Share

บทที่ 89

Author: ไห่ตงชิง
"คำพูดนี้ของพี่จื่อเจี้ยนถูกต้อง ข้าได้คัดลอกทั้งบทมาแล้ว ทั้งหมดเจ็ดร้อยสิบเจ็ดตัวอักษร ข้าอ่านทั้งคืน แต่ละรอบต่างทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้น ความรู้สึกชื่นชมเอ่อล้นขึ้นในใจ น่าเสียดายที่ไม่ได้ก้มคาราวะให้กับคุณชายจ้าวไท่ไหล่ต่อหน้า บทความที่น่าทึ่งขนาดนี้ ข้ากล้าพูดเลยว่า หากในโลกวรรณกรรมมีสิบส่วน แปดส่วนต้องเป็นของคุณชายจ้าวไท่ไหลอย่างไม่ต้องสงสัย!”

“อย่าว่าแต่เจ้าเลย หากเป็นคนที่ศึกษาตำราเล่าเรียน มีใครบ้างเล่าที่จะไม่มี “ลำนำหอเถิงหวัง” สักฉบับติดมือแล้วอ่านอย่างละเอียด เฮ้อ เหนือฟ้ายังมีฟ้า ท่านใต้เท้าราชเลขาเองก็เป็นเสาหลักของบ้านเมือง หากไม่มีท่านราชเลขาคอยค้ำจุนราชสำนัก ไม่รู้ว่าบ้านเมืองจะวุ่นวายสักเพียงใด บวกกับความสามารถทางวรรณกรรมที่น่าทึ่งของคุณชายจ้าวไท่ไหล เพียงประโยคที่ว่าแสงอรุณโรยราห่านป่าบินเดียวดาย อุทกแห่งฤดูใบไม้ร่วงรวมสีเดียวกับท้องนภานี้จะทำให้นักกวีใต้หล้าอับอายไปอีกนานเท่าใด”

ที่จริงแล้ว ไม่ว่าพวกบัณฑิตเหล่านี้จะถกกันเรื่อง “ลำนำหอเถิงหวัง” ก็ดีหรือจ้าวไท่ไหลก็ตาม ล้วนไม่ดึงดูดความสนใจของหลี่เฉินทั้งนั้น

แต่หากจะรวมสองชื่อนี้เข้าด้วยกัน หลี่เฉินจำต้องฟังเสียห
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 90

    คำพูดของหลี่เฉิน ทำให้ใบหน้าแดงก่ำของบัณฑิตเปลี่ยนเป็นขาวซีด“เจ้า เจ้ากล้าดูหมิ่นคนสุภาพเรียบร้อย!”หลี่เฉินขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงกับคนไร้ค้าเช่นนี้“ซานเป่า ไล่คนไม่เอาไหนที่กินอุจาระของตระกูลจ้าวออกไปซะ”ซานเป่าที่ทนดูไม่ไหวนานแล้วรีบลุกขึ้น ขณะเดียวกันองครักษ์ผ้าแพรหลายนาบก็มาปิดล้อม จับพวกเขาและลากออกไปทันทีเหล่าบัณฑิตจะเป็นคู่ต่อสู้ขององครักษ์ผ้าแพรได้อย่างไร จึงร้องโหยหวนอย่างไร้เรี่ยวแรงต้านทานออกจากโรงเตี๊ยมหลี่เฉินหันหลังเดินมายังโต๊ะที่มีหญิงสาวสองคนปลอมตัวเป็นชายหนุ่มคนที่พูดก่อนหน้านี้ ดูงดงามกว่าเล็กน้อย การแต่งกายด้วยชุดผู้ชายก็มิได้ดูแปลก กลับยิ่งสง่าสงามและสูงศักดิ์ ทำให้ชุดที่สวมใส่ดูพิเศษมากขึ้นจึงอดจินตนาการไม่ได้ว่านางสวมชุดผู้หญิงตามปกติจะงดงามเพียงใดเมื่อเห็นหลี่เฉินจ้องมองตน หญิงสาวก็มิได้หลบสายตา และมองหลี่เฉินด้วยความสนใจ เพียงแค่ความตรงไปตรงมาและเปิดเผยนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงทั่วไปมี“คุณชายดูแปลกตามาก ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดหรือ” จินเสวี่ยยวนเอ่ยถาม“บัณฑิตเหล่านั้นมิใช่คนดี ดูไร้มารยาทมาก และแท้จริงแล้วล้วนเป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลจ้าว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 91

