ฉินอวิ๋นฮุยสับเปลี่ยนแนวคิดโดยตรง หลังจากทำความรู้จักกับฉินอวิ๋นฟานในหลายวันนี้ คนผู้นี้ดื้อรั้นที่สุด คิดจะให้เขาปล่อยฉินอวิ๋นผู่น้องชายแท้ ๆ คือเรื่องไม่ง่ายเด็ดขาดเรื่องหนึ่ง“คลายความโกรธ? เจ้าคิดว่านี่คือเรื่องที่คลายความโกรธไม่คลายความโกรธงั้นรึ?”ฉินอวิ๋นฟานแววตาลุ่มลึกมากขึ้นทุกที ยิ่งรู้ว่านี่คือการพูดแก้ต่างให้น้องชายของฉินอวิ๋นฮุย แต่น่าเสียดาย เขาไม่มีเปิดโอกาสนี้ให้อีกฝ่ายหรอกเขาเอ่ยอย่างเย็นชาต่อ “ราชวงศ์ต้าเฉียนมีกฎอารยะระหว่างนางสนม องค์ชายและญาติฝ่ายหญิง หากมีผู้กระทำการผิดกฎเหล็ก ไม่ว่ามันจะเป็นใคร จะต้องประหารที่หน้าประตูวังหลวง หากมีผู้ขัดขืนประหารได้ทันที ประกาศต่อใต้หล้าเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง หรือว่าเจ้าลืมไปหมดแล้ว?”“อะไรนะ? ประหารหน้าประตูวังหลวง?”พอฉินอวิ๋นผู่ได้ยินคำนี้ก็ลนลาน ความครั่นคร้ามกระจายอยู่ทั่วหน้าอันซีดเผือด ตอนนี้เองเขาจึงตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่อง รีบร้องออกไป “พี่รอง ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกแล้วจริง ๆ ขอร้องละ ท่านต้องช่วยข้านะ ต้องช่วยข้าให้ได้นะ” “ข้ายังเด็ก ข้ายังไม่อยากตาย ท่านต้องคิดทุกวิถีทางช่วยข้าให้ได้นะ!”“หุบปาก!”ฉินอ
ทันทีที่มู่หรงจิ่นได้ยินคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน ร่างอรชรสะท้าน ซาบซึ้งใจอย่างยิ่งจ้องเงาร่างสูงใหญ่ของฉินอวิ๋นฟาน ท่วงทำนองกล้าแกร่ง กอปรกับคำสัญญาที่ให้ไว้กับตน มู่หรงจิ่นมิอาจสงบใจได้อยู่นาน หากกล่าวจากมุมมองของผลประโยชน์ เสียสละให้นางรับกับการเหยียดยามเล็กน้อยแลกกับผลประโยชน์ทางการเมืองของฉินอวิ๋นฟานคือการเลือกที่ดีที่สุดจริง ๆให้นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ต่อหน้าองค์ชายของผู้แข็งแกร่ง ฉินอวิ๋นฟานกลับไม่ยอมถอยให้แม้แต่ก้าวเดียว ยังคงรักษาสัจจะ มั่งคงถึงที่สุด ผู้ชายที่เห็นนางดังชีวิตทำให้นางทั้งรักทั้งละอายใจตอนนี้เอง ไท่ซั่งหวงและคนอื่น ๆ มาถึงแล้ว แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่ปรากฏตัว หลบฟังทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในที่ลับนิสัยแน่วแน่และการรักษาสัจจะของฉินอวิ๋นฟานทำให้ไท่ซั่งหวงแย้มยิ้มน้อย ๆ“ฉินอวิ๋นฟาน ต้องให้ข้าทำยังไงเจ้าถึงจะปล่อยน้องห้า?”เกลี้ยกล่อมไม่เป็นผล ฉินอวิ๋นฮุยพูดด้วยสีหน้าดำทะมึน “ข้าขอแค่เรื่องเดียว นั่นคือให้ทางรอดกับน้องห้า แค่นี้เท่านั้น หวังว่าเจ้าจะเห็นแก่ส่วนรวม”ฉินอวิ๋นฟานตอบเสียงเย็น “บางคนคือคน แต่บางคนเยี่ยงปีศาจในแดนมนุษย์ ขอเพียงมันยังอยู่ จะต้องมีค
เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นผลลัพธ์ที่ฉินอวิ๋นฟานให้เฉินม่อสืบ พอเขารู้พฤติการณ์ชั่วช้าเหล่านี้ของฉินอวิ๋นผู่ก็ทำให้จิตใจของเขาสงบไม่ได้อยู่นาน คนเยี่ยงนี้คู่ควรอยู่บนโลกนี้รึ?กับการไต่ถามของฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นฮุยหมดแรงโต้กลับ เขารู้การกระทำผิดของน้องชายมานานแล้ว เพียงแต่ด้วยใจที่ต้องการปกป้องน้องชาย จึงได้แต่ใช้เงินและอิทธิพลยุติปัญหา“ความผิดพวกนี้ที่เจ้าพูดข้าไม่ปฏิเสธ แต่เขาคือน้องชายข้า ข้าต้องรับผิดชอบและมีหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยของเขา มิเช่นนั้นข้าที่เป็นองค์ชายรองจะดูไม่เอาไหนหรือ?”ฉินอวิ๋นฮุยยังคงไม่เข้าใจเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานโกรธ ไม่เข้าใจทัศนคติในคุณค่าเหมือนเดิม ในสายตาของเขา เขาคือองค์ชายผู้สูงศักดิ์ มีอำนาจสูงสุดไม่ว่าน้องชายจะทำผิดอะไร เขาจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของน้องชายเท่านั้น มิใช่ความถูกผิดของเรื่อง และนี่ก็คือความคิดซึ่งเห็นแก่ตัวและคับแคบ“จะพูดพล่ามกับมันมากไปทำไม? ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องลูกชายข้าสักเส้นขน ข้าเหอปี้อวี้จะราวีเจ้าไม่เลิกแน่!”ตอนนี้เอง เหอปี้อวี้พาลูกน้องกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้ามืดมน“เสด็จแม่ ท่านมาได้สักที มาได้สักที ช่วยข้า ช่วยข้านะ ผู่เอ๋อ
ขณะเห็นภาพนี้ ทุกคนในที่นั้นต่างตาโตอ้าปากค้าง ในดวงตาคือความครั่นคร้ามเต็มประดาองค์ชายห้ามีฐานะสูงส่งเพียงใด คือตัวตนที่อยู่สูงของต้าเฉียน ไม่เพียงมีพี่ชายคนรองผู้มีอำนาจในราชสำนัก ยิ่งมีตระกูลเหอซึ่งเป็นตระกูลใหญ่เหนือชั้นอยู่เบื้องหลัง ใครจะกล้าแหยม?องค์ชายเช่นนี้ กลับถูกรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินฉินอวิ๋นฟานปาดคอด้วยหนึ่งกระบี่?เรื่องนี้ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว!อยู่ในวังนานหลายปี อู่จ้านย่อมรู้ว่าหนึ่งกระบี่ของฉินอวิ๋นฟานลงไปหมายถึงอะไร ไม่ใช่แค่สั่นสะเทือนไปทั้งต้าเฉียน ทั้งยังเพิ่มระดับความขัดแย้งระหว่างองค์ชายยามนี้เขากำดาบรบในมือแน่น สังเกตทหารศึกรอบด้านตลอดเวลา เตรียมตัวรบอาบเลือดทุกขณะเวลานี้ มู่หรงจิ่นเบิกตาโพลง สองมือปิดปาก ในดวงตาคือความเหลือเชื่อท่วมท้น ฉินอวิ๋นฟานกล้าสังหารองค์ชายเพื่อนางจริง ๆ? นี่มิเท่ากับเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเพื่อนางหรือ?ตุบ...เห็นบุตรชายแท้ ๆ ถูกฉินอวิ๋นฟานสังหารต่อหน้าทุกคน เหอกุ้ยเฟยกรีดร้องปอดฉีกหัวใจแหลกลาญทันที สองขาอ่อนแรงทรุดลงไปทั้งคนโดยตรงนางวางแผนอยู่ในราชสำนักยี่สิบกว่าปี บิดายิ่งเป็นผู้นำตระกูลเหอเหนือชั้น น้องชายคือผู
