ฉินอวิ๋นฟานในตอนนี้ทั้งตกใจและดีใจ ทุกวินาทีล้วนเชื่อมโยงกับประสาทที่ตึงเครียดของเขา ทันทีที่ทางลับเปิดออกฉินอวิ๋นฟานก็พุ่งตัวลงไปอู่จ้านเห็นสภาพการณ์รีบพูดเตือน “รัชทายาท ระวังอาวุธลับ”“ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟข้าก็ไม่สน สำหรับจิ่นเอ๋อร์ ทุกวินาทีคือความทรมาน คือความเป็นความตาย ข้าต้องไปช่วยนางออกมาทันที”ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจว่าจะมีอาวุธลับหรือไม่ นึกถึงว่าจิ่นเอ๋อร์ถูกกักขังจนหวาดกลัวสิ้นหวัง หัวใจของเขาก็เจ็บราบกับถูกมีดกรีด เขากลัวว่าจิ่นเอ๋อร์จะได้รับอันตราย กลัวว่าจิ่นเอ๋อร์จะสิ้นหวัง“หลัวเหิง พวกเจ้ารีบตามมา”คำเตือนไร้ผล อู่จ้านจึงไม่พูดอะไรอีก พาทุกคนลงห้องใต้ดินอย่างเร็วรี่ ห้องลับคือห้องที่ไม่ใหญ่มากและมืดสนิทครั้นทุกคนเห็นภาพนี้ก็อึ้งกิมกี่ ทำไมถึงว่างเปล่าล่ะ? ไหนว่าฉินอวิ๋นผู่ลงไปแล้วไง?“เกิดอะไรขึ้น? เป็นห้องลับห้องเดียว แต่ไม่เห็นเงาฉินอวิ๋นผู่เลย”“ผู้คุมนั่นคงไม่ได้หลอกเรากระมัง? จงใจล่อให้พวกเราหาผิดที่จะได้ถ่วงเวลา?”“ถ้าเป็นแบบนี้งั้นก็น่ากลัวเกินไปแล้ว เบาะแสทั้งหมดถูกตัดขาดหมด จะทำยังไงดีละเนี่ย?”ตรงหน้าคือทางตัน ทุกคนตกอยู่ท่ามกลางความสับสนอีกครั้ง รั
เห็นสภาพน่าเวทนาของมู่หรงจิ่นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานไหนเลยจะคำนึงอะไรได้มาก รีบเดินไปอยู่ตรงหน้ามู่หรงจิ่นแล้วโอบนางเข้าอ้อมอก หยดน้ำในดวงตาไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว“ขอโทษ จิ่นเอ๋อร์ ข้ามาช้าไป ขอโทษ!”ฉินอวิ๋นฟานกอดมู่หรงจิ่นที่อนาถจนมิอาจทนมอง กล่าวคำขอโทษไม่หยุด ความเศร้าโศกและเคียดแค้นผสมผสาน ไฟโทสะพุ่งทะยานขึ้นฟ้า นี่คือผู้หญิงคนแรกของเขาหลังจากทะลุมิติมา คือผู้หญิงคนแรกที่เขารักไม่อาจวางมือไม่นึกว่าจะถูกคนทรมานจนเป็นเช่นนี้?ฉินอวิ๋นฟานเดือดแล้ว!เขาเดือดโดยสิ้นเชิงแล้ว!“พี่อวิ๋นฟาน ได้พบกับท่านอีกครั้งข้าดีใจจริง ๆ ผัวจ๋าที่รักของข้า ข้านึกว่าพวกเราต้องจากกันชั่วนิรันดร์แล้ว ไม่คิดว่ายังได้พบกันอีก ทั้งหมดนี้ราวกับเป็นความฝัน”มู่หรงจิ่นดีใจจนน้ำตาร่วงริน ขดตัวอยู่ในวงแขนของฉินอวิ๋นฟาน ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด มีเพียงอ้อมกอดนี้จึงทำให้นางอุ่นใจและวางใจอย่างหาที่เปรียบมิได้“ไม่หรอก มีข้าอยู่ ใครก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้ คนที่ทำร้ายเจ้าจะมีแค่จุดจบเดียว นั่นคือตาย!”เสียงของฉินอวิ๋นฟานทุ้มต่ำกลับมีความเผด็จการเต็มเปี่ยม ทุกคนที่ได้ยินเสียงของเขาต่างสัมผัสได้ถึงความโกรธไร้รูปร่าง ในดวงต
