เช้าวันหนึ่งขณะที่รินรดากำลังเร่งรีบไปเรียน หญิงสาวมัวแต่กำลังคิดกังวลอยู่กับวิชาที่จะต้องสอบเก็บคะแนนวันนี้ โดยไม่ทันระวังตัว จังหวะที่เธอกำลังเดินข้ามทางม้าลาย รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งกำลังขับมาด้วยความเร็วไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกำลังพุ่งเข้าชนเธออย่างจัง
“กรี๊ด...”
หญิงสาวก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่ร่างบางถูกใครบางคนฉุดกระชากดึงออกมาจากกลางถนนได้ทันท่วงที ก่อนที่รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นจะทันถึงตัว ทำให้รินรดาล้มไปกองที่ฟุตพาทข้างทางในอ้อมกอดของใครบางคน
“น้องระริน เป็นยังไงบ้างครับ”
เสียงนุ่มทุ้มคุ้นหูเรียกสติเธอกลับคืนมา พอรินรดาหันมามองใบหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ ก็เห็นสรวิชญ์ที่กำลังมองเธอด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย
“พี่ต้น!”
“น้องระริน เจ็บตรงไหนบ้างไหมครับ” เขาพูดพลางช่วยประคองเธอลุกขึ้นแล้วสำรวจตัวเธอเป็นการใหญ่
“ขอบคุณมากนะคะพี่ต้น แต่ระรินไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” แม้เธอจะตอบออกไป หากใบหน้างามยังคงมีแววตื่นตระหนกอยู่ในที
“นี่น้องระรินกำลังจะไปเรียนใช่ไหมครับ ให้พี่ไปส่ง
กลางดึกคืนนั้น หลังจากสรวิชญ์เดินไปส่งรินรดาที่หอพัก เขาก็ยืนดูจนกระทั่งหญิงสาวเข้าห้องเรียบร้อยแล้วจึงเดินกลับออกมา ไม่นานนักโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเอกวิทย์ที่ดังขึ้น “ไอ้ต้น ไหนบอกว่าจะมาเลี้ยงเหล้าไงวะ หายหัวไปแบบนี้ คิดจะเบี้ยวกันใช่ไหม” “ใจเย็น ๆ สิวะไอ้เอก กูเพิ่งส่งน้องระรินเสร็จเนี่ย แล้วนี่กูก็กำลังจะไปหาพวกมึง เจอกันที่ร้านเดิมแล้วกัน” หลังจากสรวิชญ์วางสายโทรศัพท์ลง เขาก็รีบขับรถมุ่งหน้าไปที่ร้านเหล้าโดยเร็ว และทันทีที่เขาถึงร้านพอทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะซึ่งมีขวดเหล้าถูกเปิดอยู่ก่อนแล้ว “ไหน...ตกลงได้ผลไหม ไอ้ที่อุตส่าห์ให้กูไปช่วยทำน่ะ” เอกวิทย์ถามทันที ขณะที่เจตต์มองหน้าเพื่อนทั้งสองด้วยความแปลกใจ “ทำ! ทำอะไรวะไอ้เอก นี่กูพลาดเรื่องอะไรไปหร
