공유

บทที่ 549

작가: ไห่ตงชิง
หลี่เฉินซึ่งมีงานยุ่งไม่ได้สนใจทัศนคติของวั่นเจียวเจียวที่มีต่อกงฮุยอวี่

ส่วนวั่นเจียวเจียวดูเหมือนว่ายิ่งมองกงฮุยอวี่ก็ยิ่งรู้สึกไม่รื่นหูรื่นตา แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากองค์รัชทายาทอยู่ตรงหน้านาง นางจึงไม่กล้าแสดงท่าทางที่ไม่ดีออกมา จึงทำได้แค่อดกลั้นเท่านั้น

กงฮุยอวี่ก็สังเกตเห็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรของวั่นเจียวเจียวที่ส่งมาเป็นครั้งคราว แต่ด้วยนิสัยที่เย็นชาของนาง นางจึงไม่สนใจอีกฝ่าย

สำหรับนาง ยกเว้นบางคน ทุกคนก็ไม่ต่างจากก้อนหินที่อยู่ริมถนน

ไม่ว่าคนอื่นจะชอบหรือเกลียด กงฮุยอวี่ก็ไม่เก็บมาใส่ใจ

สภาพแวดล้อมอันเงียบสงบดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในตอนเย็น มันก็ถูกทำลายด้วยรายงานทหาร

“เยี่ยมมาก!”

หลี่เฉินตะโกนอย่างตื่นเต้น ทำให้หวันวั่นเจียวเจียวตกใจ แม้แต่กงฮุยอวี่ก็ยังต้องเงยหน้ามอง

ก่อนที่วั่นเจียวเจียวจะถามอย่างสงสัย นางได้ยินหลี่เฉินสั่งว่า “เจียวเจียว ไปบอกให้ห้องเครื่องจัดโต๊ะพร้อมอาหารเลิศรสกับสุราดีๆ สัก คืนนี้ข้าอยากจะดื่มฉลองสักสองจอก”

วั่นเจียวเจียวรู้ว่า ในวันธรรมดาหลี่เฉินจะไม่ดื่มสุรา แต่ไม่ได้หมายความว่าหลี่เฉินจะดื่มไม่ได้ วั่นเจียวเจียวสามารถเป็นพยานได
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터

관련 챕터

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 550

    ข่าวชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่แนวหน้าไม่อาจปกปิดได้และหลี่เฉินก็ไม่มีเจตนาที่จะซ่อนมันเลยเรื่องดีๆ แบบนี้ หลี่เฉินยังไม่มีเวลาจะได้ประกาศ แล้วจะเริ่มปกปิดมันได้อย่างไรดังนั้นในวันนั้น ข่าวที่ว่าซูผิงเป่ยของต้าฉินเอาชนะกองทัพตงอิ๋ง และจับกุมแม่ทัพใหญ่อย่าง เคียวจิโระ คุซานางิ ทั้งเป็นได้ ก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงในทันที และข่าวนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วประเทศในอัตราที่น่าตกใจราชสำนักทั้งบนจรดล่างต่างพากันดีใจอย่างบ้าคลั่งอย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่แสดงออกมาบนผิวเผินไม่รู้ว่ามีขุนนางและประชาชนสักกี่คนที่อดไม่ได้ที่จะร้องไห้เมื่อได้ทราบข่าวนี้ต้าฉินอ่อนแอมาเป็นเวลานานจนผู้คนหวาดกลัวสงคราม เพราะทุกครั้งที่พวกเขาทำสงคราม พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้เป็นผลให้ทั้งทหาร ขุนนาง หรือแม้แต่ประชาชนทั่วไปได้สูญเสียจิตวิญญาณของต้าฉินที่ใช้กำลังในการสร้างประเทศเมื่อต้องเผชิญกับความขัดแย้งและสงคราม การแสวงหาสันติภาพจะเป็นกระแสหลักอยู่เสมอเราไม่สามารถเอาชนะเขาได้อยู่ดี ถ้าเราแพ้ เราไม่เพียงแต่ต้องจ่ายเงินเท่านั้น แต่ยังถูกฆ่าด้วย แล้วทำไมจะต้องสู้?การรบในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ชนะการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังได

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 551

    คำขอของซูเจิ้นถิงดูเหมือนจะอุกอาจยิ่งนักหากซูผิงเป่ยได้ยินประโยคนี้เข้า เกรงว่าเขาอาจจะตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับซูเจิ้นถิงทันทีแต่หลี่เฉินกลับมองเห็นถึงความคิดและความพยายามอันอุตสาหะเบื้องหลังซูเจิ้นถิง ซูผิงเป่ยยังเด็กเกินไป ตำแหน่งราชการสูงเงินเดือนมาก ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะควบคุมได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วตระกูลซูก็เจริญรุ่งเรืองจนเกินไปตอนนี้ตระกูลซูมีตำหนักบูรพาคอยหนุนหลัง และซูเจิ้นถิงก็ได้รับการปฏิบัติเป็นขุนนางใหญ่ท่านหนึ่ง ถ้าหากซูผิงเป่ยจะคิดใช้คุณูปการทางทหารจริงๆ นี่ไม่ได้หมายความว่าจะมีจอมทัพสองคนจากตระกูลซูงั้นหรือ?ไม่ต้องพูดถึงว่าคนในราชสำนักจะคิดอย่างไรเลย ถึงตอนนั้น แม้แต่หลี่เฉินก็ต้องระแวงสำหรับอำนาจรัฐแล้ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่พวกขุนนางกังฉินเหล่านั้น เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะกระโดดโลดเต้นรุนแรงกว่านี้ แต่ด้วยอำนาจทหารในมือ ชั่วชีวิตของนักวิชาการพวกนั้นก็ไม่มีทางโค่นล้มราชบัลลังก์ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม หลี่เฉินถึงเอาแต่แบ่งแยกราชสำนัก และต่อกรกับจ้าวเสวียนจีมาโดยตลอด แต่กลับไม่เริ่มลงมือกับอ๋องข้าราชบริพารสักที แม้ว่าหนิงอ๋องจะขยายกรงเล็บของเข

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 552

    ขบวนต้อนรับค่อนข้างหรูหราไม่ว่าจะเป็นขุนนางตำแหน่งใหญ่แค่ไหน ก็ทำได้เพียงยืนอยู่นอกศาลาต้อนรับ ในศาลานั้น มีเพียงหลี่เฉิน วั่นเจียวเจียว และซานเป่าเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ใครมีคุณสมบัติจะเข้ามาเนื่องจากมีการคำนวณเวลาไว้ล่วงหน้า ไม่นานนักหลังจากที่หลี่เฉินมาถึง รถม้าของถานไถจิ้งจือก็ปรากฏขึ้นบนถนนหลวงเป็นไปตามที่หน่วยบูรพารายงาน รถม้าคันเล็กๆ ที่ถานไถจิ้งจือนั่งอยู่นั้นทรุดโทรมมาก แต่รถม้าขนาดใหญ่หลายสิบคันด้านหลังนั้นกลับมีม้าสูงใหญ่กำยำคอยลากจูง โดยบนรถม้าเหล่านั้นเต็มไปด้วยกล่องต่างๆ ซึ่งไม่ได้บรรจุสิ่งของมีค่าอย่างเงินทองแต่อย่างใด แต่กลับเป็นหนังสือทั้งหมด หลี่เฉินออกมาจากศาลาเพื่อต้อนรับเป็นการส่วนตัว และถานไถจิ้งจือก็ลงจากรถม้าเช่นกัน กษัตริย์ขุนนางต่างเดินมาพบกันคนละครึ่งทาง“กระหม่อมถานไถจิ้งจือ มีความสามารถอะไร ถึงได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาทเช่นนี้ กระหม่อมรู้สึกละอายใจจริงๆ”ไม่ว่าจะมาจากใจหรือเสแสร้งก็ตาม แต่ทัศนคติของถานไถจิ้งจือนั้นถ่อมตัวและสุภาพมาก เขาโค้งคำนับก่อน แล้วพูดจาอย่างกระตือรือร้นหลี่เฉินรอจนกระทั่งเขาก้มโค้งได้ครึ่งทาง ก่อนจะยกมือขึ้นมาประคองเ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 553

