Share

บทที่ 249

Author: ไห่ตงชิง
last update Last Updated: 2024-09-17 18:00:01
องครักษ์เสื้อแพรรีบเปิดทางให้ทันที มันเพียงพอสำหรับคนคนหนึ่งเดินเข้ามา

เว่ยตังเซียงเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล

รอจนเว่ยตังเซียงเดินเข้ามาใกล้หลี่เฉิน เฉินทงก็ก้าวเข้าไปขวางทางเว่ยตังเซียง และกล่าวอย่างมาดร้ายว่า “ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ พบฝ่าบาทต้องมอบอาวุธ! เจ้าถือมีดมาเข้าเฝ้าเช่นนี้ อยากตายหรือไร?”

เว่ยตังเซียงหัวเราะเยาะ “วันนี้ข้ามาที่นี่ เพื่อกวาดล้างคนเลวข้างกายองค์จักรพรรดิ ยังจะกลัวตายหรือไง!?”

เฉินทงโมโห คิดจะลงมือ แต่กลับได้ยินหลี่เฉินกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “ปล่อยให้เขาเข้ามา เขากล้านำกองทัพเข้ามากวาดล้างคนเลวข้างกายจักรพรรดิ แล้วจะมอบอาวุธให้ได้อย่างไร?”

เฉินทงจ้องมองเว่ยตังเซียงด้วยความเคียดแค้น ก่อนจะหลีกทางให้อย่างไม่เต็มใจ

เว่ยตังเซียงยิ้มเยาะ จากนั้นก็เดินอ้อมเฉินทงไปหาหลี่เฉิน

“คนที่ยิงธนูเมื่อครู่ ปรากฏตัวขึ้นในกองทหารด้านหลังเจ้า เจ้ารู้จักหรือไม่?” หลี่เฉินถาม

เว่ยตังเซียงมีสีหน้าลังเลและพูดว่า “ข้าไม่รู้จักเขา”

“ตอนนี้เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังถูกคนใช้เหมือนคนโง่?” หลี่เฉินถาม

เว่ยตังเซียงเผยสีหน้าโมโหขึ้นมา และกล่าวว่า “แต่เรื่องที่ประชาชนอดอยากเป็นความจริง!”

Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 250

    กระบี่ต้าเหลียงหลงเชวี่ยเปล่งประกายเรืองรอง!หลี่เฉินยืนอยู่ท่ามกลางลมหิมะด้วยอำนาจที่ท่วมท้นใต้หล้านี้ ราวกับว่าเหลือแค่เงาร่างของบุรุษผู้หนึ่งยืนตระหง่านอย่างเดียวดายไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้ซูจิ่นพ่ามองไปที่แผ่นหลังของ ก่อนจะเม้มริมฝีปากนางยังคงจำอันตรายเมื่อสักครู่นี้ได้เพียงชั่วพริบตา นางซึ่งยืนอยู่เคียงข้างหลี่เฉินมาโดยตลอด เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่ามีใครบางคนในกลุ่มทหารฝั่งตรงข้าม กำลังง้างลูกธนูเตรียมยิง จังหวะที่นางสังเกตเห็นชายคนนั้น ธนูในมือเขาก็ถูกปล่อยออกมา ในขณะนั้น ซูจิ่นพ่าไม่มีเวลาคิดนางผลักหลี่เฉินออกไปโดยสัญชาตญาณการผลักครั้งนี้เอง ที่ทำให้หลี่เฉินสามารถหลีกเลี่ยงส่วนสำคัญอย่างคอ และได้รับบาดเจ็บที่ไหล่แทนมิฉะนั้น สถานการณ์ในจักรวรรดิต้าฉินจะเปลี่ยนไปจริงๆ ในวันนี้องค์จักรพรรดิ์ไม่ได้สติเนื่องจากสุขภาพไม่ดี ไม่ต้องพูดถึงการฟื้นตัวเลย เขาอาจจะไปได้ทุกเมื่อ และถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับหลี่เฉินในตอนนี้ ซึ่งเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่ได้รับมอบหมายตามกฎหมาย ถึงตอนนั้นต้าฉินคงล่มสลาย.ซูจิ่นพ่าไม่รู้สึกว่าการผลักของนางได้ผลักดันจักรวรรดิต้าฉินให้กลับมาอ

    Last Updated : 2024-09-18
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 251

