และนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของเพลิงโทสะของฉินอวิ๋นฟานเท่านั้น ความสยองขวัญที่แท้จริงยังอยู่ข้างหลัง พวกเขาไม่ตระหนักเลยว่าตัวเองล่วงเกินตัวตนที่น่ากลัวขนาดไหนเพราะความโง่งมและกำแหงของพวกเขา ทำให้ชีวิตของพวกเขาเข้าสู่การนับถอยหลังอย่างเป็นทางการ หากพวกเขาไม่รู้ตัวเลย“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร? ริอ่าน...”ฉินยวนเพิ่งพูดไปได้ครึ่งเดียวก็ถูกฉินอวิ๋นฟานถีบหน้าอีกครั้ง ฉินอวิ๋นฟานไม่นึกอยากฟังว่าเขามีฐานะเช่นไร ยิ่งไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระของเขาเห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานราวกับเทพสังหารมาเยือน เขามองลงล่าง สายตาแห่งความตายนั้นไม่มีความรู้สึกสักนิด มีแต่การฆ่าฟันอย่างอำมหิตเท่านั้นจึงสามารถดับไฟโกรธไม่สิ้นสุดของเขา“ข้าไม่อยากรู้ว่าเจ้าคือใคร ข้าแค่รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าทำในวันนี้จะต้องตาย! นี่ก็พอแล้ว!”วาจาอย่างง่ายของฉินอวิ๋นฟานเต็มไปด้วยความเผด็จการ ไม่ปกปิดเจตนาสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวเขาสักนิด ถ้าไม่ใช่ว่าเขามาทันเวลา หลู่เซียงหลิงกับมู่หรงจิ่นคงประสบเคราะห์ไปแล้วบัญชีนี้ต้องมีคนชดใช้ด้วยชีวิตจึงจะดี!มิเช่นนั้น มหาสงครามกับต้าเยียนกำลังจะเกิด หากมีคนกลั่นแกล้งเขาอย
“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้า เจ้ามันบ้าไปแล้วหรือยังไง? พ่อข้าคืออ๋องหนึ่งเดียวของต้าเฉียนฉินอ้าวเชียวนะ! ถ้าเจ้าตีข้าตาย เจ้าต้องเจอดีแน่ พ่อข้าต้องแก้แค้นให้ข้าแน่!”ใบหน้าของฉินยวนมีแต่ความตื่นตระหนก มองฉินอวิ๋นฟานที่เดินมาทางตนทีละก้าว ยามนี้ในที่สุดเขาได้กลิ่นของความตายแล้ว ถ้าฉินอวิ๋นฟานตีต่อไปอย่างนี้ เกรงว่าเขาคงไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ทอแสงในวันพรุ่งจริง ๆเขารีบข่มขู่ “พี่เจ็ด เรามีอะไรก็พูดกันดี ๆ อย่าเพิ่งตีเลย ตีต่อไปได้ตายจริงแน่”“อ้อ? ตอนนี้รู้จักขอร้องแล้ว?”ฉินอวิ๋นฟานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้ากระแนะกระแหน “คาดว่าเมื่อกี้พวกนางน่าจะขอร้องเจ้าเหมือนกันสิ? แต่เจ้า! ทำยังไง? เคยละเว้นพวกนางไหม? เคยคิดถึงความกลัวและความรู้สึกของพวกเขาในตอนนั้นไหม?!”เผชิญกับการไต่ถามของฉินอวิ๋นฟาน ฉินยวนสีหน้ามืดสว่างสลับสับเปลี่ยน เขารีบอธิบาย “เป็นเพราะข้าลุ่มหลงมัวเมา เป็นข้าที่ทนการยุยงของคนอื่นไม่ได้ เป็นข้าที่ผิดต่อท่าน ข้าสำนึกแล้วจริง ๆ ท่านให้โอกาสข้าอีกสักครั้งนะ รับรอง ต่อไปข้าจะไม่กล้าอีกแล้ว”“พี่เจ็ด ถึงเรื่องนี้ข้าจะทำลงไปได้บัดซบมาก แต่พวกเราก็ไม่สำเร็จนี่ อย่างน้อยเรื่องมั
