แชร์

บทที่ 269

ผู้เขียน: ไห่ตงชิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-09-19 21:48:59
จ้าวชิงหลานไม่ได้ปฏิเสธคำขอของหลี่เฉินที่จะพูดคุยกันตามลำพัง และยอมให้คนอื่นๆ ถูกหลี่เฉินไล่ออกไป

ไม่ช้า ภายในพระที่นั่งสีเจิ้งจึงเหลือแค่หลี่เฉินกับจ้าวชิงหลานเพียงสองคน

“คุยกันแบบตรงไปตรงมาเถอะ”

หลี่เฉินมองจ้าวชิงหลานด้วยสายตาที่เฉยชา และพูดอย่างไม่ลังเลใจว่า “ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะส่งเสริมเรื่องส่งทหารไปยังเสียนเฉา”

“และการขัดขวางเรื่องนี้ ก็ไม่มีประโยชน์อันใดกับเจ้า”

นี่เป็นช่วงเวลาที่หาได้ยากที่จ้าวชิงหลานจะได้เปรียบหลี่เฉิน

เมื่อเห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของหลี่เฉิน ในใจของจ้าวชิงหลานก็รู้สึกมีความสุขมาก

ในที่สุดก็ถึงคราวที่คนสารเลวอย่างเจ้าไม่มีปัญญาทำอะไรได้บ้างแล้วสินะ?

“ในฐานะที่ข้าคือฮองเฮาแห่งต้าฉิน แน่นอนว่าข้าไม่สามารถเฝ้าดูเจ้าใช้ท้องพระคลังของประเทศที่กำลังอ่อนแออย่างสุรุ่ยสุร่ายแบบไร้ยางอายได้!”

คำพูดของจ้าวชิงหลาน ทำให้หลี่เฉินยกยิ้มขึ้นมา เขากล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “ประโยคนี้น่าเบื่อมาก ประเทศก็คือประเทศ และยังเป็นประเทศของตระกูลหลี่ข้า มิใช่ตระกูลจ้าวของเจ้า”

จ้าวชิงหลานเลิกคิ้วสวย และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “องค์รัชทายาทพูดเช่นนี้ แสดงว่าไม่เชื่อฟัง”
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 270

    แต่การกำจัดองค์รัชทายาทไม่ใช่เรื่องง่ายจนถึงตอนนี้ หลังจากการประนีประนอมและยอมถอยอยู่หลายครั้ง อำนาจของตำหนักบูรพาก็ขยายตัวออกไป องค์รัชทายาทในปัจจุบันไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยเป็นอีกต่อไป ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่ใช่องค์รัชทายาทที่ไร้ประโยชน์ที่ถูกผู้คนมองข้ามอีกต่อไป เมื่อเทียบกับตอนที่เพิ่งแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งในตอนนั้นมีแต่ชื่อเปล่าๆ ในตอนนี้ องค์รัชทายาททรงปีกกล้าขาแข็งอย่างเต็มที่แล้ว เขาไม่ใช่คนที่นางและพ่อของนางสามารถกำจัดได้อีกต่อไปหากต้องการ แต่เป็นว่าที่กษัตริย์ที่มีอิทธิพลต่อจักรวรรดิอย่างแท้จริง แต่...แล้วอย่างไรล่ะ? จ้าวชิงหลานมองตรงไปที่หลี่เฉิยโดยไม่ยอมถอยนางรู้ว่าเรื่องนี้แม้ไม่ทำก็ไม่เป็นไร แต่ในเมื่อนางทำไปแล้ว นางจะไม่ยอมถอยอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกันหลี่เฉินก็มองไปที่จ้าวชิงหลานด้วยเช่นกันดวงตาของเขาสงบนิ่งราวกับเหวลึกที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ และดวงตาสีดำดุจหมึกคู่นั้น ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่จู่ๆ หลี่เฉินก็ยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มนี้ ทำให้อากาศที่เกือบจะกลายเป็นน้ำแข็งในพระที่นั่งสีเจิ้งเริ่มไหลเวียนขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนกับโลก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 271