    สถานการณ์จบลงแล้วเว่ยตังเซียงหลับตา ไม่กล้ามองฉากนี้ ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า การจะก่อกบฏในยุคสมัยศักดินาโบราณนั้น มันยากพอๆ กับการปีนขึ้นสวรรค์ความเกรงกลัวต่ออำนาจขององค์จักรพรรดิ ได้สลักเข้าไปในกระดูกของทุกคนมานานแล้ว มันเป็นสิ่งเดียวที่ราชาทุกพระองค์ในราชวงศ์ที่ผ่านมาทำด้วยความพากเพียรอย่างใจตรงกัน ซึ่งก็คือการยกย่องอำนาจของราชา และทำให้ประชาชนทุกคนเชื่อว่าจักรพรรดิคือโอรสสวรรค์ และการต่อต้านจักรพรรดิ ก็เป็นบาปที่ไม่อาจอภัยได้ แล้วทหารล่ะ? ทหารมาจากไหน? ก็มาจากประชาชน ดังนั้นทหารทุกคนต่างก็เกรงกลัวในอำนาจขององค์จักรพรรดิ หากต้องการพาทหารกลุ่มนี้ก่อกบฏจริงๆ นอกเสียจากว่าทางราชสำนักกับจักรพรรดิจะเน่าเฟะจนถึงจุดที่ไม่อาจรักษาได้ และผู้คนก็ไม่สามารถอยู่รอดได้อีกต่อไป แต่ตราบใดที่ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตรอดต่อไป ก็ไม่มีใครเต็มใจจะก่อกบฏ ซึ่งต้าฉิน ยังไม่ก้าวไปถึงจุดนั้น เว่ยตังเซียงจึงไม่กล้าก่อกบฏ ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ เขาจึงชูธงกวาดล้างคนเลวข้างกายจักรพรรดิ แต่ถึงกระนั้น เมื่อองค์รัชทายาทหลี่เฉินเผชิญหน้ากับทหารหลายพันคน พวกเขาก็เลือกตัดส

    Last Updated : 2024-09-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 252

    ที่หลี่เฉินไม่ฆ่าเว่ยตังเซียง มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชื่นชอบในความสามารถอะไรนั่นหรอกนี่ไม่ใช่นิยาย เจ้าเว่ยตังเซียงนั่นเกือบจะพรากชีวิตน้อยๆ ของเขาไปแล้ว หลี่เฉินอยากจะสั่งสับร่างมันออกเป็นชิ้นๆ แล้วโยนให้สุนัขกินไม่ไหว แต่การกระทำนั้นคงจะทำให้คนอื่นๆ หวาดกลัวเกินไปแต่ตอนนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ฆ่าเว่ยตังเซียงไม่ได้ ไม่มีเหตุผลอื่นใด นอกจากต้องการแสดงให้ทหารในค่ายหนานต้าชม ต้องรู้ว่า ทหารในค่ายหนานต้าที่อยู่ตรงหน้าอาจจะมีแค่พันคน แต่ข้างนอก ยังมีอีกเจ็ดพันคน! ซึ่งมีจำนวนเท่ากับค่ายเป่ยต้า ที่เจ็ดพันคนนั้นไม่เข้ามา อาจเป็นเพราะว่าพวกเขามีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน หรือเป็นเพราะถ้ามีคนมากเกินไป แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตราบใดที่ประตูเมืองหลวงปิด ไม่ว่าใครก็อย่าฝันจะได้เข้ามา สรุปคือ สิ่งสำคัญอันดับแรกของหลี่เฉินในตอนนี้คือการปลอบใจทหารค่ายหนานต้าทั้งแปดพันคนที่กำลังวิตกกังวล มิฉะนั้น ถ้าหากกองทหารชั้นยอดที่หน้าประตูเมืองหลวงกลุ่มนี้ก่อกบฏขึ้นมา สำหรับต้าฉินแล้วนี่คือการโจมตีที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง เมื่อหันหลังเดินเข้าไปในจวนแม่ทัพใหญ่ หลี่เฉินก็จับมือขอ

