กลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆ ในสวนของอุทยานโชยมา...มองขึ้นฟ้าแจ่ม สีฟ้าครามเมฆสีขาวตัดขอบฟ้าใสเป็นริ้วๆ คล้ายหมอกล่องลอยบนฟากฟ้า วันนี้ฟ้าสวยจริงๆ แม้จะเย็นใกล้ห้าโมงแล้ว ฟ้าแบบนี้ซินะ ที่ครั้งนั้นฉันเคยมาประสบพบใครคนหนึ่งที่นี่ ที่ฉันเรียกว่า ‘รักบังเอิ้น...บังเอิญ’ กลอนก็มาพาฉันรำพึงถึง...เขาคนนั้นในวันนี้ที่สวรรค์มาแย่งเขาไปก่อนฉันจนได้
บังเอิญเจอเขา เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย
ใจต้องมลาย ไม่หายคิดถึง
‘หน้าคะมำเลยนายอ้วนขาวจั๊ว วิ่งอิท่าไหนนิ’ สาวตาหยี นัยน์ตาสีน้ำตาล วิ่งมาคู่เลยรู้สึกอยากเข้าไปทักและถามว่าเป็นอะไรไหม
“เจ็บตรงไหมบ้างไหมคุณ” เธอทำเสียงเบาและหยุดวิ่งดูนายหนุ่มตุ้ยหน้าขาวว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ก็ต้องหน้าหงายเลย หนุ่มหน้าขาวพูดแบบไม่เป็นมิตรเอาเสียนี่
“คู้ณ...ถามได้ มาเยาะกันรึว่าแซว” นายตุ้ยหน้าขาวพูดแบบไม่ใยดีและไม่อยากเป็นเพื่อนด้วย
“โอย...อย่างฉันเนี่ยนะ จะแซว...ให้ตายเถอะ เยาะล่ะได้นะ” เธอในตาหยีอยู่แล้ว หรี่ตามองหนุ่มขาวจั๊ว ด้วยความระมัดระวังว่าจะเจอคำพูดอะไรต่อไป
“ผมว่า คุณควรจะทำกิจกรรมของคุณเถอะ อย่ามายุ่งธุระของคนอื่น”
‘พูดแล้วก็ค่อยลุกขึ้น แบบน้ำหนักตัวยั้งให้คุกเข่าอยู่ เออหน่ะ น่าสงสารคนแบบนี้ ปากเสียแถมไม่มีสัมพันธภาพอันดีอีก แย่นะ’ สาวตาหยี ผมสั้นปราดเปรียวก็สะบัดหน้าเชิดใส่ คิดในใจว่า ‘อยากจะช่วยเหลือแค่พูดให้กำลังใจ ก็ยังไม่อยากจะรับ’
“โอเค จะคุกเข่าอยู่อย่างนั้น รึว่าให้ฉันช่วยยก” สาวดูแข็งแรงกล้ามเนื้อเป็นมัดอยู่ บ้างเสนอตัว
“คงไม่ต้องหรอก เพื่อนผมกำลังมานั่นไง” เขาทำท่ามองไปยังสาวผมน้ำตาลเข้ม
หน้าตาลูกครึ่งวิ่งมาหาเขาพอดี
“โอเคค่ะ” สาวตาหยีกำลังจะออกวิ่งต่อไป ก็ต้องให้ทักทายเพื่อนสาวของเขาเพื่อน
สาวเป็นมิตรมากกว่านายขี้เก๊กและปากร้ายคนนี้
“ขอบใจนะ เพื่อนเราเขาเพิ่งจะมาวิ่งเป็นวันแรก และน้ำหนักค่อนข้าง...ไปหน่อย”
สาวตาโตผมน้ำตาลพูดเว้นวรรคแบบเกรงใจ ไม่อยากพูดถึงจุดอ่อน เธอให้การ
ทักทายอย่างอบอุ่น ทำให้สาวตาหยีก็อยากทราบชื่อเสียงเรียงนามทั้งสองคน
“เรียกเราว่า โรซ่า หรือสั้นๆว่า โรช ส่วนเพื่อนเรา ‘ฟ้าประทาน’ หรือสั้นๆ ว่า ‘ฟ้า’ นะ”
“คัมซา หรือ คัม” สาวตาหยีผมสั้น สไตล์สาวเกาหลีแนะนำตัวแล้วก็ขอตัววิ่งต่อไป
ต่างคนต่างวิ่งกัน...เมื่อวนมาเจอกัน สาวลูกครึ่งก็พยักหน้ายิ้มให้สาวตาหยีตลอด
ส่วนเพื่อนชายก็ได้แต่ทำหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่เคยรู้จักหรือเจอกันเลย
วันนี้สองคนวิ่งได้แค่สองรอบก็ไม่อยากจะวิ่งต่อ เพราะเพื่อนชายมู้ดดี้อารมณ์บ่อจอยที่หกล้มต่อหน้าสาว แถมยังมีข้อเสนอให้ช่วยพยุงขึ้น ทำให้รู้สึกเสียหน้า แต่สำหรับคัมซาแล้ว เธอไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกหรือว่าหน้าแตกตรงไหน ใครๆ ก็เป็นได้ การรู้จักช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เล็กๆ น้อยๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่หนักหนาสาหัสตรงไหน เธอยังมีโอกาสช่วยเหลือคนสูงวัยที่มาวิ่งบ่อยครั้ง เธอเป็นคนชอบพกยาดมยาหม่อง อุปกรณ์พวกนี้เธอจะติดไว้เผื่อเสมอ
“คัม ใจลอย....วันนี้ทำงานเหม่อเชียว ซุปเรียก 2 ครั้งแล้วนะเธอ” เพื่อนร่วมงานมาสะกิดว่า หัวหน้าเรียกไปสอบถามเรื่องลูกค้ามาตะโกนต่อว่าอยู่นานสองนานหน้าชอป
“ค่ะ พี่เดียว พอดีเขามาสอบถามเครื่องฟอกอากาศ ทำไมมีปัญหา คัมก็แจ้งว่าให้โทรไปตามเบอร์ที่ให้ แล้วแจ้งเลยว่าเสียอะไรบ้าง เคลมได้เพราะบริษัทมีรับประกัน แต่เธอบอกเสียเวลามากเลย ทำไมซื้อมาต้องมีปัญหา”
