“อ้าว! แล้วนั่นไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ ทำไมหน้าแหกยับอย่างนี้”
“เปล่า เราก็แค่ช่วยสาวในดวงใจจากอันตรายน่ะ” แม้แต่สรรพนามก็ยังเปลี่ยน ปกติมึงกู แต่พออยู่ต่อหน้าสาวกับเรียบร้อยขึ้น ทำคะแนนน่าดู เอกวิทย์หันไปมองสองสาวก่อนทักทายอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีครับน้องระริน ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ พี่ชื่อเอกวิทย์ ส่วนนั่นชื่อไอ้เจตต์ ไม่ใช่ ๆ ต้องเรียกว่าพี่เจตต์สิ พวกเราเคยเจอน้องระรินมาก่อนแล้ว หวังว่าน้องระรินคงจะไม่ลืมกันเสียก่อนนะครับ”
“อะไรของมึงเนี่ยไอ้เอก ขอโทษทีนะครับน้องระรินน้องอร สองคนนี่เพื่อนสนิทพี่เองครับ ไอ้เอกกับไอ้เจตต์”
“สวัสดีค่ะ พี่เอก พี่เจตต์” สองสาวยกมือไหว้พร้อมกัน
“อ๋อ อรนึกออกแล้ว พี่สองคนที่เคยเข้ามาจีบระ
“ไอ้ต้น กูว่าวิธีนี้ มันไม่โอเคเลยว่ะ มึงทำแบบนี้เหมือนเอาความปลอดภัยของน้องระรินมาล้อเล่น ถ้าน้องเขาบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไง มึงจะรับผิดชอบไหวเหรอ”“ไอ้เจตต์ แต่เมื่อกี้มึงก็เห็น น้องระรินก็ปลอดภัยดีนี่นา”“น้องระรินปลอดภัยดีแล้วยังไง วิธีที่มึงใช้มันสกปรกเกินไป ถึงขนาดต้องใช้วิธีหลอกลวง ต้องใช้สารพัดวิธีโดยไม่สนถูกผิด เพื่อให้น้องเขาเห็นว่ามึงเป็นคนดี แล้วหันมารักมึง แล้วคิดบ้างไหมว่าถ้าน้องระรินมารู้ทีหลังว่าที่ผ่านมามันเป็นแผนชั่ว ๆ ที่มึงทำไปเพื่ออยากเอาชนะ ไม่ได้ชอบหรือคิดอยากจะจริงจังอะไรกับน้องเขา มึงคิดดูสิว่าผู้หญิงเขาจะเสียใจขนาดไหน มึงแม่งเลวว่ะ”“ไอ้เจตต์ กูเลวตรงไหน ก็แค่ใช้แผนนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วถ้าน้องเขามาชอบกูเอง ก็ไม่ผิดหรือเปล่าวะ”“ถ้าถึงวันที่น้องเขาชอบมึง แล้วตกลงเป็นแฟนกับมึงขึ้นมาจริง ๆ มึงคิดจะคบกับน้องระรินคนเดียว ไม่มองผู้หญิงคนอื่นไหมล่ะ” เจตต์ถามดักคอด้วยรู้นิสัยเพื่อนตัวเองเป็นอย่างดี“นั่นมันก็เรื่องของกูไหมวะ กูจะคบใคร จะเลิกกับใครมันก็เรื่องของกู ต
ช่วงบ่ายหลังจากเรียนเสร็จ รินรดาและกนกอรก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อนนักศึกษาชี้ชวนกันดูบางสิ่งในมือถือ ก่อนหันมามองที่รินรดาเป็นตาเดียว ก่อนที่จะมีเพื่อนใจกล้าคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม “พวกเธอเห็นนี่หรือยัง” “เห็นอะไรเหรอ” พอขาดคำ เพื่อนคนดังกล่าวก็จัดการเปิดคลิปให้รินรดาดูทันที “ก็นี่ไง คลิปที่พี่ต้นกับพี่เจตต์ต่อยกันที่โรงอาหาร ตอนนี้เขาลือกันให้แซ่ดว่า ทั้งสองทะเลาะกันเพราะแย่งระริน” “หา! ว่าไงนะ”หญิงสาวทั้งสองต่างดูภาพเหตุการณ์ที่สรวิชญ์กับเจตต์กำลังต่อยกันในโรงอาหาร ก่อนที่สรวิชญ์จะตะโกนต่อว่าเจตต์ซึ่งถูกบันทึกไว้ได้ทัน ‘ไอ้เจตต์ มึงจะด่าว่าใครก็ได้ แต่มึงจะมาด่าว่าน้องระรินของกูไม่ได้’‘น