    Last Updated : 2024-09-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 253

    เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการก่อกบฏ ทั้งนำกองทหารเข้าโจมตีเมืองหลวง และยังตะโกนใส่องค์รัชทายาทว่ากวาดล้างคนเลวข้างกายจักรพรรดิอีกด้วย อาชญากรรมร้ายแรงเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นในราชวงศ์ใดจะต้องโดนโทษประหารเก้าชั่วโคตร แต่เหตุใด องค์รัชทายาทซึ่งมีข่าวลือว่าชอบลงโทษด้วยการประหารชีวิต แต่วันนี้กลับปล่อยตัวเว่ยตังเซียงไปอย่างง่ายดาย? ทุกคนที่อยู่ในห้องข้างต่างตกตะลึง ยกเว้นต้วนจิ่นเจียงจอมเจ้าเล่ห์ที่เข้าใจ เขามองหลี่เฉินด้วยดวงตาที่สั่นไหวและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ในเมื่อรับโทษไปแล้ว แล้วทำไมถึงยังไม่ไปอีก?” หลี่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “ซูผิงเป่ย” “กระหม่อมอยู่!” ซูผิงเป่ยเดินเข้ามาทางประตูและพูดด้วยความเคารพ “พาตัวแม่ทัพเว่ยตังเซียงออกไป ให้เขากลับไปดูแลตัวเองเถอะ” “เอ๋!?” ซูผิงเป่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และมองไปที่หลี่เฉินด้วยสายตาเหลือเชื่อ “ฟังไม่เข้าใจหรืออย่างไร? หรือจะให้ข้าพูดซ้ำอีกรอบ?” หลี่เฉินขมวดคิ้วถาม “มิ มิกล้า กระหม่อมรับพระราชดำรัสสั่ง” ซูผิงเป่ยรีบระงับความคิดของตัวเอง และพาเว่ยตังเซียงที่ตกตะลึงออกไป หลังจากเว่ยตังเซียงออกไปแล้ว หลี่เฉินก็พูดกับต้วนจ

    Last Updated : 2024-09-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 254

    ประโยคนี้ แค่ได้ยินก็น่ากลัวแล้วยิ่งไปกว่านั้นต้วนจิ่นเจียงยังนำไปใช้ได้จริงอีกด้วยเมื่อพิจารณาจากแผนการของเขา ถ้ามันสำเร็จจะเห็นได้ชัดว่า สิ่งที่ต้วนจิ่นเจียงต้องการไม่ใช่การสร้างความวุ่นวาย แต่เป็นการทำลายสถานการณ์ทั้งหมด และหยุดทุกคนไม่ให้เล่น ความโหดเหี้ยมของมันปรากฏอย่างชัดเจน หลี่เฉินวางรายชื่อด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก และพูดอย่างใจเย็นว่า “ในรายชื่อนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนในยุทธภพ?”ต้วนจิ่นเจียงยิ้มอย่างภูมิใจและพูดว่า “ใครบ้างมิรู้ว่าเหยี่ยวและสุนัขหน่วยบูรพาของพระองค์นั้นกางเขี้ยวเล็บไปทั่วใต้หล้า หากข้าไปหาพวกเจ้าหน้าที่ เกรงว่าแผนการคงถูกเปิดโปงไปนานแล้ว แต่ชาวยุทธภพพวกนี้กระทำการใดล้วนไม่เกรงกลัว และเป็นสิ่งที่ราชสำนักไม่สามารถควบคุมได้ ถึงแม้ว่าอยากจะควบคุมก็เถอะ” “อีกอย่างชาวยุทธภพเหล่านี้ แสวงหาชื่อเสียงและโชคลาภ พวกเขาไม่พอใจราชสำนักมานานแล้ว แค่จัดเตรียมแผนการนิดหน่อย มันจะยากตรงไหนกัน?” “ดี ชาวยุทธภพกำลังฝ่าฝืนคำสั่งห้าม ดีมาก” หลี่เฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาจ้องมองต้วนจิ่นเจียงแล้วถามว่า “เจ้ายังมีอะไรปิดบังอยู่หรือไม่?” ต้วนจิ่นเจียงหัวเราะเสียงดังแล้วก

    Last Updated : 2024-09-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 255

    องครักษ์เสื้อแพรเล่นกับเหรียญทองแดงในมือของเขา เหลือบมองหมอหูที่หน้าซีดและเจ้าของร้านซาลาเปาแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “วิธีการยังคงลึกลับ ถ้าครั้งนี้กวางกงไม่กำชับให้จับตาดูเจ้าเป็นพิเศษ เกรงว่าคงจะถูกเจ้าหลอกไปแล้ว มีอะไรอยากพูดไหม?” หมอหูหัวเราะอย่างสมเพช ความตื่นตระหนกบนใบหน้าก็พลันหายไป และถูกแทนที่ด้วยสีหน้าดุร้ายและโหดเหี้ยม “กำเนิดมาจากโคลนตมผลิบานในความโกลาหล ดอกบัวขาวจงเจริญ!”เขาตะโกนออกมา ไม่รอให้องครักษ์เสื้อแพรเปลี่ยนสีหน้าและตอบสนอง หมอหูก็กัดยาพิษที่ซ่อนอยู่ในปากของเขา จากนั้นโลหิตสีดำก็ค่อยๆ ไหลออกมาจากมุมปาก เขาตายแล้ว! เมื่อหันไปมองเจ้าของร้านซาลาเปาอีกที ก็พบกับชะตากรรมเดียวกัน หัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรมีสีหน้ามืดมน เป็ดที่เห็นได้ชัดว่าอยู่ในมือกลับบินหนีไปแล้ว คราวนี้คงจะถูกลงโทษเมื่อกลับจากภารกิจ แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปเสียทั้งหมด... “คนเหล่านี้เกี่ยวข้องกับสำนักบัวขาว...เรื่องนี้สำคัญมาก จะต้องรีบรายงานให้ท่านกวางกงทราบทันที” ……ในไม่ช้า ซานเป่าก็กลับมา โดยยังคงมีกลิ่นเลือดติดอยู่ ทันทีที่เขาเห็นหลี่เฉิน เขาก็รายงานเร