เอกวิทย์และเจตต์มองตามหลังไปก็เห็นสรวิชญ์กำลังยืนพูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนจะควักโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา แล้วทำบางอย่างก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะดังเดิม “ใครวะไอ้ต้น” “คนรู้จัก” “เออ กูรู้ว่าคนรู้จัก แต่มึงไปรู้จักคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ดูดิเนื้อตัวนี่สักลายไปทั้งตัว ดูน่ากลัวมากกว่าน่าคบนะโว้ยไอ้ต้น” “นั่นสิไอ้ต้น มึงจะคบคนยังไงก็ระวังตัวไว้บ้างนะ ดูท่าแล้วผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวจริง ๆ นั่นแหละ” เจตต์ท้วง “เออน่า กูรู้ว่ากูกำลังทำอะไรอยู่ กูก็แค่จ้างทำงานนิดหน่อย” “งานอะไรวะ ถึงต้องจ้างคนแบบนี้ทำงาน” เอกวิทย์ถามขึ้นบ้าง “ก
ครั้นพอทั้งสองขึ้นไปบนห้องพักของรินรดาเรียบร้อยแล้ว สรวิชญ์ก็ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา ใบหน้าเขายังคงเหยเกด้วยความเจ็บปวด ขณะที่สายตาก็มองสำรวจไปรอบ ๆ ห้องพัก หอพักแห่งนี้ลึกเข้ามาในซอยค่อนข้างเปลี่ยว ขนาดห้องพักไม่ถึงกับเล็กมาก แต่สภาพภายในเก่าแก่จนสีที่ทาไว้ลอกออกกระทั่งเห็นผนังปูนเปลือย มีเตียงเล็ก ๆ ตั้งไว้มุมหนึ่งของห้องติดกับโต๊ะหนังสือโดยมีโน้ตบุ๊กเก่า ๆ ตั้งอยู่บนโต๊ะ ขณะที่อีกฟากหนึ่งมีตู้หนังสือตั้งไว้ภายในเต็มไปด้วยหนังสือมากมายทั้งใช้ประกอบการเรียนและการสอนของหญิงสาว “ทำไมน้องระริน ถึงได้เลือกมาอยู่หอพักนี้ล่ะครับ ทำไมไม่เช่าหออยู่ใกล้ถนนใหญ่ น่าจะสะดวกสบายและปลอดภัยกว่านี้ หอนี้ลึกเข้ามาในซอยตั้งเยอะ แถมยังเก่าอีก ดูแล้วไม่น่าปลอดภัยเลยนะครับ แบบนี้พวกโจรผู้ร้ายมันถึงฉวยโอกาสเอาได้ โชคดีจริง ๆ ที่วันนี้น้องระรินไม่เป็นอะไร”
สรวิชญ์เดินออกจากหอพักของรินรดาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง แม้วันนี้รินรดาจะปฏิเสธการเป็นแฟนกับเขาอีกหน แต่กลับไม่ได้ทำให้ผิดหวังสักเท่าใด เพราะอย่างน้อยปลาก็กินเบ็ดแล้ว วันหน้าเธอจะไปไหนรอด คิดเพลิน ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะ พอเห็นชื่อที่หน้าจอเขาก็รีบกดรับสายทันที “ไอ้อำนาจ...กูบอกให้พวกมึงทำเบา ๆ นี่อะไรทั้งเตะทั้งต่อย จนกูสะบักสะบอมไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย” “ขอโทษครับคุณต้น ผมก็ย้ำกับไอ้สองคนนั่นหลายรอบแล้วนะครับ แต่พวกมันคงกลัวไม่สมจริงก็เลยหนักมือไปหน่อย” “เออ...ก็จริงของมึง งั้นเดี๋ยวกูโอนเงินค่าจ้างที่เหลือไปให้ แล้วบอกคนอื่นด้วยนะ ปิดปากให้สนิท ไม่งั้นจะหาว่ากูไม่เตือน” “ครับคุณต้น” ชายหนุ่มกดวางสาย แล