เหอปี้อวี้เห็นไท่ซั่งหวงมาก็ร้องห่มร้องไห้จะขาดใจตาย เล่นบทคนชั่วฟ้องก่อน ตำหนิติเตียนฉินอวิ๋นฟานเลยฉินอวิ๋นฟานคิ้วผูกเป็นปมเล็กน้อย เหอปี้อวี้เป็นยัยบ้าจริง ๆ ด้วย ความชั่วของลูกชายไม่พูดถึงสักคำ เอาแต่สาดน้ำคลำใส่คนอื่น ไม่แบ่งแยกดีชั่ว นี่ไม่ใช่ใส่ร้ายป้ายสีกันเห็น ๆ รึ?“ลุกขึ้นเถอะ!”ไท่ซั่งหวงส่ายหน้าด้วยความจนใจ “ข้าอายุปูนนี้แล้ว เมื่อไรพวกเจ้าจะให้ข้าได้พักสักที? ต้องมีเรื่องกันถึงเมื่อไรถึงจะยอมหยุด?”“เสด็จพ่อ หม่อมฉันก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ แต่ฉินอวิ๋นฟานไร้มโนธรรมจิตสำนึก ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา อาศัยว่ามีอำนาจในมือกับกระบี่อาญาสิทธิ์ กระทำชั่วต่าง ๆ นานา กำจัดคนที่เห็นต่าง คนประเภทนี้จิตใจเลวทราม ต้าเฉียนเรามีรัชทายาทเช่นนี้คือความโชคร้ายเพคะ”เหอปี้อวี้ยังไม่ตายใจ ถ้อยคำเพิ่มความรุนแรง ท่าทางฉินอวิ๋นฟานไม่ตายจะไม่ยอมรามือ“พอที!”ทันใดนั้นไท่ซั่งหวงตวาด “เจ้าเป็นผู้นำของกุ้ยเฟยวังหลัง ไม่อยู่วังหลังกลับพาคนมากมายมาทำอะไรที่นี่? จะก่อกบฏรึ? หรือว่าเจ้าไม่รู้หลักเหตุผลว่าวังหลังห้ามยุ่งเรื่องราชกิจ?”ทันทีที่ไท่ซั่งหวงตวาด ทุกคนหน้าถอดสีฉับพลัน คำว่าก่อกบฏหากออกม
“ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่โทษก็ไม่ถึงตายกระมัง?”ฉินอวิ๋นฮุยหรี่ตาพูด “เห็นชัดว่าเจ้าเอาเรื่องส่วนรวมมาแก้แค้นเรื่องส่วนตน เพื่อให้โดดเด่นในการชิงบัลลังก์ จงใจกำจัดพวกเราพี่น้อง เจ้าคิดว่าเจ้าทำอย่างนี้แล้วจะสำเร็จหรือ?”ฉินอวิ๋นฮุยรู้อยู่แล้วว่าตัวเองเสียเปรียบด้านเหตุผล ที่ทำได้ในตอนนี้มีแต่ลดทอนให้เบาลง พยายามเบนเรื่องนี้ไปที่การชิงบัลลังก์ระหว่างองค์ชาย เพราะอย่างนี้ ลักษณะของเรื่องจะเปลี่ยนแปลงแบบกลับตาลปัตรมีแต่การทำเช่นนี้จึงจะฝังภาพลักษณ์เข่นฆ่าพี่น้อง ชิงบัลลังก์ไม่เลือกวิธีของฉินอวิ๋นฟานในใจของทุกคนได้ และเขาอยากใช้เรื่องนี้ดูท่าทีของไท่ซั่งหวง การตายของน้องชายแตะเส้นต่ำสุดของเขา ในฐานะที่เป็นองค์ชายรองผู้มีอำนาจในราชสำนักต้าเฉียน มีหรือจะถูกคนเหยียบย่ำอยู่ใต้เท้าแล้วไม่ทำอันใด?โจมตีกลับ นี่จึงเป็นภารกิจแรกต่อจากนี้ของเขา“เหอะ พี่รองช่างเล่นลิ้นเก่งนัก มาถึงก็สวมภาพลักษณ์เข่นฆ่าพี่น้องเพื่อชิงบัลลังก์ให้ข้า ข้ารับไม่ไหวหรอกนะ”ฉินอวิ๋นฟานฉลาดเพียงใด ทำไมจะมองลูกไม้ต่ำช้าของฉินอวิ๋นฮุยไม่ออก?เขาพูดเสียงเย็นต่อ “ถ้าข้าลักพาตัวชายาสุดรักของเจ้าฉินอวิ๋นฮุยมาที่ห้องลับ แล้