    Last Updated : 2024-09-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 256

    ซานเป่ารับรายชื่อด้วยความเคารพ และนำไปเก็บไว้ในอ้อมแขนของเขาเมื่อผลักประตูห้องข้างออก หลี่เฉินก็มองดูท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหิมะด้านนอก ไหล่ของเขายังคงปวดอยู่เล็กน้อย เขาพึมพำเบาๆ ว่า “ซานเป่า เจ้าเห็นท้องฟ้านี้ไหม มันดูแตกต่างอย่างไร?”ซานเป่าที่ได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็ตอบกลับด้วยความเคารพว่า “บ่าวรู้แต่เพียงว่า ท้องฟ้านี้ยังคงเป็นท้องฟ้าของต้าฉิน และเป็นท้องฟ้าของฝ่าบาท” “ประโยคนี้ช่างอกตัญญู” หลี่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “ข้าเป็นเพียงองค์รัชทายาท ไม่ใช่องค์จักรพรรดิ” ซานเป่ากระซิบเบาๆ ว่า “ฝ่าบาทคือผู้ที่ทุกคนคาดหวัง ดังนั้นจะไม่มีเรื่องประหลาดใจใดๆ” สีท้องฟ้ามืดสลัว ลมหิมะพัดโปรยปรายถนนด้านนอกจวนแม่ทัพใหญ่ คนรับใช้บางคนกำลังทำความสะอาดหิมะและเลือด สีแดงและสีขาวปะปนกันจนแยกไม่ออก บวกกับโคลนสีดำปนอยู่บ้าง ทำให้คนที่มองอดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้ ศพถูกนำออกไปและกำจัดทิ้งแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังคงมีร่องรอยของโศกนาฏกรรมก่อนหน้านี้หลงเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุหลี่เฉินถูกห่อร่างด้วยเสื้อคลุมขนาดใหญ่ และได้รับการคุ้มกันโดยเฉินทงและซานเป่า พร้อมด้วยองครักษ์เสื้อแพรชั้นยอดอ

    Last Updated : 2024-09-19
  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 257

    หนังหน้าของจ้าวเสวียนจีพลันกระตุกนี่เป็นสิ่งที่หลี่เฉินต้องการยึดหน่วยองครักษ์อวี่หลินไป เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ เขาก็ไม่สามารถหยุดหลี่เฉินจากความต้องการนี้ได้ นี่คือราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการทำเรื่องนี้ซึ่งราคานี้นั้น แม้ว่าจ้าวเสวียนจีจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องจ่ายแต่กลับไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการนั้น จ้าวเสวียนจีก็รู้สึกไม่สบายใจจนแทบอยากจะอาเจียนเป็นเลือด หน่วยองครักษ์อวี่หลินค่ายหนานต้า!! เขาใช้เวลาไม่รู้กี่ปีกว่าจะควบคุมค่ายองครักษ์อวี่หลินได้ แต่ต้องมอบมันให้กับหลี่เฉิน! “ที่ฝ่าบาทตรัสนั้นเป็นความจริง” “ต้วนจิ่นเจียงก่ออาชญากรรมร้ายแรง เขารับผิดชอบกรมยุทธนาการมาหลายปีแล้ว ข้ากังวลว่าจะยังมีผู้ติดตามของเขาในกรมยุทธนาการ” หลี่เฉินกล่าวอย่างมีเลศนัย “ต้องมีการปรับตำแหน่งหลายตำแหน่งในกรมยุทธนาการ” จ้าวเสวียนจีกล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ฝ่าบาท โลภมากระวังจะเคี้ยวไม่หมด” “ข้ามีฟันดี”หลี่เฉินหัวเราะเบาๆ และกล่าวเสียงเรียบว่า “สำนักราชเลขาเวลานี้ว่างหลายตำแหน่ง แต่กิจของรัฐมิอาจปล่อยทิ้งไว้ได้แม้แต่วันเดียว ดังนั้นข้าอยากจะแนะนำแม่ทัพซูเจิ