ฉินอวิ๋นฟานเห็นใบหน้าอัปลักษณ์และชั่วร้ายของฉินอวิ๋นผู่แล้วพาลให้รู้สึกขยะแขยงที่สุดการอธิบายและการดิ้นรนทั้งหมดของเขา ในสายตาของฉินอวิ๋นฟานเป็นแค่เดรัจฉานที่ดิ้นรนท่ามกลางความจนตรอก จุดจบในวันนี้ของฉินอวิ๋นผู่มีเพียงหนึ่งเดียว นั่นก็คือตาย!ฟั่บ...ฉินอวิ๋นฟานที่กำลังโกรธเกรี้ยวหยิบแส้ขึ้นมาจากพื้นแล้วเฆี่ยนลงบนตัวของเขาหนัก ๆฉินอวิ๋นผู่ที่มีบาดแผลเต็มตัวถูกลงแส้อีกครั้ง ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้เขาแผดเสียงร้องขึ้นมาแบบปอดฉีกหัวใจแหลกลาญ“อ๊า อ๊า อ๊า...”ฉินอวิ๋นฟานไม่ได้หยุดมือเพราะการร้องเสียงหลงของฉินอวิ๋นผู่ ทุกครั้งที่เขาเฆี่ยนลงไปล้วนใช้กำลังทั้งหมดที่มี รุนแรงกว่าเมื่อวาน เพราะมีแต่อย่างนี้จึงจะระบายความแค้นไม่มีสิ้นสุดในใจของเขาได้“น้องเจ็ด ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกผิดแล้วจริง ๆ ขอร้อง เจ้าอย่าเฆี่ยนอีกแล้ว อย่าเฆี่ยนอีกเลย”ลงแส้สองสามที บนตัวฉินอวิ๋นผู่เต็มไปด้วยรอยเลือดอย่างรวดเร็ว เขาในตอนนี้ราวกับหนูข้างถนนที่พยายามหนีสุดชีวิต พยายามหลบหนีการเฆี่ยนตีของฉินอวิ๋นฟานแต่น่าเสียดาย ไม่ว่าเขาจะหลบอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ทางออกสองทางถูกปิดไปแล้ว เวลานี้เขาเสียใจนัก ทำไมถึงไ
ฉินอวิ๋นฮุยสับเปลี่ยนแนวคิดโดยตรง หลังจากทำความรู้จักกับฉินอวิ๋นฟานในหลายวันนี้ คนผู้นี้ดื้อรั้นที่สุด คิดจะให้เขาปล่อยฉินอวิ๋นผู่น้องชายแท้ ๆ คือเรื่องไม่ง่ายเด็ดขาดเรื่องหนึ่ง“คลายความโกรธ? เจ้าคิดว่านี่คือเรื่องที่คลายความโกรธไม่คลายความโกรธงั้นรึ?”ฉินอวิ๋นฟานแววตาลุ่มลึกมากขึ้นทุกที ยิ่งรู้ว่านี่คือการพูดแก้ต่างให้น้องชายของฉินอวิ๋นฮุย แต่น่าเสียดาย เขาไม่มีเปิดโอกาสนี้ให้อีกฝ่ายหรอกเขาเอ่ยอย่างเย็นชาต่อ “ราชวงศ์ต้าเฉียนมีกฎอารยะระหว่างนางสนม องค์ชายและญาติฝ่ายหญิง หากมีผู้กระทำการผิดกฎเหล็ก ไม่ว่ามันจะเป็นใคร จะต้องประหารที่หน้าประตูวังหลวง หากมีผู้ขัดขืนประหารได้ทันที ประกาศต่อใต้หล้าเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่าง หรือว่าเจ้าลืมไปหมดแล้ว?”“อะไรนะ? ประหารหน้าประตูวังหลวง?”พอฉินอวิ๋นผู่ได้ยินคำนี้ก็ลนลาน ความครั่นคร้ามกระจายอยู่ทั่วหน้าอันซีดเผือด ตอนนี้เองเขาจึงตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่อง รีบร้องออกไป “พี่รอง ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึกแล้วจริง ๆ ขอร้องละ ท่านต้องช่วยข้านะ ต้องช่วยข้าให้ได้นะ” “ข้ายังเด็ก ข้ายังไม่อยากตาย ท่านต้องคิดทุกวิถีทางช่วยข้าให้ได้นะ!”“หุบปาก!”ฉินอ