“พี่เรียกหาอยู่ แต่เราเหมือนจะไม่ได้ยินพี่เลยนะ” ซุปชื่อเดียว เป็นหัวหน้าในชอป ที่คัมซาทำงานเป็นฝ่ายส่งเสริมการขาย ด้วยอัธยาศัยไมตรีที่ดีของคัมซา ทำให้เพื่อนๆ และพี่เดียวของทุกคนชื่นชอบ มีสิ่งเดียวที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอมักจะดื้อรั้นถ้าเรื่องนั้นไม่ถูกต้อง จะให้เธอต้องน้อมรับคงจะไม่ใช่สาวอย่างคัมซาแน่นอน
คัมซาทำงานที่แห่งนี้มานานเกือบหนึ่งปี มีนาคมปีหน้าจะครบขวบปี แต่เธอคิดอยู่ตลอดเวลาว่า เธอจบด้านการตลาดมาและต้องมาทำงานตรงจุดนี้คงจะไม่ก้าวหน้า ถ้าได้ไปเรียนโทต่อคงจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น ที่บ้านพ่อกับแม่ก็รอว่าเธอจะยังไง น้องสาวกำลังเรียนอยู่ปี 3 และก็จะจบตามมาเร็วๆ นี้ คัมซาก็วางแผนอยากเรียนต่อ แต่ที่เธอฝันคืออยากไปเรียนต่อที่อังกฤษ และเธอก็ได้หารายละเอียดบ้างแล้วว่าที่นี่เรียนแค่หนึ่งปีเศษก็จบ
พี่เดียวซุปที่ชอปก็ทราบดีว่าเธอคงจะทำงานอยู่ไม่นาน แต่ด้วยการทำงานที่รับผิดชอบและความมีน้ำใจ ทำให้เธอกลายเป็นดาวเด่น และเช่นกันคนอย่างซุปเดียวมีรึจะไม่ชอบเธอ และแอบมองสาวตาหยีผมสั้นสไตล์เกาหลีคนนี้อยู่บ่อยๆ
พ่อกับแม่ของคัมซา ค้าขายเสื้อผ้าสไตล์เกาหลี ถึงจะดูว่าไม่มีหน้ามีตานักในสังคมที่มองเรื่องฐานะและหน้าที่การงาน แต่ก็หมุนเงินในธุรกิจเลี้ยงดูลูกสาวสองคน คือ
‘คัมซา’ และน้องสาว ‘อันยอง’ ได้ทัดเทียม อันยองได้เรียนปริญญาตรีหลักสูตรอินเตอร์ที่เชียงราย ส่วนคัมซาก็มีโอกาสได้ไปโครงการแลกเปลี่ยน และไปทำงานโครงการเวิร์คแอนด์ทราเวลที่อเมริกาด้วย สองสาวจึงดูดีในสายตาของญาติๆ เพราะนอกจากจะภาษาดีแล้วยังประพฤติตนไม่เหลวไหล อ้อนน้อมถ่อมตน แม้ว่าอันยองจะดูหยิ่งๆ ในสายตาเพื่อนบ้าน แต่เธอก็มีน้ำใจให้กับทุกคน สำหรับคัมซาเป็นสาวมั่นอกมั่นใจ ไม่ค่อยเอ่ยปากขอเงินพ่อกับแม่บ่อยนัก ระหว่างเรียนเธอก็ทำงานร้านกาแฟและขายเสื้อผ้าที่มีอยู่ในสต๊อคที่บ้านให้กับเพื่อนๆ ในมหาวิทยาลัย
คัมซาเป็นคนเจ้าระเบียบคิดมาก ส่วนน้องอันยองของเธอเป็นสาวขี้อ้อนแต่ก็ไม่เบาเรื่องการต่อปากต่อคำของเธออยู่เหมือนกัน สุดท้ายแม้จะเป็นคนเจ้าระเบียบจู้จี้บ้าง แต่ก็ยอมน้องเสมอ
“อันยองมีงานปาร์ตี้เสาร์หน้า อยากให้คัมซาไปร่วมงานด้วยนะ” อันยองอยากโชว์พี่สาว
“มาชวนฉันนี่นะ แทนที่จะชวนเพื่อนหรือไม่ก็แฟน เป็นงานอะไรล่ะ” คัมซาถามแบบ
ไม่ใส่ใจ น้องสาวขาปาร์ตี้ คัมซาก็เห็นว่าทุกครั้งมักจะมีเพื่อนไปด้วยเสมอ งานนี้มาแปลก
“งานวันเกิดและงานครบรอบแต่งงานของพ่อกับแม่ของแอนนี่ ไปเถอะน่า อยากโชว์พี่สาว” อันยองพูดอย่างออกหน้าว่าอยากโชว์เธอกับเพื่อนๆ แต่ก็เหมือนอยากเซอร์ไพร์สด้วย
“แล้วต้องใส่ชุดไหนดีล่ะเนี่ย” คัมซากังวล ด้วยความที่เป็นคนเจ้าระเบียบและเรียบร้อย ก็อยากรู้ว่าจะต้องแต่งตัวยังไงให้เหมาะสม
“แหม คุณพี่ บ้านเรามีเสื้อผ้าสต๊อคอยู่เต็มบ้าน ก็เลือกเอาที่มันสวยๆ ใส่แล้วปิ้งๆ คะ” น้องสาวคัมซา หัวเราะคิกและมองหน้าพี่สาวว่าแค่นี้ทำไมต้องถาม
“เอาล่ะ ฉันจะไปดูว่ามีเดรสสีครีมไหม น่าจะโออยู่นะ” คัมซาพูดลอยๆ และเดินไปหาแม่เพื่อจะสอบถามว่าพอจะมีเสื้อผ้าแนวเรียบร้อยไปงานปาร์ตี้วันเกิดไหม
เอาล่ะ สาวน้อยคัมซาจะไปงานปาร์ตี้ของน้องสาว แล้วจะรู้จักใครไหมเนี่ย ให้รู้สึกหวั่นใจ แต่ก็มั่นใจว่า ความที่เป็นคนผูกมิตรเก่งคงหาเพื่อนคุยได้ไม่ยาก