    “คุณหนูจินเป็นหญิงปลอมเป็นชาย เดิมก็พบเจอได้ยากอยู่แล้ว อีกทั้งก่อนหน้านี้เจ้าได้ยอมรับกลายๆ แล้วว่าเจ้าไม่ได้มาจากจักรวรรดิต้าฉิน บัดนี้ที่จักรวรรดิต้าฉินได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติทางธรรมชาติมาหลายปี ยามนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาส่งเครื่องบรรณาการจากชาวต่างแคว้น ตอนนี้มีชาวตะวันตกผมสีทองตาสีฟ้าอยู่บ้าง แต่ลักษณะรูปร่างหน้าตานั้นแตกต่างจากคุณหนูจินมาก พอมาคำนวณดูแล้ว ชาวต่างแคว้นที่มีตาสีดำผมสีดำที่ยังอยู่เมืองหลวง ก็เป็นคณะทูตเสียนเฉาแล้วล่ะ”หลี่เฉินพูดเนิบๆ “ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่แน่ใจ แต่พอได้ทดสอบปฏิกิริยาขององค์หญิงจินแล้ว ถึงได้มั่นใจ”เมื่อพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว จินเสวี่ยยวนจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าตัวเองถูกหลี่เฉินหลอกเข้าแล้ว“คุณชายฉลาดเหนือใครจริงๆ อาศัยแค่เบาะแสบางอย่างก็สามารถเดาตัวตนของข้าได้ แต่คุณชายยังต้องการทำอะไรอีก” จินเสวี่ยยวนนั่งลงที่เดิม จ้องมองใบหน้าของหลี่เฉินนิ่งๆ แล้วเอ่ยถาม“ที่นี่คนเยอะหูตามากมาย ไม่เหมาะสมที่จะพูดคุยกัน องค์หญิงขึ้นไปนั่งที่ห้องส่วนตัวชั้นบนกับข้าดีหรือไม่”หลังจากที่หลี่เฉินพูดจบ ก็เรียกเสี่ยวเอ้อร์ให้เปลี่ยนไปยังห้องส่วนตัวชั้นบน โดยไม่รอค

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 92

    คำพูดนี้ของหลี่เฉิน ทำให้ใบหน้างามของจินเสวี่ยยวนหยุดชะงัก“ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ ทำไมเจ้าถึงยังแสร้งทำเป็นเร้นลับซับซ้อน” จินเสวี่ยยวนขมวดคิ้ว ท่าทางเย็นชาขึ้นหลี่เฉินกล่าวอย่างสงบ “ช่วงนี้องค์หญิงนำคณะทูตไปเยี่ยมเยียนเจ้าหน้าที่ขุนนางราชสำนักในเมืองหลวงมากมาย ย่อมรู้แน่ว่าตอนนี้ต้าสิงฮ่องเต้กำลังป่วยหนัก การบริหารบ้านเมืองทั้งหมดในราชสำนักล้วนมีองค์รัชทายาทผู้ฉลาดปราดเปรื่องคอยจัดการดูแล หากเจ้าต้องการพบฮ่องเต้ จะเป็นไปได้อย่างไร”จินเสวี่ยยวนได้ยินเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดว่า “เรื่องที่ต้าสิงฮ่องเต้ป่วยหนักข้าย่อมรู้อยู่แล้ว แต่เรื่องการบริหารบ้านเมืองของแคว้นต้าฉิน เหมือนจะมีราชเลขาจ้าวเสวียนจีเป็นผู้จัดการดูแลมาโดยตลอด ส่วนองค์รัชทายาทผู้ฉลาดปราดเปรื่องที่เจ้าพูดถึง เท่าที่ข้าเคยได้ยินมา เหมือนจะไม่สำคัญขนาดนั้น”หลี่เฉินตาค้าง พูดว่า “ถ้าจ้าวเสวียนจีมีความสามารถในการควบคุมบริหารบ้านเมืองคนเดียวจริงๆ ทำไมเจ้าไม่ไปหาเขาล่ะ”จินเสวี่ยยวนส่ายหัวแล้วพูดว่า “เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงการทูตระดับแคว้น ไม่ว่าจ้าวเสวียนจีจะเก่งกาจเพียงใดก็เป็นเพียงราชเลขาเท่านั้น ฮ่องเต้อาจถามความคิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 93