ฉินอวิ๋นฮุยรู้ดีว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่ได้ผลลัพธ์อะไร ระหว่างพวกเขาความคิดต่างกันสิ้นเชิง แทบจะเป็นสองฝั่งคั่วที่ไม่เหมือนกันฉินอวิ๋นฮุยได้แต่ขอความช่วยเหลือจากไท่ซั่งหวง “เสด็จปู่ก็ทอดพระเนตรเห็นแล้ว น้องเจ็ดใช้อำนาจบาตรใหญ่เกินไป ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าจะไม่เห็นกระทั่งพระองค์อยู่ในสายตา”มีหรือไท่ซั่งหวงจะไม่รู้ความหมายขององค์ชายรอง? เขาส่ายหน้าและพูด “เสี่ยวฮุย ข้าเห็นเจ้าเติบใหญ่มาแต่เล็ก เจ้าฉลาดมีไหวพริบแต่เด็ก ทำอะไรรู้จักคำนึงถึงส่วนรวม พิจารณาเก่ง ข้ายังถึงกับคิดว่าเจ้าคือตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียวที่จะเป็นฮ่องเต้คนใหม่ของต้าเฉียน”“บัดนี้เพื่อให้ได้ชัยชนะในการชิงบัลลังก์ เพื่อจะได้ขึ้นตำแหน่งสูงสุดโดยเร็วที่สุด เจ้าไม่ห่วงใยความเป็นความตายของราษฎรอีก ไม่สนใจอนาคตของต้าเฉียน วางแผนต่าง ๆ นานา ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเพราะเรื่องเล็ก ข้าผิดหวังต่อการกระทำของเจ้าในระยะนี้นัก”“เสด็จปู่!!!”ครั้นได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเสด็จปู่ ฉินอวิ๋นฮุยเพิ่งดีใจได้ไม่ถึงสามวินาที หัวใจก็หล่นตุบ เสด็จปู่ไม่ได้คืนความเป็นธรรมให้กับเขา หนำซ้ำยังผิดหวังกับเขาอีกในฐานะที่เป็นองค์ชายคนหนึ่ง เป็น
“พัฒนานี่!”ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจสายตาคนอื่น ลูบจมูกมู่หรงจิ่นเบา ๆ ทีหนึ่ง จากการเรียกว่ารัชทายาทในสมัยก่อน จนถึงการเรียกว่าพี่อวิ๋นฟานในตอนนี้ เขาพึงพอใจแล้ว“ไอ้หยา!”ถูกฉินอวิ๋นฟานเปิดโปง ทั้งยังหวานแหววต่อหน้าประชาชี มู่หรงจิ่นอายจนเอาหน้าซุกเข้าอกของอีกฝ่าย“อาจ้าน ตรวจสอบนางกำนัลขันทีทั้งหมดในตำหนัก พวกฐานะไม่สะอาดไม่ชัดเจนก็ไล่กลับไปให้หมด ตำหนักรัชทายาทไม่ต้องการภัยแฝง”หลังจากกลับถึงตำหนักรัชทายาท เรื่องแรกที่ฉินอวิ๋นฟานทำก็คือตรวจสอบนางกำนัลและขันทีที่เข้ามาใหม่ทั้งหมดแบบเรียงตัว ถ้ายังมีคนที่คนอื่นส่งมาอีก เช่นนั้นต้องมีภัยไม่สิ้นสุด“อื่ม ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”พออู่จ้านออกไป ก็เหลือแต่ฉินอวิ๋นฟาน มู่หรงจิ่นกับเสี่ยวจวี๋สามคนในห้องมู่หรงจิ่นไม่รีบร้อนทำความสะอาดบาดแผลและใส่ยา แต่มองฉินอวิ๋นฟานอย่างลึกซึ้ง พูดด้วยใบหน้ากังวล “พี่อวิ๋นฟาน แตกหักกับองค์ชายรองเพื่อข้ามันคุ้มกันแล้วหรือ?”“ข้าเคยสัญญากับเจ้าแล้วนี่ ต่อไปจะไม่ใช้เจ้าเป็นเครื่องต่อรองเด็ดขาด และจะไม่ทำเรื่องที่ทำร้ายเจ้าด้วย ข้าไม่ใช่แค่รัชทายาท แต่เป็นลูกผู้ชายอกสามศอก จะไม่ถือสัจจะได้ยังไง?”ฉินอวิ๋นฟ