“หยุดนะ หยุดกันให้หมด”ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานเตรียมจะลงมือต่อ จู่ ๆ ก็มีเสียงเร่งรีบดังมาจากนอกประตู ครั้นฉินอวิ๋นฟานและคนอื่น ๆ หันไปมอง เห็นเพียงชายสูงวัยเคราขาวและดูมีกำลังวังชาคนหนึ่งพาฝูงชายสูงวัยมาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก“หือ? เจ้าคือใคร?”แม้ฉินอวิ๋นฟานจะไม่รู้ตำแหน่งของพวกเขา แต่จากการแต่งเนื้อแต่งตัวยังพอเดาออกว่าพวกเขาคือใคร พวกเขาน่าจะเป็นพวกคนตำแหน่งสูงในสำนักศึกษาหลวงนั่นแหละ เพียงแต่ฉินอวิ๋นฟานไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามรายละเอียดของพวกเขาเท่านั้น“เรียนรัชทายาท ข้าน้อยคือหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงเซียวเทียนติ่งขอรับ”เซียวเทียนติ่งชายสูงวัยซึ่งเป็นผู้นำคุกเข่าลงตรงหน้าฉินอวิ๋นฟานทันที ก่อนจะรายงานสถานการณ์ “ข้าน้อยสมควรตาย ไม่ได้ดูแลสำนักศึกษาหลวงให้ดี ทำให้สำนักศึกษาหลวงเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ รัชทายาทโปรดลงโทษด้วย”ฉินอวิ๋นฟานเลิกคิ้วเล็กน้อย “ได้ ข้ารู้แล้ว ในเมื่อเจ้าไม่มีธุระ ตอนนี้ก็ไสหัวออกไปได้แล้ว รอข้าจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อนค่อยจัดการเจ้า!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าเซียวเทียนติ่งแม้แต่น้อย กระทั่งไม่สนใจมองเขาสักสายตา คนพรรค์นี้สามารถดำแรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักศึกษาหลวงได้ เ
“ข้าน้อยหาใช่ผู้วิเศษไม่ ไม่มีทางรู้ความเป็นไปในสำนักศึกษาได้ตลอดเวลา และไม่มีทางรู้ทุกสิ่งทุกอย่างละเอียดยิบ”กับฉินอวิ๋นฟานที่กำลังอยู่ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยว เซียวเทียนติ่งไม่ครั่นคร้ามสักนิด เขาหัวเราะเสียงเย็น “สำหรับความขัดแย้งในครั้งนี้ ข้าก็เพิ่งจะรู้จึงรีบมาเหมือนกัน หรือว่าแม้แต่เรื่องนี้รัชทายาทก็ยังสงสัยในตัวข้า? นี่จะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วกระมัง!”เซียวเทียนติ่งย่อมรู้วิธีการของฉินอวิ๋นฟาน ในฐานะที่เป็นหัวหน้าระดับสูงสุดของสำนักศึกษาสูงสุดของต้าเฉียน ไม่เพียงแต่มีระดับความรู้สูงส่งยิ่ง ยังมีฐานะสูงส่งในวงการศึกษา ย่อมมีความทระนงของผู้ทรงภูมิฉินอวิ๋นฟานประหลาดใจเล็กน้อย เจ้าเซียวเทียนติ่งนี่เอาความกล้ามาจากไหนกันแน่? กล้างัดข้อกับเขาด้วยท่าทีเช่นนี้?เขาเอ่ยเสียงหนัก “จะเป็นข้าที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ หรือว่าจากแรกเริ่มพวกเจ้าก็เป็นพวกเดียวกัน? ที่ฉินยวนกล้ากำเริบเสิบสานในสำนักศึกษาหลวงเช่นนี้ ไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าอนุญาตสินะ?”“ท่าน ท่านใส่ความคน!”จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็โยนขี้มาให้เซียวเทียนติ่ง ตกใจจนสะดุ้งโหยงเดี๋ยวนั้น เขารีบแก้ต