“คัมซา...คัมเฮีย นี่แอนนี่เพื่อนเค้า...” เสียงขี้อ้อน ทำท่าแบบอ้อนหน่อยๆ แล้วก็โพล่ง“แอนนี่...โอ้ยยย...แก่นมากเล้ย...ค่า...” คัมซาอยากจะหยิกน้องสาวตัวดี แหมพูดเสียงสูงจนเธออยากหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็ต้องปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงดังเกินไป“แอนนี่ ได้ยินอันยองพูดถึงพี่สาวบ่อยอยู่นะคะ” คัมซาอยากถาม ‘น้องตัวดีเอาเรามาขายรึเปล่านะ’ แต่ก็ยิ้มรับคำและแซวกลับ “เอ...นินทาเราบ้างไหมเนี่ย” แต่ก็ได้รับคำชมจนคัมซายิ้มอยู่นั่นเอง“โอ้ยพี่...เค้าชื่นชมพี่สาวเค้าจะแย่อยู่แล้วนะคะ” แล้วแอนนี่ก็จูงคัมซาไปหาคุณพ่อกับคุณแม่เธอ“วันเกิดปีนี้ของแอนนี่ ปาร์ตี้พร้อมครบรอบพ่อกับแม่ ท่านอยู่ด้วยกันนานถึง 25 ปีเลยนะคะ” แอนนี่เล่าและชี้ไปที่ป้ายแบ็คดร้อปที่ตรงซุ้มหน้าบ้านเธอ ‘ครบรอบ 25 ปีแห่งความสุข – โสกับต้น’ พลางเล่าเล็กๆ ว่า พ่อกับแม่เธอพบรักกันที่แม่อาย สาวกรุงเทพมาดูงานโครงการปลูกผักเกษตรอินทรีย์ และมาพบหนุ่มเกษตรอำเภอซึ่งมาเปิดโครงการแทนนายอำเภอหัวหน้า ทำให้แม่ย้ายมาปักหลักดำเนินชีวิตเลี้ยงลูกสาวคนเดียวอยู่ที่นี่ ซึ่งปัจจุบันคุณพ่อเธอก็ก้าวขึ้นเป็นนายอำเภอของที่นี่แล้ว งานเลี้ยงวันนี้แอนนี่ อยากให้เป็นกันเอ
“มองออกไหมคะว่า... มันคืออะไร” คัมซากำลังสนใจมองภาพสีชมพู เป็นลายริ้วเหมือนลายหญ้า ไล่สีจากชมพูเข้มออกสีแดงเรื่อๆ ด้านบนจางไล่ลงมาจนถึงด้านล่างของภาพ ซึ่งใส่กรอบไม้อย่างดีพร้อมกระจกตัดแสง มีขนาดใหญ่เต็มผนังด้านหนึ่ง เธอพยายามมองภาพปริศนาที่ซ่อนอยู่ด้านใน ซึ่งต้องใช้ทักษะอะไรสักอย่าง ในสมัยที่เธอยังเด็กมากประมาณ 7 ขวบ ที่บ้าน...พ่อเธอเคยนำภาพนี้มาจากลูกค้าคนหนึ่ง ซึ่งเขาอยากขายให้ในราคาแสนถูก พ่อก็ไม่ทราบว่าภาพนี้คืออะไร แต่คัมซาเห็นว่าท้าทายอยู่พอสมควรที่สามารถมองโดยไม่ต้องใช้แว่นสามมิติ สำหรับภาพตรงหน้านี้ เธอมองเห็นผู้หญิงในภาพใส่กระโปรงยาวจับคู่เต้นรำกับชายหนุ่มใส่หมวกแบบชาวนา ซึ่งภาพนี้เหมือนเธอคุ้นตาเช่นกัน กำลังเพลินกับการมองและค้นหารายละเอียด ก็ต้องหันหลังเมื่อน้ำเสียงที่เหมือนคุ้นหูสะดุดใจ มาทักทาย‘เอ้า...เธอนั่นเอง...สาวน้อยลูกครึ่ง โรซ่า...ที่เจอกันเมื่อสัปดาห์ก่อน โลกช่างแสนกลมจริง’ คัมซากล่าวทักทายเธออย่างเป็นกันเอง จนพี่เดียวหัวหน้ามองอย่างแปลกใจ“อคัมย์พัชญ์ ส่งเสริมการขายนะคะ” คัมซาแจ้งอย่างเป็นทางการ ทั้งยื่นนามบัตรให้รสริน ที่วันนี้เธอดูเป็นงานเป็นการ เป็นมืออาชีพมา
สายตาแกมบังคับ...จ้องตาของคัมซาไม่กระพริบ ทำให้เธอรู้สึกปั่นป่วนใจ เขาคงจับไต๋เธอได้แน่ๆ เลย“คุณฟ้า วันนี้คัมอยากเป็นกำลังใจให้คุณค่ะ” คัมซาโพล่งออกไปโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน คำพูดนี้แทงใจดำมากๆ คนส่วนใหญ่ไม่ชอบให้ใครวิพากษ์วิจารณ์เสื้อผ้า หน้าผม หุ่น น้ำหนัก สีผิว นานาประการที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง“มันเกี่ยวกันรึ...ผมอยากรู้ภาพปริศนานั้น...” คัมซาอึดอัดใจจนหลบสายตาที่เขาพยายามคาดคั้นไม่เลิกรา‘นายคนนี้ก็แปลก ตอนเจอกันครั้งนั้น ดูเย็นชา และในงานปาร์ตี้นั้นด้วย หน้าเรียบเฉย...ไร้ความรู้สึกเหมือนกระดาษซีดขาวบนสีหน้าของเขา’“ค่ะ แล้วคุณคิดว่ามันเกี่ยวกับที่คัมพูดตะกี้นี้ไหมล่ะ” คัมซาก็พูดกวนๆ จะลองดูสีหน้าเย็นชาของเขาว่า จะเปลี่ยนไปไหม‘ได้ผลแฮะ...นายหน้าเฉยขมวดคิ้ว คิดหาคำพูดแล้วก็สวนกลับ’“ผมว่าคุณนี่...เป็นคนพูดจา..วกวน จนผม งง...”“คุณอยากจะรู้ไปทำไม รึว่าอยากสืบหาความจริง” คัมซาก็อยากแหย่ให้เขาพูด‘ความเป็นกันเอง จะเกิดจากตรงพูดวกวนของเรานี่แหละ...น้า ...อย่างน้อยก็จะทำให้พี่เดียวหัวหน้าเธอ บรรลุเป้าสำหรับปีนี้’ คัมซาคิดเลยไปถึงยอดขายที่ต้องช่วยหัวหน้าสำหรับปีนี้ คัมซามั่นอกมั่นใจมา