    คำพูดของหลี่เฉินนั้น ลามกอนาจารเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่มีคำหยาบคายแม้แต่คำเดียวจินเสวี่ยยวนได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงเถือกนางแค่คิดจะเปลืองตัวนิดหน่อย ตกหลี่เฉินเหมือนตกปลา เพื่อให้เขาช่วยทำงานให้ตัวเอง แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเรือนร่างที่ล้ำค่าสะอาดผุดผ่องไร้ราคีของตัวเองต้องมาเสียคุณค่าเพราะคนลามกที่อยู่ข้างหน้านี้หลังจากดิ้นรนไปมา จินเสวี่ยยวนก็พบว่าหลี่เฉินมีเรี่ยวแรงมากอย่างน่าประหลาดใจ นางดิ้นหลุดออกไปไม่ได้“คุณชาย แบบนี้ แบบนี้ทำให้ข้าเริ่มกลัวแล้ว”จินเสวี่ยยวนฝืนยิ้ม แล้วพูดอย่างประหม่า “เจ้าปล่อยข้าก่อน พวกเรามีอะไรก็พูดกันดีๆ ค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์ดีหรือไม่”หลี่เฉินโน้มตัวไปสูดดมลำคอขาวราวหิมะของจินเสวี่ยยวน แล้วพูดอย่างไม่จริงจัง “พัฒนาความสัมพันธ์อะไรกัน ข้าเป็นคุณชายที่จริงจัง มีนิสัยขี้อาย เมื่อเห็นสตรีมักจะรู้สึกมือเท้าอ่อนแรง ทำอะไรไม่ถูก และที่ทำไม่เป็นที่สุดคือการพัฒนาความสัมพันธ์”เมื่อเห็นว่าสิ่งที่หลี่เฉินพูดนั้นตรงกันข้ามกับการกระทำแท้จริงอย่างสิ้นเชิง จินเสวี่ยยวนก็แอบกัดฟันกรอด พยายามดิ้นรนมากขึ้น แล้วพูดว่า “คุณชาย โปรดระวังกิริยาด้วย!”“ระวังกิริยาอย่างไร”

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 94

    คำว่าไม่เอานี้ ไม่รู้ว่าพูดให้หลี่เฉินฟัง หรือว่าพูดให้หันชุ่ยที่อยู่นอกประตูฟังขณะที่ใช้มือข้างหนึ่งต่อต้านการนวดคลึงอย่างย่ามใจของหลี่เฉิน ส่วนอีกด้านหนึ่ง จินเสวี่ยยวนก็ต้องควบคุมน้ำเสียงของตัวเอง พยายามให้ตัวเองพูดตอบหันชุ่ยที่อยู่นอกประตูด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูปกติ“ข้าไม่เป็นไร เจ้าอย่าเข้ามา!”เมื่อรอจนกระทั่งหันชุ่ยที่อยู่นอกประตูเงียบเสียงไปในที่สุด จินเสวี่ยยวนก็ถอนหายใจเฮือกด้วยความโล่งอกแต่แล้ว นางก็ตระหนักว่าร่างกายอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของตัวเองกำลังจะถูกทำลายด้วยน้ำมือของหลี่เฉิน“หยุดนะ! เจ้าไม่กลัวว่าคนอื่นจะรู้งั้นรึ! ข้างนอก ข้างนอกมีคนอยู่!”หลี่เฉินกระชับร่างกายของจินเสวี่ยยวนด้วยมือข้างหนึ่ง ทำให้นางนั่งในอ้อมแขนของตัวเองนิ่งๆ อย่างไม่สามารถขยับได้ ส่วนอีกมือหนึ่งเอาแต่เล่นกับหน้าอกงามไร้ขอบเขตของจินเสวี่ยยวน พูดอย่างไม่จริงจัง “ข้ากลัวอะไร อยากกลัว เจ้าก็กลัวไปเองสิ”คราวนี้ หลี่เฉินโน้มตัวเข้ามาใกล้กับกลีบปากสีแดงของจินเสวี่ยยวน ริมฝีปากที่ขยับในขณะที่พูดได้ถูไถมุมปากของจินเสวี่ยยวนเบาๆ การสัมผัสที่คลุมเครือเช่นนี้ ทำให้หลี่เฉินรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก“เจ้าเป

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 95

    หันชุ่ยนอกประตู เดินกลับไปกลับมานับครั้งไม่ถ้วนและไม่รู้ว่านางต้องการผลักประตูเปิดเข้าไปกี่ครั้งนางคิดอยู่เสมอว่าการที่องค์หญิงอยู่ในห้องเดียวกันกับชายแปลกหน้าที่มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นคนไม่ดีนั้น ถือเป็นการกระทำที่อันตรายเหมือนกับการขังชิ้นเนื้องามไว้ในกรงกับหมาป่าตัวใหญ่ที่หิวโหยยิ่งไปกว่านั้น เสียงอุทานเมื่อครู่จากองค์หญิง ยิ่งทำให้หันชุ่ยรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นแต่องค์หญิงก็บอกแล้วว่า ห้ามไม่ให้ตัวเองเข้าไปไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับองค์หญิงจะดีแค่ไหน นางยังคงเป็นบ่าวรับใช้ นางไม่กล้าขัดคำสั่งขององค์หญิงแต่ความกังวลและความวิตกกังวลแบบนั้นกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ใจของหันชุ่ยแทบจะแตกสลายหันชุ่ยอดไม่ได้ที่จะเอนตัวไปฟังที่ประตูอย่างเงียบ ๆ แต่สภาพแวดล้อมในเหลาสุราเสียงดังมาก จนนางไม่ได้ยินชัดเจนเมื่อนางกำลังจะยอมแพ้ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังเบาๆ จากในห้องเป็นเสียงสั่นสม่ำเสมอมากเสียงแบบนั้น เหมือนมีคนผลักโต๊ะ และเขย่าอย่างมีจังหวะสม่ำเสมอบางครั้งก็มีเสียงครางที่พยายามอดกลั้นไว้เสียงสองเสียง...นอกจากนี้ ดูเหมือนจะมีเสียงหายใจที่เร็วกระชั้นและอู้อี้สองเสียง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 96