ทันทีที่มู่หรงจิ่นได้ยินคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน ร่างอรชรสะท้าน ซาบซึ้งใจอย่างยิ่งจ้องเงาร่างสูงใหญ่ของฉินอวิ๋นฟาน ท่วงทำนองกล้าแกร่ง กอปรกับคำสัญญาที่ให้ไว้กับตน มู่หรงจิ่นมิอาจสงบใจได้อยู่นาน หากกล่าวจากมุมมองของผลประโยชน์ เสียสละให้นางรับกับการเหยียดยามเล็กน้อยแลกกับผลประโยชน์ทางการเมืองของฉินอวิ๋นฟานคือการเลือกที่ดีที่สุดจริง ๆให้นางคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึง ต่อหน้าองค์ชายของผู้แข็งแกร่ง ฉินอวิ๋นฟานกลับไม่ยอมถอยให้แม้แต่ก้าวเดียว ยังคงรักษาสัจจะ มั่งคงถึงที่สุด ผู้ชายที่เห็นนางดังชีวิตทำให้นางทั้งรักทั้งละอายใจตอนนี้เอง ไท่ซั่งหวงและคนอื่น ๆ มาถึงแล้ว แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่ปรากฏตัว หลบฟังทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในที่ลับนิสัยแน่วแน่และการรักษาสัจจะของฉินอวิ๋นฟานทำให้ไท่ซั่งหวงแย้มยิ้มน้อย ๆ“ฉินอวิ๋นฟาน ต้องให้ข้าทำยังไงเจ้าถึงจะปล่อยน้องห้า?”เกลี้ยกล่อมไม่เป็นผล ฉินอวิ๋นฮุยพูดด้วยสีหน้าดำทะมึน “ข้าขอแค่เรื่องเดียว นั่นคือให้ทางรอดกับน้องห้า แค่นี้เท่านั้น หวังว่าเจ้าจะเห็นแก่ส่วนรวม”ฉินอวิ๋นฟานตอบเสียงเย็น “บางคนคือคน แต่บางคนเยี่ยงปีศาจในแดนมนุษย์ ขอเพียงมันยังอยู่ จะต้องมีค
เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นผลลัพธ์ที่ฉินอวิ๋นฟานให้เฉินม่อสืบ พอเขารู้พฤติการณ์ชั่วช้าเหล่านี้ของฉินอวิ๋นผู่ก็ทำให้จิตใจของเขาสงบไม่ได้อยู่นาน คนเยี่ยงนี้คู่ควรอยู่บนโลกนี้รึ?กับการไต่ถามของฉินอวิ๋นฟาน ฉินอวิ๋นฮุยหมดแรงโต้กลับ เขารู้การกระทำผิดของน้องชายมานานแล้ว เพียงแต่ด้วยใจที่ต้องการปกป้องน้องชาย จึงได้แต่ใช้เงินและอิทธิพลยุติปัญหา“ความผิดพวกนี้ที่เจ้าพูดข้าไม่ปฏิเสธ แต่เขาคือน้องชายข้า ข้าต้องรับผิดชอบและมีหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยของเขา มิเช่นนั้นข้าที่เป็นองค์ชายรองจะดูไม่เอาไหนหรือ?”ฉินอวิ๋นฮุยยังคงไม่เข้าใจเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานโกรธ ไม่เข้าใจทัศนคติในคุณค่าเหมือนเดิม ในสายตาของเขา เขาคือองค์ชายผู้สูงศักดิ์ มีอำนาจสูงสุดไม่ว่าน้องชายจะทำผิดอะไร เขาจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของน้องชายเท่านั้น มิใช่ความถูกผิดของเรื่อง และนี่ก็คือความคิดซึ่งเห็นแก่ตัวและคับแคบ“จะพูดพล่ามกับมันมากไปทำไม? ถ้าเจ้ากล้าแตะต้องลูกชายข้าสักเส้นขน ข้าเหอปี้อวี้จะราวีเจ้าไม่เลิกแน่!”ตอนนี้เอง เหอปี้อวี้พาลูกน้องกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้ามืดมน“เสด็จแม่ ท่านมาได้สักที มาได้สักที ช่วยข้า ช่วยข้านะ ผู่เอ๋อ