    ระบบข้าราชการของต้าฉินมีทั้งหมด 18 ระดับ ตั้งแต่ระดับต่ำสุดอย่างขั้น 9 ไปจนถึงระดับสูงสุดอย่างขั้น 1 เหนือพวกเขาขึ้นไป ก็จะเป็นไท่ซือ ไท่ฟู่ ไท่เป่า ซึ่งเรียกโดยรวมว่าซานซือ และยังมีเสี่ยวซือ เสี่ยวฟู่ และเสี่ยวเป่า ซึ่งเรียกว่าซานกูเพียงแต่ว่าไม่ว่าจะเป็นซานซือหรือซานกู แม้จะมีสถานะที่สูงส่งแต่ก็ไม่มีอำนาจ เป็นแค่ตำแหน่งกิตติมศักดิ์ ซึ่งเทียบเท่ากับการเป็นขุนนางระดับสูงสุดนอกจากนี้เพื่อควบคุมอำนาจของขุนนาง ราชสำนักต้าฉินจึงไม่ได้แต่งตั้งตำแหน่งซานซือหรือซานกูให้กับใครมานานกว่าสองร้อยปีแล้วดังนั้นสำหรับในตอนนี้ การเป็นขุนนางขั้นที่หนึ่งและเข้าสู่สำนักราชเลขา ก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นต้าฟู่ ซึ่งนับว่าเป็นตำแหน่งที่ได้รับความเคารพอย่างสูงสุดขุนนางทั่วไป แม้แต่ผู้ที่มาจากการสอบขุนนาง ก็เริ่มต้นจากการเป็นนายอำเภอ โดยมีตำแหน่งต่ำสุดคือขั้นที่ 7 อย่างไรก็ตาม จักรวรรดิต้าฉินนั้นกว้างใหญ่มาก จึงมีเหล่าขุนนางเป็นจำนวนมากทุกคนจะเริ่มต้นจากขั้นที่ 7 ไปจนถึงขั้นที่ 1 ซึ่งระหว่างนั้นก็ยังมีขั้นที่ต้องข้ามอีกสิบสามขั้น ซึ่งคนส่วนใหญ่พยายามตะเกียกตะกายมาทั้งชีวิต ก็ดิ้นรนมาถึงแค่ขั้นที่ 4 ร

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 554

    เสียงตะโกนที่พลุ่งพล่านของคนข้างนอกราวกับระลอกคลื่น คลื่นลูกหลังมักจะสูงกว่าลูกแรกเสมอถานไถจิ้งจือลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว เขาไม่ได้ทักทาย แค่ยืนอยู่นอกรถม้าเท่านั้นเป็นผลให้ผู้คนยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นและไล่ตามรถม้าตอนนี้เอง ซานเป่าก็เข้ามาอย่างเงียบๆ และกระซิบพูดกับหลี่เฉินว่า “ฝ่าบาท มีคนหลายร้อยคนอยู่ข้างนอก พวกเขาทุกคนได้ยินเกี่ยวกับการมาถึงของถานไถจิ้งจือ จึงพากันแห่ตามมา จะให้องครักษ์เสื้อแพรขับไล่ไปหรือไม่?” “ไม่เป็นไร”หลี่เฉินโบกมือ และมองถานไถจิ้งจือซึ่งกำลังทักทายผู้คนที่มาต้อนรับด้วยสายตาลึกล้ำ “นั่นคือสิ่งที่ผู้คนต้องการ นี่เป็นการพิสูจน์ว่าทางเลือกและการลงทุนของข้าถูกต้องแล้ว”เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซานเป่าก็ไม่พูดมาก และค่อยๆ ถอยออกไปเพียงแต่ตอนที่หันกลับไปมองถานไถจิ้งจือ เขาก็ส่ายหน้าเบาๆแค่เรื่องนี้เพียงอย่างเดียว เขาก็มองออกว่านักวิชาการเช่น ถานไถจิ้งจือ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากตำหนักบูรพา คงมีชีวิตอยู่ในราชการได้ไม่นานในสถานการณ์เดียวกันนั้น อย่าว่าแต่สุนัขจิ้งจอกเฒ่าอย่างจ้าวเสวียนจีหรือสัตว์ประหลาดแก่ๆ ในสำนักราชเลขาเลย ต่อให้ลากสวีฉังชิงเข้ามาร่วมด้ว

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 555

    สถานที่ที่หลี่เฉินพาถานไถจิ้งจือมาดูก็ไม่ใช่ที่ไหน มันคือราชบัณฑิตยสถานในอนาคตเมื่อตามหลี่เฉินลงมาจากรถม้า และมองไปยังสถานที่ก่อสร้างที่พลุกพล่านตรงหน้า สีหน้าของถานไถจิ้งจือก็ดูประหลาดใจขึ้นมา“ที่นี่คือราชบัณฑิตยสถานในอนาคต”หลี่เฉินมองสถานที่ก่อสร้างตรงหน้าด้วยความพอใจแล้วพูดว่า “พื้นที่นี้มีขนาด 130 หมู่ ทั้งสถาบันแบ่งออกเป็นพื้นที่เรียน พื้นที่นั่งเล่น และพื้นที่พักผ่อน ไม่เพียงแต่จะมีอาคารไว้อ่านหนังสือและเรียนเท่านั้น แต่ยังมีห้องทำงานให้เหล่าอาจารย์อีกด้วย นอกจากนี้นักเรียนทุกคน อาจารย์ทุกท่าน ต่างมีที่พักแยกต่างหาก” “พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจมีหินจำลอง สวนดอกไม้ และมีการขุดสระเป็นแม่น้ำเล็กๆ”“ข้ายังสงวนแผงขายของไว้มากมาย ในอนาคต สถานที่แห่งนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยและทำงานได้หลายหมื่นคน เนื่องจากมีผู้คนเป็นจำนวนมาก ย่อมมีการค้าข้ายเป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้นจึงต้องมีร้านอาหารและโรงน้ำชาสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ”“เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จตามพิมพ์เขียวที่ข้าออกแบบแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็สามารถขยายไปสู่เขตเมืองหลวงได้”เมื่อหันไปมองถานไถจิ้งจือ หลี่เฉินก็หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “และ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 556