    นางกำนัลตอบรับแล้วหันหลังออกไปเตรียมน้ำร้อนจ้าวหรุ่ยถอนหายใจเบาๆ มองดูหิมะตกหนักนอกหน้าต่างแล้วพึมพำ “องค์รัชทายาท หม่อมฉันไม่กล้าทำร้ายท่าน ดังนั้นปล่อยให้ความลับเหล่านี้เน่าเปื่อยในท้องของหม่อมฉัน”แต่สิ่งที่นางไม่รู้ก็คือ นางกำนัลที่ทำความสะอาดถังขยะก่อนหน้านี้ได้นำขวดและขี้เถ้าที่แตกหักติดตัวไปด้วย ทว่าเท้าหน้าเพิ่งก้าวออกจากพระที่นั่งร้อยบุปผา เท้าหลังก็มีขันทีสองคนปรากฏตัวต่อหน้านางทันทีด้วยสีหน้าไร้อารมณ์“พวกข้ามาจากหน่วยบูรพา โปรดมอบของให้กับข้าด้วย”ขันทีแสยะยิ้มอย่างเย็นชาให้นางกำนัล “เอ๋ กงกงจากหน่วยบูรพา นี่เป็นแค่ขวดที่แตกในห้องของพระสนมเท่านั้นนะ?” นางกำนัลพูดอย่างเร่งรีบ“เจ้าอย่าถามให้มากความ แค่มอบของให้กับพวกข้าแล้วก็ออกไปได้แล้ว”แม้ว่านางกำนัลจะมีความกล้าหาญแต่ก็ไม่กล้าถามเกี่ยวกับธุระของหน่วยบูรพา ดังนั้นหลังจากมอบของแล้ว นางก็รีบหนีกลับไปที่พระที่นั่งร้อยบุปผาทันที …………ในร้านอาหาร หันชุ่ยซึ่งหัวใจเหมือนมีกรงเล็บแมวข่วน นางแทบจะทนไม่ไหวที่จะเข้าไปข้างใน แต่ตอนนั้นเองประตูห้องส่วนตัวก็เปิดออกทันทีหันชุ่ยสะดุ้งนางถอยหลังไปสองก้าวและจ้องมองไปที่หลี่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 97

    ในไม่ช้า หันชุ่ยก็ขอให้ทางร้านเตรียมรถม้าด้วยการช่วยเหลือของหันชุ่ย จินเสวี่ยยวนจึงย้ายออกจากห้องและลงไปชั้นล่างอย่างระมัดระวังทีละก้าวๆ หลังจากนั่งบนรถม้าอย่างไม่เต็มใจ จินเสวี่ยยวนก็ดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้ และพูดกับหันชุ่ยว่า “เจ้าเอาเงินไป ซื้อโต๊ะในห้องนั้นกับเจ้าของร้านแล้วเอามันไปเผา”ที่โต๊ะนั้นเองที่เจ้าวายร้ายทำสำเร็จ จินเสวี่ยยวนก็ไม่อยากให้ใครใช้โต๊ะนั้นกินข้าวอีกในอนาคตหันชุ่ยรู้สึกว่าองค์หญิงของนางเหมือนถูกวิญญาณร้ายเข้าสิง และพูดสิ่งที่ไม่น่าเชื่อบางอย่างออกมาแต่คราวนี้นางได้เรียนรู้บทเรียนแล้ว จึงไม่ได้ถามคำถามอีกต่อไป นางเพียงตอบและรีบกลับหลังจากนั้นไม่นาน พนักงานทั้งสองก็ลากโต๊ะลงมาด้วยความยากลำบาก และเผามันต่อหน้าจินเสวี่ยยวน จินเสวี่ยยวนรู้สึกโล่งใจ และให้หันชุ่ยขึ้นรถม้า เพื่อในขณะที่จินเสวี่ยยวนขึ้นรถม้าเพื่อกลับไปที่สถานทูต หลี่เฉินก็มาถึงตำหนักบูรพาแล้วทันใดนั้นซานเป่าก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาราวกับผี“มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”หลี่เฉินถาม เขารู้ว่าหากไม่มีเรื่องสำคัญ ซานเป่าจะไม่เป็นฝ่ายปรากฏตัวก่อน ซานเป่าเข้ามาใกล้หลี่เฉิน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแ

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1053

    “นี่มันเรื่องอะไร?”ซูจิ่นพ่ากดดันต่อทันที “หากเจ้ามีเหตุผล ก็กล่าวมาเถิด ให้คนทั้งใต้หล้าได้ยินให้ชัดว่า องค์รัชทายาทนั้น ‘โง่งม’ อย่างไร?”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เสียงของซูจิ่นพ่าพลันเย็นเยียบลง “หากเจ้าพูดออกมาไม่ได้ เช่นนั้นก็คือการใส่ร้าย ใส่ร้ายองค์รัชทายาทผู้ครองแผ่นดิน ถือเป็นอาชญากรรม ต้องประหาร!”คำว่า “ต้องประหาร” สิ้นสุดลงในวินาทีใด อำนาจและบารมีอันยิ่งใหญ่ก็ปกคลุมรอบทิศจนขุนนางผู้นั้นถึงกับทรุดตัวนั่งตูมลงกลางพื้นซึ่งชุ่มไปด้วยน้ำฝนเขาถึงกับหวาดกลัวจนหมดสติเมื่อร่างล้มลง มือทั้งสองย่อมต้องยันพื้นไว้โดยสัญชาตญาณ ทว่าเมื่อฝ่ามือเขายื่นออกไป กลับสัมผัสกับพื้นของทางเสด็จในพระราชวัง หน้าพระที่นั่งไท่เหอ มีทางเดินอยู่สามสายสายหนึ่งคือ “ทางสามัญ” สำหรับขุนนางเดินใช้สายหนึ่งคือ “ทางอ๋อง” สำหรับเจ้านาย ราชนิกูลและเชื้อพระวงศ์และอีกสายคือ “ทางจักรพรรดิ” หรือเรียกว่า “ทางเสด็จ” เป็นทางที่มีเพียงฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านได้ตามกฎหมาย แบ่งทางเดินแต่ละสายตามสถานะผู้เดินอย่างเคร่งครัด หากผู้ต่ำศักดิ์ละเมิด ย่อมถือว่าเป็นการล่วงละเมิดเบื้องสูง มีโทษฐานก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1052

    เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นโดยไร้สัญญาณเตือน ทำให้ทุกคนในที่นั้นแลเห็นใบหน้าของหลี่เฉินอย่างชัดเจน ภายใต้สายฝนที่เทกระหน่ำและหลี่เฉินเองก็สามารถมองเห็นสีหน้าของเหล่าขุนนางได้ถนัดตาในสีหน้าพวกเหล่าขุนนาง บ้างจริงจัง บ้างเงียบงัน บ้างหวาดหวั่น ทว่ามากที่สุด...คือความเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์พวกเขาราวกับแน่ใจว่า คืนนี้องค์รัชทายาทจะต้องถูกบีบให้สละตำแหน่งอย่างแน่นอนเสียงตะโกนขอให้องค์รัชทายาทสละราชบัลลังก์ดังระงม ประหนึ่งคลื่นมหึมาที่ถาโถมกดทับอยู่บนร่างของหลี่เฉินซูจิ่นพ่าหันไปมองด้านข้างของหลี่เฉิน ใบหน้าของเขาเรียบเฉยไร้อารมณ์ แต่ด้วยความใกล้ชิด นางรู้ดีว่าร่างกายของบุรุษข้างกายกำลังสั่นไหวเล็กน้อยนั่นมิใช่ความหวาดกลัว แต่เป็นความโกรธในห้วงเวลานี้ ซูจิ่นพ่ารู้สึกเลือดลมพลุ่งพล่านจุกแน่นอยู่ในลำคอ ไม่อาจกลืนกลับไปได้อีกนางจำต้องกล่าวบางสิ่งออกมา“หยาบช้า!”เสียงตำหนิของซูจิ่นพ่าดังใสชัดเจน ในค่ำคืนอันเปียกชื้นอึมครึมนั้น เสียงของนางมิได้ละมุนดังเช่นทุกครั้ง ทว่าหนักแน่นเด็ดเดี่ยวอย่างน่าครั่นคร้ามดั่งเสียงขานแรกของนกฟีนิกซ์วัยเยาว์ แม้ยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ก็เผยแววสง่างามของสตรีผ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1051