“อ้าว! แล้วนั่นไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ ทำไมหน้าแหกยับอย่างนี้” “เปล่า เราก็แค่ช่วยสาวในดวงใจจากอันตรายน่ะ” แม้แต่สรรพนามก็ยังเปลี่ยน ปกติมึงกู แต่พออยู่ต่อหน้าสาวกับเรียบร้อยขึ้น ทำคะแนนน่าดู เอกวิทย์หันไปมองสองสาวก่อนทักทายอย่างเป็นกันเอง “สวัสดีครับน้องระริน ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ พี่ชื่อเอกวิทย์ ส่วนนั่นชื่อไอ้เจตต์ ไม่ใช่ ๆ ต้องเรียกว่าพี่เจตต์สิ พวกเราเคยเจอน้องระรินมาก่อนแล้ว หวังว่าน้องระรินคงจะไม่ลืมกันเสียก่อนนะครับ” “อะไรของมึงเนี่ยไอ้เอก ขอโทษทีนะครับน้องระรินน้องอร สองคนนี่เพื่อนสนิทพี่เองครับ ไอ้เอกกับไอ้เจตต์” “สวัสดีค่ะ พี่เอก พี่เจตต์” สองสาวยกมือไหว้พร้อมกัน “อ๋อ อรนึกออกแล้ว พี่สองคนที่เคยเข้ามาจีบระ
“ไอ้ต้น กูว่าวิธีนี้ มันไม่โอเคเลยว่ะ มึงทำแบบนี้เหมือนเอาความปลอดภัยของน้องระรินมาล้อเล่น ถ้าน้องเขาบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไง มึงจะรับผิดชอบไหวเหรอ”“ไอ้เจตต์ แต่เมื่อกี้มึงก็เห็น น้องระรินก็ปลอดภัยดีนี่นา”“น้องระรินปลอดภัยดีแล้วยังไง วิธีที่มึงใช้มันสกปรกเกินไป ถึงขนาดต้องใช้วิธีหลอกลวง ต้องใช้สารพัดวิธีโดยไม่สนถูกผิด เพื่อให้น้องเขาเห็นว่ามึงเป็นคนดี แล้วหันมารักมึง แล้วคิดบ้างไหมว่าถ้าน้องระรินมารู้ทีหลังว่าที่ผ่านมามันเป็นแผนชั่ว ๆ ที่มึงทำไปเพื่ออยากเอาชนะ ไม่ได้ชอบหรือคิดอยากจะจริงจังอะไรกับน้องเขา มึงคิดดูสิว่าผู้หญิงเขาจะเสียใจขนาดไหน มึงแม่งเลวว่ะ”“ไอ้เจตต์ กูเลวตรงไหน ก็แค่ใช้แผนนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วถ้าน้องเขามาชอบกูเอง ก็ไม่ผิดหรือเปล่าวะ”“ถ้าถึงวันที่น้องเขาชอบมึง แล้วตกลงเป็นแฟนกับมึงขึ้นมาจริง ๆ มึงคิดจะคบกับน้องระรินคนเดียว ไม่มองผู้หญิงคนอื่นไหมล่ะ” เจตต์ถามดักคอด้วยรู้นิสัยเพื่อนตัวเองเป็นอย่างดี“นั่นมันก็เรื่องของกูไหมวะ กูจะคบใคร จะเลิกกับใครมันก็เรื่องของกู ต
ช่วงบ่ายหลังจากเรียนเสร็จ รินรดาและกนกอรก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อนนักศึกษาชี้ชวนกันดูบางสิ่งในมือถือ ก่อนหันมามองที่รินรดาเป็นตาเดียว ก่อนที่จะมีเพื่อนใจกล้าคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม “พวกเธอเห็นนี่หรือยัง” “เห็นอะไรเหรอ” พอขาดคำ เพื่อนคนดังกล่าวก็จัดการเปิดคลิปให้รินรดาดูทันที “ก็นี่ไง คลิปที่พี่ต้นกับพี่เจตต์ต่อยกันที่โรงอาหาร ตอนนี้เขาลือกันให้แซ่ดว่า ทั้งสองทะเลาะกันเพราะแย่งระริน” “หา! ว่าไงนะ”หญิงสาวทั้งสองต่างดูภาพเหตุการณ์ที่สรวิชญ์กับเจตต์กำลังต่อยกันในโรงอาหาร ก่อนที่สรวิชญ์จะตะโกนต่อว่าเจตต์ซึ่งถูกบันทึกไว้ได้ทัน ‘ไอ้เจตต์ มึงจะด่าว่าใครก็ได้ แต่มึงจะมาด่าว่าน้องระรินของกูไม่ได้’‘น
