“หยุดโวยวายได้แล้วอินนัดดา เธอไม่มีสิทธิ์มาตะโกนด่าผัวปาวๆแบบนี้ ถ้าฉันคึกอยากลงโทษขึ้นมาเธอจะเดือดร้อน” คนขับรถตัวโตตะคอกกลับเสียงดัง หญิงสาวตัวเล็กจึงได้แต่นั่งขดตัวกระชับเสื้อตัวใหญ่คลุมร่างเปลือยของตัวเองไว้แน่น น้ำตาคลอหน่วยด้วยความน้อยใจคนรอบข้าง อาเพ็ญให้เธอมาแต่งงานกับคนโรคจิตแบบนี้ได้ยังไง หัวใจดวงน้อยคิดถึงพี่ชายต่างสายเลือดที่เคยช่วยเหลือ และอยู่เคียงข้างเสมอเวลาเธอเดือดร้อน พี่ก้องอยู่ไหนมาช่วยน้องด้วย คนใจร้ายจะพาน้องไปทำร้าย อินนัดดากลืนก้อนสะอื้นลงในลำคอ พลิกกายหันหลังให้คนขับรถใจร้าย ร่างบางสั่นสะท้านเป็นระยะ หากแต่คนที่เหลือบตามองกลับยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ แล้วความเพลียจากการถูกรังแกเมื่อคืน ทั้งยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้าจึงทำให้หญิงสาวผล็อยหลับไป
อินนัดดาตื่นมาอีกครั้ง เมื่อรับรู้ว่าแรงสั่นสะเทือนของยานพาหนะที่เธอนั่งมันเริ่มรุนแรง ประกอบกับหน้าผากของเธอไปชนกับประตูรถเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย! คนบ้า ขับให้มันดีๆหน่อยสิ” ปัณณธรปรายตามองคนที่ตวาดเขาแว้ดๆครู่เดียว แล้วหันกลับไปตั้งใจขับรถต่อ ทางเข้า ‘บ้านสวนปานรัก’ ค่อนข้างกันดารเป็นหลุมเป็นบ่อ เพราะเป็นความตั้งใจ
“ปล่อยนะปล่อย อื้อๆ” ริมฝีปากบางถูกลงทัณฑ์ข้อหาดื้อดึงไม่ทำตามคำสั่ง แรงกดจนเจ็บทำให้เธอเผยอริมฝีปากออก จึงถูกรุกล้ำเกี่ยวกระหวัดจนคนอ่อนประสบการณ์แทบขาดใจ กว่าปัณณธรจะยอมถอนจุมพิต ร่างบางก็อ่อนระทวยแทบทรุดหากไม่ได้ร่างคนตัวใหญ่บดเบียดแนบไว้กับต้นไม้ หญิงสาวหอบหายใจแรง ดวงตาแดงก่ำจ้องมองคนตัวโตนิ่ง อยากดิ้นรนสะบัดตัวหนีเขา แต่รสจูบซาบซ่านทำให้เธอนิ่งรอคอยโดยไม่รู้ตัว ปัณณธรโน้มใบหน้าเข้าหาอีกครั้ง ดูดดึงริมฝีปากที่บวมเจ่อเล็กน้อย ละเลียดชิมขบเม้ม มือใหญ่บีบคลึงเต้าอวบที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อตัวใหญ่ แล้วค่อยๆเลื่อนขึ้นไปรูดซิปลงจนสุดทาง อินนัดดาอ้าปากจะประท้วงกลับโดนจู่โจมด้วยจุมพิตเร่าร้อนอีกครั้ง อกอวบถูกมือใหญ่บีบคลึง นิ้วเรียวป่ายปัดไล้วนจนยอดอกหดเป็นตุ่มไต ร่างสาวแอ่นเบียดเชื้อเชิญ ลิ้นเล็กที่พยายามเกี่ยวกระหวัดตอบสนองทำให้ปัณณธรหมดความยับยั้งชั่งใจ เขาแค่ต้องการสั่งสอนหญิงสาวให้รู้ว่าต้องเชื่อฟังเขา แต่ตอนนี้อารมณ์เขากลับเตลิด ลำกายแกร่งแข็งขืนเรียกร้องอยากจะเข้าไปอยู่ในร่างสาวปัณณธรปล่อยปากจิ้มลิ้มให้เป็นอิสระ เขาเคลื่อนใบหน้าลงต่ำเพื่อครอบครองความนุ่มหยุ่น ปากร้อนด