“ก็จริงอย่างที่แกบอกนะ” กนกอรเห็นด้วย ก่อนจะพูดต่อ“ฉันไม่แปลกใจหรอก ถ้าพี่ต้นจะช่วยเหลือแกทันตอนที่มอเตอร์ไซค์เกือบชนแก ก็พี่เขาคอยตามดูแลแกตลอดนี่นา ถึงแม้ฉันจะไม่เคยมีแฟน แต่ฉันกลับคิดว่าเรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสองคน คนอื่นไม่เกี่ยว การที่แกจะตัดสินใจเลือกคบใครก็ลองชั่งใจดูแล้วกัน อีกอย่างแกก็คุยและใกล้ชิดกับพี่ต้นมากกว่าฉัน ส่วนพี่เจตต์ก็แทบไม่เคยคุยกันเลย จะเชื่อใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าแกจะเลือกอย่างไร ฉันจะอยู่ข้างแกเสมอ”“ขอบใจนะอร” รินรดายิ้มให้เพื่อนรักด้วยความอุ่นใจ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้โดดเดี่ยวหลังจากรินรดากลับมาที่หอพักในตอนค่ำ เธอก็เปิดคลิปของสรวิชญ์และเจตต์ดูอีกหลายรอบ ก่อนจะเลื่อนลงอ่านคอมเมนต์ต่าง ๆ ของผู้คนมากมาย ซึ่งมีความคิดเห็นแตกต่างกันบ้างด่าว่าผู้ชายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ก็ผู้ชายทั้งสองคน แต่คอมเมนต์ที่รินรดาสะดุดตาและรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุด คงหนีไม่พ้น คอมเมนต์ที่ด่าว่าเธอเป็นต้นเหตุทำให้ผู้ชายสองคนต้องมาชกต่อยเพื่อแย่งผู้หญิงเพียงคนเดียว‘อีหญิงสำส่อน&rsqu
“พี่ต้นกลับไปก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้ระรินยังไม่อยากคุยกับพี่” หญิงสาวพยายามยื่นร่มให้ หากอีกฝ่ายกลับยืนนิ่ง“ถ้าน้องระรินยอมยกโทษให้ พี่ถึงจะยอมกลับแต่โดยดี”ถ้อยคำของเขาทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของหญิงสาวขาดสะบั้น พร้อมร่มในมือที่ขว้างใส่แผงอกกว้างโดยแรง“จะให้ระรินยกโทษให้เรื่องไหนดีคะ เรื่องในคลิปที่แชร์กันว่อนตอนนี้ จนทุกคนด่าว่าระรินเป็นผู้หญิงไม่ดี จนทำให้เพื่อนรักแตกคอกัน หรือเรื่องที่พี่เจตต์เล่าว่า ที่ผ่านมา พี่ต้นวางแผนต่าง ๆ เพื่อเข้าหาระริน เพราะต้องการเอาชนะคำท้าทายของเพื่อน พี่ไม่ได้ชอบระรินจริง ๆ แต่พี่แค่เล่นเกมเพื่อเอาชนะให้ได้เท่านั้น นี่ระรินกลายเป็นตัวตลกในเกมของพี่เหรอคะ หรือเห็นระรินโง่หลอกง่าย”คำพูดตัดพ้อทั้งน้ำตาของหญิงสาว ทำให้สรวิชญ์รู้ทันทีว่าเจตต์นำความจริงไปเล่าให้รินรดาฟังหมดแล้ว หัวใจของเขาหล่นวูบเพราะแผนการที่สู้อุตส่าห์ทำใกล้สำเร็จ กลับถูกเพื่อนเวรนั่นหักหลังเสียได้ ชายหนุ่มต้องตั้งสติพยายามใช้สมองฉับไวรีบแก้ปัญหาตรงหน้าเขาใช้เวลาอยู่นานกว่ากำแพงหัวใจของรินรดาจะเปิดรับเขาเ
