“อ้าว! แล้วนั่นไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ ทำไมหน้าแหกยับอย่างนี้”
“เปล่า เราก็แค่ช่วยสาวในดวงใจจากอันตรายน่ะ” แม้แต่สรรพนามก็ยังเปลี่ยน ปกติมึงกู แต่พออยู่ต่อหน้าสาวกับเรียบร้อยขึ้น ทำคะแนนน่าดู เอกวิทย์หันไปมองสองสาวก่อนทักทายอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีครับน้องระริน ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ พี่ชื่อเอกวิทย์ ส่วนนั่นชื่อไอ้เจตต์ ไม่ใช่ ๆ ต้องเรียกว่าพี่เจตต์สิ พวกเราเคยเจอน้องระรินมาก่อนแล้ว หวังว่าน้องระรินคงจะไม่ลืมกันเสียก่อนนะครับ”
“อะไรของมึงเนี่ยไอ้เอก ขอโทษทีนะครับน้องระรินน้องอร สองคนนี่เพื่อนสนิทพี่เองครับ ไอ้เอกกับไอ้เจตต์”
“สวัสดีค่ะ พี่เอก พี่เจตต์” สองสาวยกมือไหว้พร้อมกัน
“อ๋อ อรนึกออกแล้ว พี่สองคนที่เคยเข้ามาจีบระ
“ไอ้ต้น กูว่าวิธีนี้ มันไม่โอเคเลยว่ะ มึงทำแบบนี้เหมือนเอาความปลอดภัยของน้องระรินมาล้อเล่น ถ้าน้องเขาบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไง มึงจะรับผิดชอบไหวเหรอ”“ไอ้เจตต์ แต่เมื่อกี้มึงก็เห็น น้องระรินก็ปลอดภัยดีนี่นา”“น้องระรินปลอดภัยดีแล้วยังไง วิธีที่มึงใช้มันสกปรกเกินไป ถึงขนาดต้องใช้วิธีหลอกลวง ต้องใช้สารพัดวิธีโดยไม่สนถูกผิด เพื่อให้น้องเขาเห็นว่ามึงเป็นคนดี แล้วหันมารักมึง แล้วคิดบ้างไหมว่าถ้าน้องระรินมารู้ทีหลังว่าที่ผ่านมามันเป็นแผนชั่ว ๆ ที่มึงทำไปเพื่ออยากเอาชนะ ไม่ได้ชอบหรือคิดอยากจะจริงจังอะไรกับน้องเขา มึงคิดดูสิว่าผู้หญิงเขาจะเสียใจขนาดไหน มึงแม่งเลวว่ะ”“ไอ้เจตต์ กูเลวตรงไหน ก็แค่ใช้แผนนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วถ้าน้องเขามาชอบกูเอง ก็ไม่ผิดหรือเปล่าวะ”“ถ้าถึงวันที่น้องเขาชอบมึง แล้วตกลงเป็นแฟนกับมึงขึ้นมาจริง ๆ มึงคิดจะคบกับน้องระรินคนเดียว ไม่มองผู้หญิงคนอื่นไหมล่ะ” เจตต์ถามดักคอด้วยรู้นิสัยเพื่อนตัวเองเป็นอย่างดี“นั่นมันก็เรื่องของกูไหมวะ กูจะคบใคร จะเลิกกับใครมันก็เรื่องของกู ต
ช่วงบ่ายหลังจากเรียนเสร็จ รินรดาและกนกอรก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อนนักศึกษาชี้ชวนกันดูบางสิ่งในมือถือ ก่อนหันมามองที่รินรดาเป็นตาเดียว ก่อนที่จะมีเพื่อนใจกล้าคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม “พวกเธอเห็นนี่หรือยัง” “เห็นอะไรเหรอ” พอขาดคำ เพื่อนคนดังกล่าวก็จัดการเปิดคลิปให้รินรดาดูทันที “ก็นี่ไง คลิปที่พี่ต้นกับพี่เจตต์ต่อยกันที่โรงอาหาร ตอนนี้เขาลือกันให้แซ่ดว่า ทั้งสองทะเลาะกันเพราะแย่งระริน” “หา! ว่าไงนะ”หญิงสาวทั้งสองต่างดูภาพเหตุการณ์ที่สรวิชญ์กับเจตต์กำลังต่อยกันในโรงอาหาร ก่อนที่สรวิชญ์จะตะโกนต่อว่าเจตต์ซึ่งถูกบันทึกไว้ได้ทัน ‘ไอ้เจตต์ มึงจะด่าว่าใครก็ได้ แต่มึงจะมาด่าว่าน้องระรินของกูไม่ได้’‘น