“ก็จริงอย่างที่แกบอกนะ” กนกอรเห็นด้วย ก่อนจะพูดต่อ“ฉันไม่แปลกใจหรอก ถ้าพี่ต้นจะช่วยเหลือแกทันตอนที่มอเตอร์ไซค์เกือบชนแก ก็พี่เขาคอยตามดูแลแกตลอดนี่นา ถึงแม้ฉันจะไม่เคยมีแฟน แต่ฉันกลับคิดว่าเรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสองคน คนอื่นไม่เกี่ยว การที่แกจะตัดสินใจเลือกคบใครก็ลองชั่งใจดูแล้วกัน อีกอย่างแกก็คุยและใกล้ชิดกับพี่ต้นมากกว่าฉัน ส่วนพี่เจตต์ก็แทบไม่เคยคุยกันเลย จะเชื่อใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าแกจะเลือกอย่างไร ฉันจะอยู่ข้างแกเสมอ”“ขอบใจนะอร” รินรดายิ้มให้เพื่อนรักด้วยความอุ่นใจ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้โดดเดี่ยวหลังจากรินรดากลับมาที่หอพักในตอนค่ำ เธอก็เปิดคลิปของสรวิชญ์และเจตต์ดูอีกหลายรอบ ก่อนจะเลื่อนลงอ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ ของผู้คนมากมาย ซึ่งมีความคิดเห็นแตกต่างกันบ้างด่าว่าผู้ชายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ก็ผู้ชายทั้งสองคน แต่คอมเมนต์ที่รินรดาสะดุดตาและรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุด คงหนีไม่พ้น คอมเมนต์ที่ด่าว่าเธอเป็นต้นเหตุทำให้ผู้ชายสองคนต้องมาชกต่อยเพื่อแย่งผู้หญิงเพียงคนเดียว‘อีหญิงสำส่อน&rsqu
สามเดือนผ่านไป สรวิชญ์หางานใหม่ได้เป็นพนักงานตำแหน่งเล็ก ๆ ในบริษัทแห่งหนึ่ง รายได้ที่เคยมีก็ลดลงมากว่าครึ่ง ขณะที่ยี่หวาพยายามสมัครงานเท่าไหร่ก็ไม่ถูกใจ เพราะแต่ละที่ให้เงินเดือนเธอน้อยกว่าที่เธอจะยอมรับได้“ยี่หวา ยังไม่ได้งานอีกเหรอ”สรวิชญ์ถามในเย็นวันหนึ่งหลังจากเขากลับมาจากที่ทำงานด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งกินขนม และดูหนังอย่างเพลิดเพลิน ขณะที่ภายในห้องสกปรกรกรุงรัง เสื้อผ้าถูกถอดทิ้งวางกระจัดกระจาย ถังขยะเต็มถังมีแมลงวันบินว่อน แม้แต่ในอ่างล้างจานก็มีจานใช้แล้วกองพะเนินไว้เต็มอ่าง เรียกได้ว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะหยิบจับอะไรเลยสักอย่าง ทำให้สรวิชญ์สายหน้าด้วยความระอา‘นี่กูหาเมีย หรือหาภาระมาเพิ่มกันแน่วะ’เขาคิดด้วยความกลัดกลุ้มทำไมทุกอย่างไม่เป็นเหมือนที่หวังไว้ แทนที่จะเข้ามาช่วยทำให้เขาสบายขึ้น ตอนนี้อีกฝ่ายกลับมาถ่วงชีวิตเขาให้ลำบากกว่าเดิมเสียอีก“ไม่มีงานอะไรถูกใจเลยค่ะพี่ต้น บริษัทใหญ่เสียเปล่าแต่งกชะมัด เงินเดือนก็ให้น้อย แต่จะให้ทำงานเยอะ ๆ นี่มันเอาเปรียบกันชัด ๆ”“แต่พี่ว่าที่รักลองเลือ