“จัดเสื้อผ้าเก็บให้ฉันด้วย จะออกไปดูสวนหน่อย” อินนัดดาเดินตามเขามาจนถึงในห้อง ห้องนอนกว้าง เครื่องเรือนน้อยชิ้น สะดุดตาที่สุดคงจะเป็นเตียงไม้สักขนาดใหญ่กลางห้อง ที่มีเสาอยู่มุมเตียงสี่เสาและมีชายมุ้งสีขาวซึ่งครอบเหนือเตียงนอนกว้างถูกรวบมัดอยู่กับเสาทั้งสี่ ตู้ไม้สักขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับโต๊ะเครื่องแป้ง โทนสีเข้มๆของเฟอร์นิเจอร์ไม้ทำให้อินนัดดารู้สึกไม่ค่อยชอบห้องนี้สักเท่าไร“หนูขอนอนห้องอื่นได้ไหมคะ” เสียงสั่นๆของเธอทำให้ปัณณธรรำคาญอย่างเห็นได้ชัด“เราเป็นผัวเมียกันอินนัดดา กรุณาอย่าเรื่องมาก” ปัณณธรออกจากห้องทันทีที่พูดจบ อินนัดดาถอนหายใจแรง ลากกระเป๋าของตัวเองและของชายหนุ่มไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วจัดการเก็บมันไว้ในตู้อย่างเป็นระเบียบ ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวต่างๆเธอก็จัดการเก็บให้ทั้งเขาเละของตัวเอง ไม่มีถ้อยคำพร่ำบ่นใดๆออกจากปากบางจิ้มลิ้ม มีเพียงแววตาเศร้าและเหนื่อยล้า ไม่อยากอยู่ที่นี่ ไม่อยากอยู่กับคนใจร้ายอินนัดดาใช้เวลาไม่นานก็จัดของทุกอย่างเรียบร้อย หญิงสาวอยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เธออยู่ในชุดนี้ ไม่ใช่สิเรียกว่าชุดไม่ได้ด้วยซ้ำ เธออยู่ในสภาพหม
เสียงหัวเราะเบาๆของคนที่นั่งแช่ตัวอยู่ในน้ำทำให้คนที่มาตามไปรับประทานข้าวเที่ยงหยุดชะงัก ปัณณธรนั่งรอทานอาหารมื้อเที่ยงนานเกือบสิบนาที สิบนาทีก็มากพอสำหรับการต้องรอใครที่เขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องรอสักนิด“ที่บ้านไม่สอนเรื่องมารยาทหรือไง ปล่อยให้คนอื่นหิ้วท้องรอกินข้าว ตัวเองมานั่งเล่นน้ำสบายใจอยู่ได้” อินนัดดาหันหน้ากลับแล้วแหงนมองเจ้าของเสียงทันที ยอมรับว่าเธอเล่นน้ำจนเพลิน แต่ถ้าเขาหิวก็กินไปก่อนก็ได้นี่ ไม่จำเป็นต้องมารอเธอก็ได้ และไม่จำเป็นต้องมาต่อว่าถึงครอบครัวเธอด้วย หญิงสาวสะบัดหน้ากลับ ไม่ยอมพูดจากับคนหาเรื่อง“ถ้าคิดจะนั่งอ่อยรอผู้ชายมาพาออกไปจากที่นี่ล่ะก็ ล้มเลิกความตั้งใจไปได้เลย เพราะแถวนี้ไม่มีผู้ชายให้เธออ่อย” วาจาดูถูกดูแคลนของปัณณธรทำให้อินนัดดากัดริมฝีปากแน่น ทำไมผู้ชายที่เป็นสามีถึงชอบพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจเธออย่างนี้นะ ความน้อยใจบวกกับความโกรธคนไม่มีเหตุผล ทำให้อินนัดดาลุกขึ้นยืนหันหน้ากลับมาแหงนเงยสบตาเขาตรงๆ“นี่คุณปัณ หนูไม่รู้หรอกนะว่าหนูไปทำอะไรให้คุณโกรธแค้น คุณถึงได้ทำร้ายหนูอย่างนี้ ถ้าจะกรุณาบอกให้ทราบจะเป็นพระคุณมาก หนูจะได้แก้ไขปรับปร
“การแก้แค้นไม่ทำให้อะไรมันดีขึ้นหรอกคุณหนู ทำไปแล้วได้อะไร ยังไงคุณหนูปายก็ไม่มีทางกลับมาหาพวกเราอีกแล้ว เธอไปสบายแล้ว สู้เรารักษาถนอมคนที่ยังมีลมหายใจอยู่ให้มีความสุขไม่ดีกว่าหรือ อีกอย่างหนึ่ง หากคุณหนูปานรู้ว่าพี่ชายทำตัวเกเร แก้แค้นพี่สะใภ้คนโปรดของเธอ รายนั้นจะงอนเอาได้นา” ป้านวลพยายามหว่านล้อมชายหนุ่ม ผู้ที่ไม่ได้มีจิตใจเลวร้ายสักนิด เพียงแต่ตอนนี้ปัณณธรกำลังตกอยู่ในวังวนความแค้นเท่านั้น“เห็นคุณปรางบอกว่าคุณหนูปานชอบคุณหนูอินมากนี่คะ ทำไมคุณหนูไม่พาเธอไปพักผ่อนที่ ‘บ้านณปาย’ ล่ะคะ บรรยากาศที่นั่นดีกว่าที่นี่ตั้งเยอะ” ป้านวลเอ่ยถึงบ้านของครอบครัวปัณณธรที่ตั้งอยู่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริเวณบ้านที่ครอบคลุมพื้นที่เกือบยี่สิบไร่ บนเนินเขา มีบ้านอยู่สองหลัง หลังใหญ่เป็นที่อยู่ของบิดา มารดาและปานรักน้องสาวผู้ที่มีอาการทางจิตแต่ไม่ร้ายแรงนัก เนื่องจากพบเจอเหตุการณ์สะเทือนจิตใจรุนแรง ส่วนอีกหลังเป็นของปัณณธร เป็นบ้านที่ปลูกอยู่ห่างจากบ้านหลังใหญ่ไม่ไกลเท่าไรนัก“คนในครอบครัวของไอ้ชัชชัยไม่สมควรจะได้ไปเหยียบที่นั่นหรอกครับป้านวล” น้ำเสียงดุดันของปัณณธรทำให้ผู้สูงวัย
“จะลืมตาก็ได้นะ” อินนัดดาค่อยๆปรือตามองคนตัวโตที่นั่งอยู่บนเตียงชิดร่างของเธอ“พอแล้วค่ะ หนูอยากนอน” หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีหลบสายตาคมวาวที่กำลังลามเลียผิวเนื้อของเธอทั่วร่าง“ก็นอนไปสิ เธอต้องเช็ดตัวลดไข้” มือใหญ่ยังคงใช้ผ้าขนหนูเช็ดไปตามต้นแขนแผ่วเบา เลยมาถึงอกอวบ มือเล็กจับข้อมือใหญ่ไว้มั่น เธอสบตากับเขาขอความเห็นใจ“ต้องเช็ดให้ทั่วตัว อย่าเรื่องมากน่าอินนัดดา ฉันแค่เป็นห่วงว่าเธอจะตายไปง่ายๆ แบบนี้มันยังไม่สะใจเท่าไร” คนเพลียทั้งร่างกายและจิตใจปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง ลำแขนเรียวสองข้างวางลงแนบลำตัว อยากจะทำอะไรก็เชิญ เธอจะไม่ต่อสู้ดิ้นรนอีกต่อไปแล้ว ความน้อยเนื้อต่ำใจกลบความรู้สึกสะเทิ้นอายจนมิด ปัณณธรมองดูอาการนิ่งของหญิงสาวแล้วหัวเราะในลำคอ มือใหญ่มีเพียงผ้าขนหนูเปียกผืนเล็กกั้นไว้ไม่ให้สัมผัสอกอวบโดยตรง เขาเช็ดร่างงามอย่างจงใจกระตุ้นเร้าอารมณ์ แต่เจ้าของร่างกลับนอนนิ่งจนเขารู้สึกหมั่นไส้ ทำให้ปัณณธรนึกอยากแกล้ง ชายหนุ่มคลี่ผ้าขนหนูออกวางทาบปิดบนเนินอกสองข้าง มือหนาทั้งสองตะโบมเคล้นคลึงผ่านผ้าอย่างไม่เบามือเท่าไรนัก นิ้วเรียวบีบบี้ตุ่มไตที่หดแข็งสู้มือใต้ผ้าเปีย
หลังอาหารมื้อค่ำ ปัณณธรและต้นตะวันนั่งคุยกันที่โต๊ะไม้บนชานเรือน ความมืดมิดปกคลุมทั่วบริเวณรอบบ้าน สายลมเย็นที่พัดโชยมาเรื่อยๆทำให้สองเพื่อนรักที่นานๆได้เจอกันคุยกันจนเพลิน น้ำสีอำพันที่อยู่ในขวดพร่องลงจนเหลือค่อนขวด ต้นตะวันยกขวดเหล้าทรงสวยขึ้นสูงแล้วเงยหน้ามอง“ยังมีอีกหลายขวด ต่อไหม” ปัณณธรมองออกไปในความมืดแล้วเอ่ยออกมาเบาๆ“ฉันน่ะยังไงก็ได้ แต่แกน่ะต้องดูแลเมีย จะไหวหรือเปล่า” ขวดเหล้าถูกวางลงไว้ตามเดิม มือใหญ่ตบบ่าเพื่อนเบาๆสองทีแล้วบีบแน่น“ไอ้ปัณ มึงจะเอาอินเข้ามาเกี่ยวข้องทำไมวะ ไอ้ชัชชัยนั่นก็ไม่ใช่พ่อของอินสักหน่อย มึงคิดว่ามันจะรู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องนี้ไหม กูเห็นมันดีใจจะตายห่าในวันที่มึงแต่งงานกับอิน แล้วไหนจะไอ้บริษัทของคุณเพ็ญที่มึงไปซื้อหุ้นไว้ทั้งหมดอีก ทั้งที่มึงรู้ว่าเอกสารการขายหุ้นในส่วนของอินเป็นเอกสารที่คุณเพ็ญหลอกให้อินเซ็นโดยไม่รู้เรื่องอะไร มึงก็ยังกล้าที่จะรับซื้อมา คุณเพ็ญไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ด้วยซ้ำ นี่ก็เท่ากับว่าฝ่ายนั้นได้สามต่อ ได้เงินค่าสินสอดไปตั้งกี่สิบล้าน ได้เงินไปใช้หนี้การพนันที่ไอ้ชัชชัยก่อไว้ แล้วยังได้เงินในส่วนที่ขายหุ้