เวลานี้เซียวเทียนติ่งตื่นตระหนกอย่างหาที่เปรียบมิได้ ในใจร้อนรนเหลือคณา เขาส่งคนไปแจ้งเฮ่อชิงอ๋องนานแล้ว หวังแต่จะประวิงเวลาได้สักหน่อย พยายามให้เฮ่อชินอ๋องมาถึง มิเช่นนี้เกรงว่าเขาจะแบกรับความกดดันไม่ไหว“แม่เอ๊ยเจ้าสุนัขเฒ่า เจ้ามันลูกกระจ๊อกก็กล้าขึ้นเสียงกับข้าหรือ? เจ้ามันเป็นตัวอะไรก็กล้าพูดช่วยคนต่อหน้าข้า? ไม่รู้ว่าตัวเองมีสถานะอะไร? ข้ายังไม่ได้เอาเรื่องกับเจ้าเลย เจ้ากลับไม่รู้จักหนักเบา?”ฉินอวิ๋นฟานถูกเซียวเทียนติ่งกระตุ้นต่อมโมโหจนเดือดแล้ว ไม่ได้ลงมือกับสุนัขเฒ่านี้ก่อนก็เมตตามากแล้ว ผลกลับดีเลย ตาแก่นี่กลับได้คืบเอาศอก? ไม่รู้จักรักษาหน้า ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าฉินอวิ๋นฟานยังต้องตามใจเจ้า?”ครั้นสิ้นเสียง ฉินอวิ๋นฟานคว้าม้านั่งยาวขึ้นมาแล้วฟาดใส่เซียวเทียนติ่งอย่างโหดเหี้ยม“ฮะ? ท่าน...”จู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็คว้าม้านั่งมาฟาดใส่ เซียวเทียนติ่งพลันสะดุ้งโหยง รีบหลบแต่ก็ยังถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดใส่แรง ๆ อยู่ดี ม้านั่งยาวหวดลงบนหลังเขาโดยตรง!“โอ๊ย คุณพระคุณเจ้าช่วย!”ถูกฉินอวิ๋นฟานหวดใส่หนัก ๆ ความเจ็บปวดรุนแรงส่งมาถึง เซียวเทียนติ่งหน้าถอดสีตื่นตระหนกแหกปากทันที ก็ขณะที่
ก็ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังเตรียมจะลงมือ จู่ ๆ ก็มีเสียงตะคอกดังมาจากข้างนอก เสียงน่าเกรงขามและเต็มไปด้วยความเผด็จการนั้นทำให้ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วขึ้นมา“เสด็จอา?”ฉินอวิ๋นฟานชายตาขึ้นมา เห็นชายชราร่างกายผ่ายผอมมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม กอปรกับท่วงทำนองน่าเกรงขามโดยปราศจากโทสะนั้น ฉินอวิ๋นฟานจำได้ทันทีว่าเขาคือฉินอ้าว ชินอ๋องหนึ่งเดียวของต้าเฉียนแม้จะไม่ได้พบกันหนึ่งทศวรรษ แต่ความผยองที่ส่งออกมาจากแก่นแท้ กลิ่นอายสูงศักดิ์ และการปรากฏตัวในเวลานี้กะทันหัน นอกจากเฮ่อชิงอ๋องแล้วยังจะเป็นใครไปได้อีก?“หลานอวิ๋นฟาน ในเมื่อเจ้ารู้ว่าคือข้าแล้วยังไม่หยุดมืออีก? ขืนตีต่อไปน้องชายของเจ้าคนนี้จะตายจริง ๆ แล้วนะ!”ฉินอ้าวสองมือไพล่หลัง กำลังจ้องฉินอวิ๋นฟานด้วยสายตาคมกริบประหนึ่งเหยี่ยว คล้ายกำลังมองวิญญาณของฉินอวิ๋นฟานให้ทะลุปรุโปร่ง แค่แวบตาเดียวก็ทำให้ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกกดดันอย่างหนักแล้ว“เสด็จอา ใช่ว่าข้าไม่ยอมปล่อยเขา แต่เขาล้ำเส้น ใครแตะต้องเส้นต่ำสุดของข้าฉินอวิ๋นฟาน ข้าจะไม่ยอมรามือ”แม้ว่าฉินอ้าวจะแข็งกร้าวไม่มีใครเทียม ฉินอวิ๋นฟานก็ยังไม่ลดละแม้แต่น้อย ท่าทีแน่วแน่ นี่ก็คือนิสัยของเขา ไม