“ก็จริงอย่างที่แกบอกนะ” กนกอรเห็นด้วย ก่อนจะพูดต่อ“ฉันไม่แปลกใจหรอก ถ้าพี่ต้นจะช่วยเหลือแกทันตอนที่มอเตอร์ไซค์เกือบชนแก ก็พี่เขาคอยตามดูแลแกตลอดนี่นา ถึงแม้ฉันจะไม่เคยมีแฟน แต่ฉันกลับคิดว่าเรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสองคน คนอื่นไม่เกี่ยว การที่แกจะตัดสินใจเลือกคบใครก็ลองชั่งใจดูแล้วกัน อีกอย่างแกก็คุยและใกล้ชิดกับพี่ต้นมากกว่าฉัน ส่วนพี่เจตต์ก็แทบไม่เคยคุยกันเลย จะเชื่อใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าแกจะเลือกอย่างไร ฉันจะอยู่ข้างแกเสมอ”“ขอบใจนะอร” รินรดายิ้มให้เพื่อนรักด้วยความอุ่นใจ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้โดดเดี่ยวหลังจากรินรดากลับมาที่หอพักในตอนค่ำ เธอก็เปิดคลิปของสรวิชญ์และเจตต์ดูอีกหลายรอบ ก่อนจะเลื่อนลงอ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ ของผู้คนมากมาย ซึ่งมีความคิดเห็นแตกต่างกันบ้างด่าว่าผู้ชายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ก็ผู้ชายทั้งสองคน แต่คอมเมนต์ที่รินรดาสะดุดตาและรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุด คงหนีไม่พ้น คอมเมนต์ที่ด่าว่าเธอเป็นต้นเหตุทำให้ผู้ชายสองคนต้องมาชกต่อยเพื่อแย่งผู้หญิงเพียงคนเดียว‘อีหญิงสำส่อน&rsqu
“พี่ต้นกลับไปก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้ระรินยังไม่อยากคุยกับพี่” หญิงสาวพยายามยื่นร่มให้ หากอีกฝ่ายกลับยืนนิ่ง“ถ้าน้องระรินยอมยกโทษให้ พี่ถึงจะยอมกลับแต่โดยดี”ถ้อยคำของเขาทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของหญิงสาวขาดสะบั้น พร้อมร่มในมือที่ขว้างใส่แผงอกกว้างโดยแรง“จะให้ระรินยกโทษให้เรื่องไหนดีคะ เรื่องในคลิปที่แชร์กันว่อนตอนนี้ จนทุกคนด่าว่าระรินเป็นผู้หญิงไม่ดี จนทำให้เพื่อนรักแตกคอกัน หรือเรื่องที่พี่เจตต์เล่าว่า ที่ผ่านมา พี่ต้นวางแผนต่าง ๆ เพื่อเข้าหาระริน เพราะต้องการเอาชนะคำท้าทายของเพื่อน พี่ไม่ได้ชอบระรินจริง ๆ แต่พี่แค่เล่นเกมเพื่อเอาชนะให้ได้เท่านั้น นี่ระรินกลายเป็นตัวตลกในเกมของพี่เหรอคะ หรือเห็นระรินโง่หลอกง่าย”คำพูดตัดพ้อทั้งน้ำตาของหญิงสาว ทำให้สรวิชญ์รู้ทันทีว่าเจตต์นำความจริงไปเล่าให้รินรดาฟังหมดแล้ว หัวใจของเขาหล่นวูบเพราะแผนการที่สู้อุตส่าห์ทำใกล้สำเร็จ กลับถูกเพื่อนเวรนั่นหักหลังเสียได้ ชายหนุ่มต้องตั้งสติพยายามใช้สมองฉับไวรีบแก้ปัญหาตรงหน้าเขาใช้เวลาอยู่นานกว่ากำแพงหัวใจของรินรดาจะเปิดรับเขาเ