หลังจากรินรดาจัดการเก็บข้าวของต่าง ๆ ของสรวิชญ์เรียบร้อยแล้ว เธอก็นำไปบริจาค ส่วนอันไหนที่บริจาคไม่ได้เธอก็ทิ้งลงถังขยะ ก่อนที่น้ำฟ้าจะออกจากโรงพยาบาลในคืนหนึ่งหลังจากน้ำฟ้าออกจากโรงพยาบาล รินรดา พรพรรณ กนกอร และเจตต์ ช่วยกันจัดเตรียมปาร์ตี้หมูกระทะไว้ที่ลานบ้านของรินรดา โดยมีเจตต์เป็นเจ้ามือเลี้ยงทุกคน กอไผ่ลูกชายของกนกอร ในวัยห้าขวบ กำลังนั่งเล่นของเล่นกับน้ำฟ้าหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่พวกผู้ใหญ่ก็ช่วยกันตระเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็น โดยมีเพลงบรรเลงคลอเบา ๆ สร้างสีสันในยามค่ำคืน “นี่อร แล้วทำไมพี่แดนไม่มาด้วยล่ะ”รินรดาถามขึ้นขณะที่กำลังช่วยกันเตรียมของกิน ขณะที่สายตาของเธอก็คอยมองเด็ก ๆ “พี่แดนกำลังยุ่งน่ะสิ ช่วงนี้มีคดีใหญ่เข้า เห็นกำลังนั่งอ่านเอกสารเป็นปึก เลยฝากขอโทษทุกคนด้วย แล้วก็ฝากนี่มาให้ทุกคน
“ไม่หรอกค่ะคุณพ่อ พี่ต้นรักลูกจริง ๆ ขนาดเงินที่ลูกออกเป็นค่าหย่าให้ พี่ต้นยังจะผ่อนจ่ายเลยค่ะ”“เงินค่าหย่า! เงินอะไร” หทัยรัตน์ถามเสียงสูง “แล้วเงินค่าหย่ามันเกี่ยวอะไรกับลูก ทำไมลูกต้องเป็นคนออก”“อันที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวหรอกค่ะ แต่ทางผู้หญิงเรียกเงินสิบล้าน แลกกับการไม่ฟ้องร้อง แถมยังขู่ด้วยว่าถ้าไม่อยากให้เรื่องเป็นเมียน้อยรู้ไปถึงหูนักข่าว ให้จ่ายเงินมาสิบล้าน ไม่อย่างนั้นก็เจอกันที่ศาล”“ลูกก็เลยออกเงินแทนมันงั้นเหรอ”“ก็พี่ต้นเขามีเงินไม่พอนี่คะ หนูก็เลยออกเงินให้ก่อน แต่พี่ต้นก็สัญญานะคะว่าจะทยอยใช้คืนให้”“ทยอยคืน...เงินตั้งสิบล้าน อีกกี่ปีกี่ชาติจะคืนครบ ลูกหนอลูก โตแต่ตัวจริง ๆ แล้วนี่ได้ทำเอกสารสัญญาการกู้ยืมไว้หรือเปล่า”“ทำไมต้องทำด้วยล่ะคะคุณพ่อ เราสองคนรักกันยังไงก็จะแต่งงานกัน เงินแค่นี้...หาเดี๋ยวเดียวก็ได้แล้ว”“แล้วเราเอาเงินสิบล้านมาจากไหน ถ้าพ่อเดาไม่ผิด เงินของลูกน่าจะมีไม่ถึงสิบล้านด้วยซ้ำ”“มีไม่ถึงหรอกค่ะ แต่ยี่หวาเอาเงินของบริษัทโอนไปก่อน” คำตอบของกวินนาถ ทำให้เดชาโกรธจัดจนควันออกหู“อะไรนะ! ท
“ขอโทษด้วยนะคะคุณแม่ ต่อไปนี้หนูคงไม่ได้ไปดูแลคุณพ่อคุณแม่อีกแล้ว เพราะตอนนี้หนูกับพี่ต้น เราหย่ากันเรียบร้อยแล้วค่ะ” รินรดาถือสายโทรศัพท์ฟังอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะวางลงดวงตาที่สดใสเมื่อครู่ สลดลงพร้อมกับน้ำตาคลอที่เจ้าตัวพยายามสะกดกลั้นไม่ให้ไหลออกมา “มีอะไรเหรอครับน้องระริน แม่ไอ้ต้นทำไมเหรอครับ” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ต้น ระรินแค่สงสารพ่อแม่ของพี่ต้นน่ะค่ะ เมื่อก่อนเวลาท่านป่วยหรือไม่สบาย