    Last Updated : 2024-09-19

Latest chapter

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 730

    หลี่เฉินครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เรื่องการขึ้นครองบัลลังก์ ข้าตัดสินใจเองไม่ได้ เสด็จพ่อยังทรงพระชนม์อยู่ ข้าย่อมไม่อาจปลงพระชนม์ได้”สำหรับหลี่เฉิน นี่ถือเป็นคำพูดที่แสดงออกถึงความจริงใจโจวผิงอันยังคงแสดงสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ได้แปลกใจกับคำปฏิเสธนั้น และตอบกลับทันทีว่า “ถ้าเช่นนั้น ก็ยังมีอีกวิธี”“บีบให้จ้าวเสวียนจีก่อกบฏ”น้ำเสียงของโจวผิงอันเยือกเย็น “ไม่ว่าจะเป็นการที่องค์ชายขึ้นครองบัลลังก์หรือวิธีอื่น เป้าหมายสำคัญที่สุดคือการทำให้จ้าวเสวียนจีไม่มีทางเลือก จนต้องก่อกบฏ เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะถูกประณามจากทั่วหล้า และไม่ว่าองค์ชายจะปลดหรือประหารเขา ก็จะเป็นไปตามครรลองแห่งธรรม”“ขุนนางก่อกบฏ องค์ชายทรงสังหาร นั่นคือความชอบธรรมที่ไม่มีใครปฏิเสธได้”“เช่นนี้ จะช่วยให้ราษฎรสงบปากสงบคำ และยังป้องกันไม่ให้อ๋องแห่งแคว้นทั้งหลายใช้ข้ออ้างว่าราชสำนักสั่นคลอนเพื่อยกทัพมาปราบด้วย”คำพูดนี้กระแทกใจหลี่เฉินโดยตรงทำไมเขาไม่กำจัดจ้าวเสวียนจีตั้งแต่ต้น?เพราะหากใช้วิธีที่ไม่ถูกต้องในการกำจัดจ้าวเสวียนจี ราชสำนักจะเข้าสู่ภาวะอัมพาตทันทีแผ่นดินจะวุ่นวาย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 729

    คำพูดสั้นๆ ของโจวผิงอัน เปรียบได้กับพายุที่ทำแผ่นดินสั่นคลอนแม้แต่หลี่เฉินเองก็ยังต้องขมวดคิ้วคำพูดนี้ หากผู้ใดกล่าวออกไป ย่อมถูกนับเป็นกบฏและต้องโทษประหารชีวิต ไม่เพียงตัวเอง แต่ถึงขั้นล้างโคตรทั้งตระกูลแต่ในพระที่นั่งสีเจิ้งที่เงียบสงัดและเต็มไปด้วยบรรยากาศอันชวนอึดอัด กลับรู้สึกว่าเหมาะสมอย่างน่าประหลาดโจวผิงอันดูเหมือนไม่ใส่ใจกับความผิดร้ายแรงในคำพูดของตนเอง เขากล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงสงบ “ในตอนนี้ องค์ชายมีทั้งทำเลที่เหมาะสมและผู้คนที่สนับสนุน สิ่งที่ขาดไปคือโอกาสฟ้าประทาน ซึ่งโอกาสนั้นก็คือการที่ฝ่าบาทเสด็จสวรรคต เมื่อถึงตอนนั้น เส้นทางขึ้นครองบัลลังก์ขององค์ชายจะไร้อุปสรรค และเมื่อขึ้นครองราชย์ได้ จักรพรรดิองค์ใหม่ก็จะสามารถใช้โอกาสแห่งการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินกวาดล้างจ้าวเสวียนจีได้อย่างเบ็ดเสร็จ”หลี่เฉินกล่าวเรียบๆ เพียงคำเดียว “กบฏ”โจวผิงอันโค้งตัวคำนับ “องค์ชายทรงพระปรีชา”“จ้าวเสวียนจีผู้นี้ เปรียบได้กับจอมคนในยุคปัจจุบัน ในประวัติศาสตร์สามก๊ก มีคำกล่าวเกี่ยวกับโจโฉว่า ‘เป็นขุนนางที่มีฝีมือในยุคแห่งความสงบ และจอมคนในยุคแห่งความปั่นป่วน’ จ้าวเสวียนจีก็คือโจโฉแห่งต้าฉิ

