แชร์

บทที่ 756

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
คำพูดของซานเป่าทำให้เฉินทงนิ่งอึ้งไป

“เจ้ามัวแต่คิดถึงอิทธิพลในหน่วยบูรพาอยู่หรือ? หากมีเวลาเช่นนั้น ควรคิดถึงวิธีขอประทานอภัยจากองค์ชายจะดีกว่า”

คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของเฉินทงเปลี่ยนไปทันที เขาหลุดปากถามออกมา “องค์ชายจะทรงกริ้วข้าด้วยหรือ?”

ซานเป่าพูดอย่างเรียบเฉยว่า “จิตใจขององค์ราชันยากจะคาดเดาได้ องค์ชายของเรา แม้ยังเป็นเพียงรัชทายาท แต่แนวทางและความคิดของพระองค์ชักจะเหมือนจักรพรรดิขึ้นทุกวันแล้ว”

เฉินทงกัดฟัน ก่อนจะถามว่า “ข้าควรเข้าเฝ้าทันทีเลยหรือไม่?”

ซานเป่าตอบเสียงเรียบ “หรือผู้บัญชาการเฉินอยากให้องค์ชายทรงระลึกถึงเรื่องนี้อยู่ตลอดหรือ?”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ เฉินทงนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะคารวะลึก “ขอบพระคุณกวางกงที่ชี้แนะ ข้าจะจดจำพระคุณครั้งนี้ไปตลอดชีวิต”

เฉินทงรีบลุกไปด้วยความกังวล ขณะที่ซานเป่ามองแผ่นหลังเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย

เฉินทงมีฝีมือเพียงเท่านี้ หากไม่มีองค์รัชทายาทคอยหนุนหลัง ต่อให้ผ่านไปอีกหนึ่งร้อยปี ก็ไม่มีทางแย่งชิงอำนาจจากเขาได้แม้แต่น้อย

แต่เพราะเพียงคำเดียวจากองค์รัชทายาท เขาจำต้องค่อย ๆ ช่วยเขาไต่เต้าขึ้นมา

เพราะนี่คือสิ่งที่องค์ชายต้องการ

บางที องค
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 757

    เฉินทงกัดฟันแน่น ก่อนจะกล่าวเสียงหนักแน่นว่า “กระหม่อมขอให้องค์ชายทรงลงโทษ”“ประกาศราชโองการ”เมื่องคำพูดของหลี่เฉินถูกเอ่ยออกมา เฉินทงก็คุกเข่าสองข้างแนบพื้นทันที พร้อมทั้งก้มศีรษะจรดพื้นในท่าหมอบกราบแม้ท่านี้จะทำให้บาดแผลของเขาเจ็บปวดยิ่งขึ้น แต่เฉินทงยังคงนิ่งไม่ไหวติง เพียงกัดฟันทนความเจ็บปวดและรอรับพระบัญชา“ตามนี้ ผู้บัญชาการเฉินทงแห่งหน่วยบูรพาองครักษ์เสื้อแพร บริหารลูกน้องไม่รัดกุมจนเกิดความผิดพลาดมากมาย แม้ไม่ใช่ความผิดโดยตรง แต่ก็ต้องรับผิดชอบ โทษให้ถอดจากตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ลดตำแหน่งลงเป็นรองผู้บัญชาการ เพื่อดูผลการปฏิบัติงานในภายหน้า”เมื่อได้ยินโองการ เฉินทงรีบกล่าวขอบพระทัยทันทีเดิมเขาเป็นเพียงรองผู้บัญชาการ และเพิ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเพียงไม่กี่เดือน แต่ตอนนี้กลับถูกลดตำแหน่งลงอีกครั้ง ข่าวนี้หากแพร่ออกไป จะทำให้ชื่อเสียงของเฉินทงถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก และอาจกลายเป็นเรื่องหัวเราะเยาะในหน่วยบูรพาที่สำคัญคือ รองผู้บัญชาการและหัวหน้ากองแต่ละคนในหน่วยล้วนเป็นคนที่ไม่น่าไว้วางใจนัก เมื่อรู้ว่าเฉินทงถูกลดตำแหน่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 758

    “เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่มีใครล่วงรู้ข่าวล่วงหน้า แม้แต่เหมียวเฟิงเย่และพวกก็ไม่ทันได้ส่งข่าวอะไรออกมาเลย”จ้าวเสวียนจีมีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะถามต่อ “ในเมืองหลวง ยังมีขุนนางหรือแม่ทัพนายกองคนอื่นถูกจับหรือถูกสังหารอีกหรือไม่?”ชายวัยกลางคนส่ายหน้า ก่อนตอบ “ยังไม่มีข่าวว่ามีเหตุการณ์อื่นเกิดขึ้น มีเพียงหน่วยบูรพาที่เกิดความวุ่นวาย”จ้าวเสวียนจีหลับตาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้าหยุดทุกสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้ หยุดซุ่มซ่อนตัว ไม่ต้องก่อเรื่องใด ๆ อีก จนกว่าคนจากแคว้นเหลียวจะมาถึงเมืองหลวง”ชายวัยกลางคนค้อมตัวรับคำ “ขอรับ ผู้น้อยจะปฏิบัติตามคำสั่ง”หลังจากนั้น บรรยากาศในเมืองหลวงเข้าสู่ความสงบที่น่าสะพรึงกลัวจ้าวเสวียนจีจับตามองความเคลื่อนไหวของตำหนักบูรพาอย่างใกล้ชิด หลังจากที่เหมียวเฟิงเย่และคนอื่น ๆ ในหน่วยบูรพาถูกประหาร มันทำให้เขาตื่นตัวอย่างมาก และเริ่มสงสัยว่าความลับของเขาถูกเปิดเผยหรือไม่แต่หลังจากเฝ้าดูอยู่นาน เขากลับพบว่าคนที่เขาเคยติดต่อยังคงปลอดภัยดียิ่งไปกว่านั้น บางคนยังได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจมากขึ้นอีกด้วยสิ่งนี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 759

    ชานเมืองหลวง ณ ศาลารับรองแขก ธงของแคว้นเหลียวโบกสะบัดต้านลมหลังจากลงจากรถม้า ถานไถจิ้งจือค้อมศีรษะให้ซูเจิ้นถิง พลางกล่าวทักทาย “ท่านแม่ทัพซู สบายดีหรือไม่?”“คุณชายถานไถ สบายดีหรือไม่”เมื่อเผชิญหน้ากับถานไถจิ้งจือ ซูเจิ้นถิงก็แสดงความเคารพเป็นอย่างมากเช่นกันหลังจากกล่าวทักทายกัน ซูเจิ้นถิงก็เปิดประเด็นสนทนา “ได้ยินมาว่าช่วงนี้ท่านมัวแต่ยุ่งอยู่กับการก่อสร้างสถาบันการศึกษา มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ถานไถจิ้งจือก็ยิ้มกว้าง “ด้วยการสนับสนุนจากองค์รัชทายาทอย่างเต็มที่ จึงดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว คาดว่าฤดูร้อนปีนี้น่าจะเปิดรับนักเรียนกลุ่มแรกได้แล้ว”“เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง”ซูเจิ้นถิงพยักหน้าด้วยความชื่นชม “องค์ชายทรงให้ความสำคัญกับการก่อสร้างสถาบันนี้มาก ทั้งด้านงบประมาณและบุคลากรก็เตรียมพร้อมไว้อย่างดี คิดว่าที่นี่จะต้องกลายเป็นสถาบันที่ได้รับการจารึกในประวัติศาสตร์ และท่านในฐานะอธิการบดีคนแรกก็จะได้รับการยกย่องจากคนรุ่นหลังแน่”ถานไถจิ้งจือโบกมือพลางกล่าว “ชื่อเสียงและผลประโยชน์ไม่สำคัญสำหรับข้า เรื่องนี้ความดีความชอบทั้งหมดควรยกให้กับองค์รัชทาย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 760

    เสียงของซูผิงเป่ยที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ซูเจิ้นถิงสะดุ้ง“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!?”เมื่อเห็นซูผิงเป่ยในชุดปลอมตัวเป็นทหารชั้นผู้น้อย ซูเจิ้นถิงมีสีหน้าขุ่นเคืองทันทีวันนี้เป็นวันสำคัญในการออกจากเมืองหลวงเพื่อรับคณะทูตแคว้นเหลียว ซึ่งผู้ที่มาร่วมพิธีนี้ล้วนเป็นตัวแทนของจักรวรรดิต้าฉินดังนั้นทุกสิ่งตั้งแต่สถานที่ เวลา ไปจนถึงผู้แทนล้วนต้องมีความเหมาะสมฝ่ายบุ๋น ถานไถจิ้งจือฝ่ายบู๊ ซูเจิ้นถิงส่วนซูผิงเป่ย แม้จะเพิ่งได้รับชัยชนะครั้งใหญ่จากการศึกกับดินแดนตะวันออก แต่เขายังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าร่วมงานระดับสูงเช่นนี้ดังนั้น การที่ซูผิงเป่ยปลอมตัวเข้ามาจึงทำให้ซูเจิ้นถิงโกรธซูผิงเป่ยยักไหล่ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ข้าแค่อยากมาดูว่าคนแคว้นเหลียวพวกนี้เป็นพวกสามหัวหกแขนหรือไม่ ข้าจัดการพวกตงอิ๋งได้แล้ว วันหนึ่งข้าก็จะจับคนแคว้นเหลียวกดกับพื้นให้ได้เหมือนกัน”“ไร้สาระ!”ซูเจิ้นถิงตวาดเสียงดัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน? หากเกิดเรื่องผิดพลาด ข้าจะหักคอเจ้าด้วยมือของข้าเอง”ซูผิงเป่ยหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะโบกมือ “พอเถอะท่านพ่อ ท่านดูพวกนั้นสิ ดูไม่ออกหรือ? พวกเข

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 761

    คำพูดของฮาเลยต้าลี่ในเวลานี้ ไม่เพียงแต่ไร้มารยาทเท่านั้นแต่ยังราวกับเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหลิวถงปี้ และศักดิ์ศรีของจักรวรรดิต้าฉินลงบนพื้นแล้วกระทืบซ้ำด้วยเท้าซูผิงเป่ยหนุ่มเลือดร้อน เมื่อได้ยินดังนั้นก็แทบจะอดทนไม่ไหว คิดจะออกไปสั่งสอนฮาเลยต้าลี่สักทีแต่ยังไม่ทันได้ขยับตัว ก็ถูกซูเจิ้นถิงคว้าตัวเอาไว้“หากเจ้าออกไปตอนนี้ ก็เท่ากับมอบจุดอ่อนให้แคว้นเหลียว พวกมันจงใจยั่วยุเรา เจ้าปล่อยให้แม่ทัพหลิวจัดการเถิด”เมื่อได้ยินคำของซูเจิ้นถิง ซูผิงเป่ยก็ได้แต่กัดฟันอดทนไว้ แม้โกรธจนแทบจะระเบิดออกมาขณะนั้น ใบหน้าของหลิวถงปี้ดำคล้ำเหมือนเหล็ก เขากล่าวเสียงเย็นชาว่า “ตัวใหญ่แล้วจะอย่างไรเล่า? พวกกล้ามโตแต่สมองทึบ ดูแล้วไม่ต่างจากเหล็กหัวทึ่ม สุนัขที่บ้านข้ายังแข็งแรงกว่านี้เสียอีก เหตุใดไม่ลองเปรียบเทียบกับสุนัขของข้าล่ะ?”สิ้นคำของหลิวถงปี้ ชาวต้าฉินที่อดกลั้นความโกรธไว้มานาน ต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียงหัวเราะนั้น ทำให้ฮาเลยต้าลี่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาตะโกนลั่น “ข้าจะประลองกับเจ้า!”“มาก็มา! ผู้ใดกลัวผู้ใดกันเล่า!”หลิวถงปี้เองก็ลุกขึ้นมาตอบโต้ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 762

    เสียงนั้นเป็นเสียงของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง เสียงใสกังวานและแฝงด้วยความนุ่มนวลชวนฟังเดิมทีฮาเลยต้าลี่ที่มีท่าทีฮึกเหิม เมื่อได้ยินเสียงนั้นกลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว รีบคารวะไปทางรถม้า แล้วถอยไปยืนอยู่ข้างหนึ่งในรถม้า เจ้าของเสียงบุรุษหนุ่มนั้นกล่าวต่อ“แคว้นเหลียวเป็นแขก ต้าฉินเป็นเจ้าภาพ ไหนเลยจะมีเหตุผลที่แขกเพิ่งมาถึงเรือนเจ้าภาพก็จะท้าประลองเป็นตาย นั่นหาใช่มารยาทของการเป็นแขกไม่”เจ้าของเสียงนั้นคือผู้ใดกัน?ในแคว้นเหลียว ระบบลำดับชั้นเคร่งครัดยิ่งนัก ฮาเลยต้าลี่ซึ่งเป็นถึงแม่ทัพ หากต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่มีฐานะต่ำกว่าตนเพียงเล็กน้อย ย่อมไม่มีทางเชื่อฟังเช่นนี้แน่แต่ผู้ที่ทำให้ฮาเลยต้าลี่ยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่ายเช่นนี้ ย่อมต้องมีสถานะที่ไม่ธรรมดาซูเจิ้นถิงกำลังครุ่นคิดว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร ก็ได้ยินถานไถจิ้งจือที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่ทำให้ผู้คนโดยรอบตื่นตะลึง“ท่านที่อยู่ในรถม้านั้น หรือจะเป็นองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียว เย่ลู่เสินเสวียน?”เย่ลู่เสินเสวียน!ผู้คนโดยรอบต่างสูดหายใจลึกด้วยความตกตะลึงพวกเขาคาดคิดว่าแคว้นเหลียวจะส่งทูตผู้มีอิทธิพล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 763

    ในสถานการณ์ปัจจุบันของแคว้นต้าฉิน ผู้ที่มีสัญชาตญาณทางการเมืองไม่ค่อยเฉียบคมนัก อาจมองไม่ออกว่าการที่ถานไถจิ้งจือตัดสินใจรับราชการนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพราะต้องการพัฒนาสถาบันการศึกษา และเพื่อสร้างบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถมากขึ้นนี่คือเหตุผลที่ถานไถจิ้งจือตั้งใจทำงานอย่างสงบเสงี่ยม ไม่เข้าไปพัวพันกับเรื่องการเมืองอื่นใดแต่ประเด็นนี้กลับชัดเจนในสายตาขององค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียว แม้อยู่ไกลนับหมื่นลี้เมื่อเย่ลู่เสินเสวียนพยายามดึงตัวถานไถจิ้งจืออย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าผู้คนมากมาย ถานไถจิ้งจือยังคงยิ้มและตอบกลับอย่างสุภาพว่า “องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียวกล่าวเกินไปแล้ว ในความเห็นของข้า แม้แคว้นต้าฉินจะตกอยู่ในช่วงขาลง แต่สรรพสิ่งล้วนมีวัฏจักร เช่นเดียวกับโชคชะตาของราชวงศ์ที่ขึ้นและลง บัดนี้แม้จักรวรรดิตกต่ำถึงขีดสุด แต่พญามังกรยังคงมีอำนาจ วันหนึ่งมันจะสลัดโคลนที่เปื้อนกายออกและโผบินสู่เก้าชั้นฟ้าอีกครั้ง”คำพูดนี้เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นแต่เย่ลู่เสินเสวียนเพียงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ท่านอาจารย์พูดถึงองค์รัชทายาทของต้าฉินหรือ?”“เขาเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ ข้ามาที่นี่ส่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 764

    เย่ลู่กู่จ้านฉีถูกคุมตัวมายังตำหนักบูรพาในเวลาไม่นานซานเป่าเป็นผู้รับผิดชอบนำตัวเขามาด้วยตัวเอง แน่นอนว่าไม่มีทางเกิดความผิดพลาดความจริงแล้ว ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เย่ลู่กู่จ้านฉีแทบไม่ได้รับการดูแลที่ดีนัก นอกจากวันที่ถูกใช้เป็นเป้าทดลองปืนไฟ เขาได้กินอาหารดีๆ เพียงมื้อเดียว ที่เหลือก็มีแค่หมั่นโถวขาวสองก้อนกับโจ๊กน้ำใสหนึ่งถ้วยเท่านั้นแม้จะเป็นเสือดุ หากถูกอดอาหารนานเกือบเดือน ก็ต้องล้มลงเช่นกันตอนนี้ หากหลี่เฉินปล่อยตัวเย่ลู่กู่จ้านฉีไป เขาก็คงไม่มีเรี่ยวแรงวิ่งออกจากตำหนักบูรพาได้อยู่ดีเมื่อหลี่เฉินมองเย่ลู่กู่จ้านฉีที่มีใบหน้าซีดเซียว ขาสั่นจนยืนแทบไม่อยู่ เขาก็ยิ้มออกมา “มีข่าวดีมาบอก แคว้นเหลียวส่งคณะทูตมาถึงแล้ว”ประกายในดวงตาของเย่ลู่กู่จ้านฉีวาบขึ้นทันทีนั่นหมายความว่า วันคืนอันเลวร้ายนี้กำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า…เขาเคยเห็นหลี่เฉินเลี้ยงนกล่าเหยื่อไห่ตงชิง นกตัวนั้นได้รับอาหารดีๆ ทุกมื้อ มีทั้งเนื้อและผลไม้ แต่เขากลับได้แค่หมั่นโถวสองก้อน หากเทียบกันแล้ว แม้แต่สัตว์ยังได้รับการดูแลดีกว่าเขาเสียอีกตอนนี้ เย่ลู่กู่จ้านฉีไม่ได้คิดถึงเรื่องการล้างแค้นอีกแล้ว สิ่งเด

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 774

    ขุนนางวัยกลางคนคนนั้นไม่คิดว่าหลี่เฉินจะลงโทษเขารุนแรงเช่นนี้ เขาจึงดิ้นรนพลางตะโกนเสียงดัง "องค์รัชทายาท! ท่านไม่ใส่ใจสถานการณ์ของชาติ ทำทุกอย่างตามอำเภอใจ นี่คือการทำลายรากฐานของแผ่นดิน!""เกียรติยศของแคว้นและความผาสุกของลูกหลานในอนาคต ไม่สามารถได้มาด้วยเลือดร้อนเพียงอย่างเดียวได้ กองทัพหกแสนของแคว้นเหลียวจ้องมองเราอย่างดุดัน ทั้งภายในและภายนอกแคว้นก็มีแต่ปัญหา ท่านยังจะดึงดันใช้นโยบายแข็งกร้าวเช่นนี้ต่อไป และไม่ยอมฟังคำเตือนจากพวกเรา ในที่สุด แผ่นดินนี้จะต้องล่มสลายด้วยน้ำมือของท่านเอง!""ข้าซึ่งเป็นข้าราชการที่กินเงินเดือนของราชสำนัก ย่อมต้องทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แม้จะต้องสละชีวิตนี้ ข้าก็ไม่อาจทนเห็นท่านทำลายรากฐานที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้!"ขณะที่เขากล่าวนั้น ทหารสองนายก็เดินเข้ามาใกล้เพื่อจะจับกุมตัวเขาแต่ด้วยพละกำลังที่เกิดจากสัญชาตญาณในยามวิกฤติ เขาผลักทหารทั้งสองออกไปได้อย่างไม่น่าเชื่อเขารู้ดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้ การขอความเมตตาย่อมไร้ประโยชน์ แต่หากเขาสามารถปลุกเร้าความโกรธของขุนนางคนอื่นๆ ได้ อาจจะมีความหวังรอดชีวิตอยู่บ้างขุนนางผู้นี้กัดฟันแน่นก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 773

    ขุนนางวัยกลางคนผู้นั้น แม้จะไม่ใช่บุคคลสำคัญระดับสูงสุดในพระที่นั่งไท่เหอ แต่ก็ถือว่าเป็นชนชั้นนำในหมู่ประชากรหลายสิบล้านคนของต้าฉิน การที่เขาก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่สามารถยืนในพระที่นั่งไท่เหอได้ อย่างไรเสียก็คือหนึ่งในชนชั้นยอดของยุคสมัยนี้และเมื่อเขาเอ่ยปากพูด ก็ใช้คำกล่าวที่ยกตนขึ้นสูงในทันทีหวังที่จะใช้ถ้อยคำนี้กดดันหลี่เฉิน"อ้อนวอนเพื่อแผ่นดิน"คำพูดนี้ทำให้หลี่เฉินโกรธจนหัวเราะออกมา "ดี! ช่างเป็นการอ้อนวอนเพื่อแผ่นดินที่ยอดเยี่ยมเสียจริง!""ถ้าเจ้าคือผู้ที่อ้อนวอนเพื่อราษฎร เช่นนั้นข้าก็คงเป็นองค์รัชทายาทที่ไม่สนใจเสียงของราษฎร เป็นผู้ปกครองที่ไร้สติและโง่เขลาใช่หรือไม่!?"เมื่อเผชิญกับคำถามที่ดังก้องและชัดเจนของหลี่เฉิน ขุนนางวัยกลางคนก็เริ่มหวั่นไหวเหงื่อซึมออกมาจากหน้าผากของเขา ก่อนกัดฟันตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นๆ "กระหม่อม…กระหม่อมไม่ได้หมายความเช่นนั้น""เช่นนั้น เจ้าหมายความว่าอย่างไร!?"หลี่เฉินเบิกตากว้าง ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พร้อมกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงดุดัน "แคว้นเหลียวที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ข้าได้เตือนพวกเจ้าไว้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว! แคว้นเหลียวไ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 772

    แกร๊ก…เสียงกระดูกนิ้วมือของเย่ลู่เสินเสวียนดังขึ้นขณะที่เขากำหมัดแน่นไม่มีสิ่งใดที่น่าอับอายมากไปกว่านี้อีกแล้วเย่ลู่เสินเสวียนสูดลมหายใจลึก ก่อนหันไปมองเย่ลู่กู่จ้านฉีและกัดฟันกล่าวว่า "ยังไม่รีบมาอีก!?"เย่ลู่กู่จ้านฉีราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน รีบลุกขึ้นและวิ่งไปหาเย่ลู่เสินเสวียนทันทีเมื่อไปถึงหน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเย่ลู่กู่จ้านฉีตื่นเต้นเกินไป หรือว่าร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป ขณะที่กำลังจะก้าวข้ามธรณีประตู เขากลับสะดุดล้มลงกับพื้นเสียงดังตุบ เย่ลู่กู่จ้านฉีล้มลงในท่าหมอบหน้าแนบพื้นอย่างน่าอับอาย"ฮะ…ฮ่าๆๆๆ!"เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างไม่เกรงใจจากบางคนแม้แต่ซูเจิ้นถิงเองก็เผลอเผยรอยยิ้มที่มุมปาก แต่แล้วเขาก็รู้สึกตัวว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่ควรหัวเราะ ขณะที่เขากำลังจะหันไปเตือนคนที่หัวเราะเสียงดังนั้น กลับเห็นว่าผู้ที่หัวเราะเสียงดังที่สุดคือบุตรชายของเขาเอง…เย่ลู่เสินเสวียนมองดูเย่ลู่กู่จ้านฉีที่หน้าขึ้นสีด้วยความอับอาย สีหน้าของเขาดำคล้ำด้วยความโกรธ"น่าอับอายสิ้นดี!"เขาเค้นคำออกมาจากไรฟันด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 771

    ทุกย่างก้าวที่หลี่เฉินเดินผ่าน เสียงพูดคุยที่เคยดังสนั่นในพระที่นั่งไท่เหอพลันเงียบลงทันทีสายตาของทุกคนจับจ้องไปยังร่างของหลี่เฉินที่เคลื่อนไหว โดยไม่เข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทถึงได้ก้าวลงจากบัลลังก์มังกรอย่างกะทันหันจนกระทั่งหลี่เฉินเดินไปหยุดที่หน้าประตูพระที่นั่งไท่เหอ เขายืนอยู่หลังธรณีประตู และจ้องมองเย่ลู่เสินเสวียนที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งหลี่เฉินชี้ไปที่ธรณีประตู ก่อนกล่าวว่า "ธรณีประตูนี้ ด้านในคือพระที่นั่งไท่เหอ คือดินแดนต้าฉิน"เย่ลู่เสินเสวียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่า หลี่เฉินต้องการจะสื่ออะไร แต่ก็ตอบกลับไปว่า "เจ้าหมายความว่า ด้านนอกธรณีประตูนี้ เป็นดินแดนของแคว้นเหลียวอย่างนั้นหรือ?"เย่ลู่เสินเสวียนคิดว่าตนเองตอบได้อย่างมีชั้นเชิงแต่หลี่เฉินส่ายศีรษะ พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น "ไม่ใช่ สิ่งที่ข้าต้องการจะบอกคือ นอกธรณีประตูนี้ ใต้ฟ้าสีเหลืองแผ่นดินกว้างใหญ่ไพศาล ล้วนเป็นดินแดนของต้าฉิน""และดินแดนต้าฉิน จะไม่มีวันให้ใครยืมใช้โดยเด็ดขาด""หรือไม่องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียวลองพิจารณาส่งภรรยาของท่านมาให้ข้าเล่นสักคนสองคนดีหรือไม่?"คำพูดหยาบโลนที่ราวก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 770

    ที่แท้ก็รออยู่ตรงนี้เองแคว้นเหลียวไม่สิ้นความทะเยอทะยานจริงๆหลี่เฉินเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาเยือนครั้งนี้ของเย่ลู่เสินเสวียนแล้วมันไม่ใช่เพื่อแก้แค้นให้บุตรชายที่ถูกฆ่าและไม่ใช่เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีของท่านอ๋องเก้าที่ทำให้แคว้นเหลียวต้องอับอายขายหน้าแต่คือการผลักดันให้การเจรจาระหว่างต้าฉินและแคว้นเหลียวเกิดขึ้นอีกครั้งเบื้องหน้าดูเหมือนจะเป็นความร่วมมือ แต่แท้จริงแล้วคือความทะเยอทะยานที่จะเปิดเส้นทางผ่านด่านเย่ว์หยาเพื่อบุกโจมตีต้าฉินโดยไร้การต่อต้านเย่ลู่เสินเสวียนเอ่ยเสียงดังต่อไปว่า "เพื่อแสดงความจริงใจของแคว้นเหลียว เราพร้อมจะลงนามในสนธิสัญญามิตรภาพกับต้าฉิน และพร้อมคืนครึ่งหนึ่งของแคว้นเยี่ยนอวิ๋นสิบหกหัวเมือง เพียงแค่ต้าฉินพยักหน้าตกลง แคว้นเหลียวก็จะมอบหัวเมืองเหล่านั้นให้ก่อนทันที จากนั้นต้าฉินค่อยเปิดเส้นทางด่านเย่ว์หยาให้เรา"คำพูดนี้ทำให้พระที่นั่งไท่เหอปั่นป่วนในทันทีเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋น หลายคนแสดงท่าทีลังเลและสนใจในข้อเสนอขุนนางคนหนึ่งก้าวออกมา กล่าวว่า "องค์ชาย แคว้นเหลียวมีกำลังเหนือกว่าพวกเราอย่างมาก ในสถานการณ์เช่นนี้ที่พวกเขายัง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 769

    สำหรับเย่ลู่เสินเสวียน การสูญเสียบุตรชายไปหนึ่งคนไม่ใช่เรื่องใหญ่เขาเป็นบุรุษที่มีหญิงล้อมหน้าล้อมหลัง หากร่างกายยังแข็งแรง บุตรหลานย่อมไม่ใช่สิ่งที่ขาดแคลนแม้ว่าเขาจะชื่นชอบเย่ลู่ฉีหมิง แต่ก็ไม่ถือสาอะไรนัก ลูกๆ ที่คอยเอาใจเขามีอยู่มากมาย และเขาก็สามารถสร้างทายาทใหม่ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เพราะตัวเขายังหนุ่มแน่นแต่สิ่งที่เขาไม่อาจยอมรับได้ คือการที่บุตรชายของเขาถูกองค์รัชทายาทแห่งต้าฉินสังหาร แล้วส่งหัวเน่าเปื่อยมาทิ้งไว้ต่อหน้าเขานั่นเท่ากับว่า หลี่เฉินเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขาอย่างจงใจแม้เย่ลู่เสินเสวียนจะไม่พูดอะไรออกมา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครกล้าเอ่ยแทนเขาเย่ลู่กู่จ้านฉีโกรธจัดจนกระโดดขึ้นมาพูดทันที "เจ้าโกหก! ข้ายืนยันตัวตนของเย่ลู่ฉีหมิงแล้ว เขาไม่ได้แอบอ้างเป็นใครทั้งนั้น และเจ้าเองก็ไม่เคยสงสัยในตัวเขาสักนิด จนกระทั่งเจ้าฆ่าเขา ตอนนี้กลับมาบอกว่าเขาแอบอ้าง นี่มันโกหกชัดๆ!"หลี่เฉินเหลือบมองเย่ลู่กู่จ้านฉีด้วยความประหลาดใจเขาเริ่มคิดว่า หรือในช่วงเดือนที่ผ่านมา อ๋องเก้าผู้นี้จะหิวโหยจนเพี้ยนไปแล้วหลี่เฉินยกมือขึ้นเล็กน้อยก่อนกล่าวอย่างเย้ยหยัน "อ้อ? แสดงว่าเขา

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 768

    เมื่อกล่องผ้าดำถูกเปิดออก สิ่งที่ปรากฏอยู่ภายในคือศีรษะมนุษย์ที่เน่าเปื่อยจนแทบดูไม่ได้!ศีรษะนั้นถูกปกคลุมด้วยเลือดดำคล้ำที่แห้งกรัง บาดแผลลึกตัดขวางไปทั่วใบหน้าจนดูเหมือนหัวหมูที่ถูกสับด้วยมีด ความเน่าเปื่อยทำให้เนื้อหนังผุพัง ผมพันกันยุ่งเหยิง และระหว่างเนื้อที่เน่าผุยังมีหนอนสีขาวเล็กๆ ไต่ยั้วเยี้ยไปมาภาพนั้นทำให้แม้แต่แม่ทัพผู้ชินชากับการฆ่าฟันยังรู้สึกขนลุกฮาเลยต้าลี่ที่เป็นคนถือกล่องถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นสิ่งนั้นเป็นคนแรกหลังจากตกตะลึง เขาก็โกรธจัด เงยหน้าขึ้นตะโกนใส่หลี่เฉินด้วยความเดือดดาล "เจ้ากล้าลอบสังหารองค์รัชทายาทของพวกเราอย่างนั้นหรือ!?"หลี่เฉินยังคงสีหน้าราบเรียบ พลางเอ่ยคำสั่งสั้นๆ "ตบปาก"เพียะ!เพียะ! เพียะ!เสียงฝ่ามือตบดังขึ้นสามครั้งติดเป็นซานเป่าที่เข้าไปตบฮาเลยต้าลี่ด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างจนเกิดเสียงดังชัดเจนแม้รูปร่างของซานเป่าจะเล็กและผอมกว่า แต่ฮาเลยต้าลี่ที่ดูราวกับหมีสีน้ำตาลกลับไม่อาจสู้เขาได้เลยแม้แต่จะตั้งตัวฮาเลยต้าลี่ยังไม่อาจทำได้ อย่าว่าแต่ต่อต้านเลย ใบหน้าของเขาจึงถูกซานเป่าตบเข้าที่หน้าเต็มๆ ถึงสามครั้งโดยไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 767

    ชนเผ่าเร่ร่อนในทุ่งหญ้ามักนับถือสัญลักษณ์ของหมาป่า ต่างจากชาวฮั่นแห่งแผ่นดินต้าฉินที่ยึดถือมังกรเป็นเครื่องหมายการเคารพหมาป่าในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้พวกเขาเชิดชูพลังอำนาจ และเชื่อมั่นในหลักการที่ว่า ผู้แข็งแกร่งย่อมอยู่รอด ส่วนผู้ที่อ่อนแอก็ต้องถูกกลืนกินคำพูดของหลี่เฉินที่เพิ่งกล่าวออกไป จึงมีความหมายแฝงสองนัย เหล่าคนแคว้นเหลียวที่อยู่ในที่นั้น แม้จะรู้สึกไม่พอใจและอึดอัดใจเพียงใด ก็ไม่อาจหาคำมาคัดค้านได้เย่ลู่กู่จ้านฉีที่ยืนอยู่มุมหนึ่งของพระที่นั่งไท่เหอ มองเย่ลู่เสินเสวียนด้วยดวงตาที่แดงก่ำด้วยความตื่นเต้นองค์รัชทายาท ท่านเห็นหรือยัง นี่แหละคือองค์รัชทายาทแห่งต้าฉิน ปากคมเสียยิ่งกว่าคมหอกคมดาบ สามารถปลุกคนตายให้ลุกขึ้นมาโกรธได้เลยทีเดียว ท่านต้องระวังตัว อย่าตกหลุมพรางของเขาเด็ดขาดเย่ลู่เสินเสวียนยิ้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสง่างาม "ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทแห่งต้าฉินจะไม่ต้อนรับพวกเราเลยนะ""จริงอย่างว่า"หลี่เฉินกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ต้าฉินและแคว้นเหลียวเป็นศัตรูกันมานานนับศตวรรษ ศพผู้คนที่ตายจากความขัดแย้งของสองแคว้น หากนำมาต่อกันคงทอดยาวจากพระราชวั

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 766

    "องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียว เริ่มศึกษาวรรณศิลป์ตั้งแต่อายุสามปี หัดวิชาการต่อสู้ตั้งแต่อายุห้าปี เจ็ดปีก็สามารถประพันธ์บทกวีได้เอง สิบสองปีฝึกปราบม้าศึกสายพันธุ์หายากที่ดุร้ายที่สุด และในวัยสิบห้าก็นำทัพเข้าสู่สนามรบ""เขาอายุเพียงยี่สิบกว่าปี แต่เรื่องราวชีวิตของเขานั้นเล่าขานเป็นตำนาน ความสามารถโดดเด่นหาใครเทียบมิได้ คนด้อยความรู้อย่างชาวต้าฉินพวกเจ้าจะไปเข้าใจได้อย่างไร!"คำพูดเหล่านี้ เย่ลู่กู่จ้านฉีพูดด้วยความมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆเขาไม่ทันตระหนักเลยว่า คำพูดของเขาเป็นการดูถูกคนทุกคนในที่นั้น ยกเว้นตัวเขาเองหลี่เฉินเลิกคิ้วขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า "ท่านอ๋องเก้า กินอิ่มจนมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือแล้วกระมัง?"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เย่ลู่กู่จ้านฉีก็รีบเงียบปากทันที เพราะในใจเขายังคงหวาดกลัวหลี่เฉินอยู่บ้างในขณะเดียวกัน เขาก็แอบลั่นวาจาในใจว่า หากข้าได้กลับแคว้นเหลียวเมื่อใด เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยเลือดแน่นอน...ทุ่งหญ้าเขียวขจีทอดยาวไปไกลนับพันลี้ในค่ำคืนเดียว...คำพูดนี้น่าสนใจสำหรับหลี่เฉินเขาไม่รู้ว่าเย่ลู่เสินเสวียนมีพระชายากี่คน...ได้ยินมาว่าชาวแ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status