อาชัชชัยทำอะไรให้ปัณณธรต้องโกรธแค้นขนาดนี้ แล้วสุดท้ายทำไมเขาต้องเลือกที่จะทำร้ายเธอ ความคิดหลากหลายวนเวียนอยู่ในหัว มันเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม บางทีป้านวลอาจจะรู้เรื่องทั้งหมดก็ได้ วงแขนแกร่งที่กอดรัดเธอแน่นขึ้นทำให้หญิงสาวหลับตาลงทันที อินนัดดาหยุดความคิดทั้งหมดไว้ เธอแทบจะกลั้นหายใจ เพราะกลัวเขารู้ว่าเธอไม่ได้หลับ กลัวว่าเขาจะรังแกปลุกปล้ำ แต่ปัณณธรยังคงกอดเธอไว้เฉยๆ ความอบอุ่นจากอกกว้างส่งผ่านแผ่นหลังบอบบางเปลือยเปล่าที่แนบชิดอยู่ วงแขนที่โอบกอดราวกับหวงแหนในตัวเธอ ทำให้อินนัดดาคลี่ยิ้มบาง คงจะดีไม่น้อยหากความรู้สึกดีๆแบบนี้จะมาจากคนที่รักเธอและเธอก็รักเขา หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ เมื่อนึกถึงคำว่ารัก พานคิดไปถึงเสียงที่เรียกชื่อตัวเองตอนที่กำลังจมดิ่งลงใต้สายน้ำ น้ำเสียงทุ้มร้อนรนก่อนที่เธอจะหมดสติไป เป็นเสียงของปัณณธรแน่นอน เธอจำได้ เขาเป็นห่วงเธอใช่ไหม ใช่ไหมนะ...“อ้าว...คุณหนูอินตื่นแล้วหรือคะ ไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วค่อยมาทานอาหารเช้ากันค่ะ” อินนัดดายิ้มให้ป้านวล แล้วเดินตรงไปยังโอ่งมังกรที่ตั้ง
อินนัดดาสนุกกับการเก็บผลไม้ในสวนกว้าง ส้มเช้ง ละมุด ฝรั่ง และอื่นๆ ที่ปลูกแซมกันไว้ ทำให้หญิงสาวลืมความขุ่นหมองในหัวใจไปจนหมด ป้านวลนั่งอยู่ตรงกลางลำเรือ ลุงเพิ่มเป็นคนพายเรือท้องแบนพาสองสาวต่างวัยลัดเลาะไปตามท้องร่องในสวน อินนัดดาได้แวะทานข้าวเที่ยงที่ท้ายสวนกับบรรดาคนงาน หญิงสาวไม่ถือตัวพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ดวงหน้างามที่เปื้อนยิ้มตลอดเวลาและเสียงหวานเจื้อยแจ้วถามโน่นนี่ พูดคุยอย่างไม่ถือตัวทำให้หญิงสาวซื้อใจคนงานได้ในเวลาอันรวดเร็ว ป้านวลรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่หญิงสาวมีสีหน้าดีขึ้น ไม่หม่นเศร้าเหมือนเมื่อเช้าตะวันตกดินไปแล้ว ไม่มีวี่แววว่าคนใจร้ายจะกลับมา อินนัดดาไม่ได้สนใจที่จะถามหาเขา หญิงสาวรับประทานอาหาร อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและพร้อมเข้านอน แต่พอป้านวลมาแจ้งว่าต้องกลับไปนอนที่บ้านหลังเล็กที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตร หญิงสาวก็เกิดอาการงอแง“ป้านวลไม่นอนเป็นเพื่อนหนูเหรอคะ” อินนัดดาพยายามส่งสายตาอ้อนวอน กลางสวนเงียบสงบ มืดๆแบบนี้เธอรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกค่ะคุณหนูอิน ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่มย่ามบริเวณเรือนหลังใหญ่นี้หรอกค่ะ”“แต