เพลงแนวฟอล์คในฟิตเนสของคุณสมิต...คัมซ่าชอบมาก...เพลงฝรั่งยุค 70-80 กล่อมเบาๆ I love you….too much to ever start liking you So don’t expect me to be your friend….เธอจำได้ว่า...น่าจะเป็นเพลงยุคพ่อ ซึ่งเป็นคอเพลงรุ่นนี้ ชอบเปิดฟังประจำ วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน ไม่อยากอยู่กลางแดด หลังจากเธอบึ่งมอเตอร์ไซค์ไปพบลูกค้าสาวที่ออฟฟิศในเมือง ตกลงปิดการขายสำหรับลูกค้ารายนี้ ทำให้คัมซามีความสุขที่ปิดยอดเดือนนี้ได้พอดี เลยมาเข้าฟิตเนส ยิมวันนี้คนเยอะอยู่ เธอคิดว่า...คงอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้ลูกค้าอยากออกกำลังกายในห้องแอร์มากกว่าออกไปวิ่งตามสวนสาธารณะวันนี้เธออยู่บนลู่วิ่ง เสื้อผ้าสำหรับวันที่ร้อนจัด...ดูจะเปิดเผยผิวสีเหลืองนวลเกือบสีน้ำผึ้งจางๆ ให้ดูสวย จนฝรั่งสาวทอมข้างๆ มองและแอบยิ้มหันมาที่เธอ... คัมซาตั้งความเร็วไม่มากนักประมาณ 3.0-3.5 และตั้งเวลาไว้ 45 นาที ความชันพอประมาณที่ 3 วันนี้จะอยู่ที่นี่นานหน่อย ไม่ได้เข้ายิมมา 2 วันล่ะ เธอโทรบอกอันยองน้องสาวคนดีที่เจ้ากี้เจ้าการว่า ไม่กินข้าวบ้าน ให้เธอกินข้าวที่บ้านกับพ่อแม่ไปคนเดียว อันยองก
คัมซาได้ยินเสียงลอดจากประตูห้องทำงานของประธานกรรมการบริหาร หรือ CEO ที่ทุกคนในบริษัทของฟ้าประทานเรียก ทำให้เธอต้องชะงักอยู่หน้าประตู ก่อนตัดสินใจไม่เคาะประตูเพื่อขออนุญาตเข้าพบ CEO ซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นหัวหน้าอีกคนหนึ่งของเธอ ‘ขออนุญาตแอบฟัง...หน่อยเถอะ เอ...เสียงที่ลอดออกมาต้องเป็นเสียงผู้หญิงคนหนึ่งที่เราเองก็ไม่รู้จัก ดูเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ น้ำเสียง...สั่งผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นฟ้า บอสใหญ่ของที่นี่...” “จ้างใครมาใหม่รึ...เห็นทางฝ่ายบุคคลบอกว่า มาช่วยขายเครื่องฟอกอากาศ...ทำไมไม่ให้เธอไปประจำที่ไซด์งาน ...ได้ยินโรซบอกว่า อาทิตย์ที่ผ่าน...มาเสนอขายเครื่องให้เรา...” “ครับ...ผมอยากให้เธอช่วยให้คำแนะนำเครื่องฟอกอากาศให้ลูกค้า ช่วยเราโปรโมทโครงการ จะปิดการขายได้ง่ายขึ้น...” บอสใหญ่ชี้แจงกลับไป “เห็นว่า...เมื่อวันก่อนก็ไปเจอเธอ หรือว่านัดกันไปเจอ..” เสียงผู้หญิงคาดคั้นเอาเรื่อง จนคัมซารู้สึกใจไม่ดี เหมือนเรื่องที่เธอเจอเขาที่ยิมและไปกินข้าวเย็นคืนนั้น ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป ‘เราจะทำงานที่นี่ไปได้นานไหมนี่...คำพูดของพี่เดียวเมื่อวานยังวนเวียนอยู่...’ “นายฟ้าประทาน...มีลับลมคมในรึเป
“คัม...ช่วยดูเอกสารนี่ให้โรซด้วย...” โรซ่าออกคำสั่งให้คัมซาดูเอกสารโฆษณาชิ้นที่ คู่แข่งมีของแถมเป็น premium เปรียบเทียบว่าการส่งเสริมการขายที่กำลังจัดโปรโมชั่นของคู่แข่งนั้นเทียบกับคอนโด Sky Bless ของฟ้าประทานได้หรือไม่ คัมซาเริ่มวิตกเรื่องการมาทำหน้าที่เสมือนเป็นเลขาของโรซ่า และประสานงานกับคุณสมมาดที่ไซด์จะทำให้เธอนั้นรู้สึกว่า การทำงานออกจะดูไม่มีระบบเท่าไหร่ เพราะงานด้านส่งเสริมการขายเป็นงานที่เหมาะสมและถนัดมากกว่างานเลขา ซึ่งเป็นงานจุกจิก ไม่ค่อยเป็นชิ้นไปอันสักเท่าไหร่ ลักษณะงานเลขาต้องเป็นคนเอาใจและรู้ใจนาย คอยสอดส่องดูแลความเรียบร้อยของทุกคน บางครั้งคัมซาเรียกว่า งานสอดแนม เพราะคำนี้ในภาษาอังกฤษ ก็มาจากคำในภาษาลาตินว่า secretum แปลว่าความลับ เธอก็ไม่ใช่คนที่ชอบเก็บความลับต่างๆ ของใครๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอฉงนอยู่ในใจ ทำไมต้องเป็นเธอที่มาทำงานที่นี่ พี่เดียวซุปที่ชอปน่าจะเหมาะสมและรู้เรื่องเครื่องฟอกอากาศดีกว่า เธอเพิ่งเริ่มงานยังไม่ถึงปีแค่ 9 เดือนเท่านั้น ‘เราต้องล้วงความลับเรื่องนี้ให้ได้...ต้องมีอะไรสักอย่างซ่อนเร้น’ คัมซาได้แต่คิดและนึกเดาไม่ออกเหมือนกันว่า เขามีอะไรอยู