    สายฝนเทกระหน่ำ ในห้วงฟ้าดินนั้น นอกจากเสียงเม็ดฝนกระทบพื้นอันอึกทึกแล้ว กลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาอีกเลยทันใดนั้น เสียงขานราชาศัพท์กังวานลั่นไปทั่วสะพานจินสุ่ย“ฮองเฮาเสด็จ!”“องค์รัชทายาทเสด็จ!”“พระชายาองค์รัชทายาทเสด็จ!”เสียงขานรับเสด็จทั้งสามดังขึ้นติดกัน ทำให้เหล่าขุนนางหลายสิบคนเริ่มเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทว่าจางปี้อู่ซึ่งยืนอยู่แถวหน้าสุดกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นว่า “สงบปากสงบคำ”เพียงคำเดียว ทุกคนก็เงียบลงทันทีในเวลาไม่นาน ร่างสองร่างก็ปรากฏตัวเคียงข้างกันที่หน้าสะพานจินสุ่ยชุดแต่งงานสีแดงฉาน ภายใต้ม่านฝนและรัตติกาล กลับยิ่งสะดุดตาพร้อมกับการปรากฏตัวของพวกเขา คือเสียงฝีเท้าของเหล่าองครักษ์ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบองครักษ์อวี่หลินเดินเข้าสู่ลานพิธีพวกเขากระจายตัวรายล้อมกำแพงแดงโดยรอบลานสะพานจินสุ่ย จนล้อมพื้นที่โดยรอบไว้ทั้งหมดเหล่าขุนนางเพียงแต่ยืนมองนิ่งๆ ไม่มีใครขัดขืน ไม่มีผู้ใดกล่าวคำหนึ่งคำราวกับรู้ดีว่า...ทหารเหล่านี้ ไร้ความหมายซานเป่าอยากจะกางร่มให้หลี่เฉินกับซูจิ่นพ่า ทว่าหลี่เฉินโบกมือ แล้วหยิบร่มไปกางเหนือศีรษะของซูจิ่นพ่า ส่วนตนกลับปล่อยให้ร่า

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1050

    “ข้าเข้าใจแล้ว…เข้าใจหมดทุกอย่างแล้ว”หลี่อิ๋นหู่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น“ไม่แปลกใจเลย ไม่ว่าอย่างไร ข้าทำสิ่งใด เจ้าก็ล่วงรู้หมด ที่แท้เป็นเช่นนี้! เป็นเช่นนี้เอง!”หลี่เฉินมองหลี่อิ๋นหู่ที่หัวเราะจนหอบหายใจแทบไม่ทัน สีหน้าไร้อารมณ์เขาหันหลัง เดินตรงเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ซานเป่ากลับไม่ได้หันตาม แต่เดินตรงไปทางหลี่อิ๋นหู่ด้านหลังหลี่เฉิน เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ยังไม่จางหาย เขาหัวเราะพลางตะโกนลั่น “หลี่เฉิน เจ้าอย่าได้ลำพองใจ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจ้าวเสวียนจีร้ายกาจเพียงใด! เจ้ารู้หรือไม่ว่าแผ่นดินนี้มีคนอีกมากมายที่ปรารถนาให้เจ้าตาย! ข้าเป็นแค่หุ่นเชิดก็จริง แต่ข้าก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”“หากเจ้าฆ่าข้า คนพวกนั้นจะไม่อาจอยู่นิ่งได้ อาณาจักรที่เจ้าครอง จะไม่มีวันมั่นคงแน่นอน!”ฝีเท้าหลี่เฉินไม่หยุด ยังคงเดินไปข้างหน้า คำพูดของหลี่อิ๋นหู่ไม่มีผลใดๆ กับเขาเลยในเวลาเดียวกัน เสียงตวาดกร้าวของโจวสิงเจี่ยก็ดังขึ้น“เจ้าจะทำอะไร!”ไม่มีผู้ใดตอบต่อมาคือเสียงฟึ่บ! ของคลื่นลมที่ระเบิดออก ตามด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของโจวสิงเจี่ยถัดจากนั้น เสียงหัวเราะของหลี่อิ๋นหู่ก็เงียบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1049

    หลี่อิ๋นหู่รู้ดีว่าหลี่เฉินจะต้องฆ่าตนทว่าเมื่อความตายมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง เขากลับหวาดกลัวขึ้นมาม่านตาหดแน่น ลำคอหลี่อิ๋นหู่แห้งผากจนลิ้นแทบขยับไม่ไหว“จ้าวเสวียนจีบางทีอาจกำลังรอให้เจ้าฆ่าข้าก็เป็นได้!” หลี่อิ๋นหู่พลันเอ่ยขึ้นมา“ไม่ผิด”หลี่เฉินยืนยันคำพูดของหลี่อิ๋นหู่อีกครั้ง“ความผิดของเจ้า คือเข่นฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือด หากข้าฆ่าเจ้า เช่นนั้นข้าก็จะมีความผิดเดียวกับเจ้าอย่างเต็มประตู”“จ้าวเสวียนจีจะใช้ข้อหานี้ ประกาศไปทั่วแคว้น ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียง”หลี่อิ๋นหู่ราวกับคว้าได้หนึ่งในเส้นเชือกแห่งความหวัง จึงรีบกล่าวด้วยความร้อนรนว่า “เพราะฉะนั้นเจ้าก็ยิ่งห้ามหลงกลเขา!”“ข้าไม่กลัว”หลี่เฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน “หลุมที่เจ้าก้าวลงไปแล้วต้องตาย ข้าเดินผ่านไป กลับสามารถถมให้ราบได้”สีหน้าหลี่อิ๋นหู่ชะงักนิ่งเขารู้สึกได้ว่าเส้นเชือกแห่งความหวังนั้น ค่อยๆ เลือนหายไป“อย่าฆ่าข้า!”หลี่อิ๋นหู่พลันทรุดตัวคุกเข่าลง สองเข่าติดพื้น ค่อยๆ คลานเข้าไปหาเขาหลี่เฉินไม่ได้พูดอะไร ไม่แม้แต่จะหลบหลีกปล่อยให้อีกฝ่ายคลานเข้ามาใกล้ พอเขาเอื้อมมือจะกอดขาหลี่เฉิน หลี่เฉินจึ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1048

