Share

บทที่ 766

Author: ไห่ตงชิง
"องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียว เริ่มศึกษาวรรณศิลป์ตั้งแต่อายุสามปี หัดวิชาการต่อสู้ตั้งแต่อายุห้าปี เจ็ดปีก็สามารถประพันธ์บทกวีได้เอง สิบสองปีฝึกปราบม้าศึกสายพันธุ์หายากที่ดุร้ายที่สุด และในวัยสิบห้าก็นำทัพเข้าสู่สนามรบ"

"เขาอายุเพียงยี่สิบกว่าปี แต่เรื่องราวชีวิตของเขานั้นเล่าขานเป็นตำนาน ความสามารถโดดเด่นหาใครเทียบมิได้ คนด้อยความรู้อย่างชาวต้าฉินพวกเจ้าจะไปเข้าใจได้อย่างไร!"

คำพูดเหล่านี้ เย่ลู่กู่จ้านฉีพูดด้วยความมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ

เขาไม่ทันตระหนักเลยว่า คำพูดของเขาเป็นการดูถูกคนทุกคนในที่นั้น ยกเว้นตัวเขาเอง

หลี่เฉินเลิกคิ้วขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า "ท่านอ๋องเก้า กินอิ่มจนมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือแล้วกระมัง?"

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เย่ลู่กู่จ้านฉีก็รีบเงียบปากทันที เพราะในใจเขายังคงหวาดกลัวหลี่เฉินอยู่บ้าง

ในขณะเดียวกัน เขาก็แอบลั่นวาจาในใจว่า หากข้าได้กลับแคว้นเหลียวเมื่อใด เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยเลือดแน่นอน...

ทุ่งหญ้าเขียวขจีทอดยาวไปไกลนับพันลี้ในค่ำคืนเดียว...

คำพูดนี้น่าสนใจสำหรับหลี่เฉิน

เขาไม่รู้ว่าเย่ลู่เสินเสวียนมีพระชายากี่คน...ได้ยินมาว่าชาวแ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 767

    ชนเผ่าเร่ร่อนในทุ่งหญ้ามักนับถือสัญลักษณ์ของหมาป่า ต่างจากชาวฮั่นแห่งแผ่นดินต้าฉินที่ยึดถือมังกรเป็นเครื่องหมายการเคารพหมาป่าในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พวกเขาเชิดชูพลังอำนาจ และเชื่อมั่นในหลักการที่ว่า ผู้แข็งแกร่งย่อมอยู่รอด ส่วนผู้ที่อ่อนแอก็ต้องถูกกลืนกินคำพูดของหลี่เฉินที่เพิ่งกล่าวออกไป จึงมีความหมายแฝงสองนัย เหล่าคนแคว้นเหลียวที่อยู่ในที่นั้น แม้จะรู้สึกไม่พอใจและอึดอัดใจเพียงใด ก็ไม่อาจหาคำมาคัดค้านได้เย่ลู่กู่จ้านฉีที่ยืนอยู่มุมหนึ่งของพระที่นั่งไท่เหอ มองเย่ลู่เสินเสวียนด้วยดวงตาที่แดงก่ำด้วยความตื่นเต้นองค์รัชทายาท ท่านเห็นหรือยัง นี่แหละคือองค์รัชทายาทแห่งต้าฉิน ปากคมเสียยิ่งกว่าคมหอกคมดาบ สามารถปลุกคนตายให้ลุกขึ้นมาโกรธได้เลยทีเดียว ท่านต้องระวังตัว อย่าตกหลุมพรางของเขาเด็ดขาดเย่ลู่เสินเสวียนยิ้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสง่างาม "ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทแห่งต้าฉินจะไม่ต้อนรับพวกเราเลยนะ""จริงอย่างว่า"หลี่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ต้าฉินและแคว้นเหลียวเป็นศัตรูกันมานานนับศตวรรษ ศพผู้คนที่ตายจากความขัดแย้งของสองแคว้น หากนำมาต่อกันคงทอดยาวจากพระราชวั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 768