    “แท้จริงแล้วในใต้หล้านี้ ผู้ที่อยากเห็นประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขมากที่สุด ก็คือราชวงศ์”หลี่เฉินประคองถานไถจิ้งจือขึ้นมา แล้วกล่าวอย่างลึกล้ำว่า “หากผู้คนไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ประเทศก็จะไม่มั่นคง เมื่อประเทศไม่มั่นคงจนถึงจุดหนึ่ง ก็จะเกิดความไม่สงบขึ้นมา หากก้าวไปเกินกว่าจุดนั้น ก็จะเกิดการล่มสลายขึ้น เมื่อประเทศล่มลาย เหล่าท่านอ๋องและขุนนางในราชสำนัก ก็ยังคงมีโอกาสที่จะอยู่รอดและยังคงเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่งในราชวงศ์ใหม่ได้ แต่สำหรับราชวงศ์นั้น กลับถูกกำหนดให้ต้องตาย”“ดังนั้นเรื่องนี้จึงเกี่ยวข้องกับรากฐานของประเทศ และเป็นเรื่องสำหรับคนรุ่นหลัง ข้ามิกล้าประมาทหรือเลินเล่อได้”ถานไถจิ้งจือเห็นด้วยอย่างยิ่ง เขามองไปยังพื้นที่ก่อสร้างขนาดใหญ่แล้วถามว่า “ฝ่าบาท สถาบันขนาดใหญ่เช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนจริงๆ ตามคำอธิบายของฝ่าบาทแล้ว เกรงว่าอาจจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก?”“ถูกต้อง”หลี่เฉินไม่ได้ปิดบังอะไร เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ตามงบประมาณของกรมโยธาธิการ และการตรวจสอบจากกรมครัวเรือน หากราชบัณฑิตแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันตามข้อกำหนดของข้า จะมีค่าใช้จ่ายอย่างน้อยแปดล้านตำลึง”เมื่อได

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 557

    ถานไถจิ้งจือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างลังเลว่า “แม้ว่าฝ่าบาทจะทรงงานหนัก แต่จะมีกี่คนในใต้หล้านี้ที่มีดวงตาที่ชัดเจนได้? ท้ายที่สุดแล้ว กระหม่อมเกรงว่าฝ่าบาทจะต้องทนแบกรับความอับอายมากมาย”หลี่เฉินเลิกคิ้วและพูดว่า “ตลอดทุกยุคสมัย มีคนโง่ คนฉลาด คนปัญญาอ่อน และคนไร้ความรู้สึก คนทุกประเภทล้วนเป็นเหมือนปลาคาร์ปในแม่น้ำ เหมือนกรวดในคงคา พวกเขามีมากมายนับไม่ถ้วน แต่มีเพียงคนสองประเภทเท่านั้นที่ไม่ได้รวมอยู่ในนั้น เจ้ารู้ไหมว่าเป็นคนประเภทใด?”ถานไถจิ้งจือครุ่นคิด จากนั้นก็ประสานมือกล่าวว่า “ฝ่าบาทโปรดแถลงไข” “ผู้เป็นอมตะและมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ”หลี่เฉินพูดเสียงเรียบว่า “ทุกคนจะต้องตายในที่สุด ชีวิตอาจจะหนักเท่าขุนเขาหรือเบาดุจขนนก แต่ไม่มีใครในใต้หล้าที่เป็นอมตะ”“ใต้หล้านี้ ก็ไม่มีคนที่สมบูรณ์แบบ”“จะน้ำผึ้งหรือสารหนู ความคิดเห็นของแต่ละคนต่างก็แตกต่างกัน แม้จะเป็นบุคคลหรือสิ่งของเดียวกัน แต่คนมองก็ก็มีมุมมองที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น มีใครบ้างที่สามารถทำให้ทุกคนในใต้หล้าชื่นชอบหรือชื่นชมได้?”“ชื่อเสียงฉาวโฉ่แล้วอย่างไร ตั้งแต่สมัยโบราณ นักปราชญ์และกษัตริย์ผู้ชาญฉลาดก็ถูกบ