    การระเบิดของระเบิดเทพต้าฉินทั้งสี่ระลอก ทำให้ผู้คนล้มตายไปหลายพันคน ทำลายขวัญกำลังใจของทัพกบฏจนราบคาบ ยังผลให้หลี่อิ๋นหู่ตื่นจากความฝันอันแสนหวานควันดินปืนยังลอยฟุ้งอยู่ทั่ว เปลวเพลิงที่ระเบิดทิ้งไว้ยังคงลุกไหม้ ธงรบที่ขาดวิ่นไหวระริกในสายลมยามโพล้เพล้ เสียงเปลวไฟแตกดังเปรี๊ยะๆ กับเสียงคร่ำครวญของบาดเจ็บที่ยังไม่สิ้นลมหายใจ ดังอยู่ไม่ขาดสายหลี่เฉินออกคำสั่ง ให้ทหารที่ยังมีแรงเหลือออกไปกวาดล้างสนามรบ“ฝ่าบาท พวกกบฏที่ยังรอดชีวิตอยู่ จะทรงให้ประหารหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ซานเป่าใช้ความเคยชินในฐานะจางกงแห่งตงฉ่าง เห็นว่าศัตรูก็ต้องฆ่าให้สิ้นซาก จึงเอ่ยถาม“หากผู้ใดพอมีหวังรอดชีวิต ก็ให้รักษาไว้”หลี่เฉินปรายตามองซานเป่า เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกเขาเลือกจุดยืนทางการเมืองไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นของผู้ใหญ่ข้างบน ทหารเหล่านี้ ก็แค่สู้เพื่อค่าจ้างหนึ่งมื้อเท่านั้น ตั้งแต่ตำแหน่งแม่ทัพร้อยคนขึ้นไป ฆ่าให้หมด”การตัดสินใจที่ใหญ่ปล่อยเล็กเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความใจกว้างของผู้เป็นกษัตริย์ซานเป่าค้อมกายรับคำ “ฝ่าบาททรงเปี่ยมด้วยเมตตา บ่าวขอรับพระโอวาทไว้”เมื่อซานเป่านำรับสั่งไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1047

    มนุษย์ ย่อมหวาดกลัวต่อภัยอันไม่อาจหยั่งรู้ได้นี่คือสันดานดิบของมนุษย์ เป็นสัญชาตญาณที่เปลี่ยนแปลงมิได้ก่อนหน้านี้ เว้นแต่บุคคลส่วนน้อยอย่างหลี่เฉิน ก็แทบไม่มีผู้ใดเคยเห็นระเบิดเทพต้าฉินมาก่อนเลยเพราะฉะนั้น เมื่อมันแสดงโฉมหน้าดุร้ายในฐานะอาวุธสงครามออกมาเป็นครั้งแรกต่อหน้าฝูงชน ทุกผู้คน รวมทั้งทหารองครักษ์ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้อยนาย ต่างก็พากันตื่นตะลึงจนตาแตกเสียงระเบิดที่ดังกึกก้อง อานุภาพของมันรุนแรงจนชวนให้ผู้คนคิดว่าหรือจะเป็นเทพพิโรธที่ฟ้าดินบันดาลลงมาแม้แต่หลี่เฉินเอง ก็เพิ่งเคยเห็นผลของระเบิดเทพต้าฉินในสนามรบจริงเป็นครั้งแรกเช่นกันเขารู้สึกพึงใจอย่างยิ่งต่ออานุภาพของระเบิดเทพต้าฉิน ทว่าในใจกลับเจ็บราวกับมีเลือดซึมออกมาเหตุใดน่ะหรือ ก็เพราะทุกเสียงระเบิดนั้น ล้วนแปลเป็นเงินทั้งสิ้นตามต้นทุนในปัจจุบัน ระเบิดระเบิดเทพต้าฉินหนึ่งลูกมีค่าใช้จ่ายราวสองร้อยตำลึงเงินแท้จริงแล้ว ปืนใหญ่หนึ่งนัดเท่ากับทองคำหมื่นตำลึงยิ่งไปกว่านั้น คนที่สามารถสร้างมันได้ ในต้าฉินเวลานี้ก็มีเพียงซ่งอิงซิงคนเดียวเท่านั้น แม้เขาจะพยายามฝึกฝนผู้อื่นอยู่ แต่ของสิ่งนี้กลับต้องใช้พรสวรรค์ อ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1046