    เมื่อกล่องผ้าดำถูกเปิดออก สิ่งที่ปรากฏอยู่ภายในคือศีรษะมนุษย์ที่เน่าเปื่อยจนแทบดูไม่ได้!ศีรษะนั้นถูกปกคลุมด้วยเลือดดำคล้ำที่แห้งกรัง บาดแผลลึกตัดขวางไปทั่วใบหน้าจนดูเหมือนหัวหมูที่ถูกสับด้วยมีด ความเน่าเปื่อยทำให้เนื้อหนังผุพัง ผมพันกันยุ่งเหยิง และระหว่างเนื้อที่เน่าผุยังมีหนอนสีขาวเล็กๆ ไต่ยั้วเยี้ยไปมาภาพนั้นทำให้แม้แต่แม่ทัพผู้ชินชากับการฆ่าฟันยังรู้สึกขนลุกฮาเลยต้าลี่ที่เป็นคนถือกล่องถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นสิ่งนั้นเป็นคนแรกหลังจากตกตะลึง เขาก็โกรธจัด เงยหน้าขึ้นตะโกนใส่หลี่เฉินด้วยความเดือดดาล "เจ้ากล้าลอบสังหารองค์รัชทายาทของพวกเราอย่างนั้นหรือ!?"หลี่เฉินยังคงสีหน้าราบเรียบ พลางเอ่ยคำสั่งสั้นๆ "ตบปาก"เพียะ!เพียะ! เพียะ!เสียงฝ่ามือตบดังขึ้นสามครั้งติดเป็นซานเป่าที่เข้าไปตบฮาเลยต้าลี่ด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างจนเกิดเสียงดังชัดเจนแม้รูปร่างของซานเป่าจะเล็กและผอมกว่า แต่ฮาเลยต้าลี่ที่ดูราวกับหมีสีน้ำตาลกลับไม่อาจสู้เขาได้เลยแม้แต่จะตั้งตัวฮาเลยต้าลี่ยังไม่อาจทำได้ อย่าว่าแต่ต่อต้านเลย ใบหน้าของเขาจึงถูกซานเป่าตบเข้าที่หน้าเต็มๆ ถึงสามครั้งโดยไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 769

    สำหรับเย่ลู่เสินเสวียน การสูญเสียบุตรชายไปหนึ่งคนไม่ใช่เรื่องใหญ่เขาเป็นบุรุษที่มีหญิงล้อมหน้าล้อมหลัง หากร่างกายยังแข็งแรง บุตรหลานย่อมไม่ใช่สิ่งที่ขาดแคลนแม้ว่าเขาจะชื่นชอบเย่ลู่ฉีหมิง แต่ก็ไม่ถือสาอะไรนัก ลูกๆ ที่คอยเอาใจเขามีอยู่มากมาย และเขาก็สามารถสร้างทายาทใหม่ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เพราะตัวเขายังหนุ่มแน่นแต่สิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้ คือการที่บุตรชายของเขาถูกองค์รัชทายาทแห่งต้าฉินสังหาร แล้วส่งหัวเน่าเปื่อยมาทิ้งไว้ต่อหน้าเขานั่นเท่ากับว่า หลี่เฉินเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาอย่างจงใจแม้เย่ลู่เสินเสวียนจะไม่พูดอะไรออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครกล้าเอ่ยแทนเขาเย่ลู่กู่จ้านฉีโกรธจัดจนกระโดดขึ้นมาพูดทันที "เจ้าโกหก! ข้ายืนยันตัวตนของเย่ลู่ฉีหมิงแล้ว เขาไม่ได้แอบอ้างเป็นใครทั้งนั้น และเจ้าเองก็ไม่เคยสงสัยในตัวเขาสักนิด จนกระทั่งเจ้าฆ่าเขา ตอนนี้กลับมาบอกว่าเขาแอบอ้าง นี่มันโกหกชัดๆ!"หลี่เฉินเหลือบมองเย่ลู่กู่จ้านฉีด้วยความประหลาดใจเขาเริ่มคิดว่า หรือในช่วงเดือนที่ผ่านมา อ๋องเก้าผู้นี้จะหิวโหยจนเพี้ยนไปแล้วหลี่เฉินยกมือขึ้นเล็กน้อยก่อนกล่าวอย่างเย้ยหยัน "อ้อ? แสดงว่าเขา