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 728

    คำพูดของหลี่เฉิน หากพูดให้ใครฟังก็คงทำให้คนฟังเปลี่ยนสีหน้าไปทันที แต่โจวผิงอันกลับไม่มีปฏิกิริยาเช่นนั้นเขาเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าเขากำลังคิดอย่างจริงจังหลี่เฉินไม่ได้เร่งรัด ปล่อยให้โจวผิงอันใช้เวลาครุ่นคิดโจวผิงอันเป็นคนที่มาพร้อมกับความลึกลับ หน่วยบูรพาที่เก่งกาจยังสืบได้เพียงข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับระหว่างเขาและพี่น้องอีกสองคนเท่านั้น และข้อมูลนี้ก็เหมือนจะเป็นสิ่งที่พวกเขาจงใจเปิดเผยเองด้วยส่วนเรื่องที่พวกเขามาจากไหน มีเป้าหมายอะไร และเป็นศิษย์ของใคร กลับไม่มีใครรู้ในแผ่นดินต้าฉิน คนที่ทำให้หน่วยบูรพาทำอะไรไม่ได้มีน้อยมาก และพี่น้องตระกูลโจวก็เป็นหนึ่งในนั้นแต่ความลึกลับนี้ไม่ได้ขัดขวางความร่วมมือระหว่างหลี่เฉินกับโจวผิงอันโจวผิงอันเป็นผู้มีสติปัญญาและกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งที่หลี่เฉินต้องการสำหรับเป้าหมายและแผนการเบื้องหลังของโจวผิงอัน หลี่เฉินไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะถ้าไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่อยู่ตรงหน้าได้ เรื่องในอนาคตก็ไม่มีความหมายหลังจากคิดอย่างถี่ถ้วน โจวผิงอันจึงเงยหน้าขึ้นพูดกับหลี่เฉินว่า “ทำได้ แต่ความเสี่ยงสูงมาก”หลี่เฉิน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 727

    “อย่าทำตัวเหมือนผู้ชนะที่ได้ใจในสงครามต่อหน้าข้า บอกมาเถอะว่าท่านต้องการให้ข้าทำอะไร”คำพูดที่แข็งกร้าวของจ้าวชิงหลาน ทำให้รอยยิ้มอันภาคภูมิของหลี่เฉินหุบลง“อย่าทำหน้าบึ้งตึงไปเลย สิ่งที่ข้าต้องการให้ท่านทำนั้นง่ายมาก”เมื่อได้ยินดังนั้น จ้าวชิงหลานหัวเราะเยาะ ไม่เชื่อคำพูดนั้นแม้แต่น้อยหลี่เฉินจึงพูดต่อทันที“สิ่งที่ข้าต้องการ คือท่านไม่ต้องทำอะไรเลย”คำพูดนั้นทำให้สีหน้าของจ้าวชิงหลานหยุดนิ่งนางมองหลี่เฉินด้วยความตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่แน่ใจ“ชัดเจนหรือยัง? สิ่งที่ข้าต้องการจากท่านคือ…ไม่ต้องทำอะไรเลย”หลี่เฉินกล่าวเสริมอีกครั้งจ้าวชิงหลานมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะเข้าใจความหมายของเขา“ท่านต้องการให้ข้าไม่ให้ความร่วมมือใดๆ กับท่านพ่อของข้า ใช่หรือไม่?” จ้าวชิงหลานกัดฟันถามหลี่เฉินเพียงยิ้มโดยไม่ตอบ เพราะเขารู้ดีว่า จ้าวชิงหลานเข้าใจความหมายของเขาแล้ว“สำหรับจ้าวไท่ไหล ข้าจะจัดการเอง ตราบใดที่เขาว่านอนสอนง่าย ก็จะไม่มีใครทำอะไรเขาได้”พูดจบ หลี่เฉินก็ยืดเส้นยืดสายแล้วเดินออกจากตำหนัก“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะขอตัวก่อน ช่วงนี้งานยุ่งมาก”จ้าวชิงหลานกัดริมฝีปาก ม

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 726

    คำพูดของจ้าวไท่ไหลทำให้จ้าวชิงหลานถึงกับนิ่งอึ้งนางมองดูจ้าวไท่ไหลที่กำลังหมดหนทาง เบื้องหน้านางคือน้องชายที่ไร้ความหวัง จ้าวชิงหลานกัดฟันแน่นก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าจะโทษใครได้? หากไม่ใช่เพราะเจ้าไม่เอาถ่าน ใช้ชีวิตก่อปัญหาไปวันๆ”“ถ้าเจ้าทำให้เขาเห็นความหวังบ้าง เขาจะทำเช่นนี้หรือ?”“มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย!”จ้าวไท่ไหลที่เต็มไปด้วยความกลัวและความกดดันมาทั้งวัน ทนฟังคำตำหนิของจ้าวชิงหลานไม่ไหว ความโกรธของเขาพุ่งพล่านเขาเอ่ยด้วยความโกรธ “ต่อให้ข้าไร้ค่าเพียงใด ข้าก็ยังเป็นลูกชายแท้ๆ ของเขา! ข้าเป็นสายเลือดตระกูลจ้าว เป็นคนสืบทอดวงศ์ตระกูลของเขา แล้วนี่เขาตอบแทนข้าด้วยการทำเช่นนี้หรือ?”“ที่ผ่านมา ต่อให้เขาตีข้าหรือด่าข้า ข้าก็ยังเคารพและชื่นชมเขาอยู่ในใจ แต่ตอนนี้เล่า? เขาคิดจะส่งข้าไปให้เหวินอ๋องระบายความโกรธ นี่เขาเสียสติไปแล้ว ท่านพี่มองไม่ออกหรือ?”“ตั้งแต่ตำหนักบูรพาเรืองอำนาจ องค์รัชทายาทแย่งอำนาจไปจากมือเขาแทบทั้งหมด เขาก็กลัวมาตลอด กลัวว่าตัวเองจะหมดสิ้นทุกสิ่ง เขาเคยเสวยสุขกับอำนาจมาทั้งชีวิต แต่ตอนนี้กลับคลุ้มคลั่งเพื่อปกป้องมัน!”“เขาส่งพี่ไปให้ฮ่องเต้ก่อน แต่แล้วฮ่อง