ฉินอ้าวพูดด้วยสีหน้าราบเรียบคำพูดนี้ของฉินอ้าวไร้ช่องโหว่ให้จับผิด ทำให้ฉินอวิ๋นฟานหาจุดที่น่าสงสัยไม่ได้ และหาจุดโต้ตอบไม่ได้ด้วยเช่นกัน จากต้นจนจบ เขาไม่ได้พูดว่าให้ฆ่าฉินยวน ทั้งยังจะตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตนเองอีกความมั่นใจและความมากอุบายเช่นนี้ทำให้ฉินอวิ๋นฟานต้องมองเฮ่อชินอ๋องตรงหน้าเสียใหม่ ทั้งที่เขามาช่วยบุตรชาย กลับทำทีมีคุณธรรมเหลือล้น พูดเรียบ ๆ แค่ไม่กี่คำก็ทำให้ฉินอวิ๋นฟานเริ่มทำอะไรไม่ถูกจิตใจเช่นนี้คนทั่วไปจะสามารถมีได้หรือ? ยามนี้ ฉินอวิ๋นฟานยิ่งพิสูจน์และยืนยันข้อสันนิษฐานของตัวเองแล้ว ฉินอ้าวไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นแน่นอน“เสด็จอาพูดขนาดนี้แล้ว ถ้าข้ายังไม่ไว้หน้าอีก จะมิเป็นการเสียมารยาทหรือ?”ฉินอวิ๋นฟานพิจารณาครู่หนึ่งก่อนจะตอบตกลงในที่สุด สุดท้ายเขายังมีกำลังในต้าเฉียนน้อยเกินไป อยากตรวจสอบข้อเท็จจริงของเรื่องนี้คือเรื่องที่เป็นไปได้ยากหากฉินอ้าวออกโรงด้วยตัวเอง ตรวจสอบรู้ว่าประเด็นสำคัญของเรื่องนี้คืออะไรก็อาจเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง เขาก็อยากเห็นฝีมือของฉินอ้าวเหมือนกันฉินอ้าวยิ้มเรียบ หันหน้าเดินไปถึงตรงหน้าพวกเฉาส่วง กลิ่นอายของผู้เป็นใหญ่ปะทะใบหน้า ทำให
“ถูก ถูกต้องแล้วขอรับ ตั้งแต่เขาแพ้ท่านในการประลองด้านบุ๋นเมื่อสี่เดือนก่อน หนำซ้ำยังถูกท่านตอนอีกก็คิดแค้นฝังใจ จึงคิดแผนการแก้แค้นชั่วร้ายนี้ขึ้นมา ข้าแค่เอาประโยชน์จากเขา ใส่ไฟอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น”เหลียงคังเหนียนอธิบายด้วยใบหน้าตื่นตระหนกลนลาน“ทำไม ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้? เราให้ทางรอดกับเขาแล้วแท้ ๆ ทำไมเขาถึงยังใช้วิธีการอย่างนี้เอาคืนเราอีก?”พอได้ยินว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเหลียงคังจวิ้น มู่หรงจิ่นพลันจิตใจพังทลาย ชายในฝันวัยแรกแย้มของนางย่อยยับโดยสิ้นเชิง อัจฉริยะสุภาพชนที่นางชื่นชมชั่วขณะหนึ่ง กลับเป็นคนชั่วช้าสามานย์เช่นนี้หรือ?“บัดซบ! เจ้าบัดซบนี่! ตอนนั้นข้าไม่ควรเก็บชีวิตสุนัขของมันเอาไว้เลย!”สี่เดือนให้หลังกลับถูกเหลียงคังจวิ้นแทงข้างหลัง ทำให้ฉินอวิ๋นฟานเดือดเป็นฟืนเป็นไฟในพริบตา กระทั่งรู้สึกขนพองสยองเกล้า ดีที่เขามาทันกาล มิเช่นนั้นผลลัพธ์ยากจะจินตนาการ คนเลวพรรค์นี้ช่างน่ากลัวนะ จะเก็บมันไว้ไม่ได้เด็ดขาด!“หลานอวิ๋นฟาน ถึงเหลียงคังจวิ้นจะมีใจเอาคืน นั่นก็ต้องได้ข้อมูลที่เชื่อถือได้จึงจะทำได้ ด้วยสภาพของเขาในเวลานี้ สามารถวางแผนได้รัดกุมเช่นนี้ จะต้องได้รับ