“ฝันดีนะครับ”รินรดามองเขาอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับ“ฮัดเช้ย!”เสียงจามสนั่นนั่นทำให้เธอชะงักและสูดหายใจเข้าปอดจนลึก แล้วอะไรบางอย่างก็ทำให้เธอตัดสินใจหันกลับไปพร้อมกับพูดขึ้น“พี่ต้นขึ้นไปนั่งรอบนห้องกับระรินเถอะค่ะ อย่างน้อยก็จนกว่าฝนจะหยุดตก ก็ค่อยกลับ”ดวงตาคมทอประกายวาววับ แต่ยังข่มใจไม่ให้ร้องตะโกนด้วยความดีใจออกมา“จะดีเหรอครับน้องระริน”“พี่ต้นก็เคยขึ้นไปบนห้องระรินแล้ว หรือว่าพี่ต้นกลัวเป็นข่าวกับระรินเหรอคะ” เธอถามหยั่งเชิง ทำให้เขารีบปฏิเสธเป็นพัลวัน“เพราะพี่ช่วยน้องระรินจากโจรผู้ร้าย น้องระรินเลยทำแผลให้พี่ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน... คนพวกนั้นเพิ่งด่าว่าน้องระรินในโลกโซเชียล หากใครมาเห็นเข้า พี่กลัวว่าจะยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟ ทำให้น้องระรินเสียหายอีกน่ะสิครับ พี่เป็นผู้ชาย ใครจะมองยังไงพี่ไม่สนใจอยู่แล้ว แต่น้องระรินเป็นผู้หญิง พี่ไม่อยากให้คนมองน้องระรินไม่ดีครับ”“ในเมื่อพี่ไม่กลัว ระรินก็ไม่มีอะไรจะต้องกลัวค่ะ เราบริสุทธิ์ใจเสี
หลังจากอาบน้ำเสร็จ สรวิชญ์ก็เดินไปที่หน้าต่างมองสายฝนที่ยังตกกระหน่ำไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ก่อนจะนั่งที่เก้าอี้เก่า ๆ ตัวเดียวที่มีอยู่ในห้อง “ฝนยังตกหนักอยู่เลย” เสียงทุ้มทำให้รินรดาเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมอง พอเห็นสภาพของสรวิชญ์ในตอนนี้หญิงสาวก็ถึงกับหลุดหัวเราะคิกออกมาทันทีเขาสวมกางเกงวอร์มที่หลวมของเธอได้พอดี ขณะที่เสื้อยืดตัวใหญ่หลวมโคร่งสำหรับเธอ เมื่อไปอยู่บนตัวเขากลับเข้ารูปจนดูตัวเล็กไปถนัดตา โดยมีผ้าเช็ดตัวคลุมอยู่บนศีรษะเพื่อเช็ดผมให้แห้ง เรียกว่าหมดมาดคนหล่อที่เธอมักเห็นอยู่บ่อย ๆ “หัวเราะอะไรครับ น้องระริน” คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ “เปล่าคะพี่ต้น คือเสื้อกับกางเกงตัวนี้ ระรินใส่เองย
“เรื่องจริงเป็นอย่างไร มีแค่เจตต์ที่รู้ตัวเองดี น้องระรินไม่ต้องกังวลนะครับ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป พอมีเรื่องใหม่คนก็ลืมเรื่องพวกนี้ไปหมดแล้วล่ะครับ มาครับเดี๋ยวพี่ช่วยล้างจานดีกว่า” “อุ๊ย! ไม่ต้องค่ะ ระรินล้างเองได้ค่ะ” “เมื่อกี้น้องระรินทำอาหารให้พี่กินแล้วนี่ ให้พี่ช่วยล้างจานบ้างเถอะนะ พี่ไม่อยากให้มือสวย ๆ ของแฟนพี่เปื่อยเพราะน้ำยาล้างจานนี่นา มาครับพี่จัดการเอง” รินรดามองอีกฝ่ายอย่างรู้สึกดีมากขึ้นเรื่อย ๆ หวังว่าเธอจะคิดไม่ผิดที่ยอมรับอีกฝ่ายเป็นแฟน พอไม่ต้องล้างจาน หญิงสาวจึงเดินไปที่หน้าต่างก็เห็นว่าด้านนอกฝนหยุดตกแล้วจึงหันไปบอก “พี่ต้นคะ ฝนหยุดตกแล้วพี่ต้นกลับบ้านได้แล้วล่ะค่ะ”