คัมซาเข้างานที่คอนโดสองวัน แต่ก็ไม่ได้กำหนดตายตัวว่าจะเข้าวันไหน อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ถูกเรียกเข้าพบ...ใครคนหนึ่ง ซึ่งทุกคนในเครือบริษัทฟ้าประทานพร จำกัด เรียกว่า... ‘คุณนายแม่’ วันนี้เธอต้องมาเผชิญหน้ากับนายตัวจริงของบริษัทแห่งนี้เข้าให้แล้ว ‘ไม่ชอบแบบนี้เลย ทำไมโลกมันถึงวิปริตให้ต้องมาเจอการบริหารแบบธุรกิจครอบครัว...เฮ้อ’ คัมซาถอนหายใจดัง จนพนักงานที่มาเชิญเธอไปพบคุณแม่ฟ้าดาหวัน แอบยิ้มเข้าให้ คงคิดว่า คัมซาต้องเจอดีอะไรแน่ๆ “คุณนายแม่...เชิญให้ไปพบที่ห้องบอสค่ะ” คัมซาหวั่นใจว่า แม่ของฟ้าประทานต้องมีอะไรพูดกับเธอส่วนตัว ไม่ก็พูดคุยกันสามคนเลย แต่เธอเห็นโรซ่ายังอยู่ในห้องทำงาน ไม่ได้ยินเสียงเดินออกมา คงแค่พบกับเธอเท่านั้น...เท่าที่คาดเดาเธอกำลังจะก้าวออกจากโต๊ะ เพื่อเดินขึ้นไปชั้นสอง ก็ได้ยินเสียงประตูห้องของโรซ่าแง้มออกมา และพบสายตาของเจ้าของห้องมองมาพอดี “คัม... เข้ามาช่วยดูโฆษณาชิ้นนี้หน่อยนะ” โรซ่าพูดแบบเรียบๆ เหมือนไม่ทราบว่า คุณนายแม่ได้เข้ามาที่ออฟฟิศวันนี้ “ขอเวลาสักครู่นะคะ จะไปที่ห้องบอสค่ะ” คัมซาตอบไปตรงๆ แต่ก็เลี่ยงไม่พูดว่าใครเชิญไปพบ “รอ...นะ พอดีมีเรื่องหนึ่งด้วย
คัมซาเข้างานที่ชอปด้วยใจที่ยุ่งเหยิงกว่าวันไหน เข้าใจถึงแก่นของคำคำนี้ งานหัวยุ่งหัวฟู มันเป็นยังไง ที่แท้อย่างนี้นี่เอง ไหน..งานที่ชอปก็ต้องวางแผนส่งเสริมการขาย รวมทั้งนัดพบลูกค้าเอง แล้วยังต้องมาทำหน้าที่ช่วย PR ที่คอนโดของนายฟ้าประทานนี้อีก ยังไม่พอ...เธอถูกบังคับให้เป็นเหมือนที่ปรึกษาส่วนตัว...เรื่องควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย มีโอแถมตามมา...คัมซาถอนหายใจเบาๆ ‘โห...ต้องมาออกกำลังกายและไปนั่งกินข้าวกับเขาทุกครั้งหลังเลิกงานจากออฟฟิศ...บอสใหญ่แห่งบริษัทฟ้าประทานพร...อะไรกันนักหนา’ “วันนี้ไปพบลูกค้าด้วยกันกับพี่นะ...มีเรื่องคุย” พี่เดียวทำหน้ายิ้มๆ มองมายังคัมซา... เหมือนมีเลศนัยอะไรบางอย่าง “ค่ะ” คัมซาอยากทำงานนอกชอป ไปพบลูกค้ามากกว่า จิตใจจะได้ไม่วนเวียนกับเรื่องบ้าๆ ที่อยู่ในใจมาหลายวัน“เที่ยง...พี่เลี้ยงข้าว” พี่เดียวพูดก่อนเข้าไปพบลูกค้าด้วยกัน วันนี้พี่เดียวดูน่ารักไม่น้อยสำหรับคัมซา อย่างน้อยเธอได้กินข้าวมื้อนี้จากหัวหน้า ทุกคนในชอปต่างซุบซิบว่าพี่เดียวเลี้ยงข้าวคนยากมาก ถ้าไม่อารมณ์ดีหรือไม่ก็คอมมิชชั่นออก พี่ชายแสนดีที่คัมซาชอบบอกทุกคนว่า ‘เขาเป็นพี่ชายที่น่ารัก’ ...ใช่จะเล
งานวิวาห์ของฟ้าประทานและคัมซาจัดขึ้นท่ามกลางสวนสวยหน้าหอคำหลวงของอุทยานหลวงราชพฤกษ์ บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสไตล์การตกแต่งแบบล้านนา ซุ้มที่เป็นเต้นท์สีขาวตกแต่งด้วยโคมและตุงประดับพลิ้วไหวไปตามลม...มองเห็นแต่ไกลจากอีกฟาก เหมือนพิธีของเหล่าทวยเทพ ณ แดนสวรรค์ฟ้าประทานต้องการจำกัดจำนวนแขกของทั้งสองฝ่าย เขาเคยทำผิดพลาดมาแล้วและไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำสอง คัมซาและฟ้าประทานอยู่ในชุดแบบล้านนาประยุกต์สีเหลืองทองช่วงเช้าที่เป็นพิธีหมั้น ส่วนช่วงค่ำเป็นชุดสากลผ้าไหมสีขาวทั้งเขาและเธอก่อนงานเลี้ยงช่วงค่ำ มีการฉายวีดิทัศน์นำเสนอความเป็นมาของเขาและเธอ คัมซาปลื้มใจว่า เขาช่างเป็นคนละเมียดละไมอย่างไม่น่าเชื่อ ตัดต่อภาพของอุทยานแห่งนี้ที่เขาและเธอพบกันตั้งแต่วันนั้น ...วันที่เขายังมีหุ่นอวบอ้วนจนบัดนี้กลายร่างเป็นหนุ่มหุ่นเพรียวลมสมกับหัวใจที่เด็ดเดี่ยวของเขา คัมซาแปลกใจที่เขาเก็บภาพเธอวันนั้นตรงสิงโตหินคู่หน้าศาลาว่าการ “Council House” ถึงบางอ้อ...ก็วันนี้นี่เอง เขานำมาโชว์หลายต่อหลายภาพ ที่คัมซาถูกแอบถ่ายที่นั่น และยังมีแอบอัดตอนเธออธิบายเรื่องตำนานรักของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 ตั