    สำนักคุมประพฤติเป็นตำแหน่งลอยที่มีไว้สำหรับเชื้อพระวงศ์สายรอง ค่าตอบแทนสูงมีงานน้อย แต่ไม่มีอำนาจ ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาก็คือดูแลเรื่องภายในราชวงศ์ ทำหน้าที่แต่งตั้งเชื้อพระวงศ์ จัดพระราชพิธีพระบรมศพ จัดพิธีอภิเษกสมรส เป็นต้นในราชวงศ์ตอนนี้ ไม่มีพระราชพิธีพระบรมศพหรือพิธีอภิเษกสมรสสำหรับองค์ชายและองค์หญิง บวกกับมีขันทีถือพู่กันที่รับหน้าที่ร่างพระราชโองการเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งยังเรียกสมาชิกของสำนักราชเลขามาด้วย ดังนั้นจะต้องมีการแต่งตั้งกันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งเชื้อพระวงศ์ถือเป็นเรื่องใหญ่เสมอหากเป็นการแต่งตั้งเชื้อพระวงศ์หญิง โดยปกติแล้วจะเริ่มต้นจากการเป็นจวิ้นจู่ และจุดสูงก็อยู่ที่กงจู่ แต่จะไม่มีอำนาจใดๆ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเรียกสำนักราชเลขามาปรึกษา เว้นแต่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งเชื้อพระวงศ์ชาย หากองค์ชายได้รับการแต่งตั้ง ขั้นต่ำก็จะเป็นจวิ้นอ๋องซึ่งทุกคนอดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่า องค์ชายพระองค์ไหนที่โชคดีถูกแต่งตั้งในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้? เดาก็ส่วนเดา แต่งานก็ต้องทำ มีบางคนตอบรับทันที ก่อนจะจากไปเรียกคน ดว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 272

    คำตอบของจ้าวหรุ่ย ทำให้จ้าวชิงหลานโกรธจัด นางหวังว่าจะได้ฆ่าจ้าวหรุ่ยในทันทีสายตาที่เย็นชาจ้องมองไปที่จ้าวหรุ่ยซึ่งไม่กล้าสบตาตัวเอง จ้าวชิงหลานก็ยิ้มเยาะ ก่อนจะหันไปมองหลี่เฉินแล้วพูดว่า “ตอนนี้เจ้าคงพอใจแล้วสินะ?” “เสด็จแม่ทรงมีพระเมตตากับลูก ลูกต้องขอบพระทัยเสด็จแม่อย่างแน่นอน” สิ้นเสียงของหลี่เฉิน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ผู้อาวุโสของราชวงศ์จากสำนักคุมประพฤติ มหาอำมาตย์จากสำนักราชเลขาสองสามท่าน ต่างพากันทยอยเดินเข้ามา กลับเข้ามาในพระที่นั่งสีเจิ้ง หลี่เฉินก็นั่งที่หัวโต๊ะ ส่วนจ้าวชิงหลานก็นั่งอยู่ข้างๆหลี่เฉินกวาดสายตามองไปยังจ้าวเสวียนจีและคนอื่นๆ ด้วยสีหน้าเยือกเย็น จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อทรงมีทายาทมากมาย ซึ่งในบรรดาน้องชายและน้องสาวของข้าก็มีคนที่มีความสามารถอยู่ไม่น้อย แต่เนื่องจากพระอาการของเสด็จพ่ออยู่ในช่วงวิกฤติมาก มากเสียจนไม่มีเวลาแม้แต่จะมอบบรรดาศักดิ์ให้เหล่าน้องชายด้วยซ้ำ บัดนี้ ฮองเฮาได้เสนอขึ้นว่าควรจะแต่งตั้งองค์ชายแปดหลี่อิ๋นหู่ให้เป็นจ้าวอ๋อง นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ข้าจึงเชิญทุกท่านมาหารือเรื่องนี้” คนเหล่านี้เกือบจะเป็นบุคคลชั้นนำในปิร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 273

    “ง่ายมาก แต่งตั้งเป็นอ๋องก่อน” มุมปากของหลี่เฉินยกขึ้นเล็กน้อย ล้อเล่นน่า ถ้าหลี่อิ๋นหู่เป็นอ๋องแต่ไม่มีศักดินา เช่นนั้นเขาก็ถูกกำหนดให้เป็นท่านอ๋องว่างงานไร้ชื่อเสียงคนหนึ่งเท่านั้น หากไม่มีอำนาจที่แท้จริงของท่านอ๋อง มันก็แค่มอบหัวโขนใหม่ให้กับเขาไม่ใช่หรือแต่ทว่า ดินแดนศักดินามันเกี่ยวข้องกับแผนการของอำนาจหลัก และเป็นไปไม่ได้เลยที่หลี่เฉินจะพยักหน้าเห็นด้วย หลี่เฉินยังไม่โง่ขนาดนั้นตราบใดที่แต่งตั้งเป็นท่านอ๋อง และมีศักดินาเป็นของตัวเอง หลี่อิ๋นหู่ก็สามารถเป็นเจ้าของภาษีและอำนาจทางทหารของดินแดนศักดินาได้อย่างถูกกฎหมาย เช่นนี้แล้วมันแตกต่างจากจักรพรรดิท้องถิ่นตรงไหน?“สำนักคุมประพฤติจะเขียนลงทะเบียนราชวงศ์ว่า องค์ชายแปดหลี่อิ๋นหู่ได้รับการแต่งตั้งเป็นจ้าวอ๋องอย่างเป็นทางการ และเลือกวันประกาศให้ใต้หล้าได้รับรู้ นอกจากนี้ เนื่องจากเสด็จพ่อไม่สามารถจัดการราชกิจได้ชั่วคราว ดังนั้น เรื่องศักดินาจึงค่อยว่ากันทีหลัง รอจนกว่าเสด็จพ่อจะฟื้นขึ้นมาตัดสินพระทัยด้วยพระองค์เอง”“แต่ก่อนหน้านั้น จ้าวอ๋องจะประทับอยู่ในเมืองหลวงชั่วคราว แต่เนื่องจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอ๋อง จึงไม่อาจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 274