최신 챕터

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1063

    ตามคำอธิบายและเรื่องราวของฮ่องเต้ต้าสิง หลี่เฉินก็เริ่มมองเห็นถึงเบื้องลึกในจิตใจที่แท้จริงของฮ่องเต้พระองค์นี้ สิ่งที่พระองค์ต้องการ คือการสืบทอดราชบัลลังก์โดยไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงรากฐานของบ้านเมือง และขุนนางชั่วอย่างจ้าวเสวียนจี ก็คือประกันภัยอีกชั้นหนึ่งที่พระองค์วางไว้ ตราบใดที่จ้าวเสวียนจียังอยู่ เขาก็จะกระหายอำนาจ และต้องพยายามลดบทบาทของฮ่องเต้แน่นอน แต่การลดบทบาทของฮ่องเต้หาใช่ปัญหาไม่ ขอเพียงฮ่องเต้ยังคงดำรงอยู่ อ๋องแห่งแคว้นย่อมไม่อาจก่อหวอด สถานการณ์ก็จะยังดำเนินต่อไปได้ กล่าวได้ว่า ฮ่องเต้ต้าสิงได้วางหมากไว้สองทาง ทางแรก คือหวังว่าจะมีบุตรผู้หนึ่งสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ มีสติปัญญาและความสามารถลึกซึ้ง กอบกู้สถานการณ์ได้ แต่เรื่องนี้ยากเกินไป อย่างน้อยในขณะวางแผน ฮ่องเต้ต้าสิงเองก็มองไม่เห็นความหวัง ดังนั้นพระองค์จึงเตรียมทางที่สอง ผลักดันให้เกิดขุนนางชั่วคนหนึ่ง เพื่อรักษาความมั่นคงของการถ่ายโอนอำนาจ แม้ฮ่องเต้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด ตราบใดที่ยังเป็นบุตรของฮ่องเต้ต้าสิง แผ่นดินก็จะไม่ล่มสลาย ส่วนอำนาจนั้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1062

    “เขาวางแผนมาอย่างยาวนาน บัดนี้ลูกกับเขาก็ถึงคราวแตกหัก ต่อให้มิใช่จ้าวเสวียนจี ลูกก็ไม่อาจอยู่อย่างสงบได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลี่เฉินเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าหาญ จ้องสบสายพระเนตรของฮ่องเต้เบื้องหน้า แม้พระวรกายจะซูบผอมดั่งน้ำมันหมดไส้เทียนใกล้มอด แต่ก็ยังเปี่ยมด้วยพลังสุดท้าย แล้วกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจออกไป ฮ่องเต้ต้าสิงทรงฟังด้วยรอยยิ้ม รอจนหลี่เฉินพูดจบจึงเอ่ยว่า “ข้ากล่าวไปแล้ว เขา มิใช่สิ่งที่ควรกังวล” “เจ้าจะฆ่าเขาก็ได้ แต่ไม่ใช่เวลานี้” หลี่เฉินขมวดคิ้ว สีหน้างุนงงยิ่งนัก ฮ่องเต้ต้าสิงทอดถอนใจเบาๆ แล้วตรัสว่า “สามารถเดินมาถึงจุดนี้ เจ้าก็เกินกว่าความคาดหวังเดิมของข้าไปมาก แม้แต่อีกหลายการจัดวางที่ข้าวางไว้แต่แรก ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะได้ใช้จริง แต่ก้าวแล้วก้าวเล่า เจ้าก็ผ่านมาได้ทั้งหมด” “เจ้าควรรู้ว่า บางแผนที่ข้าวางไว้นั้น เริ่มตั้งแต่เมื่อครานานมาแล้ว” หลี่เฉินนึกถึงพี่น้องสกุลอู๋ จึงพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อทรงวางแผนอย่างลึกซึ้ง ลูกนับถือยิ่งนัก” “รอจนเจ้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะเข้าใจเอง” ฮ่องเต้ต้าสิงตรัสเสียงเรียบ “ข้าวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เจ้าคิดว่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1061