    มือปืนทั้งสามแถวพอยิงพร้อมกันเสร็จสิ้นรอบหนึ่ง ก็รีบควานเอาสิ่งของกลมดำสนิทสิ่งหนึ่งออกมาจากถุงผ้าที่คล้องอยู่ข้างกายเจ้าสิ่งนั้นดูแล้วไร้ค่าเสียยิ่งกว่าท่อนไม้ในมือของพวกเขา เป็นของที่ต่อให้ถูกโยนทิ้งไว้ข้างทางก็ไม่มีผู้ใดเหลียวแลแต่เมื่อมีตัวอย่างของท่อนไม้ที่กลับกลายเป็นปืนปรากฏอยู่ก่อนหน้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดกล้าดูแคลนของสิ่งนี้“นั่นคือสิ่งใดกัน?”หลี่อิ๋นหู่ขมวดคิ้วแน่น ความรู้สึกไม่สู้ดีถาโถมเข้ามาในใจทันทีก่อนหน้านี้ที่เห็นปืนดินปืน แม้จะทำให้เขาตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นเสียขวัญก่อนอื่น ปืนดินปืนนั้นมิใช่ของแปลกใหม่เสียทีเดียว จักรวรรดิต้าฉินในอดีตก็เคยคิดค้นของเช่นนี้ขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ทุกคนต่างรู้ว่ามันเล็งได้ไม่แม่น แถมยังต้องเสียเวลายัดดินปืนใส่เข้าไป จึงมิได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายหรือพัฒนาอย่างจริงจัง ผู้คนล้วนเห็นว่าอย่างไรก็ยังสู้ฝึกมือธนูที่มีกำลังแขนมากหน่อยไม่ได้และการที่หลี่เฉินนำปืนดินปืนกลับมาพัฒนาใหม่นั้นก็หาใช่ความลับไม่ ขุนนางมากมายต่างตำหนิเจ้าชายรัชทายาทว่าเอาแต่เล่นจนเสียงาน ริหลงใหลในกลไกแปลกประหลาดซึ่งถือเป็นศาสตร์นอกลู่นอกทางหลี่อิ๋นห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1045

    “ฝ่าบาท พะย่ะค่ะ เราคงรักษาแนวไว้ไม่อยู่แล้ว” ซานเป่ามองสถานการณ์ที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ จึงกล่าวกับหลี่เฉินว่า “ไม่สู้พวกเรากลับเข้าไปในศาลบูรพกษัตริย์ แล้วค่อยหาทางใหม่ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” “ไม่เป็นไร”หลี่เฉินโบกมือเบาๆ เอ่ยว่า “ให้คนที่เหลือถอยกลับมาเถิด” “แต่ว่า…” หลี่เฉินเหลือบตามองซานเป่าหนึ่งแวบ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อใดกันที่เจ้ากลายเป็นผู้ตัดสินใจแทนข้า?” ซานเป่าหน้าตึงไปทันใด รีบก้มตัวยอมรับคำสั่งโดยไม่กล้าเถียงแม้แต่น้อย การรบในสนามยังคงดุเดือดโลหิต เมื่อความแตกต่างด้านจำนวนเพิ่มขึ้นตามอัตราผู้บาดเจ็บและล้มตาย เมื่อกำลังของทั้งสองฝ่ายใกล้ถึงขีดสุด สถานการณ์ก็เปลี่ยนเป็นการสังหารฝ่ายเดียว ขณะนั้นเอง คำสั่งถอยทัพก็ส่งต่อไปยังทุกหน่วย เหล่าทหารต่างรีบหดแนวรับอย่างเป็นระเบียบแม้เป็นการถอย แต่พวกเขายังคงปักหลักรักษาหน้าที่ ไม่มีผู้ใดหลบหนี ไม่แม้แต่จะแตกกระเจิง ทหารรักษาการณ์ที่เคยมีอยู่หลายพันนาย บัดนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ทั้งยังล้วนแต่มีบาดแผลติดตัว ดวงตาหลี่เฉินเปล่งประกาย เขาหันไปกล่าวกับซานเป่าข้างกายว่า “ศึกนี้ จงจดชื่อของเหล่าทหารที่เข้าร่วมไว้ทั้งห

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status