    ในพระที่นั่งสีเจิ้ง มีการพลิกผันเกิดขึ้น จินเสวี่ยยวนที่กลายเป็นธาตุอากาศตรงมุมห้องก็รู้สึกตกใจเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ นางไม่ใช่คนในเกม แต่ด้วยสถานะและมุมมองที่เหนือชั้น นางจึงมองทุกอย่างได้อย่างชัดเจนนางดูออกว่าการต่อสู้ทางการเมืองในระดับสูงสุดของต้าฉินนั้น ก็คือการต่อสู้ระหว่างตำหนักบูรพาและสำนักราชเลขา ซึ่งตอนนี้มาถึงจุดที่เลวร้ายแล้ว ไม่มีการประนีประนอมระหว่างพวกเขานางอาจไม่รู้ต้นสายปลายเหตุเรื่องการแต่งตั้งท่านอ๋อง แต่กลับมองออกว่าหลี่เฉินถูกบีบให้เห็นด้วย และถึงแม้ว่าจะเห็นด้วย แต่ด้วยไหวพริบทางการเมืองของหลี่เฉินนั้นก็สามารถค้นพบตะปูดอกหนึ่งในนั้นได้ การไม่ยอมมอบศักดินา คือเส้นตายของหลี่เฉินแล้วส่วนสำนักราชเลขาก็ร้ายกาจพอๆ กัน หลังจากที่เห็นว่าไม่สามารถได้ดินแดนศักดินาแล้วจริงๆ ก็รีบโยนขีดจำกัดของตัวเองออกมา นั่นก็คือต้องมีทหารส่วนตัว มิฉะนั้นอ๋องไม่เป็นอ๋อง องค์ชายไม่เป็นองค์ชาย และจะกลายเป็นที่หยามหยันของใต้หล้าแต่ทว่า ถึงแม้จินเสวี่ยยวนจะเป็นคนนอกก็ยังเข้าใจว่า การมีทหารส่วนตัวสามร้อยคนในเมืองหลวง มันหมายความว่าอะไรอำนาจของสำนักราชเลขาทรงพลังมาก ซึ่งมาจากการ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 275

    ในไม่ช้า สวีเว่ย ผู้บังคับกองร้อยองค์รักษ์ก็รีบมาเข้าเฝ้าทันทีในฐานะองค์รักษ์วังหลวง ทั้งยังเป็นผู้บังคับกองร้อย สวีเว่ยอาจกล่าวได้ว่ามีอำนาจทหารในวังหลวง แต่ยศไม่สูง แค่ขั้นที่ 9 เท่านั้น แต่ทว่าขุนนางจะมีอำนาจมากน้อยแค่ไหน ก็ไม่สามารถดูเพียงขั้นอย่างเดียวเท่านั้น บรรณาธิการเล็กๆ คนหนึ่งในสำนักฮั่นหลิน มีตำแหน่งเริ่มต้นที่ขุนนางขั้นที่ 7 แต่ในแง่ของอำนาจ ก็ยังเทียบกับนายอำเภอซึ่งมียศขั้นที่ 9 ไม่ได้สวีเว่ยกุมอำนาจรักษาความปลอดภัยที่ประตูเฉินอู่อาจกล่าวได้ว่าช่วงนี้ชีวิตค่อนข้างมีความสุข ดังนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่เฉินผู้ซึ่งมอบทั้งหมดนี้ให้กับเขา ความเคารพและความกตัญญูในใจจึงไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ “กระหม่อมสวีเว่ย คารวะองค์รัชทายาท องค์รัชทายาททรงพระเจริญพันปี พันๆ ปีๆ!”หลี่เฉินรู้สึกพอใจ เมื่อเห็นสวีเว่ยคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพคนที่สนับสนุนขึ้นมาอย่างส่งๆ ในตอนนั้น ได้รับความสนใจจากหน่วยบูรพามาโดยตลอด เมื่อพิจารณาจากข้อมูลที่หน่วยบูรพาส่งรายงานมาให้อ่าน สวีเว่ยผู้นี้ใช้การได้ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะใช้งานเขา หลี่เฉินก็จำเป็นต้องทุบค้อนบ้าง “ช่วงนี้เจ้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 276