“หนูหนักค่ะ” อินนัดดาบ่นอุบอิบ เมื่อปัณณธรซบหน้าบนอกอวบของตนอยู่นานแล้ว หลังจากที่พาเธอไขว่คว้าความสุขสมอิ่มเอม ชายหนุ่มขยับตัวนั่ง ช้อนร่างบางขึ้นให้นั่งบนตักของตัวเอง แล้วขยับตัวไปนั่งตรงกลางเตียง ทั้งที่เขาและเธอยังหลอมรวมกันอยู่ จมูกโด่งซุกไซ้ไปตามซอกคอหอมกรุ่น แล้วไปหยุดตรงแก้มนวล ปัณณธรสูดดมความหอมเข้าเต็มปอด แล้วก็ไม่ยอมผละไปไหน จนเจ้าของแก้มต้องเบี่ยงหน้าหนีเสียเอง“พอแล้วค่ะ ปล่อยหนูได้แล้ว อุ๊ย!” กำปั้นเล็กทุบอกแกร่งเบาๆ เมื่อเจ้าของตักที่เธอนั่งทับอยู่ ยกสะโพกขึ้นพร้อมกับกดตรึงสะโพกเธอไว้อย่างรวดเร็ว ใบหน้านวลแดงก่ำ ทำแก้มป่องช้อนสายตาขึ้นมองงอนๆ“อยากรักอินทั้งวันทั้งคืน” สายตาหวานเชื่อมที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาทำให้อินนัดดาสะบัดร้อนสะบัดหนาว“หนูเหนื่อย” หญิงสาวท้วงเสียงเบาหวิว“ฮื้อ! เป็นเด็กเป็นเล็กจะเหนื่อยอะไร รู้ไหมว่าพี่คิดถึงอินมากแค่ไหน พี่กลัวอินทิ้งพี่ไป กลัว...” อินนัดดาใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากหยักไว้ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดต่อ คลี่ยิ้มหวานเอาใจ ก่อนจะซุกใบหน้าลงที่อกกว้าง วาดวงแขนเรียวโอบกอดร่างใหญ่ไว้แน่น“หนูเกลียดคุณปัณ
“ถูหลังให้ด้วย” คนถูกสั่งให้ถูหลัง เงยหน้าค้อนวงเล็กให้ ปัณณธรยิ้มเจ้าเล่ห์ ดึงมือบางเลื่อนไปด้านหลังตัวเอง อกอวบแนบไปกับอกแกร่ง สองร่างแนบชิดกัน ก่อเกิดกระแสความปรารถนารุนแรง“อืม...อินพอแล้ว” เสียงห้ามสั่นเบาหวิวราวกับจะขาดใจ เขาอดทนมานานมากพอแล้ว แค่อยากให้อินนัดดาคุ้นเคยกับร่างกายของตนเอง เพราะกลัวว่าหญิงสาวอาจจะจำบทรักโหดร้ายไว้ แล้วเกิดอาการกลัวไม่ให้เขาสัมผัสใกล้ชิด แต่อินนัดดาไม่มีท่าทีตื่นกลัวอย่างที่กังวลใจ“ไม่ไหวแล้วอิน ใจจะขาด” ปัณณธรบดเบียดริมฝีปากมอบจุมพิตเร่าร้อนให้กับคนที่นั่งคร่อมร่างตนอยู่ มือใหญ่ลูบไล้สัมผัสหนักเบาไปทั่วร่างบาง ทรวงอกอวบถูกเคล้นคลึงกระตุ้นอารมณ์หวาม“อืม...คุณปัณ” อินนัดดาครางเรียกชื่อสามี เมื่อถูกเขาจับสะโพกมนยกขึ้น ร่างกายเธอกำลังรอคอยบางอย่างมาเติมเต็ม พอรู้ว่าสิ่งที่รอคอยกำลังจะสอดแทรกเข้ามาในร่างกาย ช่องท้องก็เกร็งวูบไหว มือบางจิกบ่ากว้างแน่นเป็นที่ยึดเหนี่ยว ปัณณธรจับจ้องใบหน้านวลที่ขณะนี้ดวงตาปรือปรอยเต็มไปด้วยไฟปรารถนา เขาค่อยๆกดสะโพกมนลงช้าๆ กลีบดอกไม้ผลิแยกเปิดเผยร่องรักให้ความแข็งแกร่งเติมเต็มเข้าไปช้าๆ