ตอนอยู่ในรถกับหนุ่มคนนี้ คัมซารู้สึกประหลาดๆ ว่า เธอคุยกับฟ้าประทาน เธอแอบหยิกมือตลอดว่า ฝันไปหรือเปล่า ยังอยู่ในโลกใบนี้...อยู่นะ ไม่ใช่อยู่ในมิติไหน“คุณรู้ไหม...ผมอึดอัดขนาดไหนที่เห็นคุณที่นั่น” คัมซามองหน้าเขา...ตกใจที่เขาพูดภาษาไทยได้“เอ้า...คุณพูดภาษาไทย...ด้าย” คัมซาลืมตัวโพล่งออกไป จะดีใจหรือตกใจกันแน่ เธอยังไม่เข้าใจตนเอง“ใช่...ผมนี่แหละคนไทย” เธอนึก ‘เฮ้ย...มันยังไงกัน ใส่หน้ากากมาไหมเนี่ย ให้ฉันสงสัยอยู่ได้’“แล้วยังไงกันล่ะคะ...ไอ crazy head จะบ้าตายแล้วนะคะ สับสน confused เรื่องคุณ” คัมซาก็ยังพูดภาษาอังกฤษไปด้วย เธอคิด ‘ชีวิตนี้ตลกสิ้นดีมาเจอเรื่องประหลาดได้ขนาดนี้’“ผมคิดถึงคุณตลอด...นะ Kumsa” เขาใช้ภาษาอังกฤษปนไทย น่ารักไปอีกแบบ จากไม่เจอกันสองปีกว่า ดูเขาเปลี่ยนไปเหมือนกัน“ผมรอดตายจากระเบิดที่ฟิลิปปินส์ครั้งนั้น นักธุรกิจที่ผมไปพบ เขาช่วยผมไว้” แววตาเขาเศร้ามาก คงอยากระบายอะไรต่างๆ นานา“ผมไม่รู้สึกตัวเป็นเดือน แล้วหน้าผมพังไม่มีชิ้นดี... ไมเคิลช่วยติดต่อคุณคิม พ่อของยูจิน เรื่องผ่าตัดใบหน้าผมใหม่” คัมซาฟังเรื่องของเขาเหมือนนิยายแอ็คชั่นที่เคยดู ....พระเอกผ่าตัดเปลี
เย็นวันรุ่งขึ้นเธอรอให้แดดร่มกว่านี้ ก่อนเริ่มวิ่ง...เลยขอวอร์มอัพสมองเล่นสักหน่อย...เธอหอบเอาเล่มวิทยานิพนธ์ร่างเดิมก่อนแก้ไขมาอ่านดูอีกครั้ง ที่เธอจ้างให้คนคนหนึ่งช่วยแก้ไขภาษาอังกฤษให้ โดยโปรเฟสเซอร์ของเธอเป็นคนจัดการ เธอคิดว่า... ‘จ้างก็ไม่น่าใช่เพราะไม่ได้จ่ายค่าตอบแทน’ “ผมขอดู...ได้ไหมครับ” คัมซาได้ยินเสียงพูดขึ้นข้างหลังเธอ หันไปก็เจอเขามายืนเก้ๆ กังๆ แอบมองเธออยู่ “เชิญค่ะ...นั่งตรงข้ามนี้ดีกว่านะคะ” คัมซาชี้ให้เขานั่งตรงกันข้ามเธอ แล้วเดินไปสั่งน้ำดื่มมาให้เขา“ผม...ว่าวิทยานิพนธ์ของคุณดีมากๆ เลย” คัมซาสงสัยว่าเขารู้ได้ยังไง“รู้ได้ยังไงคะ...ยังไม่ได้อ่านเลย...เนี่ยนะ” คัมซาทำหน้าไม่เข้าใจ หรือว่าเขาเป็นผู้วิเศษตาทิพย์สามารถเห็นตัวหนังสือในเล่มนี้ทั้งหมด“ก็ผม...เป็น reader อ่านให้คุณ...ดร.สมิธเป็นคนมอบเล่มนี้ให้ผมเอง” คัมซานึกในใจ อะไรมันจะแปลกได้ขนาดนั้น แล้วที่ไม่คิดเงินนี่ก็เป็นเขาแน่นอน “แล้วจะมาตามเก็บเงินถึงนี่...ใช่ไหมคะ...” เธอทำหน้าเหว๋อ...มีตัว ‘ง’ อยู่เต็มหน้าผาก เห็นแววตาเขาที่เหมือนจะยิ้มได้...สบตาเธอพอดี ยิ่งทำให้คัมซา... งง ...หนักเข้าไปอีก ‘ช่างเหมือนแววต
หลังจากคัมซาบินกลับมาได้ไม่นาน เธออยากกลับมารำลึกถึงความหลัง ณ ที่แห่งนั้นที่เธอเคยพบใครคนหนึ่ง ที่ทำให้ชีวิตเธอต้องเข้าไปผูกพันกับเขาด้วยเรื่องสุขภาพ การออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเกี่ยวกับเขาที่เข้ามาอยู่ในใจเธอ คิดถึง...กังวลใจ...เสมอ อยากเห็นหน้าเขา ไม่ว่าเขาจะจากเธอไปแล้วหรือว่าหายสาบสูญไปจากโลกนี้ เธอก็ยังอยากได้เห็นหน้าเขา...แม้ในฝันก็ตาม ถึงเขาจะไม่ใยดีกับเธอ ถึงเขาจะไม่เห็นเธออยู่ในสายตา ถึงเขาจะไม่แคร์เธอก็ตาม คัมซาบอกกับใจว่า ‘ฉันยังมีนายอยู่ในหัวใจของฉันเสมอ ไม่เคยลืมวันนั้นเลย’ เธอนึกถึงวันแรกที่เจอฟ้าประทานหกล้มหน้าคะมำ...