ขณะเห็นภาพนี้ ทุกคนในที่นั้นต่างตาโตอ้าปากค้าง ในดวงตาคือความครั่นคร้ามเต็มประดาองค์ชายห้ามีฐานะสูงส่งเพียงใด คือตัวตนที่อยู่สูงของต้าเฉียน ไม่เพียงมีพี่ชายคนรองผู้มีอำนาจในราชสำนัก ยิ่งมีตระกูลเหอซึ่งเป็นตระกูลใหญ่เหนือชั้นอยู่เบื้องหลัง ใครจะกล้าแหยม?องค์ชายเช่นนี้ กลับถูกรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินฉินอวิ๋นฟานปาดคอด้วยหนึ่งกระบี่?เรื่องนี้ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว!อยู่ในวังนานหลายปี อู่จ้านย่อมรู้ว่าหนึ่งกระบี่ของฉินอวิ๋นฟานลงไปหมายถึงอะไร ไม่ใช่แค่สั่นสะเทือนไปทั้งต้าเฉียน ทั้งยังเพิ่มระดับความขัดแย้งระหว่างองค์ชายยามนี้เขากำดาบรบในมือแน่น สังเกตทหารศึกรอบด้านตลอดเวลา เตรียมตัวรบอาบเลือดทุกขณะเวลานี้ มู่หรงจิ่นเบิกตาโพลง สองมือปิดปาก ในดวงตาคือความเหลือเชื่อท่วมท้น ฉินอวิ๋นฟานกล้าสังหารองค์ชายเพื่อนางจริง ๆ? นี่มิเท่ากับเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเพื่อนางหรือ?ตุบ...เห็นบุตรชายแท้ ๆ ถูกฉินอวิ๋นฟานสังหารต่อหน้าทุกคน เหอกุ้ยเฟยกรีดร้องปอดฉีกหัวใจแหลกลาญทันที สองขาอ่อนแรงทรุดลงไปทั้งคนโดยตรงนางวางแผนอยู่ในราชสำนักยี่สิบกว่าปี บิดายิ่งเป็นผู้นำตระกูลเหอเหนือชั้น น้องชายคือผู
เหอปี้อวี้เห็นไท่ซั่งหวงมาก็ร้องห่มร้องไห้จะขาดใจตาย เล่นบทคนชั่วฟ้องก่อน ตำหนิติเตียนฉินอวิ๋นฟานเลยฉินอวิ๋นฟานคิ้วผูกเป็นปมเล็กน้อย เหอปี้อวี้เป็นยัยบ้าจริง ๆ ด้วย ความชั่วของลูกชายไม่พูดถึงสักคำ เอาแต่สาดน้ำคลำใส่คนอื่น ไม่แบ่งแยกดีชั่ว นี่ไม่ใช่ใส่ร้ายป้ายสีกันเห็น ๆ รึ?“ลุกขึ้นเถอะ!”ไท่ซั่งหวงส่ายหน้าด้วยความจนใจ “ข้าอายุปูนนี้แล้ว เมื่อไรพวกเจ้าจะให้ข้าได้พักสักที? ต้องมีเรื่องกันถึงเมื่อไรถึงจะยอมหยุด?”“เสด็จพ่อ หม่อมฉันก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ แต่ฉินอวิ๋นฟานไร้มโนธรรมจิตสำนึก ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา อาศัยว่ามีอำนาจในมือกับกระบี่อาญาสิทธิ์ กระทำชั่วต่าง ๆ นานา กำจัดคนที่เห็นต่าง คนประเภทนี้จิตใจเลวทราม ต้าเฉียนเรามีรัชทายาทเช่นนี้คือความโชคร้ายเพคะ”เหอปี้อวี้ยังไม่ตายใจ ถ้อยคำเพิ่มความรุนแรง ท่าทางฉินอวิ๋นฟานไม่ตายจะไม่ยอมรามือ“พอที!”ทันใดนั้นไท่ซั่งหวงตวาด “เจ้าเป็นผู้นำของกุ้ยเฟยวังหลัง ไม่อยู่วังหลังกลับพาคนมากมายมาทำอะไรที่นี่? จะก่อกบฏรึ? หรือว่าเจ้าไม่รู้หลักเหตุผลว่าวังหลังห้ามยุ่งเรื่องราชกิจ?”ทันทีที่ไท่ซั่งหวงตวาด ทุกคนหน้าถอดสีฉับพลัน คำว่าก่อกบฏหากออกม