“ขอบคุณค่ะ” ปัณณธรยิ้มใส่นัยน์ตาคู่สวย เขาไม่ปล่อย สองสัปดาห์มันนานราวกับสองร้อยปี“หายดีแล้วเหรอ” วงแขนแข็งแรงฉวยโอกาสในตอนที่หญิงสาวกำลังตกใจ ช้อนอุ้มร่างบางแนบอกแล้วเดินตรงไปยังโซฟาตัวใหญ่ อินนัดดาตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้ดิ้นรน เธอไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเขา บิดาและมารดาของปัณณธรเล่าเรื่องราวต่างๆของเขาให้เธอฟังมากมายตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ ล้วนแต่เป็นเรื่องราวดีๆและนิสัยที่แท้จริงของเขาที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน แม้กระทั่งปานรักเองก็อวยและชมพี่ชายอยู่ตลอด ทั้งสามคนขอโอกาสให้เขาได้แก้ตัว ขอให้เธอยกโทษให้เขา อินนัดดารู้สึกว่าข้อมูลเหล่านั้นถูกฝังลงในสมองของเธอแล้ว“คุณแม่บอกว่าต้องทานตอนร้อนๆค่ะ คุณปัณจะทานเลยไหม หนูจะเอาไปใส่ถ้วยให้” อินนัดดาเอ่ยถามเมื่อเขานั่งลงที่โซฟาแต่ไม่ยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เลยกลายเป็นว่าเธอต้องนั่งอยู่บนตักเขานิ่งๆ“ยังไม่อยากกิน” ปัณณธรตอบเสียงเบา เขากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ‘คนสำคัญ’ ที่มารดาบอกคือผู้หญิงคนนี้ บางทีคงถึงเวลาที่เขาจะต้องปล่อยวางความโกรธแค้นแล้วกลับมายอมรับความจริงได้แล้ว“ไม่กลัวฉันเหรอ” คนตัวโตหยั่งเชิงถาม และรอคอยคำ
ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งทำงานมาตั้งแต่เที่ยง เหลือบมองนาฬิกาที่ผนังมันบอกเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว สักครู่คนรับใช้คงเอาอาหารมาส่ง ชายหนุ่มเดินออกไปทางประตูหลังบ้าน เลื่อนประตูกระจกเปิดออกแล้วก้าวเท้าเดินออกไปรับอากาศบริสุทธิ์ยามเย็นระเบียงไม้กว้างเชื่อมต่อกับหลังบ้าน ภาพขุนเขาน้อยใหญ่สลับซ้อนอยู่เบื้องหน้า สายลมเย็นพัดเอื่อย ความเงียบสงบทำให้ปัณณธรพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง เขานั่งลงตรงเก้าอี้ไม้โยก เอนหลังและหลับตาลงพักสายตา เรื่องงานไม่ได้หนักหนาเกินไปสำหรับเขาหรอก เขาไม่ได้เหนื่อยล้าเพราะงาน หากแต่เหนื่อยล้าเพราะหัวใจ หัวใจที่กำลังสับสน การได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่เขาได้มาเป็นภรรยาด้วยความเคียดแค้น ทำให้หัวใจเขาหวั่นไหว อินนัดดาอ่อนหวานแต่ไม่ได้อ่อนแอ เธอพยายามถามหาสาเหตุที่เขาทำร้ายอยู่ตลอด ไม่ได้ก้มหน้าก้มตายอมให้เขาทำร้ายอย่างเดียว แต่ด้วยแรงที่น้อยกว่าทำให้เธอไม่สามารถโต้ตอบอะไรเขาได้ ตอนนี้เธอคงรู้แล้ว รู้ถึงสาเหตุที่เขาทำร้ายเธอ ถึงได้ยอมอยู่ที่นี่โดยไม่ร้องขออยากกลับบ้าน อยู่เพื่อช่วยเหลือปานรักของสาวของเขา“เหนื่อยเหรอลูก” เสียงมารดาปลุกให้ปัณณธรตื่นจากห
