ฉินอวิ๋นฮุยสับเปลี่ยนแนวคิดโดยตรง หลังจากทำความรู้จักกับฉินอวิ๋นฟานในหลายวันนี้ คนผู้นี้ดื้อรั้นที่สุด คิดจะให้เขาปล่อยฉินอวิ๋นผู่น้องชายแท้ ๆ คือเรื่องไม่ง่ายเด็ดขาดเรื่องหนึ่ง“คลายความโกรธ? เจ้าคิดว่านี่คือเรื่องที่คลายความโกรธไม่คลายความโกรธงั้นรึ?”ฉินอวิ๋นฟานแววตาลุ่มลึกมากขึ้นทุกที ยิ่งรู้ว่านี่คือการพูดแก้ต่างให้น้องชายของฉินอวิ๋นฮุย แต่น่าเสียดาย เขาไม่มีเปิดโอกาสนี้ให้อีกฝ่ายหรอกเขาเอ่ยอย่างเย็นชาต่อ “ราชวงศ์ต้าเฉียนมีกฎอารยะระหว่างนางสนม องค์ชายและญาติฝ่ายหญิง หากมีผู้กระทำการผิดกฎเหล็ก ไม่ว่ามันจะเป็นใคร จะต้องประหารที่หน้าประตูวังหลวง หากมีผู้ขัดขืนประหารได้ทันที ประกาศต่อใต้หล้าเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง หรือว่าเจ้าลืมไปหมดแล้ว?”“อะไรนะ? ประหารหน้าประตูวังหลวง?”พอฉินอวิ๋นผู่ได้ยินคำนี้ก็ลนลาน ความครั่นคร้ามกระจายอยู่ทั่วหน้าอันซีดเผือด ตอนนี้เองเขาจึงตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่อง รีบร้องออกไป “พี่รอง ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกแล้วจริง ๆ ขอร้องละ ท่านต้องช่วยข้านะ ต้องช่วยข้าให้ได้นะ” “ข้ายังเด็ก ข้ายังไม่อยากตาย ท่านต้องคิดทุกวิถีทางช่วยข้าให้ได้นะ!”“หุบปาก!”ฉินอ
ทันทีที่มู่หรงจิ่นได้ยินคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน ร่างอรชรสะท้าน ซาบซึ้งใจอย่างยิ่งจ้องเงาร่างสูงใหญ่ของฉินอวิ๋นฟาน ท่วงทำนองกล้าแกร่ง กอปรกับคำสัญญาที่ให้ไว้กับตน มู่หรงจิ่นมิอาจสงบใจได้อยู่นาน หากกล่าวจากมุมมองของผลประโยชน์ เสียสละให้นางรับกับการเหยียดยามเล็กน้อยแลกกับผลประโยชน์ทางการเมืองของฉินอวิ๋นฟานคือการเลือกที่ดีที่สุดจริง ๆให้นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ต่อหน้าองค์ชายของผู้แข็งแกร่ง ฉินอวิ๋นฟานกลับไม่ยอมถอยให้แม้แต่ก้าวเดียว ยังคงรักษาสัจจะ มั่งคงถึงที่สุด ผู้ชายที่เห็นนางดังชีวิตทำให้นางทั้งรักทั้งละอายใจตอนนี้เอง ไท่ซั่งหวงและคนอื่น ๆ มาถึงแล้ว แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่ปรากฏตัว หลบฟังทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในที่ลับนิสัยแน่วแน่และการรักษาสัจจะของฉินอวิ๋นฟานทำให้ไท่ซั่งหวงแย้มยิ้มน้อย ๆ“ฉินอวิ๋นฟาน ต้องให้ข้าทำยังไงเจ้าถึงจะปล่อยน้องห้า?”เกลี้ยกล่อมไม่เป็นผล ฉินอวิ๋นฮุยพูดด้วยสีหน้าดำทะมึน “ข้าขอแค่เรื่องเดียว นั่นคือให้ทางรอดกับน้องห้า แค่นี้เท่านั้น หวังว่าเจ้าจะเห็นแก่ส่วนรวม”ฉินอวิ๋นฟานตอบเสียงเย็น “บางคนคือคน แต่บางคนเยี่ยงปีศาจในแดนมนุษย์ ขอเพียงมันยังอยู่ จะต้องมีค
เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นผลลัพธ์ที่ฉินอวิ๋นฟานให้เฉินม่อสืบ พอเขารู้พฤติการณ์ชั่วช้าเหล่านี้ของฉินอวิ๋นผู่ก็ทำให้จิตใจของเขาสงบไม่ได้อยู่นาน คนเยี่ยงนี้คู่ควรอยู่บนโลกนี้รึ?กับการไต่ถามของฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นฮุยหมดแรงโต้กลับ เขารู้การกระทำผิดของน้องชายมานานแล้ว เพียงแต่ด้วยใจที่ต้องการปกป้องน้องชาย จึงได้แต่ใช้เงินและอิทธิพลยุติปัญหา“ความผิดพวกนี้ที่เจ้าพูดข้าไม่ปฏิเสธ แต่เขาคือน้องชายข้า ข้าต้องรับผิดชอบและมีหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยของเขา มิเช่นนั้นข้าที่เป็นองค์ชายรองจะดูไม่เอาไหนหรือ?”ฉินอวิ๋นฮุยยังคงไม่เข้าใจเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานโกรธ ไม่เข้าใจทัศนคติในคุณค่าเหมือนเดิม ในสายตาของเขา เขาคือองค์ชายผู้สูงศักดิ์ มีอำนาจสูงสุดไม่ว่าน้องชายจะทำผิดอะไร เขาจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของน้องชายเท่านั้น มิใช่ความถูกผิดของเรื่อง และนี่ก็คือความคิดซึ่งเห็นแก่ตัวและคับแคบ“จะพูดพล่ามกับมันมากไปทำไม? ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องลูกชายข้าสักเส้นขน ข้าเหอปี้อวี้จะราวีเจ้าไม่เลิกแน่!”ตอนนี้เอง เหอปี้อวี้พาลูกน้องกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้ามืดมน“เสด็จแม่ ท่านมาได้สักที มาได้สักที ช่วยข้า ช่วยข้านะ ผู่เอ๋อ
ขณะเห็นภาพนี้ ทุกคนในที่นั้นต่างตาโตอ้าปากค้าง ในดวงตาคือความครั่นคร้ามเต็มประดาองค์ชายห้ามีฐานะสูงส่งเพียงใด คือตัวตนที่อยู่สูงของต้าเฉียน ไม่เพียงมีพี่ชายคนรองผู้มีอำนาจในราชสำนัก ยิ่งมีตระกูลเหอซึ่งเป็นตระกูลใหญ่เหนือชั้นอยู่เบื้องหลัง ใครจะกล้าแหยม?องค์ชายเช่นนี้ กลับถูกรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินฉินอวิ๋นฟานปาดคอด้วยหนึ่งกระบี่?เรื่องนี้ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว!อยู่ในวังนานหลายปี อู่จ้านย่อมรู้ว่าหนึ่งกระบี่ของฉินอวิ๋นฟานลงไปหมายถึงอะไร ไม่ใช่แค่สั่นสะเทือนไปทั้งต้าเฉียน ทั้งยังเพิ่มระดับความขัดแย้งระหว่างองค์ชายยามนี้เขากำดาบรบในมือแน่น สังเกตทหารศึกรอบด้านตลอดเวลา เตรียมตัวรบอาบเลือดทุกขณะเวลานี้ มู่หรงจิ่นเบิกตาโพลง สองมือปิดปาก ในดวงตาคือความเหลือเชื่อท่วมท้น ฉินอวิ๋นฟานกล้าสังหารองค์ชายเพื่อนางจริง ๆ? นี่มิเท่ากับเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเพื่อนางหรือ?ตุบ...เห็นบุตรชายแท้ ๆ ถูกฉินอวิ๋นฟานสังหารต่อหน้าทุกคน เหอกุ้ยเฟยกรีดร้องปอดฉีกหัวใจแหลกลาญทันที สองขาอ่อนแรงทรุดลงไปทั้งคนโดยตรงนางวางแผนอยู่ในราชสำนักยี่สิบกว่าปี บิดายิ่งเป็นผู้นำตระกูลเหอเหนือชั้น น้องชายคือผู