ที่อุทยานแห่งนี้ ‘หนุ่มอ้วนหน้าอวบขาวจั๊ว...เรียบเฉยเมยเหมือนกระดาษ A4’ เหตุการณ์ต่างๆ ที่ชักนำให้เธอเข้าไปพัวพันกับชีวิตของเขา จนติดกับดักรัก...สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด..ฉุดกระชากอย่างไรก็ไม่ออกไปจากใจได้คัมซาพักวิ่งไปนานสองปีกว่า เพราะอยู่ที่แคมปัสหมกมุ่นกับตำราจนเธอรู้สึกว่าตัวโตกว่าหัว น้ำหนักเธอขึ้นมาเกือบ 4 กก. จะกลับมาฟิตหุ่นให้เฟิร์มเหมือนเดิม กลับมาสู่โหมดเดิมที่เห็นแสงแดดแผดเผาเกือบตลอดทั้งปี ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นกว่าต
พอถึงโรงแรมหลังจากเช็คอินแล้ว ต่างคนต่างเข้าพักห้องตนเองด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไมเคิลนัดเจอที่ลอบบี้ 9 โมงเช้า หลังจากกินข้าวที่โรงแรมแล้วจะเดินไปชมหอไอเฟลซึ่งไม่ไกลจากโรงแรม “หอไอเฟล...นี่สร้างในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม น่าจะเป็นงาน World Expo ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้โลกเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศนี้....Right?” ไมเคิลมองคัมซาที่กำลังตั้งใจฟังเขาอยู่ แต่พี่เดียวเหมือนไม่สนใจฟัง เดินแยกไปถ่ายรูปคนเดียว จนคัมซาเองรู้สึกไม่สบายใจ“Kumsa...ยูเดินตามไปช่วยถ่ายรูปให้เดียวเถอะ...ผมจะไปซื้อตั๋วขึ้นไปชมข้างบน” ไมเคิลไปจัดการซื้อตั๋วให้ทุกคน คัมซาสังเกตเห็นว่าเขาก็รู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน“พี่เดียวคะ...คัมช่วยถ่ายรูปให้นะคะ” คัมซาสงสารพี่เดียวขึ้นมาจับใจ เขากลายเป็นคนเซื่องซึมอย่างไม่น่าเชื่อ เธอเองไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้าพูดอะไรกระทบไมเคิล เธออาจเสียเพื่อนที่ดีอย่างเขาไปชั่วชีวิตเลยก็ได้“จากที่นี่...เราจะไปไหนกันต่อ...รึ..คัม” พี่เดียวถามแบบเนือยๆ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ...” คัมซาตอบแบบสิ้นคิด เพราะไมเคิลทำตัวเป็นผู้จัดการโปรแกรมทั้งหมด และเขาจะเปลี่ยนโปรแกรมได้ตามความเหมาะสมของเวลาอีกด้วย ทำให้
จากที่ซัลลิสเบอรี่ ไมเคิลขับรถเลยไปถึงบริสโตล เป็นเมืองท่าทางตอนใต้ใกล้มหาสมุทรแอตแลนติค วันนี้ค่อนข้างมีแสงแดดและอบอุ่นไม่ขมุกขมัวหมอกปกคลุม Hazy เหมือนที่ลอนดอน ตอนที่ไมเคิลขับรถข้ามสะพานแขวนคลิฟตัน เขาก็พูดว่า ข้ามแม่น้ำสายโรแมนติก ...เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเอวอน เขาพาเราไปชมท่าเรือซึ่งเป็นที่ขนถ่ายสินค้ามาแต่โบราณ ไปดูเรือกลไฟเก่าแก่ที่ทอดสมอให้นักท่องเที่ยวได้โพสต์ท่าถ่ายรูป“เมืองนี้สวยงามน่าอยู่นะ...คัม” พี่เดียวพูดตอนที่ลงเดินไปท่าเรือกัน วิวสองข้างทางใบไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ‘นี่แหละคือความงดงามของยุโรป’ คัมซาพูดกับตนเองเบาๆ“ออกจากที่นี่ไม่ไกล...ผมจะไปแวะ St. Nicolas Market ตลาดเซนต์นิโคลัส” คัมซามองนาฬิกาเห็นว่าใกล้เที่ยง ไมเคิลคงพาทุกคนไปแวะกินข้าวเที่ยงด้วยเลย วันนี้มีผักผลไม้มาวางขายสดๆ ซึ่งแต่ละร้านผักผลไม้สีสวยมาก และมีร้านดอกไม้เรียงรายสลับกันไปด้วย“ผมจะแวะร้านอาหารที่นี่ด้วยเลย...นะครับ” คัมซาเห็นเขาเดินนำหน้าไปเพื่อหาร้านอาหารที่น่าจะราคาไม่สูงนัก “เดียว...คุณลองนี้สิ...ซอมเมอร์เซตไซเดอร์” คัมซาได้ยินไมเคิลบอกว่ามันคือน้ำผลไม้หมักแอลกอฮอล์ต่ำ ที่เรียกว่า