    สวีเว่ยพลันหน้าซีด หน้าผากของเขาปกคลุมไปด้วยเหงื่อเย็น เขามักจะรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้นราบรื่นเกินไป และการแก้แค้นที่เขากังวลก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลย ดังนั้นเขาจึงคิดว่าตัวเองนั้นโชคดี แต่ไม่คาดคิดว่าทุกสิ่งเกี่ยวกับตัวเขาจะถูกดูแลโดยองค์รัชทายาทอย่างไรก็ตาม สวีเว่ยก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ก่อนหน้านี้เขาเป็นเพียงทหารองค์รักษ์ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่เนื่องจากฝ่าบาททรงชื่นชม เขาจึงเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บังคับกองร้อย ซึ่งกลายเป็นขุนนางขั้นที่เก้า และมีอำนาจอย่างแท้จริง แต่คนต่ำต้อยอย่างเขาคู่ควรกับความสนใจของฝ่าบาทหรือ? สวีเว่ยไม่รู้ว่าตอนนี้หลี่เฉินขาดคนมากแค่ไหน แต่เขากลับรู้ว่าเมื่อโอกาสมาถึงแล้ว เขาจะต้องคว้ามันเอาไว้หลังจากได้ลิ้มรสในอำนาจแล้ว สวีเว่ยก็ไม่ต้องการที่จะกลับไปเป็นทหารองค์รักษ์ธรรมดาที่ใครๆ ก็สามารถเหยียบย่ำได้ นั่นคงจะเจ็บปวดยิ่งกว่าการฆ่าเขาเสียอีก“ฝ่าบาท ความโชคดีของกระหม่อม มาจากการสนับสนุนของฝ่าบาทในตอนนั้น แม้เป็นเพียงการกระทำแบบตามใจชอบ แต่กลับเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของกระหม่อมไป กระหม่อมเสียเวลาไปสามสิบปี แต่เมื่อได้พบฝ่าบาทและได้รู้จักความรุ่งโรจน์ กระหม่อมก็ยิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-20
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 277

    แม้ว่าสวนดอกไม้ด้านหลังของตำหนักบูรพา จะไม่งดงามเท่ากับอุทยานหลวง แต่ก็เช่นเดียวกับตำหนักบูรพา การตกแต่งทั้งหมดจัดอยู่ในระดับที่ดีที่สุดในต้าฉินแม้แต่ในฤดูหนาวที่มีหิมะตกหนัก ดอกบ๊วยในฤดูหนาวก็ยังบานสะพรั่ง และเกล็ดหิมะก็ร่วงหล่นลงมาทับกิ่งก้านของดอกบ๊วย ดอกบ๊วยสีชมพูอ่อนท่ามกลางฤดูหนาวที่มีแต่สีขาวล้วน ทำให้ทิวทัศน์ดูงดงามเป็นพิเศษเมื่อเดินเข้าไปในสวนดอกไม้ ด้านหลังของหลี่เฉินนั้นมีจ้าวหรุ่ยเดินตามมา และถัดจากนั้นไปสิบก้าว ก็มีขบวนนางกำนัลเดินอยู่ห่างๆ “ฝ่าบาท อากาศข้างนอกหนาวมาก สวมเสื้อคลุมเพื่อป้องกันการเป็นหวัดเถอะเพคะ” จ้าวหรุ่ยหยิบเสื้อคลุมขนสัตว์จิ้งจอกหิมะของหลี่เฉินมาจากนางกำนัล แล้วสวมให้หลี่เฉินอย่างระมัดระวังขณะพูด “ช่างใส่ใจ”หลี่เฉินพาจ้าวหรุ่ยเดินเล่นในสวนดอกไม้ และพูดอย่างไม่เป็นทางการว่า “อีกไม่กี่วัน เทศกาลตรุษจีนก็จะจบลงแล้ว หากพูดกันตามหลักแล้ว วันนี้เป็นวันรวมญาติ เวลานั้นข้าจะส่งเจ้าไปที่บ้านพ่อแม่ของเจ้า ให้เจ้าอยู่กับพวกเขาสักปีเถอะ”จ้าวหรุ่ยได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง ก่อนจะกัดริมฝีปากและกล่าวเสียงเบาว่า “หม่อมฉันเป็นคนของฝ่าบาทแล้ว ปีใหม่ ก็ควรอย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-21