ระรินก็เป็นคนคอยดูแลพาไปหาหมอ ท่านไม่รู้เลยว่าระรินกับพี่ต้นหย่ากัน และทางนั้นก็มีคนใหม่ไปแล้ว ไม่รู้ต่อไปจะเป็นยังไงบ้างนะคะ” “พี่เข้าใจครับ แต่พี่ว่ารอเวลาผ่านไปสักพัก ทุกอย่างก็คงจะเข้าที่ พี่อยากให้ระรินปล่อยวาง เราไม่สามารถช่วยได้ทุกคน ตอนนี้ไอ้ต้นมันมีคนใหม่แล้ว ต่อไปก็ควรเป็นหน้าที่มันที่ต้องดูแลพ่อแม่ตัวเอง เราไม่เกี่ยวแล้วล่ะครับ”&
หลังจากไปส่งกนกอรที่สถาบันและพารินรดากลับบ้านแล้ว เจตต์จึงกลับไปยังบ้านของตน ชายหนุ่มยืนมองใบหน้าที่ฟกช้ำอยู่หน้ากระจกแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ทันใดนั้นเสียงออดหน้าประตูก็ดังขึ้น พอเขาเดินออกมาก็เห็นรินรดากำลังยืนอยู่หน้ารั้วในมือถือกล่องปฐมพยาบาล แต่ยังไม่ทันจะถามอะไรอีก อีกฝ่ายก็เป็นคนชิงพูดขึ้นเสียก่อน “ระรินมาทำแผลให้พี่เจตต์ค่ะ” “ขอบคุณมากครับ แต่น้องระรินไม่เห็นต้องลำบากเลย” “ไม่ลำบากอะไรเลยค่ะ ถ้าระรินไม่ทำแผลให้พี่เจตต์คงจะรู้สึกผิดแย่” “งั้นเข้ามาในบ้านก่อนสิครับ” เจตต์พาหญิงสาวเดินเข้ามาในรั้วบ้านผ่านสวนที่เขายังทำไม่เสร็จ“พี่เจตต์กำลังทำสวนใหม่เหรอคะ”“อ๋อ ค
“มึงจะไปไหนไอ้เจตต์”สรวิชญ์อาศัยจังหวะที่เจตต์ไม่ทันระวังตัว เขากระชากไหล่เจตต์หันกลับมา ก่อนที่ตัวเองจะซัดกำปั้นไปที่ใบหน้าของเจตต์ในเวลาต่อมาบริเวณหน้าเขตก็กลายเป็นสมรภูมิชกต่อยของสองอดีตเพื่อนรัก โดยมีรินรดากับกวินนาถคอยช่วยห้ามปราม ก่อนที่จะมีผู้คนมากมายกรูกันมาดูแล้วจับทั้งสองแยกจากกันและขู่ว่าจะแจ้งตำรวจ ทำให้สรวิชญ์และเจตต์ต้องแยกย้าย“อีระริน ในเมื่อมึงมีชู้ มึงเอาเงินสิบล้านของกูคืนมา”สรวิชญ์ยังไม่วายชี้หน้าด่ารินรดาด้วยความแค้นเคือง โดยมีกวินนาถคอยรั้งร่างสูงสุดแรง“ฉันไม่คืน เพราะเงินสิบล้านนี่แลกกับใบหย่า ในเมื่อตอนนี้ เราหย่ากันแล้ว คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาหึงหวงหรืออ้างความเป็นเจ้าของอีก ตอนคุณมีเมียใหม่ ฉันยังไม่ยุ่งเรื่องของคุณเลย เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ ถ้าฉันจะคบใคร คุณก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องของฉัน ไปค่ะพี่เจตต์ เรากลับกันเถอะค่ะ”รินรดาช่วยประคองเจตต์ลุกขึ้น ก่อนจะพาเดินไปที่รถ มีกนกอรเดินตามทั้งสองไปติด ๆ สรวิชญ์ได้แต่มองตามด้วยความคับแค้นใจที่เสียรู้จนต้องเสียเงินให้อีกฝ่าย แทนที่เงินจะเข้ากระเป๋าเขา&nbs