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 725

    แม้หลี่เฉินจะไม่ได้รับสั่งใดๆ หรืออธิบายเพิ่มเติม แต่เฉินทงก็รู้ดีว่างานที่องค์รัชทายาททรงมอบหมายให้เขาดูแลด้วยตนเองนั้น จะต้องเป็นเรื่องลับแน่นอนยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับฮองเฮาและจ้าวไท่ไหลเพื่อความปลอดภัย เฉินทงจึงไม่ได้พาจ้าวไท่ไหลเข้าประตูใหญ่ แต่ใช้เส้นทางลับที่พวกขันที นางกำนัล และผู้ดูแลวังใช้เข้าออก โดยอ้อมเข้าประตูด้านข้างของพระราชวังหลวงระหว่างทาง เฉินทงไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เพียงนำทางจ้าวไท่ไหลที่เต็มไปด้วยความกังวลเดินไปอย่างเงียบๆส่วนจ้าวไท่ไหลนั้น ใจยังคงสับสนวุ่นวาย ไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องที่บิดาของเขาต้องการฆ่าเขาได้เต็มที่ เขาจึงไม่ได้กล่าวอะไรเช่นกันทั้งสองเดินกันอย่างเงียบงันเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม จนกระทั่งมาถึงหน้าตำหนักเฟิ่งสี่ทหารรักษาการณ์ นางกำนัล และขันทีในตำหนักเฟิ่งสี่ล้วนถูกเปลี่ยนให้เป็นคนของตำหนักบูรพา เฉินทงจึงสามารถพาจ้าวไท่ไหลเข้าไปได้โดยไม่มีอุปสรรคเมื่อเข้ามาในตำหนักเฟิ่งสี่แล้ว จ้าวชิงหลานที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเห็นจ้าวไท่ไหลในชุดปลอมตัวก็ถึงกับประหลาดใจ“ท่านพี่!”เมื่อเห็นจ้าวชิงหลาน จ้าวไท่ไหลก็อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 724

    เมื่อซูผิงเป่ยได้ยินคำพูดนี้ เขาอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนว่า “กระหม่อม…น้อมรับพระบัญชา”“นี่ไม่ใช่คำสั่งทหาร”หลี่เฉินเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “การตกหลุมรักเป็นเรื่องของเจ้าเอง งานสมรสนี้ข้าจัดหาให้ แต่ความรู้สึกเป็นของเจ้า หากเจ้ารู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้ ข้าก็จะไม่บังคับให้เจ้าต้องสมรส”แม้ว่าหลี่เฉินจะได้ประโยชน์จากการสมรส แต่เขายังคงมีจิตวิญญาณอย่างคนสมัยใหม่ จึงให้ความสำคัญกับความรู้สึกส่วนตัวในเรื่องการสมรสเขาคิดในใจว่าหากซูจิ่นพ่าเป็นคนที่หน้าตาน่าเกลียดมาก ต่อให้ผลประโยชน์ทางการเมืองจะมากเพียงใด เขาก็อาจจะยอมสมรสเพื่อผูกมิตรกับซูเจิ้นถิง แต่ซูจิ่นพ่าคงได้เป็นเพียงเครื่องหมายประดับในตำหนักหลังเท่านั้น คงไม่มีทางได้ขึ้นเป็นชายาองค์รัชทายาทเพราะการสมรสคือเรื่องสำคัญตลอดชีวิต เมื่อสมรสแล้ว หากไม่มีเหตุผลอันใหญ่หลวง จะต้องอยู่ร่วมกับคนๆ นั้นไปตลอด หลี่เฉินจึงเปิดโอกาสไว้เล็กน้อยสำหรับซูผิงเป่ยและหลี่เพ่ยเพ่ยถ้าหากไม่ชอบจริงๆ การบังคับสมรสก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแต่ดูเหมือนว่าซูผิงเป่ยจะเข้าใจความหมายของหลี่เฉินผิดไป เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 723