บทล่าสุด

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 730

    หลี่เฉินครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เรื่องการขึ้นครองบัลลังก์ ข้าตัดสินใจเองไม่ได้ เสด็จพ่อยังทรงพระชนม์อยู่ ข้าย่อมไม่อาจปลงพระชนม์ได้”สำหรับหลี่เฉิน นี่ถือเป็นคำพูดที่แสดงออกถึงความจริงใจโจวผิงอันยังคงแสดงสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ได้แปลกใจกับคำปฏิเสธนั้น และตอบกลับทันทีว่า “ถ้าเช่นนั้น ก็ยังมีอีกวิธี”“บีบให้จ้าวเสวียนจีก่อกบฏ”น้ำเสียงของโจวผิงอันเยือกเย็น “ไม่ว่าจะเป็นการที่องค์ชายขึ้นครองบัลลังก์หรือวิธีอื่น เป้าหมายสำคัญที่สุดคือการทำให้จ้าวเสวียนจีไม่มีทางเลือก จนต้องก่อกบฏ เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะถูกประณามจากทั่วหล้า และไม่ว่าองค์ชายจะปลดหรือประหารเขา ก็จะเป็นไปตามครรลองแห่งธรรม”“ขุนนางก่อกบฏ องค์ชายทรงสังหาร นั่นคือความชอบธรรมที่ไม่มีใครปฏิเสธได้”“เช่นนี้ จะช่วยให้ราษฎรสงบปากสงบคำ และยังป้องกันไม่ให้อ๋องแห่งแคว้นทั้งหลายใช้ข้ออ้างว่าราชสำนักสั่นคลอนเพื่อยกทัพมาปราบด้วย”คำพูดนี้กระแทกใจหลี่เฉินโดยตรงทำไมเขาไม่กำจัดจ้าวเสวียนจีตั้งแต่ต้น?เพราะหากใช้วิธีที่ไม่ถูกต้องในการกำจัดจ้าวเสวียนจี ราชสำนักจะเข้าสู่ภาวะอัมพาตทันทีแผ่นดินจะวุ่นวาย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 729

    คำพูดสั้นๆ ของโจวผิงอัน เปรียบได้กับพายุที่ทำแผ่นดินสั่นคลอนแม้แต่หลี่เฉินเองก็ยังต้องขมวดคิ้วคำพูดนี้ หากผู้ใดกล่าวออกไป ย่อมถูกนับเป็นกบฏและต้องโทษประหารชีวิต ไม่เพียงตัวเอง แต่ถึงขั้นล้างโคตรทั้งตระกูลแต่ในพระที่นั่งสีเจิ้งที่เงียบสงัดและเต็มไปด้วยบรรยากาศอันชวนอึดอัด กลับรู้สึกว่าเหมาะสมอย่างน่าประหลาดโจวผิงอันดูเหมือนไม่ใส่ใจกับความผิดร้ายแรงในคำพูดของตนเอง เขากล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงสงบ “ในตอนนี้ องค์ชายมีทั้งทำเลที่เหมาะสมและผู้คนที่สนับสนุน สิ่งที่ขาดไปคือโอกาสฟ้าประทาน ซึ่งโอกาสนั้นก็คือการที่ฝ่าบาทเสด็จสวรรคต เมื่อถึงตอนนั้น เส้นทางขึ้นครองบัลลังก์ขององค์ชายจะไร้อุปสรรค และเมื่อขึ้นครองราชย์ได้ จักรพรรดิองค์ใหม่ก็จะสามารถใช้โอกาสแห่งการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินกวาดล้างจ้าวเสวียนจีได้อย่างเบ็ดเสร็จ”หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ เพียงคำเดียว “กบฏ”โจวผิงอันโค้งตัวคำนับ “องค์ชายทรงพระปรีชา”“จ้าวเสวียนจีผู้นี้ เปรียบได้กับจอมคนในยุคปัจจุบัน ในประวัติศาสตร์สามก๊ก มีคำกล่าวเกี่ยวกับโจโฉว่า ‘เป็นขุนนางที่มีฝีมือในยุคแห่งความสงบ และจอมคนในยุคแห่งความปั่นป่วน’ จ้าวเสวียนจีก็คือโจโฉแห่งต้าฉิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 728