    จ้าวหรุ่ยเงยหน้าขึ้น แม้ใบหน้ายังคงซีดเซียวอ่อนแรง แต่กลับมีสีเลือดระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท รีบเสด็จเข้าไปเถิด” จ้าวหรุ่ยกล่าวจบ ก็หลีกทางไปด้านข้าง หลี่เฉินจับมือของจ้าวหรุ่ยแน่น แล้วจึงก้าวเข้าไปภายใน จ้าวเสวียนจีตามเข้าไปติดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเสวียนจีสนทนากับจ้าวหรุ่ยหลังจากจ้าวหรุ่ยทรยศ “เจ้าคุกเข่าจนฮ่องเต้ทรงฟื้นคืนหรือ?” จ้าวเสวียนจีกล่าวเสียงเรียบ จ้าวหรุ่ยก้มหน้า ไม่กล้ามองจ้าวเสวียนจี เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ฮ่องเต้ทรงมีฟ้าคุ้มครองเพคะ” “ข้าไม่คาดคิดเลยจริงๆ” จ้าวเสวียนจีทิ้งประโยคหนึ่งอย่างมีนัย แล้วจึงติดตามหลี่เฉินเข้าไป จ้าวหรุ่ยเม้มริมฝีปาก ก้มหน้าถอยออกจากประตูตำหนักบรรทม ภายในตำหนักเฉียนชิง หลี่เฉินเห็นฮ่องเต้ต้าสิง...ทรงยืนขึ้นแล้ว พระองค์ทรงสวมเสื้อชั้นในสีเหลืองอ่อนที่เพิ่งผลัดเปลี่ยนใหม่ ซึ่งอาจนับเป็นชุดนอนหรือชุดชั้นในก็ได้ หลี่เฉินไม่รู้สึกแปลกตากับฉลองพระองค์ชุดนี้นัก ขณะฮ่องเต้ต้าสิงบรรทมบนเตียง ก็ทรงสวมเช่นนี้ แต่หลังจากเขาข้ามมิติมา ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นฮ่องเต้ทรงมีสติและยืนอยู่ “อย่างไรหรือ เห็นข้าแล้ว ถึงกับลืมคำ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1060

    ประโยคเดียวว่าฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วสร้างแรงสะเทือนใจแก่ทุกผู้คนยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องเหนือศีรษะแม้กระทั่งทหารที่ไล่ตามขันทีน้อยมาแต่แรกยังถึงกับตื่นตะลึงถ้อยคำของขันทีน้อยยังไม่ทันจบประโยค เงาร่างสายหนึ่งพลันแวบขึ้นตรงหน้าเขา ซานเป่าได้คว้าตัวเขาไว้แล้ว“เจ้าว่าอะไรนะ?!”ขันทีน้อยผู้นั้นเป็นเพียงขันทีระดับต่ำสุด เคยเห็นซานเป่าจากที่ไกลๆ เท่านั้น หากแต่ความแตกต่างระหว่างฐานะของทั้งสองทำให้เขาไม่เคยมีสิทธิแม้แต่จะกล่าวคำกับซานเป่ายังไม่ทันตั้งสติจากแรงกดดันของซานเป่า ซูเจิ้นถิงและเหล่าขุนนางใหญ่น้อยก็พากันล้อมเขาไว้หมดแล้ว“บ่าว...บ่าวกล่าวว่า...ฮ่อง...ฮ่องเต้ทรงฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ขันทีน้อยตัวสั่นระริก พูดติดขัดแทบจับใจความไม่ได้ โชคยังดีที่เขายังจำหน้าที่ของตนเองได้“ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่ง ขอให้องค์รัชทายาทและสำนักราชเลขาเข้าเฝ้าทันที”ซานเป่ากับซูเจิ้นถิงสบตากัน แล้วก็ตัดสินใจได้ทันควัน“ไม่ได้!”จางปี้อู่ตะโกนลั่น “ใครจะรู้ว่านั่นไม่ใช่ราชโองการปลอมล่ะ!”“เจ้าบังอาจแอบอ้างหาบรรพบุรุษงั้นรึ!”ซูเจิ้นถิงสบถกลับด้วยความโกรธ แล้วซัดหมัดหนักเข้าที่ใบหน้าของจางปี้อู่อย่างจังจางปี้

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1059

    “จ้าวเสวียนจี เจ้าทำเรื่องมากมาย วางแผนมานักหนา ท้ายที่สุดแล้วก็เพื่อสิ่งใดกันแน่”หลี่เฉินชี้ไปยังบัลลังก์มังกร ถามว่า “เพื่อจะได้ขึ้นนั่งบนนั้นหรือ”จ้าวเสวียนจีมองตามนิ้วของหลี่เฉินไปยังบัลลังก์มังกร กล่าวอย่างราบเรียบว่า “มิใช่ หากกระหม่อมประสงค์จะขึ้นนั่งบัลลังก์ กระหม่อมสามารถลงมือได้ตั้งแต่เมื่อปีกลายแล้ว แม้แต่ก่อนหน้านั้น กระหม่อมก็ยังมีโอกาสดีกว่านี้อีกมาก จะต้องรอให้ฝ่าบาททรงมีอำนาจมั่นคงก่อนแล้วจึงลงมือไปเพื่ออันใดกันเล่า”“หรือมิใช่เพราะเจ้าคิดว่าควบคุมตัวข้าได้ยาก จึงต้องเสี่ยงเอาดาบเข้าวัดอย่างนั้นหรือ” หลี่เฉินหัวเราะเย็นชาจ้าวเสวียนจีถอนหายใจเบาๆ สีหน้ากลับแฝงด้วยความหดหู่ยิ่งนัก กล่าวว่า “ฝ่าบาท พระองค์มิใช่กระหม่อม ย่อมไม่รู้ความลำบากของกระหม่อม”“บัลลังก์นั้น นั่งแล้วสบายหรือ ไม่เลย”จ้าวเสวียนจีหันหน้ากลับมามองหลี่เฉิน กล่าวว่า “กระหม่อมแทบจะเฝ้าดูฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์กับตาตนเอง ตลอดหลายปีมานี้ ในท้ายที่สุด ฮ่องเต้ได้อะไรกลับมาบ้าง”“กระหม่อมชราภาพแล้ว ไม่รู้ว่ายังจะมีชีวิตอยู่ได้อีกกี่ปี อีกทั้งบุตรหลานของกระหม่อมก็สูญสิ้นไร้ร่องรอย หากกระหม่อมขึ้นไปนั่ง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1058

