แชร์

บทที่ 758

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
“เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่มีใครล่วงรู้ข่าวล่วงหน้า แม้แต่เหมียวเฟิงเย่และพวกก็ไม่ทันได้ส่งข่าวอะไรออกมาเลย”

จ้าวเสวียนจีมีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะถามต่อ “ในเมืองหลวง ยังมีขุนนางหรือแม่ทัพนายกองคนอื่นถูกจับหรือถูกสังหารอีกหรือไม่?”

ชายวัยกลางคนส่ายหน้า ก่อนตอบ “ยังไม่มีข่าวว่ามีเหตุการณ์อื่นเกิดขึ้น มีเพียงหน่วยบูรพาที่เกิดความวุ่นวาย”

จ้าวเสวียนจีหลับตาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้าหยุดทุกสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้ หยุดซุ่มซ่อนตัว ไม่ต้องก่อเรื่องใด ๆ อีก จนกว่าคนจากแคว้นเหลียวจะมาถึงเมืองหลวง”

ชายวัยกลางคนค้อมตัวรับคำ “ขอรับ ผู้น้อยจะปฏิบัติตามคำสั่ง”

หลังจากนั้น บรรยากาศในเมืองหลวงเข้าสู่ความสงบที่น่าสะพรึงกลัว

จ้าวเสวียนจีจับตามองความเคลื่อนไหวของตำหนักบูรพาอย่างใกล้ชิด หลังจากที่เหมียวเฟิงเย่และคนอื่น ๆ ในหน่วยบูรพาถูกประหาร มันทำให้เขาตื่นตัวอย่างมาก และเริ่มสงสัยว่าความลับของเขาถูกเปิดเผยหรือไม่

แต่หลังจากเฝ้าดูอยู่นาน เขากลับพบว่าคนที่เขาเคยติดต่อยังคงปลอดภัยดี

ยิ่งไปกว่านั้น บางคนยังได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจมากขึ้นอีกด้วย

สิ่งนี
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 759

    ชานเมืองหลวง ณ ศาลารับรองแขก ธงของแคว้นเหลียวโบกสะบัดต้านลมหลังจากลงจากรถม้า ถานไถจิ้งจือค้อมศีรษะให้ซูเจิ้นถิง พลางกล่าวทักทาย “ท่านแม่ทัพซู สบายดีหรือไม่?”“คุณชายถานไถ สบายดีหรือไม่”เมื่อเผชิญหน้ากับถานไถจิ้งจือ ซูเจิ้นถิงก็แสดงความเคารพเป็นอย่างมากเช่นกันหลังจากกล่าวทักทายกัน ซูเจิ้นถิงก็เปิดประเด็นสนทนา “ได้ยินมาว่าช่วงนี้ท่านมัวแต่ยุ่งอยู่กับการก่อสร้างสถาบันการศึกษา มีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ถานไถจิ้งจือก็ยิ้มกว้าง “ด้วยการสนับสนุนจากองค์รัชทายาทอย่างเต็มที่ จึงดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว คาดว่าฤดูร้อนปีนี้น่าจะเปิดรับนักเรียนกลุ่มแรกได้แล้ว”“เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง”ซูเจิ้นถิงพยักหน้าด้วยความชื่นชม “องค์ชายทรงให้ความสำคัญกับการก่อสร้างสถาบันนี้มาก ทั้งด้านงบประมาณและบุคลากรก็เตรียมพร้อมไว้อย่างดี คิดว่าที่นี่จะต้องกลายเป็นสถาบันที่ได้รับการจารึกในประวัติศาสตร์ และท่านในฐานะอธิการบดีคนแรกก็จะได้รับการยกย่องจากคนรุ่นหลังแน่”ถานไถจิ้งจือโบกมือพลางกล่าว “ชื่อเสียงและผลประโยชน์ไม่สำคัญสำหรับข้า เรื่องนี้ความดีความชอบทั้งหมดควรยกให้กับองค์รัชทาย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 760

    เสียงของซูผิงเป่ยที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ซูเจิ้นถิงสะดุ้ง“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!?”เมื่อเห็นซูผิงเป่ยในชุดปลอมตัวเป็นทหารชั้นผู้น้อย ซูเจิ้นถิงมีสีหน้าขุ่นเคืองทันทีวันนี้เป็นวันสำคัญในการออกจากเมืองหลวงเพื่อรับคณะทูตแคว้นเหลียว ซึ่งผู้ที่มาร่วมพิธีนี้ล้วนเป็นตัวแทนของจักรวรรดิต้าฉินดังนั้นทุกสิ่งตั้งแต่สถานที่ เวลา ไปจนถึงผู้แทนล้วนต้องมีความเหมาะสมฝ่ายบุ๋น ถานไถจิ้งจือฝ่ายบู๊ ซูเจิ้นถิงส่วนซูผิงเป่ย แม้จะเพิ่งได้รับชัยชนะครั้งใหญ่จากการศึกกับดินแดนตะวันออก แต่เขายังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าร่วมงานระดับสูงเช่นนี้ดังนั้น การที่ซูผิงเป่ยปลอมตัวเข้ามาจึงทำให้ซูเจิ้นถิงโกรธซูผิงเป่ยยักไหล่ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ข้าแค่อยากมาดูว่าคนแคว้นเหลียวพวกนี้เป็นพวกสามหัวหกแขนหรือไม่ ข้าจัดการพวกตงอิ๋งได้แล้ว วันหนึ่งข้าก็จะจับคนแคว้นเหลียวกดกับพื้นให้ได้เหมือนกัน”“ไร้สาระ!”ซูเจิ้นถิงตวาดเสียงดัง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน? หากเกิดเรื่องผิดพลาด ข้าจะหักคอเจ้าด้วยมือของข้าเอง”ซูผิงเป่ยหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะโบกมือ “พอเถอะท่านพ่อ ท่านดูพวกนั้นสิ ดูไม่ออกหรือ? พวกเข

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 761

    คำพูดของฮาเลยต้าลี่ในเวลานี้ ไม่เพียงแต่ไร้มารยาทเท่านั้นแต่ยังราวกับเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหลิวถงปี้ และศักดิ์ศรีของจักรวรรดิต้าฉินลงบนพื้นแล้วกระทืบซ้ำด้วยเท้าซูผิงเป่ยหนุ่มเลือดร้อน เมื่อได้ยินดังนั้นก็แทบจะอดทนไม่ไหว คิดจะออกไปสั่งสอนฮาเลยต้าลี่สักทีแต่ยังไม่ทันได้ขยับตัว ก็ถูกซูเจิ้นถิงคว้าตัวเอาไว้“หากเจ้าออกไปตอนนี้ ก็เท่ากับมอบจุดอ่อนให้แคว้นเหลียว พวกมันจงใจยั่วยุเรา เจ้าปล่อยให้แม่ทัพหลิวจัดการเถิด”เมื่อได้ยินคำของซูเจิ้นถิง ซูผิงเป่ยก็ได้แต่กัดฟันอดทนไว้ แม้โกรธจนแทบจะระเบิดออกมาขณะนั้น ใบหน้าของหลิวถงปี้ดำคล้ำเหมือนเหล็ก เขากล่าวเสียงเย็นชาว่า “ตัวใหญ่แล้วจะอย่างไรเล่า? พวกกล้ามโตแต่สมองทึบ ดูแล้วไม่ต่างจากเหล็กหัวทึ่ม สุนัขที่บ้านข้ายังแข็งแรงกว่านี้เสียอีก เหตุใดไม่ลองเปรียบเทียบกับสุนัขของข้าล่ะ?”สิ้นคำของหลิวถงปี้ ชาวต้าฉินที่อดกลั้นความโกรธไว้มานาน ต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียงหัวเราะนั้น ทำให้ฮาเลยต้าลี่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาตะโกนลั่น “ข้าจะประลองกับเจ้า!”“มาก็มา! ผู้ใดกลัวผู้ใดกันเล่า!”หลิวถงปี้เองก็ลุกขึ้นมาตอบโต้ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 762

    เสียงนั้นเป็นเสียงของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง เสียงใสกังวานและแฝงด้วยความนุ่มนวลชวนฟังเดิมทีฮาเลยต้าลี่ที่มีท่าทีฮึกเหิม เมื่อได้ยินเสียงนั้นกลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว รีบคารวะไปทางรถม้า แล้วถอยไปยืนอยู่ข้างหนึ่งในรถม้า เจ้าของเสียงบุรุษหนุ่มนั้นกล่าวต่อ“แคว้นเหลียวเป็นแขก ต้าฉินเป็นเจ้าภาพ ไหนเลยจะมีเหตุผลที่แขกเพิ่งมาถึงเรือนเจ้าภาพก็จะท้าประลองเป็นตาย นั่นหาใช่มารยาทของการเป็นแขกไม่”เจ้าของเสียงนั้นคือผู้ใดกัน?ในแคว้นเหลียว ระบบลำดับชั้นเคร่งครัดยิ่งนัก ฮาเลยต้าลี่ซึ่งเป็นถึงแม่ทัพ หากต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่มีฐานะต่ำกว่าตนเพียงเล็กน้อย ย่อมไม่มีทางเชื่อฟังเช่นนี้แน่แต่ผู้ที่ทำให้ฮาเลยต้าลี่ยอมเชื่อฟังอย่างว่าง่ายเช่นนี้ ย่อมต้องมีสถานะที่ไม่ธรรมดาซูเจิ้นถิงกำลังครุ่นคิดว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร ก็ได้ยินถานไถจิ้งจือที่ยืนอยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นมาด้วยเสียงที่ทำให้ผู้คนโดยรอบตื่นตะลึง“ท่านที่อยู่ในรถม้านั้น หรือจะเป็นองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียว เย่ลู่เสินเสวียน?”เย่ลู่เสินเสวียน!ผู้คนโดยรอบต่างสูดหายใจลึกด้วยความตกตะลึงพวกเขาคาดคิดว่าแคว้นเหลียวจะส่งทูตผู้มีอิทธิพล

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 763

    ในสถานการณ์ปัจจุบันของแคว้นต้าฉิน ผู้ที่มีสัญชาตญาณทางการเมืองไม่ค่อยเฉียบคมนัก อาจมองไม่ออกว่าการที่ถานไถจิ้งจือตัดสินใจรับราชการนั้น แท้จริงแล้วเป็นเพราะต้องการพัฒนาสถาบันการศึกษา และเพื่อสร้างบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถมากขึ้นนี่คือเหตุผลที่ถานไถจิ้งจือตั้งใจทำงานอย่างสงบเสงี่ยม ไม่เข้าไปพัวพันกับเรื่องการเมืองอื่นใดแต่ประเด็นนี้กลับชัดเจนในสายตาขององค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียว แม้อยู่ไกลนับหมื่นลี้เมื่อเย่ลู่เสินเสวียนพยายามดึงตัวถานไถจิ้งจืออย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าผู้คนมากมาย ถานไถจิ้งจือยังคงยิ้มและตอบกลับอย่างสุภาพว่า “องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียวกล่าวเกินไปแล้ว ในความเห็นของข้า แม้แคว้นต้าฉินจะตกอยู่ในช่วงขาลง แต่สรรพสิ่งล้วนมีวัฏจักร เช่นเดียวกับโชคชะตาของราชวงศ์ที่ขึ้นและลง บัดนี้แม้จักรวรรดิตกต่ำถึงขีดสุด แต่พญามังกรยังคงมีอำนาจ วันหนึ่งมันจะสลัดโคลนที่เปื้อนกายออกและโผบินสู่เก้าชั้นฟ้าอีกครั้ง”คำพูดนี้เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นแต่เย่ลู่เสินเสวียนเพียงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ท่านอาจารย์พูดถึงองค์รัชทายาทของต้าฉินหรือ?”“เขาเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ ข้ามาที่นี่ส่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 764

    เย่ลู่กู่จ้านฉีถูกคุมตัวมายังตำหนักบูรพาในเวลาไม่นานซานเป่าเป็นผู้รับผิดชอบนำตัวเขามาด้วยตัวเอง แน่นอนว่าไม่มีทางเกิดความผิดพลาดความจริงแล้ว ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เย่ลู่กู่จ้านฉีแทบไม่ได้รับการดูแลที่ดีนัก นอกจากวันที่ถูกใช้เป็นเป้าทดลองปืนไฟ เขาได้กินอาหารดีๆ เพียงมื้อเดียว ที่เหลือก็มีแค่หมั่นโถวขาวสองก้อนกับโจ๊กน้ำใสหนึ่งถ้วยเท่านั้นแม้จะเป็นเสือดุ หากถูกอดอาหารนานเกือบเดือน ก็ต้องล้มลงเช่นกันตอนนี้ หากหลี่เฉินปล่อยตัวเย่ลู่กู่จ้านฉีไป เขาก็คงไม่มีเรี่ยวแรงวิ่งออกจากตำหนักบูรพาได้อยู่ดีเมื่อหลี่เฉินมองเย่ลู่กู่จ้านฉีที่มีใบหน้าซีดเซียว ขาสั่นจนยืนแทบไม่อยู่ เขาก็ยิ้มออกมา “มีข่าวดีมาบอก แคว้นเหลียวส่งคณะทูตมาถึงแล้ว”ประกายในดวงตาของเย่ลู่กู่จ้านฉีวาบขึ้นทันทีนั่นหมายความว่า วันคืนอันเลวร้ายนี้กำลังจะสิ้นสุดลงในไม่ช้า…เขาเคยเห็นหลี่เฉินเลี้ยงนกล่าเหยื่อไห่ตงชิง นกตัวนั้นได้รับอาหารดีๆ ทุกมื้อ มีทั้งเนื้อและผลไม้ แต่เขากลับได้แค่หมั่นโถวสองก้อน หากเทียบกันแล้ว แม้แต่สัตว์ยังได้รับการดูแลดีกว่าเขาเสียอีกตอนนี้ เย่ลู่กู่จ้านฉีไม่ได้คิดถึงเรื่องการล้างแค้นอีกแล้ว สิ่งเด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 765

    เย่ลู่กู่จ้านฉี แม้จะเป็นอ๋องเก้าแห่งแคว้นเหลียว แต่ในมือของซานเป่า กลับดูเหมือนไก่เดินดินตัวใหญ่ที่ถูกลากไปโดยไร้ซึ่งศักดิ์ศรีเย่ลู่กู่จ้านฉีพยายามดิ้นรนพร้อมตะโกนด่าทอ “ปล่อยข้า! เจ้าทำกับข้าเช่นนี้ ระวังเถอะ หากข้ากลับไปได้ เจ้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”ซานเป่าหันมามองเย่ลู่กู่จ้านฉีด้วยแววตาเย็นเยียบก่อนแสยะยิ้ม “ท่านอ๋องเก้า รู้หรือไม่ว่าข้ามีวิชาเฉพาะ สามารถส่งพลังลมปราณเข้าไปในร่างกายของคน ทำให้ทรมานอย่างแสนสาหัสเป็นเวลาสามเดือน ก่อนจะตายอย่างเจ็บปวดที่สุด และไม่มีทางแก้ แม้แต่นักพรตผู้วิเศษยังช่วยไม่ได้”คำพูดนี้ทำให้เย่ลู่กู่จ้านฉีตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวหลังจากถูกกดดันมานานกว่าหนึ่งเดือน ความหยิ่งผยองของเขาก็ถูกลบล้างจนหมดสิ้นไม่ว่าเรื่องที่ซานเป่าพูดจะจริงหรือเท็จ เย่ลู่กู่จ้านฉีที่กำลังจะได้อิสรภาพก็ไม่คิดจะเสี่ยงอีกต่อไปซานเป่าลากเย่ลู่กู่จ้านฉีอย่างง่ายดายมาถึงพระที่นั่งไท่เหอภายในพระที่นั่งไท่เหอ ขุนนางฝ่ายบู๊และฝ่ายบุ๋นยืนเรียงรายจ้าวเสวียนจียืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มขุนนางฝ่ายบุ๋น ใกล้ๆ กับฟู่อวี้จือและจางปี้อู่ที่กำลังสนทนากันเบาๆแม้จะมีผู้คนมากมาย แต่แต่ละกลุ่มก็

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 766

    "องค์รัชทายาทแห่งแคว้นเหลียว เริ่มศึกษาวรรณศิลป์ตั้งแต่อายุสามปี หัดวิชาการต่อสู้ตั้งแต่อายุห้าปี เจ็ดปีก็สามารถประพันธ์บทกวีได้เอง สิบสองปีฝึกปราบม้าศึกสายพันธุ์หายากที่ดุร้ายที่สุด และในวัยสิบห้าก็นำทัพเข้าสู่สนามรบ""เขาอายุเพียงยี่สิบกว่าปี แต่เรื่องราวชีวิตของเขานั้นเล่าขานเป็นตำนาน ความสามารถโดดเด่นหาใครเทียบมิได้ คนด้อยความรู้อย่างชาวต้าฉินพวกเจ้าจะไปเข้าใจได้อย่างไร!"คำพูดเหล่านี้ เย่ลู่กู่จ้านฉีพูดด้วยความมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ เสียงก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆเขาไม่ทันตระหนักเลยว่า คำพูดของเขาเป็นการดูถูกคนทุกคนในที่นั้น ยกเว้นตัวเขาเองหลี่เฉินเลิกคิ้วขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า "ท่านอ๋องเก้า กินอิ่มจนมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือแล้วกระมัง?"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เย่ลู่กู่จ้านฉีก็รีบเงียบปากทันที เพราะในใจเขายังคงหวาดกลัวหลี่เฉินอยู่บ้างในขณะเดียวกัน เขาก็แอบลั่นวาจาในใจว่า หากข้าได้กลับแคว้นเหลียวเมื่อใด เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยเลือดแน่นอน...ทุ่งหญ้าเขียวขจีทอดยาวไปไกลนับพันลี้ในค่ำคืนเดียว...คำพูดนี้น่าสนใจสำหรับหลี่เฉินเขาไม่รู้ว่าเย่ลู่เสินเสวียนมีพระชายากี่คน...ได้ยินมาว่าชาวแ

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 974

    หลี่เฉินต้องการถอดถอนอำนาจและตำแหน่งทั้งหมดของหลี่อิ๋นหู่ จำเป็นต้องผ่านสำนักคุมประพฤติเว้นแต่ว่าเขาจะเป็นฮ่องเต้ที่สามารถใช้อำนาจแห่งราชบัลลังก์บังคับบัญชาได้โดยตรง มิฉะนั้น ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ยังต้องคำนึงถึงท่าทีของสำนักคุมประพฤติเรื่องของสำนักคุมประพฤติจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากง่ายตรงที่หากหาคนที่มีอำนาจตัดสินใจถูกต้อง และมอบผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายต้องการ เรื่องนี้ก็สามารถจัดการได้ทันที ยากตรงที่หากสำนักคุมประพฤติยืนกรานขัดขวาง หลี่เฉินก็แทบไม่มีหนทางจัดการกับพวกผู้เฒ่าที่สูงศักดิ์แต่หัวโบราณเหล่านั้น โชคดีที่ครั้งนี้หลี่เฉินเลือกถูกคน หลี่ชางหลานคือกุญแจสำคัญ และผลประโยชน์ที่เสนอให้ก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายปฏิเสธไม่ได้ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับการจัดการเรื่องนี้จึงสูงมากในช่วงเย็นของวัน สำนักคุมประพฤติส่งข่าวมาว่าพวกเขายอมรับบทลงโทษทั้งหมดที่ตำหนักบูรพากำหนดแก่หลี่อิ๋นหู่"องค์ชาย ได้ยินว่าครั้งนี้จงเหรินลิ่งต้องจ่ายไม่น้อย สำนักคุมประพฤติยังมีผู้อาวุโสบางคนที่เห็นว่าการกระทำขององค์ชายเป็นการทำร้ายสายเลือดเดียวกัน เกรงว่าฝ่าบาทอาจไม่พอพระทัย"

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 973

    หลี่เฉินไม่ได้ยืนยันเรียกเขาว่าเสด็จปู่ใหญ่ และก็ไม่ได้เรียกตำแหน่งของเขา แต่เลือกใช้คำว่าผู้อาวุโสหลี่เมื่อปัญหาเรื่องสรรพนามถูกแก้ไขอย่างลงตัว หลี่ชางหลานจึงรับถ้วยชาด้วยสองมือ แล้วยกขึ้นจิบเบาๆหลังจากวางถ้วยชาลง เขากล่าวว่า “ชาดีจริงๆ”หลี่เฉินยิ้มพลางกล่าว “หากผู้อาวุโสหลี่ชอบ ข้าจะให้คนเตรียมไว้ให้ท่านนำกลับไป”หลี่ชางหลานโบกมือ “สุภาพชนไม่แย่งของรักของผู้อื่น ชาดีที่องค์ชายสะสมไว้ ข้าไม่ควรนำไป”“ก็ไม่ได้มีค่าอะไรมาก ก่อนหน้านี้ตอนข้าพระราชทานตำแหน่งท่านอ๋องให้หลี่อิ๋นหู่ เขามอบชานี้มาเป็นของขวัญขอบคุณ”เพียงประโยคเดียว ทำให้มือของหลี่ชางหลานที่กำลังจะยกถ้วยชาขึ้นดื่มค้างอยู่กลางอากาศเมืองหลวงไม่มีความลับ โดยเฉพาะเหตุการณ์วันนี้ที่หลี่อิ๋นหู่ขึ้นไปเดินบนภูเขาจิ่งซานเพื่อขอพร แต่กลับเป็นต้นเหตุทำให้ราษฎรหลายพันคนต้องเสียชีวิตเรื่องนี้ทำให้ทั้งเมืองหลวงปั่นป่วนไปหมดแม้ว่าหลี่ชางหลานจะถูกเรียกตัวมาอย่างเร่งรีบ แต่เขาก็รับรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างองค์รัชทายาทและจ้าวอ๋องได้ขาดสะบั้นลงโดยสิ้นเชิงบัดนี้เมื่อได้ยินชื่อของหลี่อิ๋นหู่จากปากของหลี่เฉิน เขารู้สึกเหมือนมีดเห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 972

    "เมื่อครั้งกระหม่อมกวาดล้างหมู่บ้านเหมียว ก็เป็นเพียงฐานที่มั่นหลักของตระกูลโจวเท่านั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีหญิงสาวจากตระกูลโจวแต่งงานออกไปมากมายจนยากจะนับได้ บุตรหลานของพวกนางหลายคนต่างก็มีอำนาจในมือ หากโจวสิงเจี่ยเปล่งวาจาเรียกหา พวกมันสามารถรวมกำลังคนจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น อย่างน้อยก็สามารถฟื้นฟูหมู่บ้านตระกูลโจวขึ้นมาใหม่ได้อย่างแน่นอน"ซานเป่าอธิบายอย่างละเอียด แต่สีหน้าของหลี่เฉินกลับไร้ความรู้สึกผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่เฉินกล่าวว่า "ปัญหาของเหมียวเจียงเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจลงมือโดยพลการได้ในตอนนี้ แต่โจวสิงเจี่ยและหลี่อิ๋นหู่ร่วมมือกันสังหารราษฎรไปนับพัน รวมถึงหลี่อิ๋นหู่ยังฆ่าองค์ชายเก้า เรื่องเหล่านี้ไม่มีทางปล่อยผ่านไปได้"น้ำเสียงของหลี่เฉินเรียบเฉย "ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ประกาศจับตัวหลี่อิ๋นหู่และโจวสิงเจี่ย หน่วยบูรพาต้องไล่ล่าพวกมันอย่างเต็มกำลัง ผู้ใดพบร่องรอยและรายงานเข้ามาจะได้รับรางวัลใหญ่"ซานเป่าได้ยินดังนั้นก็เอ่ยถาม "แต่ว่าตำแหน่งของจ้าวอ๋อง"การที่ราชสำนักประกาศจับท่านอ๋อง เป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและถือเป็นเรื่องอื้อฉาวของราชวงศ์หลี่เฉินกล่าวเรี

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 971

    ซานเป่ากัดฟันแน่น จำต้องล้มเลิกการไล่ตามหลี่อิ๋นหู่และโจวสิงเจี่ยเขากวาดตามองไปรอบๆ พบว่าฝูงแมลงที่หนาแน่นจนมองแทบไม่เห็นพื้นกำลังเริ่มถอยกลับ ทิ้งไว้เพียงซากศพจำนวนมากนับพันในคลื่นแมลงครั้งนี้ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่โชคดีหรือมีฝีมือพอจะรอดพ้นจากหายนะได้ ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ รวมถึงต้าหลี่ซื่อชิง หวังฟู่ย่ง ต่างก็กลายเป็นวิญญาณใต้ฝูงแมลงไปทั้งหมดเมื่อฝูงแมลงสลายไป สิ่งที่เผยออกมาก็คือซากศพที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ซากศพเหล่านี้ไม่มีเลือดไหลออกมา แต่เนื้อหนังทั้งหมดถูกแมลงกัดแทะจนขาดวิ่นแทบไม่เหลือชิ้นดีที่โชคร้ายที่สุดคงเป็นหวังฟู่ย่ง ศพของเขาตอนนี้เหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น แม้แต่เศษเนื้อขนาดฝ่ามือก็ไม่เหลือกลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหม็นของแมลงลอยคลุ้งไปทั่วอากาศ ผสานกับภาพของซากศพที่เกลื่อนกลาดอยู่รอบตัว เป็นภาพที่สร้างแรงกระแทกให้จิตใจอย่างรุนแรง ใบหน้าของซานเป่าดำทะมึนจนแทบจะบีบหยดน้ำออกมาได้เขารู้ดีว่าตัวเองกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่แล้ว…พระที่นั่งสีเจิ้งหลี่เฉินมองดูซากศพของแมลงสีดำที่วางอยู่ตรงหน้า กับซานเป่าที่คุกเข่าอยู่บนพื้นมานานกว่าครึ่งชั่วยาม ใบห

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 970

    ผู้ที่ซุ่มโจมตีมีความชำนาญอย่างยิ่ง ขณะที่เขาจู่โจมออกมาอย่างกะทันหัน ซานเป่าทำได้เพียงบิดร่างหลบเลี่ยงจุดสำคัญ แต่ก็ยังไม่อาจหนีจากฝ่ามือที่พุ่งเข้ากระแทกไหล่ของเขาเสียงกระแทกหนักหน่วงดังขึ้น ท่ามกลางเสียงอุทานของซานเป่า ร่างทั้งสองแยกออกจากกัน ซานเป่าถูกกระแทกจนลอยกระเด็นไปไกลกว่าสิบก้าว เมื่อตกลงสู่พื้นยังต้องถอยหลังอีกสามก้าว แต่ละก้าวหนักแน่นราวขุนเขาถล่ม พื้นดินที่เหยียบย่ำแตกร้าวสะเทือนทันทีที่ซานเป่าตั้งหลักได้ ฝูงแมลงสีดำรอบตัวก็คล้ายได้รับคำสั่ง พวกมันพุ่งโจมตีเข้าใส่เขาอย่างบ้าคลั่งซานเป่าครางเสียงต่ำ พลังภายในพลุ่งพล่านออกจากร่าง ส่งแรงสั่นสะเทือนกระจายออกไป แมลงที่ไต่ขึ้นบนตัวเขาถูกสังหารจนหมดสิ้น ร่วงหล่นลงบนพื้นแต่ก่อนที่เขาจะทันได้หายใจ โลหิตของแมลงที่ถูกฆ่าล่อให้แมลงจำนวนมากยิ่งกว่าถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ซานเป่ารู้ว่าสถานการณ์นี้ไม่อาจปล่อยให้ยืดเยื้อ เขากลืนลมหายใจลงคอ พลังลมปราณรวมศูนย์ในปาก ก่อนจะเปล่งเสียงร้องกึกก้องเสียงคำรามแหลมสูงดั่งระเบิดเสียง สร้างคลื่นพลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า คลื่นพลังกระจายออกไปทุกทิศทาง แมลงทุกตัวที่อยู่ในรัศมีของคลื่นพลังสั่นสะ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 969

    เมื่อฝูงแมลงสีดำเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น ก็สร้างความหวาดกลัวอย่างรุนแรงในทันทีเพราะผู้คนพบว่า แมลงเหล่านี้ไม่เพียงแต่ไม่กลัวมนุษย์เท่านั้น แต่ยังมองมนุษย์เป็นเป้าหมายโจมตีโดยตรงทันทีที่พวกมันไต่ขึ้นบนร่างของผู้ใด ร่างนั้นจะรู้สึกคันอย่างรุนแรงเกินจะทนไหว และเมื่อพยายามใช้มือเกา ก็จะพบว่าแมลงเหล่านี้สามารถปล่อยของเหลวชนิดหนึ่งออกมา ทำให้ผิวหนังอ่อนแอลงอย่างมาก เพียงเกาเบาๆ ผิวก็ปริแตกกลายเป็นบาดแผลเลือดไหลและเมื่อได้กลิ่นเลือด แมลงพวกนี้ก็ยิ่งคลุ้มคลั่งพวกมันจะแทรกตัวเข้าไปในบาดแผลที่เปิดออก ยิ่งมีมันมากเท่าใด ความคันก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนเจ้าของร่างทนไม่ไหวและเผลอเกาจนแผลขยายกว้างออกไปเรื่อยๆ ชาวบ้านจำนวนมากล้มลงกลางฝูงแมลงสีดำ แมลงเหล่านี้เลื้อยปกคลุมทั่วร่างผู้เคราะห์ร้าย ภายในพริบตาเดียว ทุกเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็เงียบหายไป ผู้ที่ล้มลงไปจะถูกแมลงปกคลุมจนมิดร่าง และเพียงไม่กี่อึดใจ ก็ไร้ซึ่งสัญญาณของชีวิตภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ซานเป่ากัดฟันแน่นด้วยความโกรธจัด"เจียวเจียว หนีไปเร็ว!"ซานเป่าฟาดฝ่ามือออกไป ปลดปล่อยพลังทำลายล้างเปิดเส้นทางออกจากวงล้อมของฝูงแมลง แมลงนับไม่ถ้วนถูก

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 968

    “สิ่งใดเล่ายากจะปิดปากที่สุด ก็คือเสียงของปวงประชาที่เล่าขานไปทั่วแผ่นดิน!”“องค์รัชทายาทต้องการกำจัดข้า แต่กลับไม่ต้องการให้ถูกตราหน้าว่าฆ่าพี่น้องร่วมสายโลหิต จึงต้องใช้เล่ห์กลมากมาย เขาคิดว่าข้าไม่รู้หรือ? คิดว่าผู้อื่นล้วนตาบอดกระนั้นหรือ!?”หลี่อิ๋นหู่ที่อยู่ในสภาพคล้ายคนเสียสติ กล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา ซานเป่าเพียงกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จ้าวอ๋อง อย่าได้ทำตัวไร้สาระต่อหน้าฝูงชนไปมากกว่านี้เลย มีประโยชน์อันใด? หากพูดถึงเรื่องฆ่าพี่น้องร่วมสายเลือดแล้ว จะมีผู้ใดเลือดเย็นและเหี้ยมโหดไปมากกว่าท่านที่ลงมือสังหารน้องชายแท้ๆ ของตนเองอีกหรือ?”สิ้นคำ ซานเป่าดูเหมือนไม่ต้องการเสียเวลาอีกต่อไป เขาก้าวเท้าเดินตรงไปหาหลี่อิ๋นหู่ยิ่งเดินยิ่งเร่งฝีเท้า เพียงก้าวไม่กี่ครั้ง ก็เข้ามาอยู่ในระยะไม่ถึงสองจั้งจากหลี่อิ๋นหู่หวังฟู่ย่งเห็นซานเป่าเพิกเฉยต่อความปลอดภัยของตนเอง และคิดจะลงมือจับกุมหลี่อิ๋นหู่ให้ได้ จึงหวาดกลัวจนแทบวิญญาณหลุดจากร่างภายในดวงตาของซานเป่าเต็มไปด้วยประกายคมกล้า เขารู้ดีว่าระยะห่างนี้เพียงพอให้ตนเองจัดการทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ“อย่าหวังเลย!”หลี่อิ๋นหู่ตะโกนลั่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 967

    สำหรับหลี่อิ๋นหู่ในยามนี้ เรื่องของแผนการในอนาคตหรือการรักษาสถานการณ์ให้อยู่ในมือ ล้วนไม่สำคัญอีกต่อไปสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์ตรงหน้าเขารู้ดีว่าหากตนถูกจับตัวไปโดยไม่มีทางขัดขืน สิ่งที่รออยู่เบื้องหน้าคือหายนะอันมิอาจหลีกเลี่ยงถึงตอนนั้น อย่าว่าแต่การแย่งชิงแผ่นดินกับองค์รัชทายาทเลย แม้แต่การมีชีวิตรอดไปจนเห็นแสงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาดังนั้นหลี่อิ๋นหู่จึงตัดสินใจทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตของตนเองและขั้นตอนแรก คือการทำให้หวังฟู่ย่งไม่สามารถเดินทางไปยังตำหนักบูรพาได้หวังฟู่ย่งมีสีหน้าลำบากใจ เขาพูดเสียงเบา “จ้าวอ๋อง ข้าน้อยเองก็ไม่อยากไป แต่หากข้าขัดขืนคำสั่งของตำหนักบูรพาตรงๆ เกรงว่าเหล่าหน่วยบูรพาจะมีข้ออ้างในการสังหารข้า ณ ที่นี้ทันที ถึงตอนนั้นเราทั้งสองคงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากกว่าเดิม”“เช่นนั้นแล้ว จ้าวอ๋องโปรดเดินทางไปกับข้าก่อน แล้วค่อยดูสถานการณ์เป็นขั้นๆ หากแย่ที่สุด อย่างน้อยเราก็สามารถถ่วงเวลาให้ผู้อาวุโสได้เตรียมการรองรับไว้ ผู้อาวุโสไม่มีทางนั่งมองให้จ้าวอ๋องถูกตำหนักบูรพากลืนกินไปแน่”“เจ้าหุบป

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 966

    เพียงแค่เป็นบุคคลสำคัญผู้มีอำนาจ ย่อมต้องมีอย่างน้อยหนึ่งหรือสองคนที่มีสถานะพิเศษอยู่เคียงข้างเช่น ซานเป่าผู้ติดตามข้างกายฮ่องเต้องค์ก่อน หรือวั่นเจียวเจียวที่อยู่เคียงข้างหลี่เฉินในตอนนี้วั่นเจียวเจียว แม้จะมีตำแหน่งเป็นข้าราชสำนักสตรี แต่เมื่อครั้งที่ได้รับเลือกให้ติดตามหลี่เฉิน นางก็ไม่ได้ถูกบรรจุเข้าเป็นขุนนางในราชสำนักต้าฉินกล่าวคือ วั่นเจียวเจียวไม่มีตำแหน่ง ไม่มีฐานะขุนนางในระบบหากจะกล่าวให้ถูกต้อง วั่นเจียวเจียวขึ้นตรงต่อตำหนักบูรพา ได้รับเงินเดือนจากตำหนักบูรพา และหน้าที่ของนางโดยแท้จริงก็คือการรับใช้ข้างกายองค์รัชทายาทแต่เพราะนางอยู่ใกล้ชิดองค์รัชทายาท วันหนึ่งสิบสองชั่วยาม นอกจากเวลานอนแล้ว นางแทบไม่ห่างจากพระองค์เลย ดังนั้น แม้จะไม่มีตำแหน่งเป็นทางการ แต่กลับเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมากไม่มีผู้ใดอยากขัดใจคนที่ติดตามองค์รัชทายาทตลอดเวลา เผลอๆ ในช่วงเวลาสำคัญ นางอาจกล่าวเพียงประโยคเดียวก็สามารถกำหนดชะตาชีวิตผู้คนได้ยิ่งไปกว่านั้น หากวั่นเจียวเจียวปรากฏตัวอยู่ที่ใด ก็เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนขององค์รัชทายาท คำพูดของนาง ย่อมศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าผู้ใดวั่นเจียวเจียวม

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status