Share

บทที่ 750

Author: ไห่ตงชิง
“ไท่ไหล……”

ทันทีที่เสียงเรียกของจ้าวชิงหลานซึ่งเปี่ยมไปด้วยความอาวรณ์ดังขึ้น ประตูก็ปิดลงตามมา

จ้าวไท่ไหลจากไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาได้ยินเสียงเรียกครั้งสุดท้ายของนางหรือไม่

เมื่อเห็นเช่นนั้น จ้าวชิงหลานก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป นางยกมือขึ้นปิดหน้าและร้องไห้อย่างเศร้าสลด

หลี่เฉินหันหลังกลับมามองที่ม่านลูกปัด แต่คราวนี้เขาไม่ได้เข้าไป

เขายืนอยู่ภายนอกม่านลูกปัด และกล่าวว่า “พอได้แล้ว อย่าร้องไห้เลย เจ้าร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ยังอยู่ในช่วงพักฟื้น การเศร้าเสียใจมากเกินไปไม่เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวของเจ้า”

แต่จ้าวชิงหลานราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขา ยิ่งร้องไห้หนักขึ้นกว่าเดิม

“พอได้แล้ว! ถ้าเจ้าร้องไห้อีก ข้าจะส่งจ้าวไท่ไหลไปประจำการที่ด่านเย่ว์หยา ให้เขาเป็นเพียงทหารเฝ้าเมือง ไม่ต้องไปเสียนเฉา ปล่อยให้เขาเอาตัวรอดเองก็แล้วกัน”

เสียงตวาดของหลี่เฉินที่แฝงด้วยความรำคาญ ทำให้จ้าวชิงหลานโกรธจัด นางสะบัดม่านลูกปัดออกแล้วพุ่งตัวออกมา

จ้าวชิงหลานจ้องมองหลี่เฉินด้วยความโกรธเกรี้ยว “เจ้ากล้าหรือ!”

หลี่เฉินสะบัดรายชื่อในมือ และพูดอย่างไม่แยแส “สิ่งที่ข้าต้องการ ข้าก็ได้มาแล้ว ยังมีสิ่งใดที่ข้าจะไม่ก
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 751

    เพื่อความปลอดภัยสูงสุด หลี่เฉินได้ให้ซูผิงเป่ยควบคุมกองกำลังป้องกันตำหนักบูรพา ซึ่งเป็นองครักษ์อวี่หลินที่รับผิดชอบดูแลตำหนักแต่ถึงกระนั้น องครักษ์เสื้อแพรก็ยังคงเป็นกองกำลังที่หลี่เฉินถนัดใช้มากที่สุด อีกทั้งความสามารถส่วนตัวขององครักษ์เสื้อแพรก็เหนือกว่าองครักษ์อวี่หลินที่เป็นทหารปกติ ดังนั้นในตำหนักบูรพา องครักษ์ที่มีระดับหัวหน้าต่างก็ถูกคัดเลือกมาจากองครักษ์เสื้อแพรทั้งสิ้นนอกจากนี้ หน่วยบูรพาที่ประจำอยู่ในเมืองหลวงก็เปรียบเสมือนสำนักงานใหญ่ ทุกคนในองครักษ์เสื้อแพรล้วนเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ ซานเป่าสามารถเรียกชื่อของพวกเขาได้อย่างแม่นยำ และรู้ประวัติความเป็นมาของพวกเขาทุกคน ผู้ใดที่สามารถมารับตำแหน่งในหน่วยบูรพาของเมืองหลวงได้ ต่างก็ต้องผ่านการเห็นชอบจากซานเป่าดังนั้น เมื่อซานเป่าเห็นรายชื่อในบัญชีที่อยู่ตรงหน้า เขาก็ตกตะลึงจนหน้าถอดสี"รายชื่อนี้คือรายชื่อคนที่จ้าวเสวียนจีติดต่อไว้ หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน คนเหล่านี้ก็จะกลายเป็นคนของจ้าวเสวียนจีในทันที รายชื่อส่วนใหญ่เป็นแม่ทัพที่มีอำนาจทางทหารจริง ๆ ส่วนคนอื่น ๆ ที่เจ้ารู้จักก็คือหัวหน้าองครักษ์ในตำหนักบูรพาของข้า และหัวหน้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 752

    หลังจากถูกต่อว่าตักเตือน ซานเป่าก็ทำความเคารพหลี่เฉินอย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินออกจากพระที่นั่งสีเจิ้งแต่ทันทีที่เขาหันหลังกลับ สีหน้าของซานเป่าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและเยือกเย็น แสดงออกถึงตัวตนของ กวางกง แห่งหน่วยบูรพาที่ผู้คนทั่วหล้าต่างหวาดกลัว“มาสิ!”เสียงแหลมสูงของซานเป่าดังขึ้น พร้อมกับความเย็นยะเยือก“กวางกงเชิญสั่งการ”ทันใดนั้น มีคนจำนวนหนึ่งเข้ามารายล้อมพร้อมรับคำสั่งอย่างนอบน้อม“กลับไปที่หน่วยบูรพา วันนี้ข้าจะลงโทษตามกฎของหน่วย!”ด้วยความโกรธที่อัดแน่นในใจ ซานเป่านำกลุ่มองครักษ์เดินทางกลับหน่วยบูรพาอย่างรวดเร็วเมื่อมาถึงหน้าประตู เฉินทงซึ่งกำลังจะออกไปทำธุระก็พอดีเห็นซานเป่า เขารีบยกมือคารวะอย่างสุภาพ “กวางกงไม่ได้อยู่ที่ตำหนักบูรพาหรือ? กลับมาที่นี่ มีเรื่องสำคัญหรือ?”ซานเป่ายิ้มเยาะ ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นชา “ดีแล้วที่ผู้บัญชาการเฉินอยู่ที่นี่ ไปกับข้าสิ”พูดจบ ซานเป่าสะบัดเสื้อคลุม แล้วเดินตรงไปยังศาลกลางของหน่วยบูรพาโดยไม่พูดอะไรอีกหน่วยบูรพาเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่รวมหน้าที่ด้านการลงโทษและคุมขังนักโทษไว้ด้วยกัน ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หากจะเปรียบก็ไม่ต่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 753

    ด้วยความโกรธเกรี้ยว ซานเป่าเปล่งเสียงประโยคสุดท้ายออกมาพร้อมกับใช้ลมปราณ ส่งผลให้บรรยากาศภายในศาลกลางพลันหนักอึ้งทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงันทุกคนต่างหวาดหวั่น สายตาเริ่มมองไปรอบ ๆ เพื่อค้นหาว่าใครกันที่เป็นคนทรยศที่ทำให้กวางกงเดือดดาลถึงเพียงนี้และคนที่ถูกจับตามองมากที่สุดก็คือเหมียวเฟิงเย่ ซึ่งเป็นคนแรกที่ถูกเรียกชื่อเหมียวเฟิงเย่รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่โถมใส่ เขาเริ่มลนลานทันทีโดยไม่รู้ตัวเขาเผลอหันไปมองเฉินทงเฉินทงไม่อาจเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ได้ เพราะหากปล่อยให้คนสนิทของตนถูกกล่าวหาโดยไม่มีปฏิกิริยาอะไร คนอื่น ๆ ในหน่วยบูรพาคงไม่กล้าเชื่อใจเขาอีกต่อไปเฉินทงขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “กวางกง เรื่องอะไรกันที่ทำให้ท่านโกรธถึงเพียงนี้? หากมีคนทรยศจริง ๆ ก็โปรดบอกออกมาให้ชัดเจน องครักษ์เสื้อแพรจะไม่มีวันปล่อยคนพวกนั้นไว้แน่ แต่ข้าหวังว่าท่านจะไม่กล่าวหาผู้บริสุทธิ์โดยไร้หลักฐาน”ซานเป่ายังคงมีสีหน้าเคร่งขรึม เขาแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะกล่าว “เหมียวเฟิงเย่ เจี่ยงต้าเหนียน หูเชวีย พวกเจ้าสามคน ก้าวออกมาข้างหน้า”ชายทั้งสามที่ถูกเรียกชื่อหันไปมองหน้ากัน เห็นความตกใ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 754

    เสียงตวาดของเฉินทง ทำให้สติของเหมียวเฟิงเย่ที่ตึงเครียดอยู่แล้วถึงกับพังทลายในหัวของเขาไม่ได้คิดเรื่องการสารภาพผิดเลยแม้แต่น้อยเพราะในฐานะคนที่ทำงานในหน่วยบูรพามากว่าสิบปี เหมียวเฟิงเย่รู้ดีถึงวิธีการลงโทษของหน่วยนี้หากสารภาพผิด ไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับการผ่อนปรน แต่ยังจะต้องตายอย่างน่าอนาถยิ่งกว่าเดิมเมื่อความหวาดกลัวและสิ้นหวังเข้าครอบงำ เหมียวเฟิงเย่ก็แผดเสียงออกมาด้วยความคลั่ง “พวกเจ้าบีบข้าเอง!!”พูดจบ เขารวบรวมลมปราณทั้งหมด แล้วหันกลับไปโจมตีเฉินทงด้วยฝ่ามือเต็มแรงเฉินทงที่ไม่เคยคิดเลยว่า คนสนิทที่เชื่อฟังเขามาตลอดจะกล้าลงมือทำร้ายเขาในช่วงวิกฤตเช่นนี้ ถึงกับตั้งตัวไม่ทันเฉินทงทำได้เพียงบิดตัวหลบเพื่อป้องกันจุดสำคัญ แต่ฝ่ามือของเหมียวเฟิงเย่ก็ยังฟาดเข้าที่ไหล่ของเขาเต็ม ๆเสียงดัง ปึก! เฉินทงรู้สึกได้ทันทีว่า กระดูกไหล่ของเขาแตกหัก ลมปราณภายในพลุ่งพล่านจนเขาถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าว ทุกก้าวที่ถอยหลัง ทิ้งรอยเท้าไว้บนพื้นหินอย่างชัดเจน เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่เขาไปชนก็ระเบิดเป็นผุยผงสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ฝ่ามือของเหมียวเฟิงเย่ทรงพลังเพียงใดเฉินทงอ้าปากพ่นเลือดออกมาเป็นลิ่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 755

    ศีรษะของเหมียวเฟิงเย่ระเบิดเหมือนแตงโมใต้ฝ่าเท้าของซานเป่าเศษเนื้อสีแดงและสีขาว ผสมกับของเหลวข้นเหนียวที่ส่งกลิ่นคาวเลือดกระจายไปทั่วบริเวณจากนั้นเป็นรายที่สอง และรายที่สามซานเป่าไม่ได้หยุด เขาก้าวเท้าเหยียบศีรษะของคนทรยศทั้งสามคนจนแหลกละเอียดบรรยากาศในศาลกลางเงียบสนิทแม้ลมจากรูโหว่บนหลังคาจะพัดวูบเข้ามา แต่ก็ไม่อาจพัดพากลิ่นคาวเลือดที่อบอวลหนาแน่นออกไปได้โชคดีที่คนในห้องล้วนเป็นยอดฝีมือ และผ่านประสบการณ์ความโหดร้ายมามากมาย จึงยังสามารถอดกลั้นไม่อาเจียนออกมาได้ซานเป่ากวาดตามองทุกคนในห้อง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูด เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้ามีคำเตือนให้พวกเจ้า หากพวกเจ้าได้รับเงินเดือนจากหน่วยบูรพา ก็จงจำไว้ว่าใครคือเจ้านายของพวกเจ้า งานของพวกเจ้าคือทำทุกอย่างเพื่อเจ้านายให้ดีที่สุด อย่าได้คิดสิ่งที่ไม่ควรคิด”“อย่าคิดว่าเรื่องที่พวกเจ้าทำอย่างลับ ๆ จะไม่มีใครรู้”“สิ่งที่พูดก่อนหน้านี้เป็นคำพูดทั่ว ๆ ไป แต่ประโยคต่อไปนี้ ข้าขอให้พวกเจ้าจำให้ขึ้นใจ”“หากหน่วยบูรพาเกิดเรื่อง องค์ชายจะไม่ถามหาความรับผิดชอบจากพวกเจ้า แต่จะถามข้าโดยตรง และหากพวกเจ้าทำให

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 756

    คำพูดของซานเป่าทำให้เฉินทงนิ่งอึ้งไป“เจ้ามัวแต่คิดถึงอิทธิพลในหน่วยบูรพาอยู่หรือ? หากมีเวลาเช่นนั้น ควรคิดถึงวิธีขอประทานอภัยจากองค์ชายจะดีกว่า”คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของเฉินทงเปลี่ยนไปทันที เขาหลุดปากถามออกมา “องค์ชายจะทรงกริ้วข้าด้วยหรือ?”ซานเป่าพูดอย่างเรียบเฉยว่า “จิตใจขององค์ราชันยากจะคาดเดาได้ องค์ชายของเรา แม้ยังเป็นเพียงรัชทายาท แต่แนวทางและความคิดของพระองค์ชักจะเหมือนจักรพรรดิขึ้นทุกวันแล้ว”เฉินทงกัดฟัน ก่อนจะถามว่า “ข้าควรเข้าเฝ้าทันทีเลยหรือไม่?”ซานเป่าตอบเสียงเรียบ “หรือผู้บัญชาการเฉินอยากให้องค์ชายทรงระลึกถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดหรือ?”เมื่อได้ยินคำตอบนี้ เฉินทงนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคารวะลึก “ขอบพระคุณกวางกงที่ชี้แนะ ข้าจะจดจำพระคุณครั้งนี้ไปตลอดชีวิต”เฉินทงรีบลุกไปด้วยความกังวล ขณะที่ซานเป่ามองแผ่นหลังเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉยเฉินทงมีฝีมือเพียงเท่านี้ หากไม่มีองค์รัชทายาทคอยหนุนหลัง ต่อให้ผ่านไปอีกหนึ่งร้อยปี ก็ไม่มีทางแย่งชิงอำนาจจากเขาได้แม้แต่น้อยแต่เพราะเพียงคำเดียวจากองค์รัชทายาท เขาจำต้องค่อย ๆ ช่วยเขาไต่เต้าขึ้นมาเพราะนี่คือสิ่งที่องค์ชายต้องการบางที องค

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 757

    เฉินทงกัดฟันแน่น ก่อนจะกล่าวเสียงหนักแน่นว่า “กระหม่อมขอให้องค์ชายทรงลงโทษ”“ประกาศราชโองการ”เมื่องคำพูดของหลี่เฉินถูกเอ่ยออกมา เฉินทงก็คุกเข่าสองข้างแนบพื้นทันที พร้อมทั้งก้มศีรษะจรดพื้นในท่าหมอบกราบแม้ท่านี้จะทำให้บาดแผลของเขาเจ็บปวดยิ่งขึ้น แต่เฉินทงยังคงนิ่งไม่ไหวติง เพียงกัดฟันทนความเจ็บปวดและรอรับพระบัญชา“ตามนี้ ผู้บัญชาการเฉินทงแห่งหน่วยบูรพาองครักษ์เสื้อแพร บริหารลูกน้องไม่รัดกุมจนเกิดความผิดพลาดมากมาย แม้ไม่ใช่ความผิดโดยตรง แต่ก็ต้องรับผิดชอบ โทษให้ถอดจากตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ลดตำแหน่งลงเป็นรองผู้บัญชาการ เพื่อดูผลการปฏิบัติงานในภายหน้า”เมื่อได้ยินโองการ เฉินทงรีบกล่าวขอบพระทัยทันทีเดิมเขาเป็นเพียงรองผู้บัญชาการ และเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพียงไม่กี่เดือน แต่ตอนนี้กลับถูกลดตำแหน่งลงอีกครั้ง ข่าวนี้หากแพร่ออกไป จะทำให้ชื่อเสียงของเฉินทงถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก และอาจกลายเป็นเรื่องหัวเราะเยาะในหน่วยบูรพาที่สำคัญคือ รองผู้บัญชาการและหัวหน้ากองแต่ละคนในหน่วยล้วนเป็นคนที่ไม่น่าไว้วางใจนัก เมื่อรู้ว่าเฉินทงถูกลดตำแหน่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 758

    “เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่มีใครล่วงรู้ข่าวล่วงหน้า แม้แต่เหมียวเฟิงเย่และพวกก็ไม่ทันได้ส่งข่าวอะไรออกมาเลย”จ้าวเสวียนจีมีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะถามต่อ “ในเมืองหลวง ยังมีขุนนางหรือแม่ทัพนายกองคนอื่นถูกจับหรือถูกสังหารอีกหรือไม่?”ชายวัยกลางคนส่ายหน้า ก่อนตอบ “ยังไม่มีข่าวว่ามีเหตุการณ์อื่นเกิดขึ้น มีเพียงหน่วยบูรพาที่เกิดความวุ่นวาย”จ้าวเสวียนจีหลับตาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้าหยุดทุกสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้ หยุดซุ่มซ่อนตัว ไม่ต้องก่อเรื่องใด ๆ อีก จนกว่าคนจากแคว้นเหลียวจะมาถึงเมืองหลวง”ชายวัยกลางคนค้อมตัวรับคำ “ขอรับ ผู้น้อยจะปฏิบัติตามคำสั่ง”หลังจากนั้น บรรยากาศในเมืองหลวงเข้าสู่ความสงบที่น่าสะพรึงกลัวจ้าวเสวียนจีจับตามองความเคลื่อนไหวของตำหนักบูรพาอย่างใกล้ชิด หลังจากที่เหมียวเฟิงเย่และคนอื่น ๆ ในหน่วยบูรพาถูกประหาร มันทำให้เขาตื่นตัวอย่างมาก และเริ่มสงสัยว่าความลับของเขาถูกเปิดเผยหรือไม่แต่หลังจากเฝ้าดูอยู่นาน เขากลับพบว่าคนที่เขาเคยติดต่อยังคงปลอดภัยดียิ่งไปกว่านั้น บางคนยังได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจมากขึ้นอีกด้วยสิ่งนี

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 774

    ขุนนางวัยกลางคนคนนั้นไม่คิดว่าหลี่เฉินจะลงโทษเขารุนแรงเช่นนี้ เขาจึงดิ้นรนพลางตะโกนเสียงดัง "องค์รัชทายาท! ท่านไม่ใส่ใจสถานการณ์ของชาติ ทำทุกอย่างตามอำเภอใจ นี่คือการทำลายรากฐานของแผ่นดิน!""เกียรติยศของแคว้นและความผาสุกของลูกหลานในอนาคต ไม่สามารถได้มาด้วยเลือดร้อนเพียงอย่างเดียวได้ กองทัพหกแสนของแคว้นเหลียวจ้องมองเราอย่างดุดัน ทั้งภายในและภายนอกแคว้นก็มีแต่ปัญหา ท่านยังจะดึงดันใช้นโยบายแข็งกร้าวเช่นนี้ต่อไป และไม่ยอมฟังคำเตือนจากพวกเรา ในที่สุด แผ่นดินนี้จะต้องล่มสลายด้วยน้ำมือของท่านเอง!""ข้าซึ่งเป็นข้าราชการที่กินเงินเดือนของราชสำนัก ย่อมต้องทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แม้จะต้องสละชีวิตนี้ ข้าก็ไม่อาจทนเห็นท่านทำลายรากฐานที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้!"ขณะที่เขากล่าวนั้น ทหารสองนายก็เดินเข้ามาใกล้เพื่อจะจับกุมตัวเขาแต่ด้วยพละกำลังที่เกิดจากสัญชาตญาณในยามวิกฤติ เขาผลักทหารทั้งสองออกไปได้อย่างไม่น่าเชื่อเขารู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้ การขอความเมตตาย่อมไร้ประโยชน์ แต่หากเขาสามารถปลุกเร้าความโกรธของขุนนางคนอื่นๆ ได้ อาจจะมีความหวังรอดชีวิตอยู่บ้างขุนนางผู้นี้กัดฟันแน่นก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 773

    ขุนนางวัยกลางคนผู้นั้น แม้จะไม่ใช่บุคคลสำคัญระดับสูงสุดในพระที่นั่งไท่เหอ แต่ก็ถือว่าเป็นชนชั้นนำในหมู่ประชากรหลายสิบล้านคนของต้าฉิน การที่เขาก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่สามารถยืนในพระที่นั่งไท่เหอได้ อย่างไรเสียก็คือหนึ่งในชนชั้นยอดของยุคสมัยนี้และเมื่อเขาเอ่ยปากพูด ก็ใช้คำกล่าวที่ยกตนขึ้นสูงในทันทีหวังที่จะใช้ถ้อยคำนี้กดดันหลี่เฉิน"อ้อนวอนเพื่อแผ่นดิน"คำพูดนี้ทำให้หลี่เฉินโกรธจนหัวเราะออกมา "ดี! ช่างเป็นการอ้อนวอนเพื่อแผ่นดินที่ยอดเยี่ยมเสียจริง!""ถ้าเจ้าคือผู้ที่อ้อนวอนเพื่อราษฎร เช่นนั้นข้าก็คงเป็นองค์รัชทายาทที่ไม่สนใจเสียงของราษฎร เป็นผู้ปกครองที่ไร้สติและโง่เขลาใช่หรือไม่!?"เมื่อเผชิญกับคำถามที่ดังก้องและชัดเจนของหลี่เฉิน ขุนนางวัยกลางคนก็เริ่มหวั่นไหวเหงื่อซึมออกมาจากหน้าผากของเขา ก่อนกัดฟันตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นๆ "กระหม่อม…กระหม่อมไม่ได้หมายความเช่นนั้น""เช่นนั้น เจ้าหมายความว่าอย่างไร!?"หลี่เฉินเบิกตากว้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พร้อมกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงดุดัน "แคว้นเหลียวที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ข้าได้เตือนพวกเจ้าไว้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว! แคว้นเหลียวไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 772

    แกร๊ก…เสียงกระดูกนิ้วมือของเย่ลู่เสินเสวียนดังขึ้นขณะที่เขากำหมัดแน่นไม่มีสิ่งใดที่น่าอับอายมากไปกว่านี้อีกแล้วเย่ลู่เสินเสวียนสูดลมหายใจลึก ก่อนหันไปมองเย่ลู่กู่จ้านฉีและกัดฟันกล่าวว่า "ยังไม่รีบมาอีก!?"เย่ลู่กู่จ้านฉีราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน รีบลุกขึ้นและวิ่งไปหาเย่ลู่เสินเสวียนทันทีเมื่อไปถึงหน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเย่ลู่กู่จ้านฉีตื่นเต้นเกินไป หรือว่าร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป ขณะที่กำลังจะก้าวข้ามธรณีประตู เขากลับสะดุดล้มลงกับพื้นเสียงดังตุบ เย่ลู่กู่จ้านฉีล้มลงในท่าหมอบหน้าแนบพื้นอย่างน่าอับอาย"ฮะ…ฮ่าๆๆๆ!"เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจจากบางคนแม้แต่ซูเจิ้นถิงเองก็เผลอเผยรอยยิ้มที่มุมปาก แต่แล้วเขาก็รู้สึกตัวว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่ควรหัวเราะ ขณะที่เขากำลังจะหันไปเตือนคนที่หัวเราะเสียงดังนั้น กลับเห็นว่าผู้ที่หัวเราะเสียงดังที่สุดคือบุตรชายของเขาเอง…เย่ลู่เสินเสวียนมองดูเย่ลู่กู่จ้านฉีที่หน้าขึ้นสีด้วยความอับอาย สีหน้าของเขาดำคล้ำด้วยความโกรธ"น่าอับอายสิ้นดี!"เขาเค้นคำออกมาจากไรฟันด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 771

    ทุกย่างก้าวที่หลี่เฉินเดินผ่าน เสียงพูดคุยที่เคยดังสนั่นในพระที่นั่งไท่เหอพลันเงียบลงทันทีสายตาของทุกคนจับจ้องไปยังร่างของหลี่เฉินที่เคลื่อนไหว โดยไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทถึงได้ก้าวลงจากบัลลังก์มังกรอย่างกะทันหันจนกระทั่งหลี่เฉินเดินไปหยุดที่หน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ เขายืนอยู่หลังธรณีประตู และจ้องมองเย่ลู่เสินเสวียนที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งหลี่เฉินชี้ไปที่ธรณีประตู ก่อนกล่าวว่า "ธรณีประตูนี้ ด้านในคือพระที่นั่งไท่เหอ คือดินแดนต้าฉิน"เย่ลู่เสินเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่า หลี่เฉินต้องการจะสื่ออะไร แต่ก็ตอบกลับไปว่า "เจ้าหมายความว่า ด้านนอกธรณีประตูนี้ เป็นดินแดนของแคว้นเหลียวอย่างนั้นหรือ?"เย่ลู่เสินเสวียนคิดว่าตนเองตอบได้อย่างมีชั้นเชิงแต่หลี่เฉินส่ายศีรษะ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น "ไม่ใช่ สิ่งที่ข้าต้องการจะบอกคือ นอกธรณีประตูนี้ ใต้ฟ้าสีเหลืองแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล ล้วนเป็นดินแดนของต้าฉิน""และดินแดนต้าฉิน จะไม่มีวันให้ใครยืมใช้โดยเด็ดขาด""หรือไม่องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียวลองพิจารณาส่งภรรยาของท่านมาให้ข้าเล่นสักคนสองคนดีหรือไม่?"คำพูดหยาบโลนที่ราวก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 770

    ที่แท้ก็รออยู่ตรงนี้เองแคว้นเหลียวไม่สิ้นความทะเยอทะยานจริงๆหลี่เฉินเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาเยือนครั้งนี้ของเย่ลู่เสินเสวียนแล้วมันไม่ใช่เพื่อแก้แค้นให้บุตรชายที่ถูกฆ่าและไม่ใช่เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีของท่านอ๋องเก้าที่ทำให้แคว้นเหลียวต้องอับอายขายหน้าแต่คือการผลักดันให้การเจรจาระหว่างต้าฉินและแคว้นเหลียวเกิดขึ้นอีกครั้งเบื้องหน้าดูเหมือนจะเป็นความร่วมมือ แต่แท้จริงแล้วคือความทะเยอทะยานที่จะเปิดเส้นทางผ่านด่านเย่ว์หยาเพื่อบุกโจมตีต้าฉินโดยไร้การต่อต้านเย่ลู่เสินเสวียนเอ่ยเสียงดังต่อไปว่า "เพื่อแสดงความจริงใจของแคว้นเหลียว เราพร้อมจะลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพกับต้าฉิน และพร้อมคืนครึ่งหนึ่งของแคว้นเยี่ยนอวิ๋นสิบหกหัวเมือง เพียงแค่ต้าฉินพยักหน้าตกลง แคว้นเหลียวก็จะมอบหัวเมืองเหล่านั้นให้ก่อนทันที จากนั้นต้าฉินค่อยเปิดเส้นทางด่านเย่ว์หยาให้เรา"คำพูดนี้ทำให้พระที่นั่งไท่เหอปั่นป่วนในทันทีเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น หลายคนแสดงท่าทีลังเลและสนใจในข้อเสนอขุนนางคนหนึ่งก้าวออกมา กล่าวว่า "องค์ชาย แคว้นเหลียวมีกำลังเหนือกว่าพวกเราอย่างมาก ในสถานการณ์เช่นนี้ที่พวกเขายัง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 769

    สำหรับเย่ลู่เสินเสวียน การสูญเสียบุตรชายไปหนึ่งคนไม่ใช่เรื่องใหญ่เขาเป็นบุรุษที่มีหญิงล้อมหน้าล้อมหลัง หากร่างกายยังแข็งแรง บุตรหลานย่อมไม่ใช่สิ่งที่ขาดแคลนแม้ว่าเขาจะชื่นชอบเย่ลู่ฉีหมิง แต่ก็ไม่ถือสาอะไรนัก ลูกๆ ที่คอยเอาใจเขามีอยู่มากมาย และเขาก็สามารถสร้างทายาทใหม่ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เพราะตัวเขายังหนุ่มแน่นแต่สิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้ คือการที่บุตรชายของเขาถูกองค์รัชทายาทแห่งต้าฉินสังหาร แล้วส่งหัวเน่าเปื่อยมาทิ้งไว้ต่อหน้าเขานั่นเท่ากับว่า หลี่เฉินเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาอย่างจงใจแม้เย่ลู่เสินเสวียนจะไม่พูดอะไรออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครกล้าเอ่ยแทนเขาเย่ลู่กู่จ้านฉีโกรธจัดจนกระโดดขึ้นมาพูดทันที "เจ้าโกหก! ข้ายืนยันตัวตนของเย่ลู่ฉีหมิงแล้ว เขาไม่ได้แอบอ้างเป็นใครทั้งนั้น และเจ้าเองก็ไม่เคยสงสัยในตัวเขาสักนิด จนกระทั่งเจ้าฆ่าเขา ตอนนี้กลับมาบอกว่าเขาแอบอ้าง นี่มันโกหกชัดๆ!"หลี่เฉินเหลือบมองเย่ลู่กู่จ้านฉีด้วยความประหลาดใจเขาเริ่มคิดว่า หรือในช่วงเดือนที่ผ่านมา อ๋องเก้าผู้นี้จะหิวโหยจนเพี้ยนไปแล้วหลี่เฉินยกมือขึ้นเล็กน้อยก่อนกล่าวอย่างเย้ยหยัน "อ้อ? แสดงว่าเขา

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 768

    เมื่อกล่องผ้าดำถูกเปิดออก สิ่งที่ปรากฏอยู่ภายในคือศีรษะมนุษย์ที่เน่าเปื่อยจนแทบดูไม่ได้!ศีรษะนั้นถูกปกคลุมด้วยเลือดดำคล้ำที่แห้งกรัง บาดแผลลึกตัดขวางไปทั่วใบหน้าจนดูเหมือนหัวหมูที่ถูกสับด้วยมีด ความเน่าเปื่อยทำให้เนื้อหนังผุพัง ผมพันกันยุ่งเหยิง และระหว่างเนื้อที่เน่าผุยังมีหนอนสีขาวเล็กๆ ไต่ยั้วเยี้ยไปมาภาพนั้นทำให้แม้แต่แม่ทัพผู้ชินชากับการฆ่าฟันยังรู้สึกขนลุกฮาเลยต้าลี่ที่เป็นคนถือกล่องถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นสิ่งนั้นเป็นคนแรกหลังจากตกตะลึง เขาก็โกรธจัด เงยหน้าขึ้นตะโกนใส่หลี่เฉินด้วยความเดือดดาล "เจ้ากล้าลอบสังหารองค์รัชทายาทของพวกเราอย่างนั้นหรือ!?"หลี่เฉินยังคงสีหน้าราบเรียบ พลางเอ่ยคำสั่งสั้นๆ "ตบปาก"เพียะ!เพียะ! เพียะ!เสียงฝ่ามือตบดังขึ้นสามครั้งติดเป็นซานเป่าที่เข้าไปตบฮาเลยต้าลี่ด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างจนเกิดเสียงดังชัดเจนแม้รูปร่างของซานเป่าจะเล็กและผอมกว่า แต่ฮาเลยต้าลี่ที่ดูราวกับหมีสีน้ำตาลกลับไม่อาจสู้เขาได้เลยแม้แต่จะตั้งตัวฮาเลยต้าลี่ยังไม่อาจทำได้ อย่าว่าแต่ต่อต้านเลย ใบหน้าของเขาจึงถูกซานเป่าตบเข้าที่หน้าเต็มๆ ถึงสามครั้งโดยไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 767

    ชนเผ่าเร่ร่อนในทุ่งหญ้ามักนับถือสัญลักษณ์ของหมาป่า ต่างจากชาวฮั่นแห่งแผ่นดินต้าฉินที่ยึดถือมังกรเป็นเครื่องหมายการเคารพหมาป่าในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พวกเขาเชิดชูพลังอำนาจ และเชื่อมั่นในหลักการที่ว่า ผู้แข็งแกร่งย่อมอยู่รอด ส่วนผู้ที่อ่อนแอก็ต้องถูกกลืนกินคำพูดของหลี่เฉินที่เพิ่งกล่าวออกไป จึงมีความหมายแฝงสองนัย เหล่าคนแคว้นเหลียวที่อยู่ในที่นั้น แม้จะรู้สึกไม่พอใจและอึดอัดใจเพียงใด ก็ไม่อาจหาคำมาคัดค้านได้เย่ลู่กู่จ้านฉีที่ยืนอยู่มุมหนึ่งของพระที่นั่งไท่เหอ มองเย่ลู่เสินเสวียนด้วยดวงตาที่แดงก่ำด้วยความตื่นเต้นองค์รัชทายาท ท่านเห็นหรือยัง นี่แหละคือองค์รัชทายาทแห่งต้าฉิน ปากคมเสียยิ่งกว่าคมหอกคมดาบ สามารถปลุกคนตายให้ลุกขึ้นมาโกรธได้เลยทีเดียว ท่านต้องระวังตัว อย่าตกหลุมพรางของเขาเด็ดขาดเย่ลู่เสินเสวียนยิ้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสง่างาม "ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทแห่งต้าฉินจะไม่ต้อนรับพวกเราเลยนะ""จริงอย่างว่า"หลี่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ต้าฉินและแคว้นเหลียวเป็นศัตรูกันมานานนับศตวรรษ ศพผู้คนที่ตายจากความขัดแย้งของสองแคว้น หากนำมาต่อกันคงทอดยาวจากพระราชวั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 766

    "องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียว เริ่มศึกษาวรรณศิลป์ตั้งแต่อายุสามปี หัดวิชาการต่อสู้ตั้งแต่อายุห้าปี เจ็ดปีก็สามารถประพันธ์บทกวีได้เอง สิบสองปีฝึกปราบม้าศึกสายพันธุ์หายากที่ดุร้ายที่สุด และในวัยสิบห้าก็นำทัพเข้าสู่สนามรบ""เขาอายุเพียงยี่สิบกว่าปี แต่เรื่องราวชีวิตของเขานั้นเล่าขานเป็นตำนาน ความสามารถโดดเด่นหาใครเทียบมิได้ คนด้อยความรู้อย่างชาวต้าฉินพวกเจ้าจะไปเข้าใจได้อย่างไร!"คำพูดเหล่านี้ เย่ลู่กู่จ้านฉีพูดด้วยความมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆเขาไม่ทันตระหนักเลยว่า คำพูดของเขาเป็นการดูถูกคนทุกคนในที่นั้น ยกเว้นตัวเขาเองหลี่เฉินเลิกคิ้วขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า "ท่านอ๋องเก้า กินอิ่มจนมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือแล้วกระมัง?"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เย่ลู่กู่จ้านฉีก็รีบเงียบปากทันที เพราะในใจเขายังคงหวาดกลัวหลี่เฉินอยู่บ้างในขณะเดียวกัน เขาก็แอบลั่นวาจาในใจว่า หากข้าได้กลับแคว้นเหลียวเมื่อใด เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยเลือดแน่นอน...ทุ่งหญ้าเขียวขจีทอดยาวไปไกลนับพันลี้ในค่ำคืนเดียว...คำพูดนี้น่าสนใจสำหรับหลี่เฉินเขาไม่รู้ว่าเย่ลู่เสินเสวียนมีพระชายากี่คน...ได้ยินมาว่าชาวแ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status