“คงไม่ได้เป็นคำขอที่มากเกินไป หากผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก เพื่อให้ปานได้ค่อยๆยอมรับอดีต คุณสะดวกไหม” ก้องภพยิ้มกว้าง พยักหน้ายอมรับอย่างง่ายดาย อย่างน้อยเขาก็ได้มีโอกาสไถ่โทษให้คนในครอบครัวอานนท์ยิ้มให้ชายหนุ่มเช่นกัน เขาตัดสินใจที่จะไม่แจ้งความเอาผิดกับชัชชัย เพราะห่วงความรู้สึกของปานรักที่ต้องไปให้ปากคำ แค่นี้ลูกสาวของเขาก็บอบช้ำมากพอแล้ว หากต้องไปเผชิญหน้าและเล่าเรื่องราวที่เลวร้ายนั้นอีก ปานรักอาจจะแย่ไปกว่านี้ก็ได้ อำนาจเงินของเขามีมากพอที่ปิดเรื่องทุกอย่างให้เงียบได้โดยง่าย และวันนี้เขาตัดสินใจจะลองรักษาลูกสาวด้วยวิธีการของตัวเอง การรักษาที่จะทำให้ลูกสาวเขาเข้มแข็งขึ้น ยอมรับความจริงมากขึ้นก้องภพอยู่ดูแลน้องสาวจนกระทั่งอินนัดดาอาการดีขึ้น ปานรักออกจากโรงพยาบาลไปหลายวันแล้ว แต่ปรางทิพย์และอานนท์ก็ยังเทียวมาเยี่ยมลูกสะใภ้อยู่ทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น ผิดกับสามีของคนป่วยที่ไม่มาให้คนป่วยเห็นหน้าเลย“หนูอยากกลับบ้านจังเลยพี่ก้อง” อินนัดดานั่งพิงหมอนที่หัวเตียง ดวงตาเหม่อลอยมองออกไปด้านนอกห้อง ก้องภพขยับตัวลุกข
คนไข้บอบช้ำไปทั้งร่าง เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง ต้องให้ร่างกายได้พักฟื้นสักระยะนะคะ หมอเกรงว่าเป็นแบบนี้บ่อยๆ เธออาจจะมีอาการหวาดกลัวการมีเพศสัมพันธ์ได้ หมอให้ยาลดไข้ ยาแก้อักเสบแล้วก็ยาฆ่าเชื้อแล้ว พรุ่งนี้อาการน่าจะดีขึ้น ต่อไปควรระมัดระวังและทะนุถนอมคนไข้มากกว่านี้นะคะคุณหมอคงนึกว่าเขาเป็นสามีของน้องสาว จึงกล่าวคำแนะนำอย่างหวังดีในตอนท้าย ก้องภพได้แต่พยักหน้ารับและกล่าวคำขอบคุณ ชายหนุ่มถอนหายใจแรง เขาเฝ้ามองอินนัดดาตั้งแต่คุณหมอเดินออกจากห้องไปตั้งนานแล้ว สงสารที่ผู้หญิงตัวเล็กๆต้องมาเป็นที่ระบายความแค้นของปัณณธร ถ้าหากคืนนั้นเขาไปช่วยปานรักไม่ทันล่ะ ปัณณธรจะไม่ฆ่าอินนัดดาทิ้งหรอกหรือเสียงเคาะประตูทำให้ก้องภพลุกขึ้นยืนหันมองไปทางประตู ปรางทิพย์และอานนท์เปิดประตูเดินเข้ามา“หนูอินเป็นยังไงบ้างคุณก้อง” ปรางทิพย์มองดูใบหน้าซีดเซียวของลูกสะใภ้แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้“อินไข้ขึ้นสูงแล้วก็มีอาการบอบช้ำไปทั้งร่างกายครับ ตอนนี้ก็มีเพ้อบ้างเป็นบางครั้ง แต่คุณหมอให้ยาแล้ว พรุ่งนี้เช้าน่าจะดีขึ้นครับ” ปรางทิพย์พยักหน้ารับฟัง อยากจะถามถึงสา
“ตาปัณทำไมทำนิสัยแย่ๆแบบนี้กับแขกฮึ ถึงคุณก้องเขาจะอายุน้อยกว่าเรา แต่เขาก็มีศักดิ์เป็นพี่ภรรยา ต้องให้เกียรติเขานะลูก” ปรางทิพย์บ่นให้ลูกชายตัวดี ปัณณธรไหวไหล่เล็กน้อย คนเป็นแม่จึงได้แต่ถอนหายใจปลงๆ“ปานเป็นยังไงบ้างครับแม่” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากฟังคุณนายแม่บนไปมากกว่านี้“ก็ดีขึ้นแล้ว คุณหมอให้ยานอนหลับ น้องจะได้พักผ่อน ตอนนี้ก็หลับอยู่ แม่กับพ่อแวะกลับมาดูเรา อีกสักหน่อยก็ว่าจะกลับไปหาน้องแล้ว ปัณจะไปด้วยไหม”“เอ..