“ฝันดีนะครับ”รินรดามองเขาอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับ“ฮัดเช้ย!”เสียงจามสนั่นนั่นทำให้เธอชะงักและสูดหายใจเข้าปอดจนลึก แล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้เธอตัดสินใจหันกลับไปพร้อมกับพูดขึ้น“พี่ต้นขึ้นไปนั่งรอบนห้องกับระรินเถอะค่ะ อย่างน้อยก็จนกว่าฝนจะหยุดตก ก็ค่อยกลับ”ดวงตาคมทอประกายวาววับ แต่ยังข่มใจไม่ให้ร้องตะโกนด้วยความดีใจออกมา“จะดีเหรอครับน้องระริน”“พี่ต้นก็เคยขึ้นไปบนห้องระรินแล้ว หรือว่าพี่ต้นกลัวเป็นข่าวกับระรินเหรอคะ” เธอถามหยั่งเชิง ทำให้เขารีบปฏิเสธเป็นพัลวัน“เพราะพี่ช่วยน้องระรินจากโจรผู้ร้าย น้องระรินเลยทำแผลให้พี่ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน... คนพวกนั้นเพิ่งด่าว่าน้องระรินในโลกโซเชียล หากใครมาเห็นเข้า พี่กลัวว่าจะยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟ ทำให้น้องระรินเสียหายอีกน่ะสิครับ พี่เป็นผู้ชาย ใครจะมองยังไงพี่ไม่สนใจอยู่แล้ว แต่น้องระรินเป็นผู้หญิง พี่ไม่อยากให้คนมองน้องระรินไม่ดีครับ”“ในเมื่อพี่ไม่กลัว ระรินก็ไม่มีอะไรจะต้องกลัวค่ะ เราบริสุทธิ์ใจเสี
หลังจากอาบน้ำเสร็จ สรวิชญ์ก็เดินไปที่หน้าต่างมองสายฝนที่ยังตกกระหน่ำไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ก่อนจะนั่งที่เก้าอี้เก่า ๆ ตัวเดียวที่มีอยู่ในห้อง “ฝนยังตกหนักอยู่เลย” เสียงทุ้มทำให้รินรดาเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมอง พอเห็นสภาพของสรวิชญ์ในตอนนี้หญิงสาวก็ถึงกับหลุดหัวเราะคิกออกมาทันทีเขาสวมกางเกงวอร์มที่หลวมของเธอได้พอดี ขณะที่เสื้อยืดตัวใหญ่หลวมโคร่งสำหรับเธอ เมื่อไปอยู่บนตัวเขากลับเข้ารูปจนดูตัวเล็กไปถนัดตา โดยมีผ้าเช็ดตัวคลุมอยู่บนศีรษะเพื่อเช็ดผมให้แห้ง เรียกว่าหมดมาดคนหล่อที่เธอมักเห็นอยู่บ่อย ๆ “หัวเราะอะไรครับ น้องระริน” คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ “เปล่าคะพี่ต้น คือเสื้อกับกางเกงตัวนี้ ระรินใส่เองย
“เรื่องจริงเป็นอย่างไร มีแค่เจตต์ที่รู้ตัวเองดี น้องระรินไม่ต้องกังวลนะครับ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป พอมีเรื่องใหม่คนก็ลืมเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้วล่ะครับ มาครับเดี๋ยวพี่ช่วยล้างจานดีกว่า” “อุ๊ย! ไม่ต้องค่ะ ระรินล้างเองได้ค่ะ” “เมื่อกี้น้องระรินทำอาหารให้พี่กินแล้วนี่ ให้พี่ช่วยล้างจานบ้างเถอะนะ พี่ไม่อยากให้มือสวย ๆ ของแฟนพี่เปื่อยเพราะน้ำยาล้างจานนี่นา มาครับพี่จัดการเอง” รินรดามองอีกฝ่ายอย่างรู้สึกดีมากขึ้นเรื่อย ๆ หวังว่าเธอจะคิดไม่ผิดที่ยอมรับอีกฝ่ายเป็นแฟน พอไม่ต้องล้างจาน หญิงสาวจึงเดินไปที่หน้าต่างก็เห็นว่าด้านนอกฝนหยุดตกแล้วจึงหันไปบอก “พี่ต้นคะ ฝนหยุดตกแล้วพี่ต้นกลับบ้านได้แล้วล่ะค่ะ”