    หลี่เฉินหันขวับกลับมาเผชิญหน้าจ้าวเสวียนจี ดวงตาเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งจ้าวเสวียนจีเงยหน้าขึ้น ยืนตัวตรง มาดอ่อนน้อมเมื่อครู่พลันสลาย เหลือเพียงท่วงท่าท้าทายอย่างเปิดเผยหลี่เฉินเอ่ยเรียบเย็น “ข้าเพิ่งรู้ว่า...ขุนนางอาวุโส สูงไม่น้อยเลยทีเดียว”จ้าวเสวียนจีตอบ “กระหม่อม...แค่เคยชินกับการโค้งก้มเท่านั้น แต่ครั้งนี้...กระหม่อมไม่อยากก้มอีกแล้ว”เขายกมือชี้ออกไปทางประตูพระที่นั่งไท่เหอ ก่อนกล่าวว่า “ทหารมีดดาบชั้นยอดจำนวนสามพันนาย บัดนี้อยู่ภายนอกพระที่นั่งไท่เหอเรียบร้อยแล้ว”“กระหม่อมรู้ดีว่า ฝ่าบาทมีปืนไฟ และอาวุธที่ระเบิดเทพต้าฉินทรงพลังยิ่ง หากให้เวลาพัฒนา คงกลายเป็นอาวุธสังหารอันน่าสะพรึงกลัวในอนาคต แต่เวลานี้ ฝ่าบาทมีน้อยเกินไป อีกทั้งในค่ำคืนที่ฝนตกหนักเช่นนี้ อานุภาพของอาวุธไฟก็จะลดลงจนเหลือน้อยนิด”“ที่สำคัญที่สุดก็คือ... ทหารทั้งสามพันนายของกระหม่อม ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าแห่งยุทธภพ สามารถกวาดล้างกองทัพปกติหนึ่งหมื่นนายได้ภายในเวลาอันสั้น”จ้าวเสวียนจีหัวเราะเบาๆ ราวกับได้พลิกไพ่ลับที่เตรียมไว้มาเนิ่นนาน มีความภูมิใจอย่างปิดไม่มิด “ที่สำคัญที่สุดคือ… ทหารสามพันนี้ มิใ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1057

    คำพูดของจ้าวเสวียนจี ได้เผยให้เห็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดที่สุดของหลี่เฉินอย่างหมดเปลือก ไม่มีแม้แต่นิดเดียวที่หลงเหลือให้ปิดบังหลี่เฉินในตอนนี้ แม้จะเป็นองค์รัชทายาท แม้จะทำหน้าที่สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่สิทธิอำนาจในมือของเขา โดยรากแท้แล้วยังคงเป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ประทานให้ตราบใดที่หลี่เฉินยังไม่ขึ้นครองราชย์ ไม่ได้สวมชุดมังกร เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจครอบครองราชอำนาจแท้จริงได้เลยต่อบรรดาข้าราชการท้องถิ่นแล้ว พวกเขายอมรับแค่สิ่งเดียว...ราชโองการ ยอมรับแค่บุคคลเดียว...ฮ่องเต้นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพายุการเมืองในครั้งนี้ ถึงเรียกได้เพียงว่า "พายุการเมือง" มิใช่การชิงราชสมบัติในสายตาของปวงชนแผ่นดิน สิ่งที่พวกเขาเห็น ก็แค่ความขัดแย้งระหว่างองค์รัชทายาทกับฝ่ายสำนักราชเลขาที่รุนแรงจนถึงขั้นยกทัพใส่กัน มิใช่การกบฏแย่งชิงราชบัลลังก์ของสำนักราชเลขาสองสิ่งนี้...แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงหากหลี่เฉินคือฮ่องเต้จริงๆ การกระทำของจ้าวเสวียนจีทั้งหมดนี้ ก็จะกลายเป็นการชิงบัลลังก์อย่างชัดเจน และจะก่อให้เกิดความโกลาหลไปทั่วทั้งแผ่นดิน ขุนนางในทุกหัวระแหงที่ยังมีความจงรักภักดีและสำนึกในคุณธรรม ย่อมต้องลุ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1056