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 770

    ที่แท้ก็รออยู่ตรงนี้เองแคว้นเหลียวไม่สิ้นความทะเยอทะยานจริงๆหลี่เฉินเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาเยือนครั้งนี้ของเย่ลู่เสินเสวียนแล้วมันไม่ใช่เพื่อแก้แค้นให้บุตรชายที่ถูกฆ่าและไม่ใช่เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีของท่านอ๋องเก้าที่ทำให้แคว้นเหลียวต้องอับอายขายหน้าแต่คือการผลักดันให้การเจรจาระหว่างต้าฉินและแคว้นเหลียวเกิดขึ้นอีกครั้งเบื้องหน้าดูเหมือนจะเป็นความร่วมมือ แต่แท้จริงแล้วคือความทะเยอทะยานที่จะเปิดเส้นทางผ่านด่านเย่ว์หยาเพื่อบุกโจมตีต้าฉินโดยไร้การต่อต้านเย่ลู่เสินเสวียนเอ่ยเสียงดังต่อไปว่า "เพื่อแสดงความจริงใจของแคว้นเหลียว เราพร้อมจะลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพกับต้าฉิน และพร้อมคืนครึ่งหนึ่งของแคว้นเยี่ยนอวิ๋นสิบหกหัวเมือง เพียงแค่ต้าฉินพยักหน้าตกลง แคว้นเหลียวก็จะมอบหัวเมืองเหล่านั้นให้ก่อนทันที จากนั้นต้าฉินค่อยเปิดเส้นทางด่านเย่ว์หยาให้เรา"คำพูดนี้ทำให้พระที่นั่งไท่เหอปั่นป่วนในทันทีเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น หลายคนแสดงท่าทีลังเลและสนใจในข้อเสนอขุนนางคนหนึ่งก้าวออกมา กล่าวว่า "องค์ชาย แคว้นเหลียวมีกำลังเหนือกว่าพวกเราอย่างมาก ในสถานการณ์เช่นนี้ที่พวกเขายัง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 771

    ทุกย่างก้าวที่หลี่เฉินเดินผ่าน เสียงพูดคุยที่เคยดังสนั่นในพระที่นั่งไท่เหอพลันเงียบลงทันทีสายตาของทุกคนจับจ้องไปยังร่างของหลี่เฉินที่เคลื่อนไหว โดยไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทถึงได้ก้าวลงจากบัลลังก์มังกรอย่างกะทันหันจนกระทั่งหลี่เฉินเดินไปหยุดที่หน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ เขายืนอยู่หลังธรณีประตู และจ้องมองเย่ลู่เสินเสวียนที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งหลี่เฉินชี้ไปที่ธรณีประตู ก่อนกล่าวว่า "ธรณีประตูนี้ ด้านในคือพระที่นั่งไท่เหอ คือดินแดนต้าฉิน"เย่ลู่เสินเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่า หลี่เฉินต้องการจะสื่ออะไร แต่ก็ตอบกลับไปว่า "เจ้าหมายความว่า ด้านนอกธรณีประตูนี้ เป็นดินแดนของแคว้นเหลียวอย่างนั้นหรือ?"เย่ลู่เสินเสวียนคิดว่าตนเองตอบได้อย่างมีชั้นเชิงแต่หลี่เฉินส่ายศีรษะ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น "ไม่ใช่ สิ่งที่ข้าต้องการจะบอกคือ นอกธรณีประตูนี้ ใต้ฟ้าสีเหลืองแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล ล้วนเป็นดินแดนของต้าฉิน""และดินแดนต้าฉิน จะไม่มีวันให้ใครยืมใช้โดยเด็ดขาด""หรือไม่องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียวลองพิจารณาส่งภรรยาของท่านมาให้ข้าเล่นสักคนสองคนดีหรือไม่?"คำพูดหยาบโลนที่ราวก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 772