หนึ่งปีผ่านไป หลังจากวันที่สรวิชญ์และรินรดาตกลงคบกันเป็นแฟน จนรินรดาขึ้นชั้นปีที่สาม ส่วนสรวิชญ์ขึ้นชั้นปีที่สี่ ทั้งสองคบกันเป็นแฟนอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่สรวิชญ์จะรบเร้าให้หญิงสาวย้ายมาอยู่กับตัวเองที่คอนโดหากหญิงสาวก็ทำเพียงมานอนที่คอนโดของเขาบ้างเป็นครั้งคราว โดยอ้างเหตุผลง่าย ๆ ว่าข้าวของของเธอเยอะทำให้ไม่อยากขนของย้ายหอ อีกอย่างเวลาที่เธอต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบหรือเตรียมสอน เธอต้องใช้สมาธิไม่ชอบให้ใครกวน ด้วยเหตุนี้ สรวิชญ์จึงต้องสลับมานอนที่หอของเธอบ้างในบางครั้ง สิ่งที่ผิดคาดสำหรับสรวิชญ์คือ ในตอนแรกเขาคิดเพียงว่าจะจีบรินรดาเพื่อเอาชนะ แต่หลังจากที่เขาจีบเธอติด เขากลับเริ่มรู้สึกชอบเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ จากตอนแรกตั้งใจว่าจะคบเป็นแฟนไม่นาน พอเบื่อก็ขอเลิกเหมือนคนอื่น ๆ แต่นี่กลับกลายเป็นว่าเขากลับคบเธอนานกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา แต่สำหรับรินรดา สร
รินรดาและสรวิชญ์ก็ช่วยกันประคับประคองความรัก คอยให้กำลังใจซึ่งกันและกัน จนความบอบช้ำทางใจของหญิงสาวค่อย ๆ หายดี สำหรับรินรดา การทำงานและหาเงินควบคู่ไปด้วยกัน เป็นเรื่องปกติที่เธอทำมาตลอด เธอจึงไม่ได้รู้สึกหนักหนาอะไร ตรงกันข้ามกับสรวิชญ์ เขาเคยชินกับการเรียนเพียงอย่างเดียว และมีเงินมากพอที่จะใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการแต่หลังจากเกิดวิกฤติทางการเงินของครอบครัวครั้งใหญ่ เขาต้องใช้เงินที่ครอบครัวโอนมาให้ในแต่ละเดือนด้วยความประหยัด แม้จะมีรายได้เสริมจากการที่เขาคอยช่วยรินรดาสอนพิเศษ หากเขากลับรู้สึกว่า เงินที่ได้น้อยนิด ไม่คุ้มค่ากับการทำงานเหน็ดเหนื่อยแบบนี้ “พี่ต้น ทำไมสีหน้าเคร่งเครียดอย่างนั้นล่ะคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” “พี่เหนื่อยน่ะ ไหนจะต้องเรียนต้องไปสอบ ไหนจะต้องสอนพิเศษ เงินที่ได้ก็น้อย ไม่คุ้มกับที่ปากเปียกปากแฉะ หนูเก่งมาก ๆ เลย ทำได้ยังไงเนี่ย ทั้งเรีย