คัมซาแจ้งกำหนดการส่งข้อความไปในไลน์ของพี่เดียว ว่าให้มาถึงกลางเดือนตุลาคมเธอจะนั่งรถโค้ชล่วงหน้าไปหาที่พักที่ลอนดอนก่อน เพราะว่าพี่เดียวไม่เคยมาอังกฤษเลย เขาเป็นเหมือนพี่ชาย ซึ่งเธอก็อดกังวลแทนไม่ได้“พี่เดียวขา คัม...ขอเช็คว่าพี่เดียวขอวีซ่าอังกฤษและเชงเก้นแล้วนะคะ” คัมซาเขียนถามไปก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์แล้ว“ครับ...ผม ก็เราจะไปปารีสด้วยไม่ใช่รึ” พี่เดียวย้ำว่าต้องเข้า...ฝรั่งเศส“ค่า...นึกว่าลืมล่ะ...ไม่เห็นพูดถึง” คัมซาอยากให้เขาได้ตรวจดูให้แน่ใจ เพราะสองประเทศนี้ต้องขอวีซ่าแยกกันคัมซาไปยืนรอรับพี่เดียวที่สนามบินฮีทโธรว์ และจะพาเขาขึ้นรถไฟใต้ดินแบบเฟริ์สคลาส ลงสถานีแพดดิ้งตัน ซึ่งเธอจองโรงแรมแถวนี้ไว้ เพราะเดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆ สะดวกและมีร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ เธอเห็นพี่เดียวโผล่หน้าออกมาตรงจุดนัดพบของสนามบิน เห็นผู้ชายอีกคนเดินลากกระเป๋าออกมาแต่หันหลังให้เธออยู่ กำลังใช้โทรศัพท์ถ่ายรูปเข้าไปข้างใน“เอ้า...Hi…ไมเคิล ทำไมมากับพี่เดียวรึคะ” คัมซาถามอย่างแปลกใจ “ผมก็อยากมาเที่ยวถิ่นเก่า my old place บ้างสิครับ” ไมเคิลทำตาหวานเยิ้มให้คัมซา เธอคิดว่าต้องรับศึกหนักระหว่างสองหนุ่มนี้...ส
พอมาถึงปราสาทนอตติงแฮม...ซึ่งขณะเดินพาทุกคนเข้าชมภายใน คัมซาได้เล่าถึงความเป็นมาในอดีตของปราสาทหิน ซึ่งมีความสูงมากเพราะในยุคกลางใช้เป็นป้อมปราการป้องกันข้าศึกและเป็นตำหนักที่ประทับของกษัตริย์ด้วย สร้างขึ้นในยุคแรกของพวกนอร์แมนโดยพระเจ้าวิลเลี่ยมที่หนึ่ง ต่อมาพระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 ได้สั่งให้เปลี่ยนโครงสร้างจากเดิมที่เป็นไม้มาเป็นหินเพื่อความแข็งแรงในการป้องกันข้าศึกหนุ่มเกาหลีนายนี้ไม่ค่อยซักถามเท่าไหร่ น่าจะไม่สนใจประวัติความเป็นมาของปราสาทนี้ สถานที่แห่งหนึ่งที่เขาสนใจถ่ายรูปและถามเธอหลายคำถามคือ ป่าเชอร์วูด เป็นสถานที่ที่หลายคนชอบมาถ่ายรูปกับจอมโจรอันเป็นตำนานเล่าขานมาอย่างยาวนาน “เราจะออกจากที่นี่ แล้วไปหมู่บ้าน Enwinstowe เอนวินสโตว์ ที่ป่าเชอร์วูด นอกเมืองไกลจากนี่ประมาณ...” คัมซาถามคนขับรถว่ากี่ไมล์ “ค่ะ 17 ไมล์...” คัมซาไม่หันหลังไป กลัวว่าจะถูกนายฟรานซ์มองแบบตำหนิว่าเธอไม่หาข้อมูลมาก่อน“คุณ...รู้จักโรบินฮู๊ดไหมครับ” คุณคิมถามคัมซา...เธอรู้สึกเป็นมิตรกับผู้ใหญ่คนนี้มากกว่าหนุ่มหน้าขาวหลานชายของเขา“อ๋อ...ค่ะ พอรู้จักบ้างเพราะเป็น local story” คัมซาคิดว่ามันเป็นเรื่องเล่าตำนาน
ระหว่างที่อยู่ในรถลิมูซีน คัมซาอธิบายประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น เมืองนี้อยู่ในมณฑลนอตติงแฮมเชียร์ และอยู่ในเขตปกครองของมิดแลนด์ตะวันออก ประชากรที่นี่ประมาณ 2 แสนกว่าคน ค่าครองชีพของเมืองนี้น่าจะถูกที่สุด และคนเอเชียนิยมมาเรียนหนังสือที่นี่มากที่สุด มีแม่น้ำเทรนต์ Trent River เป็นแม่น้ำประจำเมืองนี้ ซึ่งรถก็จะผ่านสะพานข้ามแม่น้ำนี้ด้วย สำหรับโปรแกรมวันนี้มี 4 แห่ง คือ ปราสาทนอตติงแฮม ป่าเชอร์วูดซึ่งมีตำนานของโรบินฮู๊ด มหาวิหารเซาธ์เวลส์ และบ้านเกิดของ D.H.Lawrence ซึ่งเป็นนักเขียนนิยายเจ้าของผลงานที่โด่งดังรู้จักกันดี คือ เรื่องชู้รักเลดี้แชตเตอเลย์ Lady Chatterley’s Lover คัมซาพูดเร็วรัว กลัวว่าจะถูกซัก ซึ่งเธออาจจะไม่มีข้อมูลรายละเอียดให้ ‘ฉัน...ใหม่มากเลย และรู้สถานที่แต่ละแห่งก็น้อยมาก จะไปชมพร้อมกับพวกคุณนั่นแหล่ะ เป็นครั้งแรก... เหมือนกัน’ เธอตื่นเต้นใจสั่น...เคยทำงานมาก่อนก็จริง แต่ครั้งนี้คัมซาก็ไม่เข้าใจตัวเองว่า ทำไมความรู้สึกมันถึงเป็นแบบนี้...“Is tomorrow’s visit to U of N? พรุ่งนี้ไปมหาวิทยาลัยนอตติงแฮมใช่ไหม...” เสียงของฟรานซ์แทรกขึ้นมาขณะคัมซาอธิบายโปรแกรมยังไม่จบ“ใช่