    แกร๊ก…เสียงกระดูกนิ้วมือของเย่ลู่เสินเสวียนดังขึ้นขณะที่เขากำหมัดแน่นไม่มีสิ่งใดที่น่าอับอายมากไปกว่านี้อีกแล้วเย่ลู่เสินเสวียนสูดลมหายใจลึก ก่อนหันไปมองเย่ลู่กู่จ้านฉีและกัดฟันกล่าวว่า "ยังไม่รีบมาอีก!?"เย่ลู่กู่จ้านฉีราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน รีบลุกขึ้นและวิ่งไปหาเย่ลู่เสินเสวียนทันทีเมื่อไปถึงหน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเย่ลู่กู่จ้านฉีตื่นเต้นเกินไป หรือว่าร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป ขณะที่กำลังจะก้าวข้ามธรณีประตู เขากลับสะดุดล้มลงกับพื้นเสียงดังตุบ เย่ลู่กู่จ้านฉีล้มลงในท่าหมอบหน้าแนบพื้นอย่างน่าอับอาย"ฮะ…ฮ่าๆๆๆ!"เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจจากบางคนแม้แต่ซูเจิ้นถิงเองก็เผลอเผยรอยยิ้มที่มุมปาก แต่แล้วเขาก็รู้สึกตัวว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่ควรหัวเราะ ขณะที่เขากำลังจะหันไปเตือนคนที่หัวเราะเสียงดังนั้น กลับเห็นว่าผู้ที่หัวเราะเสียงดังที่สุดคือบุตรชายของเขาเอง…เย่ลู่เสินเสวียนมองดูเย่ลู่กู่จ้านฉีที่หน้าขึ้นสีด้วยความอับอาย สีหน้าของเขาดำคล้ำด้วยความโกรธ"น่าอับอายสิ้นดี!"เขาเค้นคำออกมาจากไรฟันด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 773

    ขุนนางวัยกลางคนผู้นั้น แม้จะไม่ใช่บุคคลสำคัญระดับสูงสุดในพระที่นั่งไท่เหอ แต่ก็ถือว่าเป็นชนชั้นนำในหมู่ประชากรหลายสิบล้านคนของต้าฉิน การที่เขาก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่สามารถยืนในพระที่นั่งไท่เหอได้ อย่างไรเสียก็คือหนึ่งในชนชั้นยอดของยุคสมัยนี้และเมื่อเขาเอ่ยปากพูด ก็ใช้คำกล่าวที่ยกตนขึ้นสูงในทันทีหวังที่จะใช้ถ้อยคำนี้กดดันหลี่เฉิน"อ้อนวอนเพื่อแผ่นดิน"คำพูดนี้ทำให้หลี่เฉินโกรธจนหัวเราะออกมา "ดี! ช่างเป็นการอ้อนวอนเพื่อแผ่นดินที่ยอดเยี่ยมเสียจริง!""ถ้าเจ้าคือผู้ที่อ้อนวอนเพื่อราษฎร เช่นนั้นข้าก็คงเป็นองค์รัชทายาทที่ไม่สนใจเสียงของราษฎร เป็นผู้ปกครองที่ไร้สติและโง่เขลาใช่หรือไม่!?"เมื่อเผชิญกับคำถามที่ดังก้องและชัดเจนของหลี่เฉิน ขุนนางวัยกลางคนก็เริ่มหวั่นไหวเหงื่อซึมออกมาจากหน้าผากของเขา ก่อนกัดฟันตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นๆ "กระหม่อม…กระหม่อมไม่ได้หมายความเช่นนั้น""เช่นนั้น เจ้าหมายความว่าอย่างไร!?"หลี่เฉินเบิกตากว้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พร้อมกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงดุดัน "แคว้นเหลียวที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ข้าได้เตือนพวกเจ้าไว้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว! แคว้นเหลียวไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 774

    ขุนนางวัยกลางคนคนนั้นไม่คิดว่าหลี่เฉินจะลงโทษเขารุนแรงเช่นนี้ เขาจึงดิ้นรนพลางตะโกนเสียงดัง "องค์รัชทายาท! ท่านไม่ใส่ใจสถานการณ์ของชาติ ทำทุกอย่างตามอำเภอใจ นี่คือการทำลายรากฐานของแผ่นดิน!""เกียรติยศของแคว้นและความผาสุกของลูกหลานในอนาคต ไม่สามารถได้มาด้วยเลือดร้อนเพียงอย่างเดียวได้ กองทัพหกแสนของแคว้นเหลียวจ้องมองเราอย่างดุดัน ทั้งภายในและภายนอกแคว้นก็มีแต่ปัญหา ท่านยังจะดึงดันใช้นโยบายแข็งกร้าวเช่นนี้ต่อไป และไม่ยอมฟังคำเตือนจากพวกเรา ในที่สุด แผ่นดินนี้จะต้องล่มสลายด้วยน้ำมือของท่านเอง!""ข้าซึ่งเป็นข้าราชการที่กินเงินเดือนของราชสำนัก ย่อมต้องทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แม้จะต้องสละชีวิตนี้ ข้าก็ไม่อาจทนเห็นท่านทำลายรากฐานที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้!"ขณะที่เขากล่าวนั้น ทหารสองนายก็เดินเข้ามาใกล้เพื่อจะจับกุมตัวเขาแต่ด้วยพละกำลังที่เกิดจากสัญชาตญาณในยามวิกฤติ เขาผลักทหารทั้งสองออกไปได้อย่างไม่น่าเชื่อเขารู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้ การขอความเมตตาย่อมไร้ประโยชน์ แต่หากเขาสามารถปลุกเร้าความโกรธของขุนนางคนอื่นๆ ได้ อาจจะมีความหวังรอดชีวิตอยู่บ้างขุนนางผู้นี้กัดฟันแน่นก

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1060

    ประโยคเดียวว่าฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วสร้างแรงสะเทือนใจแก่ทุกผู้คนยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องเหนือศีรษะแม้กระทั่งทหารที่ไล่ตามขันทีน้อยมาแต่แรกยังถึงกับตื่นตะลึงถ้อยคำของขันทีน้อยยังไม่ทันจบประโยค เงาร่างสายหนึ่งพลันแวบขึ้นตรงหน้าเขา ซานเป่าได้คว้าตัวเขาไว้แล้ว“เจ้าว่าอะไรนะ?!”ขันทีน้อยผู้นั้นเป็นเพียงขันทีระดับต่ำสุด เคยเห็นซานเป่าจากที่ไกลๆ เท่านั้น หากแต่ความแตกต่างระหว่างฐานะของทั้งสองทำให้เขาไม่เคยมีสิทธิแม้แต่จะกล่าวคำกับซานเป่ายังไม่ทันตั้งสติจากแรงกดดันของซานเป่า ซูเจิ้นถิงและเหล่าขุนนางใหญ่น้อยก็พากันล้อมเขาไว้หมดแล้ว“บ่าว...บ่าวกล่าวว่า...ฮ่อง...ฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีน้อยตัวสั่นระริก พูดติดขัดแทบจับใจความไม่ได้ โชคยังดีที่เขายังจำหน้าที่ของตนเองได้“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ขอให้องค์รัชทายาทและสำนักราชเลขาเข้าเฝ้าทันที”ซานเป่ากับซูเจิ้นถิงสบตากัน แล้วก็ตัดสินใจได้ทันควัน“ไม่ได้!”จางปี้อู่ตะโกนลั่น “ใครจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ราชโองการปลอมล่ะ!”“เจ้าบังอาจแอบอ้างหาบรรพบุรุษงั้นรึ!”ซูเจิ้นถิงสบถกลับด้วยความโกรธ แล้วซัดหมัดหนักเข้าที่ใบหน้าของจางปี้อู่อย่างจังจางปี้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1059

    “จ้าวเสวียนจี เจ้าทำเรื่องมากมาย วางแผนมานักหนา ท้ายที่สุดแล้วก็เพื่อสิ่งใดกันแน่”หลี่เฉินชี้ไปยังบัลลังก์มังกร ถามว่า “เพื่อจะได้ขึ้นนั่งบนนั้นหรือ”จ้าวเสวียนจีมองตามนิ้วของหลี่เฉินไปยังบัลลังก์มังกร กล่าวอย่างราบเรียบว่า “มิใช่ หากกระหม่อมประสงค์จะขึ้นนั่งบัลลังก์ กระหม่อมสามารถลงมือได้ตั้งแต่เมื่อปีกลายแล้ว แม้แต่ก่อนหน้านั้น กระหม่อมก็ยังมีโอกาสดีกว่านี้อีกมาก จะต้องรอให้ฝ่าบาททรงมีอำนาจมั่นคงก่อนแล้วจึงลงมือไปเพื่ออันใดกันเล่า”“หรือมิใช่เพราะเจ้าคิดว่าควบคุมตัวข้าได้ยาก จึงต้องเสี่ยงเอาดาบเข้าวัดอย่างนั้นหรือ” หลี่เฉินหัวเราะเย็นชาจ้าวเสวียนจีถอนหายใจเบาๆ สีหน้ากลับแฝงด้วยความหดหู่ยิ่งนัก กล่าวว่า “ฝ่าบาท พระองค์มิใช่กระหม่อม ย่อมไม่รู้ความลำบากของกระหม่อม”“บัลลังก์นั้น นั่งแล้วสบายหรือ ไม่เลย”จ้าวเสวียนจีหันหน้ากลับมามองหลี่เฉิน กล่าวว่า “กระหม่อมแทบจะเฝ้าดูฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์กับตาตนเอง ตลอดหลายปีมานี้ ในท้ายที่สุด ฮ่องเต้ได้อะไรกลับมาบ้าง”“กระหม่อมชราภาพแล้ว ไม่รู้ว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี อีกทั้งบุตรหลานของกระหม่อมก็สูญสิ้นไร้ร่องรอย หากกระหม่อมขึ้นไปนั่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1058

    หลี่เฉินหันขวับกลับมาเผชิญหน้าจ้าวเสวียนจี ดวงตาเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งจ้าวเสวียนจีเงยหน้าขึ้น ยืนตัวตรง มาดอ่อนน้อมเมื่อครู่พลันสลาย เหลือเพียงท่วงท่าท้าทายอย่างเปิดเผยหลี่เฉินเอ่ยเรียบเย็น “ข้าเพิ่งรู้ว่า...ขุนนางอาวุโส สูงไม่น้อยเลยทีเดียว”จ้าวเสวียนจีตอบ “กระหม่อม...แค่เคยชินกับการโค้งก้มเท่านั้น แต่ครั้งนี้...กระหม่อมไม่อยากก้มอีกแล้ว”เขายกมือชี้ออกไปทางประตูพระที่นั่งไท่เหอ ก่อนกล่าวว่า “ทหารมีดดาบชั้นยอดจำนวนสามพันนาย บัดนี้อยู่ภายนอกพระที่นั่งไท่เหอเรียบร้อยแล้ว”“กระหม่อมรู้ดีว่า ฝ่าบาทมีปืนไฟ และอาวุธที่ระเบิดเทพต้าฉินทรงพลังยิ่ง หากให้เวลาพัฒนา คงกลายเป็นอาวุธสังหารอันน่าสะพรึงกลัวในอนาคต แต่เวลานี้ ฝ่าบาทมีน้อยเกินไป อีกทั้งในค่ำคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ อานุภาพของอาวุธไฟก็จะลดลงจนเหลือน้อยนิด”“ที่สำคัญที่สุดก็คือ... ทหารทั้งสามพันนายของกระหม่อม ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าแห่งยุทธภพ สามารถกวาดล้างกองทัพปกติหนึ่งหมื่นนายได้ภายในเวลาอันสั้น”จ้าวเสวียนจีหัวเราะเบาๆ ราวกับได้พลิกไพ่ลับที่เตรียมไว้มาเนิ่นนาน มีความภูมิใจอย่างปิดไม่มิด “ที่สำคัญที่สุดคือ… ทหารสามพันนี้ มิใ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1057

    คำพูดของจ้าวเสวียนจี ได้เผยให้เห็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดที่สุดของหลี่เฉินอย่างหมดเปลือก ไม่มีแม้แต่นิดเดียวที่หลงเหลือให้ปิดบังหลี่เฉินในตอนนี้ แม้จะเป็นองค์รัชทายาท แม้จะทำหน้าที่สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่สิทธิอำนาจในมือของเขา โดยรากแท้แล้วยังคงเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ประทานให้ตราบใดที่หลี่เฉินยังไม่ขึ้นครองราชย์ ไม่ได้สวมชุดมังกร เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจครอบครองราชอำนาจแท้จริงได้เลยต่อบรรดาข้าราชการท้องถิ่นแล้ว พวกเขายอมรับแค่สิ่งเดียว...ราชโองการ ยอมรับแค่บุคคลเดียว...ฮ่องเต้นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพายุการเมืองในครั้งนี้ ถึงเรียกได้เพียงว่า "พายุการเมือง" มิใช่การชิงราชสมบัติในสายตาของปวงชนแผ่นดิน สิ่งที่พวกเขาเห็น ก็แค่ความขัดแย้งระหว่างองค์รัชทายาทกับฝ่ายสำนักราชเลขาที่รุนแรงจนถึงขั้นยกทัพใส่กัน มิใช่การกบฏแย่งชิงราชบัลลังก์ของสำนักราชเลขาสองสิ่งนี้...แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงหากหลี่เฉินคือฮ่องเต้จริงๆ การกระทำของจ้าวเสวียนจีทั้งหมดนี้ ก็จะกลายเป็นการชิงบัลลังก์อย่างชัดเจน และจะก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งแผ่นดิน ขุนนางในทุกหัวระแหงที่ยังมีความจงรักภักดีและสำนึกในคุณธรรม ย่อมต้องลุ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1056

    “ด้านนอกลมฝนรุนแรง ฝ่าบาททรงเปียกโชกทั้งตัว ดูก็รู้ว่าเส้นทางที่ก้าวเข้ามา ไม่ได้ราบรื่นเลยแม้แต่น้อย”จ้าวเสวียนจีมองหลี่เฉินด้วยแววตาสงบนิ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าแลดูใจดีอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ“ลมฝนหนักเช่นนี้ มีใครเล่าจะก้าวเดินได้อย่างสบาย?”หลี่เฉินพลิกมือปิดประตูพระที่นั่ง ลมฝนภายนอกถูกสกัดไว้ทันที ความสงบและอบอุ่นจึงกลับคืนสู่ท้องพระโรงอีกครั้ง“หากเพียงต้องการมุมหนึ่งอันสงบสุข ก็แค่ปิดประตูเท่านั้น ความสงบก็จะอยู่กับเราแล้วไม่ใช่หรือ?”จ้าวเสวียนจีกล่าว “ดี ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้องอย่างยิ่ง”หลี่เฉินย่างเท้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอด้วยฝีเท้าหนักแน่น หยุดยืนอยู่เบื้องล่างบัลลังก์ หันไปมองเก้าอี้มังกรแล้วเอ่ยกับจ้าวเสวียนจีข้างกาย “เก้าอี้ตัวนี้ ช่างเย้ายวนใจนักใช่หรือไม่?”จ้าวเสวียนจีก็มองไปยังเก้าอี้มังกรร่วมกับหลี่เฉินเขาไม่ได้ตอบคำถามของหลี่เฉิน กลับกล่าวเพียงว่า “ฝ่าบาท ถอยเถิด”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ ไม่ขยับสายตา ไม่ตอบคำใด“กระหม่อมให้คำมั่น ว่าจะปกป้องฝ่าบาทให้ปลอดภัยไปตลอดชีวิต คำมั่นของกระหม่อมนี้ ฝ่าบาทเชื่อถือได้แน่นอน”หลี่เฉินพยักหน้า “ฟังดูจริงใจดี”

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1055

    หลี่เฉินหันไปมองซูจิ่นพ่าที่อยู่ข้างกาย ยิ้มอ่อนเอ่ยว่า “เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจมาก”ซูจิ่นพ่าไม่ได้ตอบ เพียงยอบกายทำความเคารพแบบสตรีผู้สูงศักดิ์อย่างอ่อนช้อยหลี่เฉินหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปกล่าวกับซูเจิ้นถิงว่า “แม่ทัพซู ลูกหลานตระกูลแม่ทัพเสือเจ้าฝีมือ เจ้าช่างมีบุตรีที่ดีนัก”ซูเจิ้นถิงก่อนหน้านี้อยู่หน้าประตูวัง เมื่อเขามาถึงพอดีกับที่ซูจิ่นพ่ากำลังตำหนีขุนนางพวกนั้น ด้วยสัญชาตญาณจึงไม่ได้รีบเข้าไป และการรอเพียงครู่เดียวนี้ ก็ทำให้เขาได้เห็นฝีมือกับสติปัญญาของบุตรสาวตัวเองอย่างชัดเจน นับว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง“ฝ่าบาทตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูเจิ้นถิงยกมือขึ้นคารวะ แล้วหันไปมองจางปี้อู่และขุนนางฝ่ายสำนักราชเลขาที่ใบหน้านิ่งสงบ จากนั้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท ที่นี่ขอให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมกับท่านอาจารย์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทหารย่อมต่อสู้กับทหาร แม่ทัพย่อมรับมือแม่ทัพบุคคลที่หลี่เฉินตั้งใจจะรับมือมาตลอด ไม่ใช่จางปี้อู่ และไม่ใช่ขุนนางทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังเขาเหล่านั้นแต่คือ...จ้าวเสวียนจี“ดี”หลี่เฉินพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนกาย มุ่งหน้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอในขณะที่หลี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status