หลังจากรินรดาและสรวิชญ์ปรับความเข้าใจกันได้ ทั้งสองกลับมาคบหาและอยู่ด้วยกันอีกครั้ง วันหนึ่งชายหนุ่มกลับมาถึงหอในคืนหนึ่ง เขาเดินเข้าไปสวมกอดหญิงสาวคนรักด้วยความคิดถึง“ระรินครับ วันนี้พี่มีของขวัญให้หนูด้วยนะ”“ของขวัญเนื่องในโอกาสอะไรเหรอคะ”“ในโอกาสที่หนูยกโทษให้พี่ไงครับ ของขวัญแทนความรักและคำขอบคุณจากพี่” เขาพูดพร้อมปลดกระดุมเสื้อออก เผยให้เห็นรอยสักรูป ร. ที่หน้าอกด้านซ้าย“พี่ต้นไปสักมาเหรอคะ ร.เรือ หมายความว่ายังไงเหรอคะพี่”“พี่ให้ช่างสักรูป ร.เรือ แทนชื่อของน้องระริน รินรดา เพื่อจะสลักชื่อหนูไว้กลางใจของพี่ตลอดไป หนูจะได้มั่นใจว่า พี่จะรักและซื่อสัตย์กับหนูเพียงคนเดียว นี่คือของขวัญแทนคำมั่นสัญญาที่พี่อยากมอบให้คนที่พี่รักที่สุดครับ”“พี่ต้น...ขอบคุณมากนะคะ ระรินชอบมากเลยค่ะ”รินรดาโผเข้ากอดเขาด้วยความตื้นตันใจกับของขวัญชิ้นนี้ที่เขาตั้งใจมอบให้“พรุ่งนี้หนูพาพี่ไปหาน้าอ้อยนะ พี่อยากทำให้ถูกต้อง พี่อยากขอขมาน้าอ้อยกับเรื่องท
สรวิชญ์ทรุดตัวนั่งกับพื้นก่อนจะร่ำไห้ออกมา ทำเอาคนทั้งสามมองภาพนั้นอย่างสะเทือนใจ ใครจะไปคาดคิดว่าเพื่อนรักอย่างสรวิชญ์และเอกวิทย์จะแตกหักกันได้เพียงเพราะเงินและผู้หญิงเพียงคนเดียว รินรดาขยับจะเข้าไปหาสรวิชญ์ด้วยความสงสาร หากกนกอรรั้งไว้พร้อมพูดเตือนสติ “ระริน แกอย่าลืมสิที่แกต้องแท้งลูกก็เพราะผู้ชายคนนี้ แกจะใจอ่อนเพราะฟังคำพูดแค่ไม่กี่คำได้ยังไง” “อะไรนะ! แท้งลูก...แท้งลูกเหรอ หมายความว่ายังไง” สรวิชญ์อุทานด้วยความแปลกใจ พลางจ้องมองหน้ารินรดาและกนกอรอย่างคาดคั้น ทำให้กนกอรที่เผลอหลุดปากพูดออกไปถึงกับรีบตีปากตัวเอง “ระริน ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”&nbs
“เออก็ได้ กูจะบอกให้เอาบุญ ไอ้เด็กนี่ไม่ใช่ลูกมึง ทำไม...กูแค่อยากให้เด็กมีพ่อ กูผิดด้วยเหรอ”“แต่มันต้องไม่ใช่กู มึงทำลายชีวิตกู”“โธ่...ไอ้ต้น อย่าหลงตัวเองหน่อยเลยว่าดีเลิศประเสริฐศรี มึงตอนนี้ มันก็แย่ไม่ต่างจากพวกกู หรอกวะ บ้านก็ล้มละลาย เหลือแต่ตัว เสียเวลาชะมัด รู้งี้กูไปจับผู้ชายคนอื่นที่รวยกว่านี้เสียก็ดี”เมื่อชนิศาเห็นว่าแผนที่เธออุตส่าห์ตั้งใจมาตลอดกลับถูกจับได้ เธอถึงกับชี้หน้าด่าอย่างเหลืออดและรีบออกไปจากห้องโดยไม่สนใจชายหนุ่มทั้งสองอีกเลย“ไหนเงินกูล่ะ ค่าจ้างกูล่ะ”เอกวิทย์ทวงไล่หลัง แต่ก็สูญเปล่า เงินค่าจ้างที่เขาควรจะได้ หายวับไปกับตัวต้นเรื่องที่เดินทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ครั้นพอเขาหันมาเห็นสรวิชญ์ที่กำลังจ้องมองหน้าเขาด้วยความเจ็บช้ำใจ ชายหนุ่มถึงกับเสียงอ่อนลง“ต้นกูขอโทษจริง ๆ กูไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”“ไอ้เอก...” สรวิชญ์พูดเพียงแค่นั้น แล้วหมัดหนัก ๆ ของเขาจะซัดเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างจัง ก่อนจะผลุนผลันออกจากห้องไปด้วยความหงุดหงิด
