัย “พี่สะใภ้ ยังไง? เจ้าก็คิดได้แล้วใช่ไหม? ถ้าคิดได้แล้ว พวกเราก็จะหยุด”“ฮ่า ๆ ๆ ๆ...”พวกเฉาส่วงทำหน้าเหมือนอันธพาล แสดงด้านที่เป็นจิ๊กโก๋ออกมาจนสิ้น ความเลวทรามรังแกชายย่ำยีหญิงทำให้คนคลื่นเหียน กลับจนใจที่ทำอะไรไม่ได้“รัชทายาทจะมาถึงแล้ว หยุดตอนนี้ยังทันนะ!”มู่หรงจิ่นหมดหนทางแล้วจริง ๆ ถ้าให้พวกเขาลงมือต่
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาขอโทษขอโพย รัชทายาทน่าจะใกล้มาถึงแล้ว พวกเราอดทนกันอีกหน่อยนะ”ถึงมู่หรงจิ่นจะกระวนกระวายใจอย่างหนัก แต่ก็ยังกระซิบกำชับนางยังไม่ลืมพยายามใช้เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นกำบังร่างขาวปานหิมะของหลู่เซียงหลิง จะได้ไม่เผยออกมาเยอะเกินไป อย่างไรเสีย ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงยังสำคัญมาก“ข้า ข้ากลัวว่าตัวเองจะรอให้รัชทายาทมาถึงไม่ไหวแล้ว!”หลู่เซียงหลิงส่ายหน้า สีหน้าสิ้นหวัง ใช่ว่านางไม่อยากรอ หรือกลัวคนเลวทรามพวกนี้ก็ไม่ แต่นางไม่กล้าเอาชีวิตของบิดาไปเสี่ยง กลับกัน อย่างไรก็คือต้องตาย จะบริสุทธิ์ก็ดี จะแปดเปื้อนมลทินก็ช่าง อย่างน้อยก็ไม่ถึงกับทำให้บิดาและพระชายารัชทายาทต้องเดือดร้อนยามนี้ แววตาไร้ศูนย์ของหลู่เซียงหลิงเปลี่ยนเป็นแน่วแน่ขึ้นมา นางฝืนยันร่างอ่อนระทวย แล้วดึงเสื้อผ้าที่มู่หรงจิ่นเพิ่งคลุมให้ออกนางมองไปทางฉินยวนและเอ่ยขึ้น “ท่านอ๋องน้อย เมื่อครู่เป็นเซียงหลิงที่ไม่รู้ความเอง ข้ายอมพวกท่านแล้ว ท่านจะปล่อยพ่อข้ากับพระชายารัชทายาทไปได้หรือไม่? อย่างไรจุดประสงค์ของพวกท่านก็คือข้า พวกเขาคือผู้บริสุทธิ์”“แม่นางเซียงหลิง เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ! อย่ายอมแพ้เด็ดขาดนะ!”ครั้นกล
ชายหน้าอัปลักษณ์เห็นดังนั้นแล้วยิ่งคึก พุ่งตัวเข้าใส่ทันที คนอื่น ๆ ก็เริ่มด้วยเหมือนกัน ลูบไล้อย่างปราศจากความเกรงกลัว“พวก พวกเจ้า พวกเจ้ามันเดรัจฉาน! ปล่อยพวกนางนะ! ปล่อยพวกนาง! ข้าขอร้องละ!”หลู่หนีนอนหมดเรี่ยวแรงอยู่กับพื้น สองขาถูกตีจนหักแล้ว ไร้กำลังจะลุกขึ้นยืน เห็นลูกสาวและพระชายารัชทายาทถูกรังแก หลู่หนีสิ้นหวังเหลือคณา เขาอดกลั้นต่อความเจ็บแสนสาหัส คลานไปทางมู่หรงจิ่น ปากก็ขอร้องไม่หยุด“เฮอะ...”ฉินยวนมองหลู่หนีอย่างเย็นชา แสยะยิ้มอย่างดูแคลน “พี่น้องทั้งหลาย เอาเลยให้เต็มที่ไปเลย! เอาให้สดชื่น เอาให้สนุก!”“โอ้ว...”ครั้นได้รับการชี้สั่งของฉินยวน พวกเฉาส่วงก็กำเริบเสิบสานทันที ลงมือกับมู่หรงจิ่นและหลู่เซียงหลิงอย่างบ้าคลั่งมากขึ้น ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของพวกนางไม่หยุด“ไสหัวไปนะ พวกเจ้าทำอย่างนี้กรรมต้องตามสนองแน่!”ยามนี้มู่หรงจิ่นกลัวสุดขีด แต่นางยังคงกอดหลู่เซียงหลิงเอาไว้ไม่ปล่อย กลัวว่าหลู่เซียงหลิงจะถูกคนชั่วช้าฝูงนี้ทำให้แปดเปื้อน แม้นางก็ถูกอีกฝ่ายรังแกเหมือนกัน แต่ขณะที่ถูกล่วงเกิน มู่หรงจิ่นยังพยายามขัดขืนอย่างสุดความสามารถ“กรรมตามสนอง? ฮ่า ๆ ๆ เจ้าเชื่อจริงหร