    “ด้านนอกลมฝนรุนแรง ฝ่าบาททรงเปียกโชกทั้งตัว ดูก็รู้ว่าเส้นทางที่ก้าวเข้ามา ไม่ได้ราบรื่นเลยแม้แต่น้อย”จ้าวเสวียนจีมองหลี่เฉินด้วยแววตาสงบนิ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใบหน้าแลดูใจดีอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ“ลมฝนหนักเช่นนี้ มีใครเล่าจะก้าวเดินได้อย่างสบาย?”หลี่เฉินพลิกมือปิดประตูพระที่นั่ง ลมฝนภายนอกถูกสกัดไว้ทันที ความสงบและอบอุ่นจึงกลับคืนสู่ท้องพระโรงอีกครั้ง“หากเพียงต้องการมุมหนึ่งอันสงบสุข ก็แค่ปิดประตูเท่านั้น ความสงบก็จะอยู่กับเราแล้วไม่ใช่หรือ?”จ้าวเสวียนจีกล่าว “ดี ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้องอย่างยิ่ง”หลี่เฉินย่างเท้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอด้วยฝีเท้าหนักแน่น หยุดยืนอยู่เบื้องล่างบัลลังก์ หันไปมองเก้าอี้มังกรแล้วเอ่ยกับจ้าวเสวียนจีข้างกาย “เก้าอี้ตัวนี้ ช่างเย้ายวนใจนักใช่หรือไม่?”จ้าวเสวียนจีก็มองไปยังเก้าอี้มังกรร่วมกับหลี่เฉินเขาไม่ได้ตอบคำถามของหลี่เฉิน กลับกล่าวเพียงว่า “ฝ่าบาท ถอยเถิด”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ ไม่ขยับสายตา ไม่ตอบคำใด“กระหม่อมให้คำมั่น ว่าจะปกป้องฝ่าบาทให้ปลอดภัยไปตลอดชีวิต คำมั่นของกระหม่อมนี้ ฝ่าบาทเชื่อถือได้แน่นอน”หลี่เฉินพยักหน้า “ฟังดูจริงใจดี”

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 1055

    หลี่เฉินหันไปมองซูจิ่นพ่าที่อยู่ข้างกาย ยิ้มอ่อนเอ่ยว่า “เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจมาก”ซูจิ่นพ่าไม่ได้ตอบ เพียงยอบกายทำความเคารพแบบสตรีผู้สูงศักดิ์อย่างอ่อนช้อยหลี่เฉินหลุดหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันไปกล่าวกับซูเจิ้นถิงว่า “แม่ทัพซู ลูกหลานตระกูลแม่ทัพเสือเจ้าฝีมือ เจ้าช่างมีบุตรีที่ดีนัก”ซูเจิ้นถิงก่อนหน้านี้อยู่หน้าประตูวัง เมื่อเขามาถึงพอดีกับที่ซูจิ่นพ่ากำลังตำหนีขุนนางพวกนั้น ด้วยสัญชาตญาณจึงไม่ได้รีบเข้าไป และการรอเพียงครู่เดียวนี้ ก็ทำให้เขาได้เห็นฝีมือกับสติปัญญาของบุตรสาวตัวเองอย่างชัดเจน นับว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง“ฝ่าบาทตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ซูเจิ้นถิงยกมือขึ้นคารวะ แล้วหันไปมองจางปี้อู่และขุนนางฝ่ายสำนักราชเลขาที่ใบหน้านิ่งสงบ จากนั้นกล่าวว่า “ฝ่าบาท ที่นี่ขอให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมกับท่านอาจารย์เถิดพ่ะย่ะค่ะ”ทหารย่อมต่อสู้กับทหาร แม่ทัพย่อมรับมือแม่ทัพบุคคลที่หลี่เฉินตั้งใจจะรับมือมาตลอด ไม่ใช่จางปี้อู่ และไม่ใช่ขุนนางทั้งหลายที่อยู่เบื้องหลังเขาเหล่านั้นแต่คือ...จ้าวเสวียนจี“ดี”หลี่เฉินพยักหน้าเบาๆ แล้วหมุนกาย มุ่งหน้าเข้าสู่พระที่นั่งไท่เหอในขณะที่หลี

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status