“เออ...ไอ้ต้น รถมึงไปไหนวะ เมื่อกี้กูขึ้นมาไม่เห็นรถมึงจอดอยู่เลย” จู่ ๆ เอกวิทย์ก็โพล่งถามขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย เรียกสติของสรวิชญ์กลับคืนมาพร้อมตอบกลับอย่างหัวเสีย“กูไม่มีรถแล้ว”“หมายความว่ายังไงวะ ไม่มีรถแล้ว”“บ้านกูล้มละลาย เขามายึดรถกูไปแล้ว”“อะไรนะ มึงโกหกหรือเปล่าเนี่ยไอ้ต้น”“เรื่องแบบนี้โกหกได้ด้วยเหรอวะ” เขาพูดพลางกระดกขวดเหล้าในมือต่ออย่างไม่สนใจ ขณะที่ ชนิศาหน้าซีดเผือดเมื่อรับรู้จากปากเขา แต่ยังไม่ทันที่คนทั้งสามจะทำสิ่งใดต่อ ก็มีผู้ชายท่าทางน่ากลัวกลุ่มหนึ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างอุกอาจ “พวกมึงออกไปให้หมดเดี๋ยวนี้ ที่นี่ถูกยึดแล้ว” “นี่มันเรื่องอะไรกัน” สรวิชญ์ตะโกนใส่หน้าด้วยความไม่พอใจ&nbs
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา หลังจากรินรดาออกจากโรงพยาบาล เธอกลับมาเรียนและสอนพิเศษตามปกติ โดยมีกนกอรและเจตต์คอยสลับกันอยู่ดูแลเป็นเพื่อน คอยระแวดระวังสรวิชญ์หากเขาจะเข้ามาใกล้รินรดา ถึงขนาดที่กนกอรหอบเสื้อผ้าใส่กระเป๋ามานอนค้างเป็นเพื่อนรินรดาที่หอพัก จนอีกฝ่ายร้องโอดครวญออกมาด้วยความเกรงใจ “พี่เจตต์ อร ทั้งสองคนไม่ต้องทำแบบนี้หรอก ระรินหายแล้ว ดูแลตัวเองได้ ส่วนอรไม่ต้องมานอนเป็นเพื่อนฉันหรอก นี่ห้องฉันเอง ฉันอยู่คนเดียวได้สบายมาก” “พี่รู้ว่าระรินดูแลตัวเองได้ แต่พี่เป็นห่วง หากไอ้ต้นบุกเข้ามาหา น้องจะเป็นอันตรายน่ะสิ” “ใช่แก พี่เจตต์พูดถูก” กนกอรเห็นด้วย โดยไม่ได้สังเกตเห็นรินรดาที่หน้าเจื่อนไป เมื่อชื่อของคนที่เธอพยายามจะลืมถูกพูดขึ้นมาอีกค
“ฉันยังไม่พร้อมที่จะคุยอะไรกับเขาตอนนี้ ฉันขอร้องล่ะค่ะ พี่เจตต์ อร อย่าเอาเรื่องวันนี้ไปบอกพี่ต้นเลยนะคะ ฉันขอร้อง...ให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับนะคะ”คำตอบของรินรดาทำให้กนกอรรู้สึกขัดใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จำต้องรับคำ“ก็ได้...ฉันจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ความลับของแก ฉันจะปิดให้สนิท”“ส่วนพี่ ระรินไม่ต้องเป็นห่วง พี่ไม่เอาไปบอกใครแน่นอน”“ขอบคุณมากนะคะพี่เจตต์ อร”พลันสายตากนกอรมองดูนาฬิกาในห้องพักคนไข้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าถึงเวลาเข้าเรียน เธอจึงรีบขอตัวไปมหาวิทยาลัยพร้อมกับเจตต์ แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะออกไปจากห้อง รินรดากลับเรียกขึ้น“พี่เจตต์คะ เรื่องครั้งนี้ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้พี่เจตต์ช่วยไว้ ระรินคงแย่”“ใช่ น้าเองก็ต้องขอบคุณเจตต์มากนะลูก หากไม่ได้เจตต์ ไม่รู้เลยว่าหลานน้าจะเป็นยังไงบ้าง”“ไม่เป็นไรครับ น้าอ้อย น้องระริน สำหรับน้องระริน ถ้ามีปัญหาหรือเรื่องอะไรบอกพี่ได้เสมอ พี่ยินดีช่วยครับ” เขาบอกยิ้ม ๆ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปพร้อม