    คำพูดของหลี่เฉิน หากพูดให้ใครฟังก็คงทำให้คนฟังเปลี่ยนสีหน้าไปทันที แต่โจวผิงอันกลับไม่มีปฏิกิริยาเช่นนั้นเขาเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าเขากำลังคิดอย่างจริงจังหลี่เฉินไม่ได้เร่งรัด ปล่อยให้โจวผิงอันใช้เวลาครุ่นคิดโจวผิงอันเป็นคนที่มาพร้อมกับความลึกลับ หน่วยบูรพาที่เก่งกาจยังสืบได้เพียงข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับระหว่างเขาและพี่น้องอีกสองคนเท่านั้น และข้อมูลนี้ก็เหมือนจะเป็นสิ่งที่พวกเขาจงใจเปิดเผยเองด้วยส่วนเรื่องที่พวกเขามาจากไหน มีเป้าหมายอะไร และเป็นศิษย์ของใคร กลับไม่มีใครรู้ในแผ่นดินต้าฉิน คนที่ทำให้หน่วยบูรพาทำอะไรไม่ได้มีน้อยมาก และพี่น้องตระกูลโจวก็เป็นหนึ่งในนั้นแต่ความลึกลับนี้ไม่ได้ขัดขวางความร่วมมือระหว่างหลี่เฉินกับโจวผิงอันโจวผิงอันเป็นผู้มีสติปัญญาและกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งที่หลี่เฉินต้องการสำหรับเป้าหมายและแผนการเบื้องหลังของโจวผิงอัน หลี่เฉินไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะถ้าไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่อยู่ตรงหน้าได้ เรื่องในอนาคตก็ไม่มีความหมายหลังจากคิดอย่างถี่ถ้วน โจวผิงอันจึงเงยหน้าขึ้นพูดกับหลี่เฉินว่า “ทำได้ แต่ความเสี่ยงสูงมาก”หลี่เฉิน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 727

    “อย่าทำตัวเหมือนผู้ชนะที่ได้ใจในสงครามต่อหน้าข้า บอกมาเถอะว่าท่านต้องการให้ข้าทำอะไร”คำพูดที่แข็งกร้าวของจ้าวชิงหลาน ทำให้รอยยิ้มอันภาคภูมิของหลี่เฉินหุบลง“อย่าทำหน้าบึ้งตึงไปเลย สิ่งที่ข้าต้องการให้ท่านทำนั้นง่ายมาก”เมื่อได้ยินดังนั้น จ้าวชิงหลานหัวเราะเยาะ ไม่เชื่อคำพูดนั้นแม้แต่น้อยหลี่เฉินจึงพูดต่อทันที“สิ่งที่ข้าต้องการ คือท่านไม่ต้องทำอะไรเลย”คำพูดนั้นทำให้สีหน้าของจ้าวชิงหลานหยุดนิ่งนางมองหลี่เฉินด้วยความตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่แน่ใจ“ชัดเจนหรือยัง? สิ่งที่ข้าต้องการจากท่านคือ…ไม่ต้องทำอะไรเลย”หลี่เฉินกล่าวเสริมอีกครั้งจ้าวชิงหลานมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะเข้าใจความหมายของเขา“ท่านต้องการให้ข้าไม่ให้ความร่วมมือใดๆ กับท่านพ่อของข้า ใช่หรือไม่?” จ้าวชิงหลานกัดฟันถามหลี่เฉินเพียงยิ้มโดยไม่ตอบ เพราะเขารู้ดีว่า จ้าวชิงหลานเข้าใจความหมายของเขาแล้ว“สำหรับจ้าวไท่ไหล ข้าจะจัดการเอง ตราบใดที่เขาว่านอนสอนง่าย ก็จะไม่มีใครทำอะไรเขาได้”พูดจบ หลี่เฉินก็ยืดเส้นยืดสายแล้วเดินออกจากตำหนัก“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะขอตัวก่อน ช่วงนี้งานยุ่งมาก”จ้าวชิงหลานกัดริมฝีปาก ม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 726