“ข้าเอง ข้าเอง”เห็นหลู่เซียงหลิงอเนจอนาถเช่นนี้ หัวใจของฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้เหมือนถูกมีดกรีด เขารีบกอดหลู่เซียงหลิงเข้าอ้อมอกและพูดปลอบ “ไม่เป็นแล้ว เซียงหลิง ฝันร้ายมันจบลงแล้วนะ ข้ารับรองว่าต้องให้คนชั่วพวกนี้รับกรรมอย่างสาสม!”ในวาจาที่นุ่มนวลของฉินอวิ๋นฟานมีไฟโทสะมหาศาลแอบแฝงอยู่มู่หรงจิ่น หลู่หนี หลู่เซียงหลิงล้วนเป็นคนสำคัญที่สุดของฉินอวิ๋นฟาน ยิ่งเป็นสิ่งต้องห้ามของฉินอวิ๋นฟาน ไม่มีผู้ใดสามารถท้าทายเส้นต่ำสุดอยู่บนหัวของเขาได้ ผู้ใดท้าทาย มันต้องตาย!นี่คือเมืองหลวงต้าเฉียน มิใช่อำเภอเล็ก ๆ ที่นกไม่ถ่ายมูล พฤติกรรมต่ำทรามเช่นนี้กลับเกิดกับฉินอวิ๋นฟานเป็นครั้งที่สอง? หนำซ้ำยังปรากฏอยู่ในสำนักศึกษาหลวงต้าเฉียนซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์แห่งการศึกษา?หากเรื่องเช่นนี้ยังทนได้ เช่นนี้ยังมีอะไรที่ทนไม่ได้อีก!หากกำแหงอีก มิใช่ว่าผู้ใดก็ขี่อยู่บนหัวรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินต้าเฉียนแล้วอุจจาระใส่ได้หรือ?“รัช รัชทายาท ท่าน ท่านรับตัวข้าไว้เถอะ ข้าต้องการ ข้าต้องการอยู่กับท่าน!”เวลานี้ ด้วยฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดฉีอิน หลู่เซียงหลิงเสียสติสัมปชัญญะไปทุกที เสียความมุ่งมั่
และนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของเพลิงโทสะของฉินอวิ๋นฟานเท่านั้น ความสยองขวัญที่แท้จริงยังอยู่ข้างหลัง พวกเขาไม่ตระหนักเลยว่าตัวเองล่วงเกินตัวตนที่น่ากลัวขนาดไหนเพราะความโง่งมและกำแหงของพวกเขา ทำให้ชีวิตของพวกเขาเข้าสู่การนับถอยหลังอย่างเป็นทางการ หากพวกเขาไม่รู้ตัวเลย“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร? ริอ่าน...”ฉินยวนเพิ่งพูดไปได้ครึ่งเดียวก็ถูกฉินอวิ๋นฟานถีบหน้าอีกครั้ง ฉินอวิ๋นฟานไม่นึกอยากฟังว่าเขามีฐานะเช่นไร ยิ่งไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเขาเห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานราวกับเทพสังหารมาเยือน เขามองลงล่าง สายตาแห่งความตายนั้นไม่มีความรู้สึกสักนิด มีแต่การฆ่าฟันอย่างอำมหิตเท่านั้นจึงสามารถดับไฟโกรธไม่สิ้นสุดของเขา“ข้าไม่อยากรู้ว่าเจ้าคือใคร ข้าแค่รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำในวันนี้จะต้องตาย! นี่ก็พอแล้ว!”วาจาอย่างง่ายของฉินอวิ๋นฟานเต็มไปด้วยความเผด็จการ ไม่ปกปิดเจตนาสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขาสักนิด ถ้าไม่ใช่ว่าเขามาทันเวลา หลู่เซียงหลิงกับมู่หรงจิ่นคงประสบเคราะห์ไปแล้วบัญชีนี้ต้องมีคนชดใช้ด้วยชีวิตจึงจะดี!มิเช่นนั้น มหาสงครามกับต้าเยียนกำลังจะเกิด หากมีคนกลั่นแกล้งเขาอย
“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้า เจ้ามันบ้าไปแล้วหรือยังไง? พ่อข้าคืออ๋องหนึ่งเดียวของต้าเฉียนฉินอ้าวเชียวนะ! ถ้าเจ้าตีข้าตาย เจ้าต้องเจอดีแน่ พ่อข้าต้องแก้แค้นให้ข้าแน่!”ใบหน้าของฉินยวนมีแต่ความตื่นตระหนก มองฉินอวิ๋นฟานที่เดินมาทางตนทีละก้าว ยามนี้ในที่สุดเขาได้กลิ่นของความตายแล้ว ถ้าฉินอวิ๋นฟานตีต่อไปอย่างนี้ เกรงว่าเขาคงไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ทอแสงในวันพรุ่งจริง ๆเขารีบข่มขู่ “พี่เจ็ด เรามีอะไรก็พูดกันดี ๆ อย่าเพิ่งตีเลย ตีต่อไปได้ตายจริงแน่”“อ้อ? ตอนนี้รู้จักขอร้องแล้ว?”ฉินอวิ๋นฟานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้ากระแนะกระแหน “คาดว่าเมื่อกี้พวกนางน่าจะขอร้องเจ้าเหมือนกันสิ? แต่เจ้า! ทำยังไง? เคยละเว้นพวกนางไหม? เคยคิดถึงความกลัวและความรู้สึกของพวกเขาในตอนนั้นไหม?!”เผชิญกับการไต่ถามของฉินอวิ๋นฟาน ฉินยวนสีหน้ามืดสว่างสลับสับเปลี่ยน เขารีบอธิบาย “เป็นเพราะข้าลุ่มหลงมัวเมา เป็นข้าที่ทนการยุยงของคนอื่นไม่ได้ เป็นข้าที่ผิดต่อท่าน ข้าสำนึกแล้วจริง ๆ ท่านให้โอกาสข้าอีกสักครั้งนะ รับรอง ต่อไปข้าจะไม่กล้าอีกแล้ว”“พี่เจ็ด ถึงเรื่องนี้ข้าจะทำลงไปได้บัดซบมาก แต่พวกเราก็ไม่สำเร็จนี่ อย่างน้อยเรื่องมั
“หยุดนะ หยุดกันให้หมด”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานเตรียมจะลงมือต่อ จู่ ๆ ก็มีเสียงเร่งรีบดังมาจากนอกประตู ครั้นฉินอวิ๋นฟานและคนอื่น ๆ หันไปมอง เห็นเพียงชายสูงวัยเคราขาวและดูมีกำลังวังชาคนหนึ่งพาฝูงชายสูงวัยมาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก“หือ? เจ้าคือใคร?”แม้ฉินอวิ๋นฟานจะไม่รู้ตำแหน่งของพวกเขา แต่จากการแต่งเนื้อแต่งตัวยังพอเดาออกว่าพวกเขาคือใคร พวกเขาน่าจะเป็นพวกคนตำแหน่งสูงในสำนักศึกษาหลวงนั่นแหละ เพียงแต่ฉินอวิ๋นฟานไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามรายละเอียดของพวกเขาเท่านั้น“เรียนรัชทายาท ข้าน้อยคือหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงเซียวเทียนติ่งขอรับ”เซียวเทียนติ่งชายสูงวัยซึ่งเป็นผู้นำคุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานทันที ก่อนจะรายงานสถานการณ์ “ข้าน้อยสมควรตาย ไม่ได้ดูแลสำนักศึกษาหลวงให้ดี ทำให้สำนักศึกษาหลวงเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ รัชทายาทโปรดลงโทษด้วย”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้วเล็กน้อย “ได้ ข้ารู้แล้ว ในเมื่อเจ้าไม่มีธุระ ตอนนี้ก็ไสหัวออกไปได้แล้ว รอข้าจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อนค่อยจัดการเจ้า!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าเซียวเทียนติ่งแม้แต่น้อย กระทั่งไม่สนใจมองเขาสักสายตา คนพรรค์นี้สามารถดำแรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงได้ เ