ฉินอวิ๋นฮุยจ้องฉินอวิ๋นฟาน สายตามืดสว่างไม่แน่นอน เขาเลื่องชื่อเรื่องชำนาญการวางแผนกลอุบายในต้าเฉียน มีหรือจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่อีกฝ่ายพูดเฮ่อชินอ๋องฉินอ้าวอันตรายเพียงใด วิธีการน่ากลัวเพียงใด เขารู้ดีกว่าคนส่วนใหญ่ในที่นี้อีก นั่นคือราชสีห์เฒ่าที่ซ่อนเร้นมานานหลายสิบปีตัวหนึ่ง บัดนี้ตื่นขึ้นโดยสิ้นเชิงแล้ว“องค์ชายรอง ฉินอวิ๋นฟานคารมคมคายที่สุด ท่านอย่าได้หลงกลเขานะ”ยามนี้ถังเจิ้นไห่ใจร้อนดั่งไฟเผา หากฉินอวิ๋นฮุยหันหลังทิ้งเขา นั่นจะได้เปิดหูเปิดตาจริงแล้ว ความสัมพันธ์พันธมิตรที่เพิ่งก่อตั้ง พลังทลายลงด้วยผลประโยชน์อันยั่วยวนและการพูดไม่กี่คำของฉินอวิ๋นฟาน“ข้า...”ฉินอวิ๋นฮุยอยากจะพูดแต่ก็หยุดอีก ในใจสับสนนักยามที่เขาได้ประโยชน์จากฉินอวิ๋นฟานและร่วมมือกับอีกฝ่าย ในใจก็มีคำตอบแล้ว ติดที่ร่วมมือกับเฮ่อชินอ๋องเป็นครั้งแรกก็ต้องจบด้วยรูปแบบไม่รื่นรมย์เช่นนี้ มากน้อยยังลำบากใจอยู่บ้างนาทีนี้ ฉินอวิ๋นฟานขมวดคิ้วน้อย ๆ ที่แล้วมาพี่รองเป็นคนคำนวณแม่นยำ ความคิดชัดเจน สถานการณ์ในวันนี้เรียกว่าแค่มองก็รู้ คุณโทษเขาก็วิเคราะห์ได้ชัด ไม่นึกว่าพี่รองจะคิดหนักถึงขั้นนี้ทันใดนั้น
ถังเจิ้นไห่สีหน้าแย่ที่สุด นี่คือการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เข้าร่วมการชิงบัลลังก์อย่างโจ่งแจ้งและเป็นทางการของพวกเขา กลับต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ เขาแค้นใจนัก ดังนั้นก็ต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อยู่แล้ว“เหอะ...รัชทายาท ข้าจำต้องยอมรับความต้องการก้าวสู้ความยิ่งใหญ่ของท่าน ทุกคนในที่นี้ถูกหลอกกันหมด ท่านคิดว่าตัวเองอาภรณ์ไร้ตะเข็บจริงหรือ?”ถังเจิ้นไห่เห็นฉินอวิ๋นฮุยหวั่นไหวจึงก้าวออกมาอีกครั้ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น จะให้ฉินอวิ๋นฟานสมหวังไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นขั้วอิทธิพลของพวกเขาจะกลายเป็นชุดวิวาห์ของฉินอวิ๋นฟานการทุ่มเทกายใจเพื่อให้คนอื่นประสบความสำเร็จ เขาไม่มีทางทำเด็ดขาด แม้ต้องเสี่ยงล่วงเกินไท่ซั่งหวง เขายังต้องก้าวออกมา ถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ข้างหลังเขาก็คือเฮ่อชินอ๋อง โอรสสายพระโลหิตของไท่ซั่งหวงเขาไม่เชื่อว่าไท่ซั่งหวงจะกล้าฆ่ากระทั่งโอรสที่เหลืออยู่เพียงองค์เดียว“อ้อ? แม่ทัพผู้เฒ่าถัง ท่านหมายความว่ายังไง?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้ง ยามนี้ทุกย่างก้าวสำคัญต่อเขามาก เขาต้องระมัดระวังรอบคอบ นอกเสียจากเป็นเรื่องที่มีคุณไร้โทษต่อเขา เขาจึงจะออกมาแสดงจ