แต่หนูอินไม่สบายอยู่นี่ ใครจะอยู่เป็นเพื่อนล่ะ พรุ่งนี้ปัณค่อยไปหาน้องก็ได้” อานนท์เป็นห่วงลูกสะใภ้จึงไม่อยากให้ลูกชายไปด้วย เพราะยังไงพรุ่งนี้ปานรักก็น่าจะกลับบ้านได้แล้ว“ไม่สบายนิดหน่อย ไม่ถึงตายหรอกครับ ผมอยากไปดูว่าน้องไม่เป็นไรจริงๆ” ผู้สูงวัยสองคนสบตากันแล้วพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกันอากาศหลังตะวันตกดินค่อนข้างเย็น ก้องภพเดินออกมาจากห้องพักที่เจ้าของบ้านใจดีจัดให้พักบนบ้านไม้หลังใหญ่ชายคาเดียวกัน ชายหนุ่มเดินออกมาดื่มด่ำกับบรรยากาศยามโพล้เพล้ สอบถามจากเด็กรับใช้ในบ้านจึงรู้ว่าเจ้าของบ้านทั้งสามไปหาป
เขาย้ำว่าไม่ทำเหมือนคืนนั้นก็จริง ไม่รุกล้ำล่วงเกิน แต่ทุกสัมผัสรุกรานช่างหวามไหวจนกายสาวสะท้านครั้งแล้วครั้งเล่า เขาปรนเปรอร่างเล็กด้วยนิ้วเรียวและลิ้นร้อน และเธอก็ตอบสนองเรียกร้องอย่างน่าอาย ยอมแม้กระทั่งปรนเปรอตอบแทนตามที่เขาร้องขอ จนที่สุดมุทิตาก็หลับใหลไปในอ้อมกอดของคุณหมอหนุ่มด้วยความอ่อนเพลีย ต้นตะวันกอดกระชับร่างบางแนบอก กดจูบที่ขมับสวยชื้นเหงื่อแล้วคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาจะไม่มีวันปล่อยผู้หญิงคนนี้ มุทิตาเป็นของเขาคนเดียว“คุณเป็นใคร ทำไมลูกปานเห็นคุณแล้วถึงได้เป็นแบบนี้” ปรางทิพย์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน มองชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความกังวลใจเหมือนเธอและสามี“ผมชื่อก้องภพครับ เป็นพี่ชายของอิน ตั้งแต่อินแต่งงานไปผมติดต่อน้องสาวไม่ได้เลย คุณลุงชัชบอกว่าคุณปัณอาจจะพาอินมาพักผ่อนที่นี่ ผมเลยมาตามหาน้องครับ” อานนท์กับปรางทิพย์สบตากัน รู้สึกลำบากใจ เพราะรู้ดีว่าลูกชายพาอินนัดดาไปพักที่บ้านสวนปานรักเพื่ออะไร“ตาปัณพาหนูอินไปพักผ่อนที่บ้านสวน ไม่ได้มาที่นี่หรอกคุณก้องภพ แต่ตอนนี้สองคนนั่นกำลังเดินทางมาที่นี่ หากคุ
“หยุดกรีดร้องโวยวายเสียงดังได้แล้ว พรุ่งนี้ผมไม่อยากโดนแซวว่าเล่นท่ายากจนคู่ขาเสียวหนักกรี๊ดลั่นคอนโด” มุทิตาถลึงตาใส่คนที่ทับตัวเองอยู่ หญิงสาวทุบตีบ่ากว้างและผลักไสเขาสุดแรง ต้นตะวันยิ้มใส่ตากลมโต“ผมจะปล่อยถ้าม่อนยอมอยู่เงียบๆ แล้วฟังผมบ้าง” มุทิตากลอกตาไปมา ครุ่นคิดอยู่ครู่เดียวก็พยักหน้ารับ เมื่อต้นตะวันเอามืออกจากปากเธอ หญิงสาวก็อ้าปากราวกับเตรียมพร้อมจะโวยวาย ชายหนุ่มจึงโน้มใบหน้าลงชิดปิดเสียงโวยวายนั้นด้วยริมฝีปากของเขาอย่างรวดเร็ว หญิงสาวดิ้นรนในตอนแรก แต่แล้วก็ถูกคนช่ำชองล่อหลอกด้วยจุมพิตแสนหวาน ต่างคนต่างจมดิ่งลงสู่ความหวานหวาม มุทิตาจูบตอบหยอกล้อลิ้นสากที่เกี่ยวรัดลิ้นเล็กของตน ต้นตะวันครางในลำคออย่างพอใจ“คราวนี้จะพูดดีๆได้หรือยัง” คุณหมอหนุ่มเอ่ยถามในตอนที่ถอนริมฝีปากออกมาแล้ว แต่ยังคงอ้อยอิ่งอยู่กับกลีบปากสีเรื่อ มุทิตาหอบหายใจแรงราวกับขาดอากาศหายใจมานาน ใบหน้านวลแดงเรื่อ เธอใช้กำปั้นเล็กทุบอกคนขโมยจูบ“จะพูดอะไรก็พูดมาสิ ทำไมต้องจูบด้วย” เสียงหวานกระเง้ากระงอด“ก็เมื่อกี้ม่อนจะโวยวายไง” มุทิตากลอกตาขึ้นแล้วเบ้ปาก“ฉันจะบอกว่