    คำพูดของจ้าวไท่ไหลทำให้จ้าวชิงหลานถึงกับนิ่งอึ้งนางมองดูจ้าวไท่ไหลที่กำลังหมดหนทาง เบื้องหน้านางคือน้องชายที่ไร้ความหวัง จ้าวชิงหลานกัดฟันแน่นก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าจะโทษใครได้? หากไม่ใช่เพราะเจ้าไม่เอาถ่าน ใช้ชีวิตก่อปัญหาไปวันๆ”“ถ้าเจ้าทำให้เขาเห็นความหวังบ้าง เขาจะทำเช่นนี้หรือ?”“มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย!”จ้าวไท่ไหลที่เต็มไปด้วยความกลัวและความกดดันมาทั้งวัน ทนฟังคำตำหนิของจ้าวชิงหลานไม่ไหว ความโกรธของเขาพุ่งพล่านเขาเอ่ยด้วยความโกรธ “ต่อให้ข้าไร้ค่าเพียงใด ข้าก็ยังเป็นลูกชายแท้ๆ ของเขา! ข้าเป็นสายเลือดตระกูลจ้าว เป็นคนสืบทอดวงศ์ตระกูลของเขา แล้วนี่เขาตอบแทนข้าด้วยการทำเช่นนี้หรือ?”“ที่ผ่านมา ต่อให้เขาตีข้าหรือด่าข้า ข้าก็ยังเคารพและชื่นชมเขาอยู่ในใจ แต่ตอนนี้เล่า? เขาคิดจะส่งข้าไปให้เหวินอ๋องระบายความโกรธ นี่เขาเสียสติไปแล้ว ท่านพี่มองไม่ออกหรือ?”“ตั้งแต่ตำหนักบูรพาเรืองอำนาจ องค์รัชทายาทแย่งอำนาจไปจากมือเขาแทบทั้งหมด เขาก็กลัวมาตลอด กลัวว่าตัวเองจะหมดสิ้นทุกสิ่ง เขาเคยเสวยสุขกับอำนาจมาทั้งชีวิต แต่ตอนนี้กลับคลุ้มคลั่งเพื่อปกป้องมัน!”“เขาส่งพี่ไปให้ฮ่องเต้ก่อน แต่แล้วฮ่อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 725

    แม้หลี่เฉินจะไม่ได้รับสั่งใดๆ หรืออธิบายเพิ่มเติม แต่เฉินทงก็รู้ดีว่างานที่องค์รัชทายาททรงมอบหมายให้เขาดูแลด้วยตนเองนั้น จะต้องเป็นเรื่องลับแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับฮองเฮาและจ้าวไท่ไหลเพื่อความปลอดภัย เฉินทงจึงไม่ได้พาจ้าวไท่ไหลเข้าประตูใหญ่ แต่ใช้เส้นทางลับที่พวกขันที นางกำนัล และผู้ดูแลวังใช้เข้าออก โดยอ้อมเข้าประตูด้านข้างของพระราชวังหลวงระหว่างทาง เฉินทงไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เพียงนำทางจ้าวไท่ไหลที่เต็มไปด้วยความกังวลเดินไปอย่างเงียบๆส่วนจ้าวไท่ไหลนั้น ใจยังคงสับสนวุ่นวาย ไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องที่บิดาของเขาต้องการฆ่าเขาได้เต็มที่ เขาจึงไม่ได้กล่าวอะไรเช่นกันทั้งสองเดินกันอย่างเงียบงันเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม จนกระทั่งมาถึงหน้าตำหนักเฟิ่งสี่ทหารรักษาการณ์ นางกำนัล และขันทีในตำหนักเฟิ่งสี่ล้วนถูกเปลี่ยนให้เป็นคนของตำหนักบูรพา เฉินทงจึงสามารถพาจ้าวไท่ไหลเข้าไปได้โดยไม่มีอุปสรรคเมื่อเข้ามาในตำหนักเฟิ่งสี่แล้ว จ้าวชิงหลานที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเห็นจ้าวไท่ไหลในชุดปลอมตัวก็ถึงกับประหลาดใจ“ท่านพี่!”เมื่อเห็นจ้าวชิงหลาน จ้าวไท่ไหลก็อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 724

    เมื่อซูผิงเป่ยได้ยินคำพูดนี้ เขาอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนว่า “กระหม่อม…น้อมรับพระบัญชา”“นี่ไม่ใช่คำสั่งทหาร”หลี่เฉินเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “การตกหลุมรักเป็นเรื่องของเจ้าเอง งานสมรสนี้ข้าจัดหาให้ แต่ความรู้สึกเป็นของเจ้า หากเจ้ารู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้ ข้าก็จะไม่บังคับให้เจ้าต้องสมรส”แม้ว่าหลี่เฉินจะได้ประโยชน์จากการสมรส แต่เขายังคงมีจิตวิญญาณอย่างคนสมัยใหม่ จึงให้ความสำคัญกับความรู้สึกส่วนตัวในเรื่องการสมรสเขาคิดในใจว่าหากซูจิ่นพ่าเป็นคนที่หน้าตาน่าเกลียดมาก ต่อให้ผลประโยชน์ทางการเมืองจะมากเพียงใด เขาก็อาจจะยอมสมรสเพื่อผูกมิตรกับซูเจิ้นถิง แต่ซูจิ่นพ่าคงได้เป็นเพียงเครื่องหมายประดับในตำหนักหลังเท่านั้น คงไม่มีทางได้ขึ้นเป็นชายาองค์รัชทายาทเพราะการสมรสคือเรื่องสำคัญตลอดชีวิต เมื่อสมรสแล้ว หากไม่มีเหตุผลอันใหญ่หลวง จะต้องอยู่ร่วมกับคนๆ นั้นไปตลอด หลี่เฉินจึงเปิดโอกาสไว้เล็กน้อยสำหรับซูผิงเป่ยและหลี่เพ่ยเพ่ยถ้าหากไม่ชอบจริงๆ การบังคับสมรสก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแต่ดูเหมือนว่าซูผิงเป่ยจะเข้าใจความหมายของหลี่เฉินผิดไป เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 723