เหอปี้อวี้เห็นไท่ซั่งหวงมาก็ร้องห่มร้องไห้จะขาดใจตาย เล่นบทคนชั่วฟ้องก่อน ตำหนิติเตียนฉินอวิ๋นฟานเลยฉินอวิ๋นฟานคิ้วผูกเป็นปมเล็กน้อย เหอปี้อวี้เป็นยัยบ้าจริง ๆ ด้วย ความชั่วของลูกชายไม่พูดถึงสักคำ เอาแต่สาดน้ำคลำใส่คนอื่น ไม่แบ่งแยกดีชั่ว นี่ไม่ใช่ใส่ร้ายป้ายสีกันเห็น ๆ รึ?“ลุกขึ้นเถอะ!”ไท่ซั่งหวงส่ายหน้าด้วยความจนใจ “ข้าอายุปูนนี้แล้ว เมื่อไรพวกเจ้าจะให้ข้าได้พักสักที? ต้องมีเรื่องกันถึงเมื่อไรถึงจะยอมหยุด?”“เสด็จพ่อ หม่อมฉันก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ แต่ฉินอวิ๋นฟานไร้มโนธรรมจิตสำนึก ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา อาศัยว่ามีอำนาจในมือกับกระบี่อาญาสิทธิ์ กระทำชั่วต่าง ๆ นานา กำจัดคนที่เห็นต่าง คนประเภทนี้จิตใจเลวทราม ต้าเฉียนเรามีรัชทายาทเช่นนี้คือความโชคร้ายเพคะ”เหอปี้อวี้ยังไม่ตายใจ ถ้อยคำเพิ่มความรุนแรง ท่าทางฉินอวิ๋นฟานไม่ตายจะไม่ยอมรามือ“พอที!”ทันใดนั้นไท่ซั่งหวงตวาด “เจ้าเป็นผู้นำของกุ้ยเฟยวังหลัง ไม่อยู่วังหลังกลับพาคนมากมายมาทำอะไรที่นี่? จะก่อกบฏรึ? หรือว่าเจ้าไม่รู้หลักเหตุผลว่าวังหลังห้ามยุ่งเรื่องราชกิจ?”ทันทีที่ไท่ซั่งหวงตวาด ทุกคนหน้าถอดสีฉับพลัน คำว่าก่อกบฏหากออกม
“ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่โทษก็ไม่ถึงตายกระมัง?”ฉินอวิ๋นฮุยหรี่ตาพูด “เห็นชัดว่าเจ้าเอาเรื่องส่วนรวมมาแก้แค้นเรื่องส่วนตน เพื่อให้โดดเด่นในการชิงบัลลังก์ จงใจกำจัดพวกเราพี่น้อง เจ้าคิดว่าเจ้าทำอย่างนี้แล้วจะสำเร็จหรือ?”ฉินอวิ๋นฮุยรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเสียเปรียบด้านเหตุผล ที่ทำได้ในตอนนี้มีแต่ลดทอนให้เบาลง พยายามเบนเรื่องนี้ไปที่การชิงบัลลังก์ระหว่างองค์ชาย เพราะอย่างนี้ ลักษณะของเรื่องจะเปลี่ยนแปลงแบบกลับตาลปัตรมีแต่การทำเช่นนี้จึงจะฝังภาพลักษณ์เข่นฆ่าพี่น้อง ชิงบัลลังก์ไม่เลือกวิธีของฉินอวิ๋นฟานในใจของทุกคนได้ และเขาอยากใช้เรื่องนี้ดูท่าทีของไท่ซั่งหวง การตายของน้องชายแตะเส้นต่ำสุดของเขา ในฐานะที่เป็นองค์ชายรองผู้มีอำนาจในราชสำนักต้าเฉียน มีหรือจะถูกคนเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้าแล้วไม่ทำอันใด?โจมตีกลับ นี่จึงเป็นภารกิจแรกต่อจากนี้ของเขา“เหอะ พี่รองช่างเล่นลิ้นเก่งนัก มาถึงก็สวมภาพลักษณ์เข่นฆ่าพี่น้องเพื่อชิงบัลลังก์ให้ข้า ข้ารับไม่ไหวหรอกนะ”ฉินอวิ๋นฟานฉลาดเพียงใด ทำไมจะมองลูกไม้ต่ำช้าของฉินอวิ๋นฮุยไม่ออก?เขาพูดเสียงเย็นต่อ “ถ้าข้าลักพาตัวชายาสุดรักของเจ้าฉินอวิ๋นฮุยมาที่ห้องลับ แล้