    เมื่อได้ยินคำถามของหลี่เฉิน หลี่เพ่ยเพ่ยที่พอจะเตรียมใจไว้แล้วก็ยังตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าตอบเบาๆ ว่า “ยังไม่มีเพคะ”การสมรสขององค์ชายและองค์หญิงส่วนใหญ่ มักไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเอง โดยเฉพาะองค์หญิงที่ใช้ชีวิตในวังลึกมาตลอด มีโอกาสได้พบปะชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันน้อยมาก จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครในดวงใจยิ่งไปกว่านั้น ในยุคสมัยนี้ หญิงที่มีอิสระในความคิดเหมือนกับซูจิ่นพ่า เรียกได้ว่าเป็นส่วนน้อยมาก คำตอบของหลี่เพ่ยเพ่ยจึงเป็นสิ่งที่หลี่เฉินคาดไว้อยู่แล้วหลี่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “เจ้าก็ถึงวัยแล้ว หากไม่รีบออกเรือน เกรงว่าจะกลายเป็นสาวแก่ นั่นไม่เหมาะสมทั้งในด้านความรู้สึกและเหตุผล เสด็จพี่รองจึงคิดจะหาเจ้าบ่าวให้เจ้า คนที่ข้าหมายตาไว้คือซูผิงเป่ย บุตรชายคนโตของแม่ทัพใหญ่ซู เขาเพิ่งกลับจากชัยชนะในสนามรบ เจ้าน่าจะเคยได้ยินเรื่องราววีรกรรมของเขามาบ้าง?”หลี่เพ่ยเพ่ยตอบเบาๆ ว่า “เพ่ยเพ่ยเคยได้ยินถึงวีรกรรมอันกล้าหาญของแม่ทัพซูอยู่บ้างเพคะ”หลี่เฉินยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี แม่ทัพใหญ่ซูมีบุตรเพียงสองคน คือซูผิงเป่ยและซูจิ่นพ่า ซึ่งอีกไม่นานซูจิ่นพ่าก็จะเข้ามาเป็นชายาองค์รัชทาย

  • รัชทายาทจอมเจ้าเล่ห์   บทที่ 722

    เมื่อเห็นสวีหยวนต๋าและคนอื่นๆ แสดงท่าทีตอบรับ หลี่เฉินลุกขึ้นกล่าวว่า “เอาเถอะ เรื่องนี้จัดการตามนี้แล้วกัน”จากนั้นเขาก็เอามือไพล่หลังเดินออกจากหลันเยว่เซวียน ก่อนจะเหลือบมองเหล่าหนุ่มน้อยที่ยังคุกเข่าอยู่หน้าประตู ในยามกลางวันเช่นนี้ การให้พวกเขาคุกเข่าอยู่นั้นก็เท่ากับเป็นการลงโทษให้ผู้คนเห็น คนเหล่านั้นต่างก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบสายตาใคร ทั้งยังมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง“คุกเข่าให้ครบสองชั่วยามแล้วค่อยลุก จากนั้นส่งตัวตรงไปยังค่ายทหาร”หลี่เฉินกล่าวทิ้งท้าย ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเขาเชื่อว่าสวีหยวนต๋าและพวกจะไม่กล้าทำท่าทีตีสองหน้าเพราะหน่วยบูรพาเฝ้าจับตาอยู่ใกล้ๆใครกล้าเล่นตุกติก ไม่ใช่แค่ลูกชายจะถูกส่งไป แม้แต่พ่อก็อาจจะต้องตามไปด้วยเมื่อหลี่เฉินจากไป สวีหยวนต๋าและบรรดาบิดาจึงเดินมายังหน้าลูกชายของตน ก่อนจะฟาดฝ่ามือใส่พวกเขาด้วยความโกรธสวีหยวนต๋าไม่ฟาดลูกชายตัวเอง เพราะใบหน้าของลูกชายเขาก็เหมือนหัวหมูอยู่แล้วเขาชี้ไปที่ลูกชายตนพร้อมกล่าวด้วยความเจ็บใจว่า “เจ้ามันไร้ความสามารถโดยแท้ วันนี้ถือว่าโชคดีนัก ไม่เช่นนั้น ตระกูลเราคงต้องถูกเจ้าทำให้พินาศหมดสิ้นแน่!”ลูกชายเขาถามด

DMCA.com Protection Status