ยังไม่ทันที่จะได้สนทนากันต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับหมอและพยาบาลเดินเข้ามาในห้อง ก่อนที่หมอจะขอให้ญาติคนไข้ออกไปรอด้านนอกก่อนเพื่อทำการตรวจ“คนไข้รู้ตัวไหมครับ ว่ามาที่นี่ด้วยอาการยังไงบ้าง”“จำได้ว่า ปวดท้องมากค่ะแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย” “เมื่อคืนคนไข้ตกเลือดมาก”“ตกเลือด หมายความว่ายังไงคะ”“คนไข้รู้ไหมครับว่าตัวเองตั้งครรภ์”“ตั้งครรภ์เหรอคะ”รินรดาทวนคำเสียงเบาหวิว แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“ครับ หลังจากที่หมอตรวจเพิ่มเติม พบว่าคนไข้ตั้งครรภ์ แต่...หมอเสียใจด้วยนะครับ เด็กไม่อยู่แล้ว คนไข้ต้องนอนพักดูอาการอยู่ที่นี่อีกสัก 2-3 วันนะครับ ถึงจะกลับบ้านได้ แล้วคนไข้อยากให้หมอบอกญาติให้ไหมครับ”“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยว...บอกเองค่ะ ขอบคุณนะคะ”เธอตอบน้ำเสียงแผ่วก่อนที่หมอและพยาบาลจะเดินออกไป‘ตั้งครรภ์’‘เด็กไม่อย
เธอรักเขา ไม่อยากเลิกกับเขา อยากให้อภัยเขา หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แล้วกลับไปคบกับเขาเหมือนเดิมแต่ว่า...เธอไม่อาจทำใจยอมรับกับความจริงที่อยู่ตรงหน้าได้ เธอจะเห็นแก่ตัวยื้อแย่งเขามาได้อย่างไร ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นกำลังมีลูกกับเขา ส่วนเธอก็เป็นแค่แฟน ไม่ได้มีพันธะผูกพันอะไรหากเธอยึดเขาไว้เหมือนคนเห็นแก่ตัว เด็กที่อยู่ในท้องก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้าเหมือนอย่างที่เธอเคยเป็น หญิงสาวไม่ต้องการให้เด็กบริสุทธิ์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ต้องมารับกรรมเพราะผลของการกระทำจากผู้ใหญ่เรื่องระหว่างคนสามคน แค่เธอตัดสินใจเดินออกมา มีเธอเสียใจคนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้เด็กคนหนึ่งต้องเกิดมาไม่มีพ่อ เด็กคนนั้นควรจะได้มีโอกาสเติบโตพร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูก...ทว่าความคิดของรินรดาก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อจู่ ๆ อาการปวดท้องหน่วงหนักก็ปะทุขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวเอามือทั้งสองกุมหน้าท้องเอาไว้พยายามข่มความเจ็บปวด จังหวะนั้นเอง รถเก๋งแปลกตาก็แล่นมาจอดอยู่เบื้องหน้า พร้อมเจตต์ที่เดินลงมาจากรถมองเธอด้วยความแปลกใจ“อ้าว! ระรินเองเหรอ ทำไมมานั่งอยู่ที่นี่คนเดียว มันอันตรายมาก