“หมายความว่ายังไง อย่าเพิ่งเซ็น นี่จะตุกติกเหรอ” สรวิชญ์เสียงเข้มอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่ต้นคะ ฉันไม่ได้คิดจะตุกติกอะไรหรอก แต่เพื่อนฉันจะเซ็นได้ยังไง ในเมื่อเงินสิบล้านบาทที่ตกลงกันยังไม่เข้าบัญชีแม้แต่บาทเดียว” “งก หน้าเลือด” เสียงแหวของกวินนาถสวนกลับด้วยความขัดใจ “ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันต้องรักษาผลประโยชน์ของเพื่อน ถ้าเกิดเพื่อนฉันเซ็นไปแล้ว คุณเกิดตุกติกไม่โอนเงินให้ เพื่อนฉันก็ชวดเงินสิบล้านสิคะ ใครจะไปรู้ คำพูดคนบิดพลิ้วได้ตลอดแหละค่ะ เพราะฉะนั้น ระรินจะยังไม่ยอมเซ็นจนกว่าเงินจะเข้าบัญชีสิบล้าน” “นี่ฉันไม่เบี้ยวหรอก เซ็น ๆ ให้เรียบร้อย เดี๋ยวฉันจัดการโอนเงินให้ทีหลัง” “ไม่ได้ค่ะ...ยื่นหมูยื่นแมว เงินต้องโอนเข้าบัญชีก่อน ระรินถึ
เช้าวันรุ่งขึ้น รินรดากับกนกอรเดินทางมายังสำนักงานเขตตามที่นัดหมาย โดยเจตต์อาสาขับรถมาให้ รินรดาเหม่อมองออกไปนอกรถ ก่อนที่เธอจะสะดุ้งเมื่อเสียงของกนกอรดังขึ้น ทันทีที่รถจอดสนิท “พี่เจตต์ ไม่ต้องเข้าไปหรอกค่ะ รอพวกเราอยู่ในรถดีกว่า แค่นี้อรจัดการได้” “จะดีเหรอครับ”“ดีค่ะ”“งั้นถ้าเสร็จเรื่องแล้ว พี่จะพาน้อง ๆ ไปเลี้ยงฉลองกันดีไหมครับ” “ระรินก็อยากไปนะคะพี่ แต่ว่าระรินห่วงลูกน่ะค่ะ ระรินอยากรีบกลับไปดูลูกมากกว่า” “โธ่แก ไม่เห็นจะยากเลย เราก็ไปหาซื้อของกินอร่อย ๆ แล้วก็หอบไปกินกันกับหนูน้ำฟ้ายังไงล่ะดีไหม” “ฉันกลับคิดว่าพรุ่งนี้น้ำฟ้าก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทำไมไม่รอให้ลูกออกมาก่อน แล้วเราค่อยไปทำหม
“เชิญนั่งค่ะพี่ต้น คุณยี่หวา นึกว่าจะเปลี่ยนใจไม่มาเสียแล้ว ว่าแต่จะสั่งอะไรตามสบายเลยนะคะ มื้อนี้เดี๋ยวอรเลี้ยงเอง” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณอร รีบคุยธุระให้เสร็จดีกว่า จะได้รีบไป ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากนักหรอกนะคะ” กวินนาถกระแทกเสียงก่อนจะนั่งลงอีกฝั่งเคียงข้างสรวิชญ์เขาไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาต้องนั่งเผชิญหน้ากับรินรดาในฐานะเมียหลวง และกวินนาถในฐานะเมียน้อย หากเขาเลือกได้ เขาอยากจะเก็บทั้งสองคนไว้เหมือนที่ผ่านมา ต่างคนต่างอยู่ในโลกของเขาคนละใบ ซึ่งเขาก็มีความสุขกับโลกทั้งสองใบ แต่ตอนนี้เมื่อความลับมันไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว การที่เขาเลือกกวินนาถ แม้จะทำให้รินรดาเจ็บปวด แต่เขาก็จำเป็นต้องทำ เพื่อประโยชน์ของตัวเอง “ระริน พี่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเราสองคน คนอื่นไม่ควรมายุ่ง” สรวิชญ์พูดกระแทกใส่กนกอร ทำให้อีกฝ่ายสวนกลับอย่างไม่ลดละ&nb