“เลอะเลือน?”ฉินอวิ๋นฮุยขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพูด “น้องเจ็ด เจ้าหมายความว่ายังไง?”ชิงอำนาจผลประโยชน์มานานเช่นนี้ พวกเขาย่อมแบ่งแยกคุณโทษได้ชัดเจน ชนชั้นเจ้าของที่ดินคือรายได้และผลประโยชน์ส่วนสำคัญและเป็นความมั่นคงของบรรดาผู้มีอำนาจ คือวิธีการสำคัญในการบีบบังคับอำนาจราชวงศ์มาถึงฉินอวิ๋นฟานก็จะลงมือกับพวกเจ้าของที่ดิน ย่อมแตะจุดอ่อนไหวของพวกเขาเป็นธรรมดา พวกเขามิใช่คนเขลา ไม่มีทางให้ฉินอวิ๋นฟานสมปรารถนาง่าย ๆ หรอก ต่อให้ไม่ได้เมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูง พวกเขาก็จะไม่เปิดโอกาสให้ฉินอวิ๋นฟานง่าย ๆ อย่างแน่นอน!“พี่ใหญ่ พี่รอง หรือพวกท่านยังไม่เห็นอีก? ฮ่องเต้ต้าเฉียนแต่ละพระองค์ปวดหัวกับพวกเจ้าของที่ดินพวกนี้มากที่สุดใช่หรือไม่?”ฉินอวิ๋นฟานกล่าววาจาโน้มน้าวทีละขั้น“หือ?”ฉินอวิ๋นฮุยเลิกคิ้ว ไม่ได้ตอบคำถามของฉินอวิ๋นฟานโดยตรง เขากำลังใคร่ครวญอยู่ในใจ ก่อนขึ้นครองราชย์เขาจะต้องเป็นพวกเดียวกับเจ้าของที่ดินเหล่านี้ หากเขารู้ดีว่าในอดีตเสด็จพ่อทรงปวดศีรษะมากเพียงไร ถ้าเขาสามารถขึ้นตำแหน่งนั้น...จะต่างกันโดยสิ้นเชิง!“ท่านดูสิ ข้าแค่ใช้ที่ดินของพวกเจ้าของที่ดินเหล่านี้ผลิตธัญพืชมากขึ้น ภายใต้
“แน่นอน”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มอย่างมั่นใจ “ในเมื่อชาวบ้านเมืองจัวต่างเพาะปลูกข้าวผลผลิตสูงจนชีวิตความเป็นอยู่เริ่มดีแล้ว แล้วหม่อมฉันยังจะทำใจเห็นชาวบ้านเมืองอื่น ๆ หิวโหยได้อย่างไร?”“อ้อ? ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง ฟานเอ๋อร์ เจ้าคิดจะทำยังไง?”สายตาที่ไท่ซั่งหวงมองฉินอวิ๋นฟานเกิดความเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ทบทวนทุกเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานทำในวันนี้ นั่นล้วนแล้วแต่ทำให้เขารู้สึกปลื้มใจและตกตะลึงยิ่งนัก เรื่องแรกที่เขาทำก็คือเรื่องสำนักศึกษาหลวง บ่มเพาะผู้มีความสามารถเพื่ออนาคตของต้าเฉียนเรื่องที่สองคือก่อตั้งเมืองการค้าขนาดใหญ่ ให้คนจากทุกแคว้นมาค้าขายกับต้าเฉียน เช่นนี้จะทำให้ต้าเฉียนกลายเป็นศูนย์กลางการค้าโลก เศรษฐกิจของต้าเฉียนจะรุดหน้าแบบที่มิอาจหยุดยั้งเรื่องที่สามคือเรื่องที่ไท่ซั่งหวงปลาบปลื้มมากที่สุด โลกในปัจจุบัน การแก้ไขปัญหาปากท้องคือปัญหาใหญ่หลวงในศตวรรษนี้ ทว่าฟานเอ๋อร์ใส่ใจกับเรื่องนี้ตามที่เขาคาดคิดเอาไว้“เสด็จปู่ เป็นเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ ปริมาณการผลิตของข้าวข้ามสายพันธุ์สูงกว่าข้าวทั่วไปถึงเจ็ดเท่า ดังนั้นการกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวผลผลิตสูงนี้จะรอช้าไม่ได้”ฉินอวิ๋นฟานพูดเป็นการเป็นง
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน