Share

บทที่ 628

Author: ไห่ตงชิง
เลือดสดๆ พุ่งกระจายออกจากลำคอของหวังเถิงฮ่วน สาดกระเซ็นไปไกลถึงห้าก้าว

ดาบต้าเหลียงหลงเชวี้ยในมือของหลี่เฉินลดระดับลง ปลายดาบชี้เฉียงลงสู่พื้น ดาบอันเย็นเยียบเหมือนหยกน้ำแข็งไม่มีคราบเลือดติดอยู่ เลือดไหลรินตามคมดาบมารวมกันที่ปลายดาบ ก่อนหยดลงสู่พื้นดิน

ขณะเดียวกัน หัวของหวังเถิงฮ่วนซึ่งตายตาไม่หลับกลิ้งไปบนพื้น

ราวกับโชคชะตาหรือความบังเอิญ หัวนั้นกลิ้งมาหยุดอยู่ตรงหน้า และดวงตาที่เบิกกว้างจ้องเขม็งไปที่จ้าวเสวียนจี เหมือนกำลังตั้งคำถามว่าเหตุใดท่านจึงไม่ช่วยข้า?

จ้าวเสวียนจีจ้องมองศีรษะของหวังเถิงฮ่วนที่อยู่บนพื้น ความตกตะลึงและความหวาดหวั่นที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตพลุ่งพล่านอยู่ในใจเขา

แม้เขาจะเคยเห็นทั้งความตายและฉากนองเลือดมาแล้วนับไม่ถ้วน

แต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าขุนนางเพื่อนร่วมงานกว่า 10 ปีของเขาจะจบชีวิตลงต่อหน้าต่อตา

เขาเงยหน้าขึ้น และสายตาของเขาประสานกับหลี่เฉิน

สายตาทั้งสองจ้องกันกลางอากาศ ราวกับเสียงสายฟ้าฟาดที่ไม่มีเสียง

แต่ทว่าจ้าวเสวียนจีก็เป็นฝ่ายหลบสายตาก่อน

ดาบในมือของหลี่เฉินเปื้อนเลือดคาวฉุน จ้าวเสวียนจีไม่อาจแน่ใจได้ว่า หากเขาคลุ้มคลั่งขึ้นมา อาจลงมือสั
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 629

    ชีวิตของหวังเถิงฮ่วนจะเป็นหรือตาย เย่ลู่กู่จ้านฉีไม่ได้สนใจเลยในสายตาของเขา หวังเถิงฮ่วนก็ไม่ต่างอะไรกับสุนัขข้างถนนสิ่งที่เขาสนใจจริงๆ คือศีรษะของเย่ลู่ฉีหมิงในมือก่อนหน้านี้ เขาได้จัดการร่างไร้ศีรษะของเย่ลู่ฉีหมิงไว้เรียบร้อยแล้ว ตั้งใจจะนำกลับไปฝังที่แคว้นเหลียวหลังจากเสร็จธุระ ตลอดทางที่ผ่านมา เขาคิดวางแผนว่าจะกดดันราชสำนักต้าฉินให้ส่งตัวผู้ลงมือมาหาเขา เพื่อให้เขาทรมานจนตาย จากนั้นค่อยนำศีรษะของเย่ลู่ฉีหมิงกลับไปพร้อมกันแต่ตอนนี้ ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม ศีรษะของเย่ลู่ฉีหมิงปรากฏอยู่ในมือเขาแล้วทำไมศีรษะถึงมาอยู่ที่นี่?เย่ลู่กู่จ้านฉีจ้องมองศีรษะที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเสียใจนั้น เขากัดฟันแน่น เงยหน้าขึ้นด้วยสายตาโกรธจัด จ้องไปยังพระที่นั่งสีเจิ้งทันใดนั้น เขานึกออกแล้วว่าทำไมเสียงที่ได้ยินถึงฟังดูคุ้นเคยมันเป็นเสียงของคนที่ฆ่าเย่ลู่ฉีหมิงต่อหน้าเขาในวันนี้!ชายหนุ่มชาวต้าฉินลึกลับคนนั้น!ในตอนนี้ หลี่เฉินก้าวออกมาจากพระที่นั่งสีเจิ้งดาบต้าเหลียงหลงเชวี้ยถูกส่งให้วั่นเจียวเจียวถือไว้ แม้หลี่เฉินจะอยู่ในชุดลำลอง แต่ความสง่างามและความน่าเกรงขามยังคงฉายชัดร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 630

    หากหลี่เฉินตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะฆ่าเย่ลู่กู่จ้านฉี เย่ลู่กู่จ้านฉีรู้ดีว่าตนเองไม่มีทางหนีรอด ในเมืองหลวงของต้าฉิน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตตำหนักบูรพา แม้จะมีผู้คุ้มกันฝีมือดีสองคน แต่เขาก็ไม่มีทางหนีชีวิตรอดได้เย่ลู่กู๋จ้านฉีเองก็หมดหวังแล้วอย่างไรก็ดี ในภายหน้ากองทัพม้าเหล็กแห่งแคว้นเหลียวจะต้องมาล้างแค้นแทนตนและเย่ลู่ฉีหมิงแน่นอนแต่ในเวลานี้ ท่าทีของหลี่เฉินกลับทำให้เย่ลู่กู่จ้านฉีที่สิ้นหวังอย่างถึงที่สุด มองเห็นแสงแห่งความหวังเพียงเล็กน้อยไม่มีใครอยากตาย หากยังพอมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ เพราะแสงแห่งความหวังนี้เอง ทำให้เย่ลู่กู่จ้านฉีลังเลเขาไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่านี่คือแผนการของหลี่เฉินที่จงใจแสดงออกอย่างเปิดเผย เพื่อให้เขาเห็นความหวัง ทำให้เย่ลู่กู่จ้านฉีไม่มีทางเลือกอื่นเขาทำได้เพียงพยายามทำให้ตนออกจากต้าฉินอย่างมีชีวิตก่อนที่จะมาที่นี่ เขาคิดถึงแต่เรื่องการกดดันราชสำนักต้าฉินให้ยอมอยู่ใต้บังคับบัญชา แต่ไม่คิดว่าตนกลับต้องหาวิธีเอาชีวิตรอดกลับไปแคว้นเหลียวให้ได้ความแตกต่างนี้ช่างน่าขันยิ่งนักในทุกคำพูดและการกระทำของหลี่เฉิน เย่ลู่กู่จ้านฉีรู้สึกราวกับกำลังเผชิญ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 631

    “เมื่อแปดสิบปีก่อน แคว้นเหลียวและแคว้นจินร่วมกันโจมตีต้าฉิน ในสงครามนั้น ต้าฉินสูญเสียทหารและกำลังพลไปมากกว่าเจ็ดแสน นายทัพเก่งกล้าจำนวนมากต้องสละชีวิตจนแคว้นอ่อนแอลง เป็นเหตุให้แคว้นเหลียวและแคว้นจินฉวยโอกาสขึ้นมามีอำนาจในภายหลัง”หลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ราวกับกำลังเล่าเรื่องของผู้อื่น“แต่ในสงครามครั้งนั้น แคว้นเหลียวกลับทรยศหักหลังแคว้นจิน ยึดครองเมืองทั้งสิบหกของแคว้นเยี่ยนหยุนไว้เพียงลำพัง ทำให้แคว้นจินไม่ได้รับประโยชน์แม้แต่น้อย ความแค้นนี้ แปดสิบปีผ่านไป แคว้นจินยังไม่ลืมเลยแม้แต่นิดเดียว”“เช่นนั้น เจ้าคิดว่า หากข้าสัญญาให้ผลประโยชน์แก่แคว้นจินแล้วหันไปเป็นพันธมิตรกับพวกเขา เจ้าคิดว่าพวกเขาจะยอมตกลงหรือไม่?”ดวงตาของเย่ลู่กู่จ้านฉีเป็นประกายวาวโรจน์ เขาจ้องมองหลี่เฉินเนิ่นนานก่อนเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “แคว้นจินนั้นเป็นดั่งหมาป่าลอบกัด โหดเหี้ยมอำมหิตที่สุด องค์ชายไม่กลัวหรือว่าจะเชิญหมาป่าเข้าบ้าน?”หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ “แน่นอนว่าข้าย่อมไม่ไว้ใจแคว้นจินอย่างสิ้นเชิง แต่เมื่อมีแคว้นเหลียวเป็นศัตรูสำคัญ หากแคว้นต้าฉินหรือแคว้นจินปล่อยให้แคว้นเหลียวก่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 632

    "พูดจบแล้วหรือ?"หลี่เฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกเย่ลู่กู่จ้านฉีขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า "เงื่อนไขดีเยี่ยมขนาดนี้ รัชทายาทต้าฉินยังไม่สนใจอีกหรือ?""เปิดด่านเย่ว์หย่า ให้กองทัพแคว้นเหลียวเดินลึกเข้ามาในเขตแดนพวกเรา พวกเจ้านี่คิดการใหญ่ไม่เบาเลย"หลี่เฉินแค่นเสียงหัวเราะ "ทำไมในโลกนี้ถึงมีคนที่คิดว่าตัวเองฉลาดล้ำ แต่กลับมองคนอื่นเป็นคนโง่อยู่เสมอ?"ใบหน้าของเย่ลู่กู่จ้านฉีแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาเอ่ยเสียงดังว่า "แคว้นเหลียวกับแคว้นจินมีเทือกเขาเทียนซานเป็นพรมแดนขวางกั้น หากแคว้นเหลียวต้องการโจมตีแคว้นจิน จำเป็นต้องผ่านด่านเย่ว์หย่า เรื่องนี้ไม่มีทางเลือกอื่น แคว้นเหลียวไม่ได้มีเจตนาร้ายใดจริงๆ!""ถ้าพวกท่านไม่สบายใจ เราสามารถบันทึกเงื่อนไขนี้ไว้ในพันธสัญญาได้"หลี่เฉินกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า "เมื่อแปดสิบปีก่อน แคว้นเหลียวและแคว้นจินอาศัยจังหวะที่ต้าฉินประสบกับความวุ่นวายในบ้านเมืองและภัยพิบัติธรรมชาติ โจมตีต้าฉินพร้อมกัน ตอนนั้นต้าฉินอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากตอนนี้เลย""ในครั้งนั้น พวกเจ้าก็ใช้คำพูดเดียวกัน ก่อนเริ่มสงคราม พวกเจ้ากับแคว้นจินตกลงกันว่าจะโจมตีต้าฉินจากพรมแดนท

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 633

    บทสนทนามาถึงตรงนี้ ดูเหมือนจะถึงจุดสิ้นสุดแล้วเย่ลู่กู่จ้านฉีมองหลี่เฉินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ก่อนเอ่ยว่า “รัชทายาทต้าฉินช่างมีความทะเยอทะยานยิ่งนัก แต่ขอให้คำพูดของท่านไม่ใช่เพียงวาทศิลป์ที่ไร้ซึ่งการกระทำ”“การจะยึดคืนแผ่นดินในสนามรบ? ฟังดูดี แต่ก็เป็นเรื่องที่ต้องพึ่งพาทหารในสนามรบ และทหารต้าฉินของพวกท่าน ฮึๆ…”พูดถึงตรงนี้ เย่ลู่กู่จ้านฉีเผยสีหน้าดูถูกอย่างเปิดเผย ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน เขายกมือทำความเคารพอย่างไม่ใส่ใจและกล่าวว่า “ในเมื่อต้าฉินไม่ยอมรับความร่วมมือจากแคว้นเหลียว เช่นนั้น ข้าขอลาก่อน!”ก่อนจะเดินจากไป เขามองหลี่เฉินอย่างลึกซึ้งแล้วกล่าวว่า “พบกันในสนามรบ!”หลังจากพูดจบ เย่ลู่กู่จ้านฉีหมุนตัวเตรียมเดินจากไปแต่ก่อนที่เขาจะก้าวออกไป ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของกองทัพจำนวนมากกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วจากนอกตำหนักบูรพาด้วยประสบการณ์ในสนามรบกว่า 20 ปี เย่ลู่กู่จ้านฉีคุ้นเคยกับเสียงกองทัพและเสียงม้าดีเยี่ยม เพียงฟังเสียงก็สามารถประเมินได้ทันทีว่า กองทัพนี้มีประมาณ 1,000 ถึง 1,200 นาย โดยประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นม้าที่สำคัญที่สุดคือ แม้เสียงฝีเท้าจะเร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 634

    การมาถึงของซูผิงเป่ยทำให้หลี่เฉินอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัดไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกจากว่าเขามาได้ถูกจังหวะที่สุดหากมาเร็วหรือมาช้าไปสักนิด คงไม่ลงตัวเช่นนี้ มีเพียงเท่านี้ถึงจะเหมาะสมที่สุด"ยอดเยี่ยม!"ด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน หลี่เฉินตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก้าวเดินลงจากบันไดอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังทัพทหารที่ยืนรออยู่เมื่อเดินผ่านเย่ลู่กู่จ้านฉีที่ยืนลังเลอยู่ข้าง ๆ หลี่เฉินก็หยุดก้าวเท้าอย่างกะทันหัน“ท่านอ๋องเก้า สนใจมาชมบรรดาทหารกล้าของต้าฉินร่วมกับข้าหรือไม่?”แววตาของเย่ลู่กู่จ้านฉีสั่นไหว ไม่แน่ใจว่าหลี่เฉินมีจุดประสงค์อะไรเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีคำตอบ หลี่เฉินจึงหันไปกล่าวกับกองทัพว่า“วันนี้ช่างบังเอิญที่แคว้นเหลียว ท่านอ๋องเก้า เย่ลู่กู่จ้านฉี มายังตำหนักบูรพาของเรา พวกเจ้า จงแสดงให้แขกจากแคว้นเหลียวได้เห็นว่า ทหารต้าฉินของเราเป็นอย่างไร!”ไม่มีใครไม่เข้าใจว่า นี่คือช่วงเวลาที่ต้องแสดงความภาคภูมิใจของรัชทายาทให้ปรากฏซูผิงเป่ยลุกขึ้นยืน หันหน้าไปยังพี่น้องร่วมรบของเขา ก่อนจะตะโกนเสียงดังว่า “ต้าฉินผู้กล้าหาญ!”เมื่อซูผิงเป่ยนำกล่าว ทหารทั้งพันกว่าคนก็ตะโกนประสานเสียงต

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 635

    เมื่อซูผิงเป่ยแนะนำเสร็จ หลี่เฉินหันไปมองกลุ่มนักโทษทั้งแปดคนที่เปื้อนเลือด เสื้อผ้าขาดวิ่น ผมเผ้ารุงรังสิ่งที่โดดเด่นที่สุดเกี่ยวกับพวกเขาคือร่างกายที่เล็กแกร็นในยุคนี้ ผู้ชายต้าฉินโดยเฉลี่ยสูงประมาณ 170 เซนติเมตร และผู้หญิงอยู่ที่ราว 160 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าไม่สูงนักเมื่อเทียบกับยุคปัจจุบันที่หลี่เฉินจากมา และยิ่งต่ำกว่ามาตรฐานของแคว้นเหลียวที่ราษฎรเฉลี่ยสูงถึง 180 เซนติเมตรแต่สำหรับชาวตงอิ๋งกลุ่มนี้ แม้จะเป็นขุนนางระดับสูงที่ควรมีอาหารการกินเพียงพอ แต่ทั้งแปดคนกลับดูเหมือนลิงผอมแห้งคนที่สูงที่สุดในกลุ่มคือคุโซะจิกิโยทาโร่ ผู้นำของกลุ่ม แต่หลี่เฉินประมาณด้วยสายตาว่า เขาสูงไม่เกิน 158 เซนติเมตรรูปร่างเล็กและหน้าตาที่ไม่สง่างาม ทำให้พวกเขาดูไม่น่าเกรงขาม ทั้งยังผ่านการถูกทรมานมาอย่างหนักจนแทบไม่เหลือสภาพคนตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่มีความจำเป็นต้องเอ่ยถึงการถูกทรมานอย่างหนักของพวกเขา เมื่อทั้งแปดคนถูกนำตัวมาอยู่ต่อหน้าหลี่เฉิน สภาพของพวกเขาแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมของความเป็นมนุษย์อีกแล้วในกรงนักโทษที่เต็มไปด้วยคราบสกปรกและคราบเลือด มีคนหนึ่งที่เหมือนจะรับรู้ถึงสายตาของหลี่เฉิน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 636

    วัฒนธรรมและระบบมารยาทของชาวฮั่นเป็นแบบอย่างที่ชนเผ่าทั่วหล้าพยายามเลียนแบบ แต่สิ่งที่แท้จริงและเป็นเอกลักษณ์ของชาวฮั่นก็คือการสวมเสื้อผ้าป้ายขวา ในขณะที่ชนเผ่าอื่น ๆ ทั้งหมดใช้ป้ายซ้ายเหตุผลนั้นง่ายดาย เพราะในยุคที่จงหยวนรุ่งเรืองที่สุด ชาวฮั่นมองว่าชนเผ่าอื่นต่ำต้อยเกินกว่าจะยอมรับให้เลียนแบบทุกอย่างของตน ใครที่กล้าเป็นชนเผ่าอื่นแล้วสวมเสื้อผ้าป้ายขวา จะต้องถูกลงโทษถึงตายหลี่เฉินพูดเรื่องนี้อย่างชัดเจนหนักแน่น คำพูดของเขาทำให้ชาวฮั่นที่อยู่ในที่นั้นต่างยืดอกด้วยความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมบรรพบุรุษของตนไม่มีทางปฏิเสธได้ว่า เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์ของฮั่น ช่วงเวลาที่รุ่งเรืองนั้นมีพลังเกินกว่าจะเปรียบเทียบได้กับชนชาติหรืออาณาจักรใดในโลกหลี่เฉินหันไปมอง คุโซะจิกิโยทาโร่ ที่อยู่ในกรงนักโทษ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วใครกันที่ให้ความกล้ากับเจ้า? ให้เจ้ามากล่าวหาข้าว่าเป็นสุนัขต้าฉิน? หรือเป็นจักรพรรดิของพวกเจ้า?”เสียงตะโกนดังก้องเหมือนสายฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ“วันนี้ ทหารของข้าสามารถลากเจ้าออกมาจากแผ่นดินเยี่ยนเชาได้ พรุ่งนี้ พวกเขาก็สามารถลากจักรพรรดิของพวกเจ้ามาเหมือนสุนัขตาย และค

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1060

    ประโยคเดียวว่าฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วสร้างแรงสะเทือนใจแก่ทุกผู้คนยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องเหนือศีรษะแม้กระทั่งทหารที่ไล่ตามขันทีน้อยมาแต่แรกยังถึงกับตื่นตะลึงถ้อยคำของขันทีน้อยยังไม่ทันจบประโยค เงาร่างสายหนึ่งพลันแวบขึ้นตรงหน้าเขา ซานเป่าได้คว้าตัวเขาไว้แล้ว“เจ้าว่าอะไรนะ?!”ขันทีน้อยผู้นั้นเป็นเพียงขันทีระดับต่ำสุด เคยเห็นซานเป่าจากที่ไกลๆ เท่านั้น หากแต่ความแตกต่างระหว่างฐานะของทั้งสองทำให้เขาไม่เคยมีสิทธิแม้แต่จะกล่าวคำกับซานเป่ายังไม่ทันตั้งสติจากแรงกดดันของซานเป่า ซูเจิ้นถิงและเหล่าขุนนางใหญ่น้อยก็พากันล้อมเขาไว้หมดแล้ว“บ่าว...บ่าวกล่าวว่า...ฮ่อง...ฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีน้อยตัวสั่นระริก พูดติดขัดแทบจับใจความไม่ได้ โชคยังดีที่เขายังจำหน้าที่ของตนเองได้“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ขอให้องค์รัชทายาทและสำนักราชเลขาเข้าเฝ้าทันที”ซานเป่ากับซูเจิ้นถิงสบตากัน แล้วก็ตัดสินใจได้ทันควัน“ไม่ได้!”จางปี้อู่ตะโกนลั่น “ใครจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ราชโองการปลอมล่ะ!”“เจ้าบังอาจแอบอ้างหาบรรพบุรุษงั้นรึ!”ซูเจิ้นถิงสบถกลับด้วยความโกรธ แล้วซัดหมัดหนักเข้าที่ใบหน้าของจางปี้อู่อย่างจังจางปี้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1059

    “จ้าวเสวียนจี เจ้าทำเรื่องมากมาย วางแผนมานักหนา ท้ายที่สุดแล้วก็เพื่อสิ่งใดกันแน่”หลี่เฉินชี้ไปยังบัลลังก์มังกร ถามว่า “เพื่อจะได้ขึ้นนั่งบนนั้นหรือ”จ้าวเสวียนจีมองตามนิ้วของหลี่เฉินไปยังบัลลังก์มังกร กล่าวอย่างราบเรียบว่า “มิใช่ หากกระหม่อมประสงค์จะขึ้นนั่งบัลลังก์ กระหม่อมสามารถลงมือได้ตั้งแต่เมื่อปีกลายแล้ว แม้แต่ก่อนหน้านั้น กระหม่อมก็ยังมีโอกาสดีกว่านี้อีกมาก จะต้องรอให้ฝ่าบาททรงมีอำนาจมั่นคงก่อนแล้วจึงลงมือไปเพื่ออันใดกันเล่า”“หรือมิใช่เพราะเจ้าคิดว่าควบคุมตัวข้าได้ยาก จึงต้องเสี่ยงเอาดาบเข้าวัดอย่างนั้นหรือ” หลี่เฉินหัวเราะเย็นชาจ้าวเสวียนจีถอนหายใจเบาๆ สีหน้ากลับแฝงด้วยความหดหู่ยิ่งนัก กล่าวว่า “ฝ่าบาท พระองค์มิใช่กระหม่อม ย่อมไม่รู้ความลำบากของกระหม่อม”“บัลลังก์นั้น นั่งแล้วสบายหรือ ไม่เลย”จ้าวเสวียนจีหันหน้ากลับมามองหลี่เฉิน กล่าวว่า “กระหม่อมแทบจะเฝ้าดูฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์กับตาตนเอง ตลอดหลายปีมานี้ ในท้ายที่สุด ฮ่องเต้ได้อะไรกลับมาบ้าง”“กระหม่อมชราภาพแล้ว ไม่รู้ว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี อีกทั้งบุตรหลานของกระหม่อมก็สูญสิ้นไร้ร่องรอย หากกระหม่อมขึ้นไปนั่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1058