ฉินอวิ๋นฮุยรู้ดีว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่ได้ผลลัพธ์อะไร ระหว่างพวกเขาความคิดต่างกันสิ้นเชิง แทบจะเป็นสองฝั่งคั่วที่ไม่เหมือนกันฉินอวิ๋นฮุยได้แต่ขอความช่วยเหลือจากไท่ซั่งหวง “เสด็จปู่ก็ทอดพระเนตรเห็นแล้ว น้องเจ็ดใช้อำนาจบาตรใหญ่เกินไป ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าจะไม่เห็นกระทั่งพระองค์อยู่ในสายตา”มีหรือไท่ซั่งหวงจะไม่รู้ความหมายขององค์ชายรอง? เขาส่ายหน้าและพูด “เสี่ยวฮุย ข้าเห็นเจ้าเติบใหญ่มาแต่เล็ก เจ้าฉลาดมีไหวพริบแต่เด็ก ทำอะไรรู้จักคำนึงถึงส่วนรวม พิจารณาเก่ง ข้ายังถึงกับคิดว่าเจ้าคือตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียวที่จะเป็นฮ่องเต้คนใหม่ของต้าเฉียน”“บัดนี้เพื่อให้ได้ชัยชนะในการชิงบัลลังก์ เพื่อจะได้ขึ้นตำแหน่งสูงสุดโดยเร็วที่สุด เจ้าไม่ห่วงใยความเป็นความตายของราษฎรอีก ไม่สนใจอนาคตของต้าเฉียน วางแผนต่าง ๆ นานา ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเพราะเรื่องเล็ก ข้าผิดหวังต่อการกระทำของเจ้าในระยะนี้นัก”“เสด็จปู่!!!”ครั้นได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเสด็จปู่ ฉินอวิ๋นฮุยเพิ่งดีใจได้ไม่ถึงสามวินาที หัวใจก็หล่นตุบ เสด็จปู่ไม่ได้คืนความเป็นธรรมให้กับเขา หนำซ้ำยังผิดหวังกับเขาอีกในฐานะที่เป็นองค์ชายคนหนึ่ง เป็น
“พัฒนานี่!”ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจสายตาคนอื่น ลูบจมูกมู่หรงจิ่นเบา ๆ ทีหนึ่ง จากการเรียกว่ารัชทายาทในสมัยก่อน จนถึงการเรียกว่าพี่อวิ๋นฟานในตอนนี้ เขาพึงพอใจแล้ว“ไอ้หยา!”ถูกฉินอวิ๋นฟานเปิดโปง ทั้งยังหวานแหววต่อหน้าประชาชี มู่หรงจิ่นอายจนเอาหน้าซุกเข้าอกของอีกฝ่าย“อาจ้าน ตรวจสอบนางกำนัลขันทีทั้งหมดในตำหนัก พวกฐานะไม่สะอาดไม่ชัดเจนก็ไล่กลับไปให้หมด ตำหนักรัชทายาทไม่ต้องการภัยแฝง”หลังจากกลับถึงตำหนักรัชทายาท เรื่องแรกที่ฉินอวิ๋นฟานทำก็คือตรวจสอบนางกำนัลและขันทีที่เข้ามาใหม่ทั้งหมดแบบเรียงตัว ถ้ายังมีคนที่คนอื่นส่งมาอีก เช่นนั้นต้องมีภัยไม่สิ้นสุด“อื่ม ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”พออู่จ้านออกไป ก็เหลือแต่ฉินอวิ๋นฟาน มู่หรงจิ่นกับเสี่ยวจวี๋สามคนในห้องมู่หรงจิ่นไม่รีบร้อนทำความสะอาดบาดแผลและใส่ยา แต่มองฉินอวิ๋นฟานอย่างลึกซึ้ง พูดด้วยใบหน้ากังวล “พี่อวิ๋นฟาน แตกหักกับองค์ชายรองเพื่อข้ามันคุ้มกันแล้วหรือ?”“ข้าเคยสัญญากับเจ้าแล้วนี่ ต่อไปจะไม่ใช้เจ้าเป็นเครื่องต่อรองเด็ดขาด และจะไม่ทำเรื่องที่ทำร้ายเจ้าด้วย ข้าไม่ใช่แค่รัชทายาท แต่เป็นลูกผู้ชายอกสามศอก จะไม่ถือสัจจะได้ยังไง?”ฉินอวิ๋นฟ
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