และนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของเพลิงโทสะของฉินอวิ๋นฟานเท่านั้น ความสยองขวัญที่แท้จริงยังอยู่ข้างหลัง พวกเขาไม่ตระหนักเลยว่าตัวเองล่วงเกินตัวตนที่น่ากลัวขนาดไหนเพราะความโง่งมและกำแหงของพวกเขา ทำให้ชีวิตของพวกเขาเข้าสู่การนับถอยหลังอย่างเป็นทางการ หากพวกเขาไม่รู้ตัวเลย“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร? ริอ่าน...”ฉินยวนเพิ่งพูดไปได้ครึ่งเดียวก็ถูกฉินอวิ๋นฟานถีบหน้าอีกครั้ง ฉินอวิ๋นฟานไม่นึกอยากฟังว่าเขามีฐานะเช่นไร ยิ่งไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเขาเห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานราวกับเทพสังหารมาเยือน เขามองลงล่าง สายตาแห่งความตายนั้นไม่มีความรู้สึกสักนิด มีแต่การฆ่าฟันอย่างอำมหิตเท่านั้นจึงสามารถดับไฟโกรธไม่สิ้นสุดของเขา“ข้าไม่อยากรู้ว่าเจ้าคือใคร ข้าแค่รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำในวันนี้จะต้องตาย! นี่ก็พอแล้ว!”วาจาอย่างง่ายของฉินอวิ๋นฟานเต็มไปด้วยความเผด็จการ ไม่ปกปิดเจตนาสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขาสักนิด ถ้าไม่ใช่ว่าเขามาทันเวลา หลู่เซียงหลิงกับมู่หรงจิ่นคงประสบเคราะห์ไปแล้วบัญชีนี้ต้องมีคนชดใช้ด้วยชีวิตจึงจะดี!มิเช่นนั้น มหาสงครามกับต้าเยียนกำลังจะเกิด หากมีคนกลั่นแกล้งเขาอย
“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้า เจ้ามันบ้าไปแล้วหรือยังไง? พ่อข้าคืออ๋องหนึ่งเดียวของต้าเฉียนฉินอ้าวเชียวนะ! ถ้าเจ้าตีข้าตาย เจ้าต้องเจอดีแน่ พ่อข้าต้องแก้แค้นให้ข้าแน่!”ใบหน้าของฉินยวนมีแต่ความตื่นตระหนก มองฉินอวิ๋นฟานที่เดินมาทางตนทีละก้าว ยามนี้ในที่สุดเขาได้กลิ่นของความตายแล้ว ถ้าฉินอวิ๋นฟานตีต่อไปอย่างนี้ เกรงว่าเขาคงไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ทอแสงในวันพรุ่งจริง ๆเขารีบข่มขู่ “พี่เจ็ด เรามีอะไรก็พูดกันดี ๆ อย่าเพิ่งตีเลย ตีต่อไปได้ตายจริงแน่”“อ้อ? ตอนนี้รู้จักขอร้องแล้ว?”ฉินอวิ๋นฟานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้ากระแนะกระแหน “คาดว่าเมื่อกี้พวกนางน่าจะขอร้องเจ้าเหมือนกันสิ? แต่เจ้า! ทำยังไง? เคยละเว้นพวกนางไหม? เคยคิดถึงความกลัวและความรู้สึกของพวกเขาในตอนนั้นไหม?!”เผชิญกับการไต่ถามของฉินอวิ๋นฟาน ฉินยวนสีหน้ามืดสว่างสลับสับเปลี่ยน เขารีบอธิบาย “เป็นเพราะข้าลุ่มหลงมัวเมา เป็นข้าที่ทนการยุยงของคนอื่นไม่ได้ เป็นข้าที่ผิดต่อท่าน ข้าสำนึกแล้วจริง ๆ ท่านให้โอกาสข้าอีกสักครั้งนะ รับรอง ต่อไปข้าจะไม่กล้าอีกแล้ว”“พี่เจ็ด ถึงเรื่องนี้ข้าจะทำลงไปได้บัดซบมาก แต่พวกเราก็ไม่สำเร็จนี่ อย่างน้อยเรื่องมั
“หยุดนะ หยุดกันให้หมด”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานเตรียมจะลงมือต่อ จู่ ๆ ก็มีเสียงเร่งรีบดังมาจากนอกประตู ครั้นฉินอวิ๋นฟานและคนอื่น ๆ หันไปมอง เห็นเพียงชายสูงวัยเคราขาวและดูมีกำลังวังชาคนหนึ่งพาฝูงชายสูงวัยมาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก“หือ? เจ้าคือใคร?”แม้ฉินอวิ๋นฟานจะไม่รู้ตำแหน่งของพวกเขา แต่จากการแต่งเนื้อแต่งตัวยังพอเดาออกว่าพวกเขาคือใคร พวกเขาน่าจะเป็นพวกคนตำแหน่งสูงในสำนักศึกษาหลวงนั่นแหละ เพียงแต่ฉินอวิ๋นฟานไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามรายละเอียดของพวกเขาเท่านั้น“เรียนรัชทายาท ข้าน้อยคือหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงเซียวเทียนติ่งขอรับ”เซียวเทียนติ่งชายสูงวัยซึ่งเป็นผู้นำคุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานทันที ก่อนจะรายงานสถานการณ์ “ข้าน้อยสมควรตาย ไม่ได้ดูแลสำนักศึกษาหลวงให้ดี ทำให้สำนักศึกษาหลวงเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ รัชทายาทโปรดลงโทษด้วย”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้วเล็กน้อย “ได้ ข้ารู้แล้ว ในเมื่อเจ้าไม่มีธุระ ตอนนี้ก็ไสหัวออกไปได้แล้ว รอข้าจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อนค่อยจัดการเจ้า!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าเซียวเทียนติ่งแม้แต่น้อย กระทั่งไม่สนใจมองเขาสักสายตา คนพรรค์นี้สามารถดำแรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงได้ เ
“ข้าน้อยหาใช่ผู้วิเศษไม่ ไม่มีทางรู้ความเป็นไปในสำนักศึกษาได้ตลอดเวลา และไม่มีทางรู้ทุกสิ่งทุกอย่างละเอียดยิบ”กับฉินอวิ๋นฟานที่กำลังอยู่ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยว เซียวเทียนติ่งไม่ครั่นคร้ามสักนิด เขาหัวเราะเสียงเย็น “สำหรับความขัดแย้งในครั้งนี้ ข้าก็เพิ่งจะรู้จึงรีบมาเหมือนกัน หรือว่าแม้แต่เรื่องนี้รัชทายาทก็ยังสงสัยในตัวข้า? นี่จะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วกระมัง!”เซียวเทียนติ่งย่อมรู้วิธีการของฉินอวิ๋นฟาน ในฐานะที่เป็นหัวหน้าระดับสูงสุดของสำนักศึกษาสูงสุดของต้าเฉียน ไม่เพียงแต่มีระดับความรู้สูงส่งยิ่ง ยังมีฐานะสูงส่งในวงการศึกษา ย่อมมีความทระนงของผู้ทรงภูมิฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจเล็กน้อย เจ้าเซียวเทียนติ่งนี่เอาความกล้ามาจากไหนกันแน่? กล้างัดข้อกับเขาด้วยท่าทีเช่นนี้?เขาเอ่ยเสียงหนัก “จะเป็นข้าที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ หรือว่าจากแรกเริ่มพวกเจ้าก็เป็นพวกเดียวกัน? ที่ฉินยวนกล้ากำเริบเสิบสานในสำนักศึกษาหลวงเช่นนี้ ไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าอนุญาตสินะ?”“ท่าน ท่านใส่ความคน!”จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็โยนขี้มาให้เซียวเทียนติ่ง ตกใจจนสะดุ้งโหยงเดี๋ยวนั้น เขารีบแก้ต
เวลานี้เซียวเทียนติ่งตื่นตระหนกอย่างหาที่เปรียบมิได้ ในใจร้อนรนเหลือคณา เขาส่งคนไปแจ้งเฮ่อชิงอ๋องนานแล้ว หวังแต่จะประวิงเวลาได้สักหน่อย พยายามให้เฮ่อชินอ๋องมาถึง มิเช่นนี้เกรงว่าเขาจะแบกรับความกดดันไม่ไหว“แม่เอ๊ยเจ้าสุนัขเฒ่า เจ้ามันลูกกระจ๊อกก็กล้าขึ้นเสียงกับข้าหรือ? เจ้ามันเป็นตัวอะไรก็กล้าพูดช่วยคนต่อหน้าข้า? ไม่รู้ว่าตัวเองมีสถานะอะไร? ข้ายังไม่ได้เอาเรื่องกับเจ้าเลย เจ้ากลับไม่รู้จักหนักเบา?”ฉินอวิ๋นฟานถูกเซียวเทียนติ่งกระตุ้นต่อมโมโหจนเดือดแล้ว ไม่ได้ลงมือกับสุนัขเฒ่านี้ก่อนก็เมตตามากแล้ว ผลกลับดีเลย ตาแก่นี่กลับได้คืบเอาศอก? ไม่รู้จักรักษาหน้า ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าฉินอวิ๋นฟานยังต้องตามใจเจ้า?”ครั้นสิ้นเสียง ฉินอวิ๋นฟานคว้าม้านั่งยาวขึ้นมาแล้วฟาดใส่เซียวเทียนติ่งอย่างโหดเหี้ยม“ฮะ? ท่าน...”จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็คว้าม้านั่งมาฟาดใส่ เซียวเทียนติ่งพลันสะดุ้งโหยง รีบหลบแต่ก็ยังถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดใส่แรง ๆ อยู่ดี ม้านั่งยาวหวดลงบนหลังเขาโดยตรง!“โอ๊ย คุณพระคุณเจ้าช่วย!”ถูกฉินอวิ๋นฟานหวดใส่หนัก ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงส่งมาถึง เซียวเทียนติ่งหน้าถอดสีตื่นตระหนกแหกปากทันที ก็ขณะที่
ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังเตรียมจะลงมือ จู่ ๆ ก็มีเสียงตะคอกดังมาจากข้างนอก เสียงน่าเกรงขามและเต็มไปด้วยความเผด็จการนั้นทำให้ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วขึ้นมา“เสด็จอา?”ฉินอวิ๋นฟานชายตาขึ้นมา เห็นชายชราร่างกายผ่ายผอมมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม กอปรกับท่วงทำนองน่าเกรงขามโดยปราศจากโทสะนั้น ฉินอวิ๋นฟานจำได้ทันทีว่าเขาคือฉินอ้าว ชินอ๋องหนึ่งเดียวของต้าเฉียนแม้จะไม่ได้พบกันหนึ่งทศวรรษ แต่ความผยองที่ส่งออกมาจากแก่นแท้ กลิ่นอายสูงศักดิ์ และการปรากฏตัวในเวลานี้กะทันหัน นอกจากเฮ่อชิงอ๋องแล้วยังจะเป็นใครไปได้อีก?“หลานอวิ๋นฟาน ในเมื่อเจ้ารู้ว่าคือข้าแล้วยังไม่หยุดมืออีก? ขืนตีต่อไปน้องชายของเจ้าคนนี้จะตายจริง ๆ แล้วนะ!”ฉินอ้าวสองมือไพล่หลัง กำลังจ้องฉินอวิ๋นฟานด้วยสายตาคมกริบประหนึ่งเหยี่ยว คล้ายกำลังมองวิญญาณของฉินอวิ๋นฟานให้ทะลุปรุโปร่ง แค่แวบตาเดียวก็ทำให้ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกกดดันอย่างหนักแล้ว“เสด็จอา ใช่ว่าข้าไม่ยอมปล่อยเขา แต่เขาล้ำเส้น ใครแตะต้องเส้นต่ำสุดของข้าฉินอวิ๋นฟาน ข้าจะไม่ยอมรามือ”แม้ว่าฉินอ้าวจะแข็งกร้าวไม่มีใครเทียม ฉินอวิ๋นฟานก็ยังไม่ลดละแม้แต่น้อย ท่าทีแน่วแน่ นี่ก็คือนิสัยของเขา ไม
ฉินอ้าวพูดด้วยสีหน้าราบเรียบคำพูดนี้ของฉินอ้าวไร้ช่องโหว่ให้จับผิด ทำให้ฉินอวิ๋นฟานหาจุดที่น่าสงสัยไม่ได้ และหาจุดโต้ตอบไม่ได้ด้วยเช่นกัน จากต้นจนจบ เขาไม่ได้พูดว่าให้ฆ่าฉินยวน ทั้งยังจะตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตนเองอีกความมั่นใจและความมากอุบายเช่นนี้ทำให้ฉินอวิ๋นฟานต้องมองเฮ่อชินอ๋องตรงหน้าเสียใหม่ ทั้งที่เขามาช่วยบุตรชาย กลับทำทีมีคุณธรรมเหลือล้น พูดเรียบ ๆ แค่ไม่กี่คำก็ทำให้ฉินอวิ๋นฟานเริ่มทำอะไรไม่ถูกจิตใจเช่นนี้คนทั่วไปจะสามารถมีได้หรือ? ยามนี้ ฉินอวิ๋นฟานยิ่งพิสูจน์และยืนยันข้อสันนิษฐานของตัวเองแล้ว ฉินอ้าวไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นแน่นอน“เสด็จอาพูดขนาดนี้แล้ว ถ้าข้ายังไม่ไว้หน้าอีก จะมิเป็นการเสียมารยาทหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลงในที่สุด สุดท้ายเขายังมีกำลังในต้าเฉียนน้อยเกินไป อยากตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรื่องนี้คือเรื่องที่เป็นไปได้ยากหากฉินอ้าวออกโรงด้วยตัวเอง ตรวจสอบรู้ว่าประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คืออะไรก็อาจเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง เขาก็อยากเห็นฝีมือของฉินอ้าวเหมือนกันฉินอ้าวยิ้มเรียบ หันหน้าเดินไปถึงตรงหน้าพวกเฉาส่วง กลิ่นอายของผู้เป็นใหญ่ปะทะใบหน้า ทำให
“ถูก ถูกต้องแล้วขอรับ ตั้งแต่เขาแพ้ท่านในการประลองด้านบุ๋นเมื่อสี่เดือนก่อน หนำซ้ำยังถูกท่านตอนอีกก็คิดแค้นฝังใจ จึงคิดแผนการแก้แค้นชั่วร้ายนี้ขึ้นมา ข้าแค่เอาประโยชน์จากเขา ใส่ไฟอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น”เหลียงคังเหนียนอธิบายด้วยใบหน้าตื่นตระหนกลนลาน“ทำไม ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้? เราให้ทางรอดกับเขาแล้วแท้ ๆ ทำไมเขาถึงยังใช้วิธีการอย่างนี้เอาคืนเราอีก?”พอได้ยินว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเหลียงคังจวิ้น มู่หรงจิ่นพลันจิตใจพังทลาย ชายในฝันวัยแรกแย้มของนางย่อยยับโดยสิ้นเชิง อัจฉริยะสุภาพชนที่นางชื่นชมชั่วขณะหนึ่ง กลับเป็นคนชั่วช้าสามานย์เช่นนี้หรือ?“บัดซบ! เจ้าบัดซบนี่! ตอนนั้นข้าไม่ควรเก็บชีวิตสุนัขของมันเอาไว้เลย!”สี่เดือนให้หลังกลับถูกเหลียงคังจวิ้นแทงข้างหลัง ทำให้ฉินอวิ๋นฟานเดือดเป็นฟืนเป็นไฟในพริบตา กระทั่งรู้สึกขนพองสยองเกล้า ดีที่เขามาทันกาล มิเช่นนั้นผลลัพธ์ยากจะจินตนาการ คนเลวพรรค์นี้ช่างน่ากลัวนะ จะเก็บมันไว้ไม่ได้เด็ดขาด!“หลานอวิ๋นฟาน ถึงเหลียงคังจวิ้นจะมีใจเอาคืน นั่นก็ต้องได้ข้อมูลที่เชื่อถือได้จึงจะทำได้ ด้วยสภาพของเขาในเวลานี้ สามารถวางแผนได้รัดกุมเช่นนี้ จะต้องได้รับ