    หลี่เฉินหันขวับกลับมาเผชิญหน้าจ้าวเสวียนจี ดวงตาเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งจ้าวเสวียนจีเงยหน้าขึ้น ยืนตัวตรง มาดอ่อนน้อมเมื่อครู่พลันสลาย เหลือเพียงท่วงท่าท้าทายอย่างเปิดเผยหลี่เฉินเอ่ยเรียบเย็น “ข้าเพิ่งรู้ว่า...ขุนนางอาวุโส สูงไม่น้อยเลยทีเดียว”จ้าวเสวียนจีตอบ “กระหม่อม...แค่เคยชินกับการโค้งก้มเท่านั้น แต่ครั้งนี้...กระหม่อมไม่อยากก้มอีกแล้ว”เขายกมือชี้ออกไปทางประตูพระที่นั่งไท่เหอ ก่อนกล่าวว่า “ทหารมีดดาบชั้นยอดจำนวนสามพันนาย บัดนี้อยู่ภายนอกพระที่นั่งไท่เหอเรียบร้อยแล้ว”“กระหม่อมรู้ดีว่า ฝ่าบาทมีปืนไฟ และอาวุธที่ระเบิดเทพต้าฉินทรงพลังยิ่ง หากให้เวลาพัฒนา คงกลายเป็นอาวุธสังหารอันน่าสะพรึงกลัวในอนาคต แต่เวลานี้ ฝ่าบาทมีน้อยเกินไป อีกทั้งในค่ำคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ อานุภาพของอาวุธไฟก็จะลดลงจนเหลือน้อยนิด”“ที่สำคัญที่สุดก็คือ... ทหารทั้งสามพันนายของกระหม่อม ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าแห่งยุทธภพ สามารถกวาดล้างกองทัพปกติหนึ่งหมื่นนายได้ภายในเวลาอันสั้น”จ้าวเสวียนจีหัวเราะเบาๆ ราวกับได้พลิกไพ่ลับที่เตรียมไว้มาเนิ่นนาน มีความภูมิใจอย่างปิดไม่มิด “ที่สำคัญที่สุดคือ… ทหารสามพันนี้ มิใ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1057

    คำพูดของจ้าวเสวียนจี ได้เผยให้เห็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดที่สุดของหลี่เฉินอย่างหมดเปลือก ไม่มีแม้แต่นิดเดียวที่หลงเหลือให้ปิดบังหลี่เฉินในตอนนี้ แม้จะเป็นองค์รัชทายาท แม้จะทำหน้าที่สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่สิทธิอำนาจในมือของเขา โดยรากแท้แล้วยังคงเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ประทานให้ตราบใดที่หลี่เฉินยังไม่ขึ้นครองราชย์ ไม่ได้สวมชุดมังกร เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจครอบครองราชอำนาจแท้จริงได้เลยต่อบรรดาข้าราชการท้องถิ่นแล้ว พวกเขายอมรับแค่สิ่งเดียว...ราชโองการ ยอมรับแค่บุคคลเดียว...ฮ่องเต้นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพายุการเมืองในครั้งนี้ ถึงเรียกได้เพียงว่า "พายุการเมือง" มิใช่การชิงราชสมบัติในสายตาของปวงชนแผ่นดิน สิ่งที่พวกเขาเห็น ก็แค่ความขัดแย้งระหว่างองค์รัชทายาทกับฝ่ายสำนักราชเลขาที่รุนแรงจนถึงขั้นยกทัพใส่กัน มิใช่การกบฏแย่งชิงราชบัลลังก์ของสำนักราชเลขาสองสิ่งนี้...แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงหากหลี่เฉินคือฮ่องเต้จริงๆ การกระทำของจ้าวเสวียนจีทั้งหมดนี้ ก็จะกลายเป็นการชิงบัลลังก์อย่างชัดเจน และจะก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งแผ่นดิน ขุนนางในทุกหัวระแหงที่ยังมีความจงรักภักดีและสำนึกในคุณธรรม ย่อมต้องลุ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1056

    “ด้านนอกลมฝนรุนแรง ฝ่าบาททรงเปียกโชกทั้งตัว ดูก็รู้ว่าเส้นทางที่ก้าวเข้ามา ไม่ได้ราบรื่นเลยแม้แต่น้อย”จ้าวเสวียนจีมองหลี่เฉินด้วยแววตาสงบนิ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าแลดูใจดีอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ“ลมฝนหนักเช่นนี้ มีใครเล่าจะก้าวเดินได้อย่างสบาย?”หลี่เฉินพลิกมือปิดประตูพระที่นั่ง ลมฝนภายนอกถูกสกัดไว้ทันที ความสงบและอบอุ่นจึงกลับคืนสู่ท้องพระโรงอีกครั้ง“หากเพียงต้องการมุมหนึ่งอันสงบสุข ก็แค่ปิดประตูเท่านั้น ความสงบก็จะอยู่กับเราแล้วไม่ใช่หรือ?”จ้าวเสวียนจีกล่าว “ดี ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้องอย่างยิ่ง”หลี่เฉินย่างเท้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอด้วยฝีเท้าหนักแน่น หยุดยืนอยู่เบื้องล่างบัลลังก์ หันไปมองเก้าอี้มังกรแล้วเอ่ยกับจ้าวเสวียนจีข้างกาย “เก้าอี้ตัวนี้ ช่างเย้ายวนใจนักใช่หรือไม่?”จ้าวเสวียนจีก็มองไปยังเก้าอี้มังกรร่วมกับหลี่เฉินเขาไม่ได้ตอบคำถามของหลี่เฉิน กลับกล่าวเพียงว่า “ฝ่าบาท ถอยเถิด”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ ไม่ขยับสายตา ไม่ตอบคำใด“กระหม่อมให้คำมั่น ว่าจะปกป้องฝ่าบาทให้ปลอดภัยไปตลอดชีวิต คำมั่นของกระหม่อมนี้ ฝ่าบาทเชื่อถือได้แน่นอน”หลี่เฉินพยักหน้า “ฟังดูจริงใจดี”

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1055

    หลี่เฉินหันไปมองซูจิ่นพ่าที่อยู่ข้างกาย ยิ้มอ่อนเอ่ยว่า “เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจมาก”ซูจิ่นพ่าไม่ได้ตอบ เพียงยอบกายทำความเคารพแบบสตรีผู้สูงศักดิ์อย่างอ่อนช้อยหลี่เฉินหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปกล่าวกับซูเจิ้นถิงว่า “แม่ทัพซู ลูกหลานตระกูลแม่ทัพเสือเจ้าฝีมือ เจ้าช่างมีบุตรีที่ดีนัก”ซูเจิ้นถิงก่อนหน้านี้อยู่หน้าประตูวัง เมื่อเขามาถึงพอดีกับที่ซูจิ่นพ่ากำลังตำหนีขุนนางพวกนั้น ด้วยสัญชาตญาณจึงไม่ได้รีบเข้าไป และการรอเพียงครู่เดียวนี้ ก็ทำให้เขาได้เห็นฝีมือกับสติปัญญาของบุตรสาวตัวเองอย่างชัดเจน นับว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง“ฝ่าบาทตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูเจิ้นถิงยกมือขึ้นคารวะ แล้วหันไปมองจางปี้อู่และขุนนางฝ่ายสำนักราชเลขาที่ใบหน้านิ่งสงบ จากนั้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท ที่นี่ขอให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมกับท่านอาจารย์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทหารย่อมต่อสู้กับทหาร แม่ทัพย่อมรับมือแม่ทัพบุคคลที่หลี่เฉินตั้งใจจะรับมือมาตลอด ไม่ใช่จางปี้อู่ และไม่ใช่ขุนนางทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังเขาเหล่านั้นแต่คือ...จ้าวเสวียนจี“ดี”หลี่เฉินพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนกาย มุ่งหน้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอในขณะที่หลี

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status