    เมื่อได้ยินคำถามของหลี่เฉิน หลี่เพ่ยเพ่ยที่พอจะเตรียมใจไว้แล้วก็ยังตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าตอบเบาๆ ว่า “ยังไม่มีเพคะ”การสมรสขององค์ชายและองค์หญิงส่วนใหญ่ มักไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเอง โดยเฉพาะองค์หญิงที่ใช้ชีวิตในวังลึกมาตลอด มีโอกาสได้พบปะชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันน้อยมาก จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครในดวงใจยิ่งไปกว่านั้น ในยุคสมัยนี้ หญิงที่มีอิสระในความคิดเหมือนกับซูจิ่นพ่า เรียกได้ว่าเป็นส่วนน้อยมาก คำตอบของหลี่เพ่ยเพ่ยจึงเป็นสิ่งที่หลี่เฉินคาดไว้อยู่แล้วหลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าก็ถึงวัยแล้ว หากไม่รีบออกเรือน เกรงว่าจะกลายเป็นสาวแก่ นั่นไม่เหมาะสมทั้งในด้านความรู้สึกและเหตุผล เสด็จพี่รองจึงคิดจะหาเจ้าบ่าวให้เจ้า คนที่ข้าหมายตาไว้คือซูผิงเป่ย บุตรชายคนโตของแม่ทัพใหญ่ซู เขาเพิ่งกลับจากชัยชนะในสนามรบ เจ้าน่าจะเคยได้ยินเรื่องราววีรกรรมของเขามาบ้าง?”หลี่เพ่ยเพ่ยตอบเบาๆ ว่า “เพ่ยเพ่ยเคยได้ยินถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของแม่ทัพซูอยู่บ้างเพคะ”หลี่เฉินยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี แม่ทัพใหญ่ซูมีบุตรเพียงสองคน คือซูผิงเป่ยและซูจิ่นพ่า ซึ่งอีกไม่นานซูจิ่นพ่าก็จะเข้ามาเป็นชายาองค์รัชทาย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 722

    เมื่อเห็นสวีหยวนต๋าและคนอื่นๆ แสดงท่าทีตอบรับ หลี่เฉินลุกขึ้นกล่าวว่า “เอาเถอะ เรื่องนี้จัดการตามนี้แล้วกัน”จากนั้นเขาก็เอามือไพล่หลังเดินออกจากหลันเยว่เซวียน ก่อนจะเหลือบมองเหล่าหนุ่มน้อยที่ยังคุกเข่าอยู่หน้าประตู ในยามกลางวันเช่นนี้ การให้พวกเขาคุกเข่าอยู่นั้นก็เท่ากับเป็นการลงโทษให้ผู้คนเห็น คนเหล่านั้นต่างก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบสายตาใคร ทั้งยังมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง“คุกเข่าให้ครบสองชั่วยามแล้วค่อยลุก จากนั้นส่งตัวตรงไปยังค่ายทหาร”หลี่เฉินกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเขาเชื่อว่าสวีหยวนต๋าและพวกจะไม่กล้าทำท่าทีตีสองหน้าเพราะหน่วยบูรพาเฝ้าจับตาอยู่ใกล้ๆใครกล้าเล่นตุกติก ไม่ใช่แค่ลูกชายจะถูกส่งไป แม้แต่พ่อก็อาจจะต้องตามไปด้วยเมื่อหลี่เฉินจากไป สวีหยวนต๋าและบรรดาบิดาจึงเดินมายังหน้าลูกชายของตน ก่อนจะฟาดฝ่ามือใส่พวกเขาด้วยความโกรธสวีหยวนต๋าไม่ฟาดลูกชายตัวเอง เพราะใบหน้าของลูกชายเขาก็เหมือนหัวหมูอยู่แล้วเขาชี้ไปที่ลูกชายตนพร้อมกล่าวด้วยความเจ็บใจว่า “เจ้ามันไร้ความสามารถโดยแท้ วันนี้ถือว่าโชคดีนัก ไม่เช่นนั้น ตระกูลเราคงต้องถูกเจ้าทำให้พินาศหมดสิ้นแน่!”ลูกชายเขาถามด

DMCA.com Protection Status