หนึ่งปีผ่านไป หลังจากวันที่สรวิชญ์และรินรดาตกลงคบกันเป็นแฟน จนรินรดาขึ้นชั้นปีที่สาม ส่วนสรวิชญ์ขึ้นชั้นปีที่สี่ ทั้งสองคบกันเป็นแฟนอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่สรวิชญ์จะรบเร้าให้หญิงสาวย้ายมาอยู่กับตัวเองที่คอนโดหากหญิงสาวก็ทำเพียงมานอนที่คอนโดของเขาบ้างเป็นครั้งคราว โดยอ้างเหตุผลง่าย ๆ ว่าข้าวของของเธอเยอะทำให้ไม่อยากขนของย้ายหอ อีกอย่างเวลาที่เธอต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบหรือเตรียมสอน เธอต้องใช้สมาธิไม่ชอบให้ใครกวน ด้วยเหตุนี้ สรวิชญ์จึงต้องสลับมานอนที่หอของเธอบ้างในบางครั้ง สิ่งที่ผิดคาดสำหรับสรวิชญ์คือ ในตอนแรกเขาคิดเพียงว่าจะจีบรินรดาเพื่อเอาชนะ แต่หลังจากที่เขาจีบเธอติด เขากลับเริ่มรู้สึกชอบเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ จากตอนแรกตั้งใจว่าจะคบเป็นแฟนไม่นาน พอเบื่อก็ขอเลิกเหมือนคนอื่น ๆ แต่นี่กลับกลายเป็นว่าเขากลับคบเธอนานกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา แต่สำหรับรินรดา สร
“สั่นเหรอครับ พี่ไม่เห็นรู้สึกเลยแฮะ” “นี่ไงคะ มือพี่เจตต์สั่นจริง ๆ ด้วย”หญิงสาวจับมือเขาไว้พลางชูขึ้นทำให้อีกฝ่ายมองมือเจ้ากรรมที่ดันสั่นระริกด้วยความประหม่าใบหน้าแดงก่ำ “พี่ว่า พี่คงเขินน้องระรินมากกว่าน่ะครับ” “เขินระรินเนี่ยนะคะ” “น้องระรินแต่งตัวสวยแบบนี้ จะไม่ให้พี่ตื่นเต้นได้ยังไงกันครับ อีกอย่างน้องระรินรู้ตัวไหมครับ วันนี้พอน้องระรินยิ้มให้พี่ทีไร หัวใจของพี่ก็สั่นไหวเหมือนจะควบคุมไม่อยู่ทุกที” “พี่เจตต์...”ยังไม่ทันที่รินรดาจะทันได้พูดสิ่งใด ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ก่อนจะมีป้ายบอกทางไปยังชั้นดาดฟ้าของโรงแรม ทันทีที่รินรดามองขึ้นไปด้านบน เธอเ
“แหม! พูดมาตั้งนาน หรือว่า...น้าอ้อยมีหนุ่มมาจีบเหรอคะ ถึงได้พูดเรื่องเนื้อคู่แบบนี้”รินรดาหัวเราะคิกคักชอบใจ ทำให้อีกฝ่ายบ่นอุบ “โอ๊ย! ทำมาเป็นพูด ชาตินี้น้าไม่เอาผัวเด็ดขาด แค่เห็นชีวิตของพี่ปราง และชีวิตของระริน น้าก็เข็ดขยาดแทนแล้ว กลัวตัวเองจะเลือกผัวผิดไปเจอผู้ชายเฮงซวยเข้าน่ะสิ แต่จะว่าไปเจตต์คงจะเป็นเนื้อคู่ของระรินล่ะมั้ง ดูสิ ขนาดแคล้วคลาดจากกันไปแล้ว ก็มีเหตุให้วนกลับมาอยู่บ้านติดกัน จนมาคบกันแบบนี้ และเขาก็บังเอิญเข้ามาช่วงที่ระรินเดือดร้อนทุกครั้งเลยสิ ถ้าแบบนี้ไม่ใช้เนื้อคู่ แล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ” “หวังว่าจะไม่ใช่คู่เวรคู่กรรมอีกนะคะ”“โอ๊ย อย่างเจตต์นี่ไม่ใช่คู่เวรคู่กรรมหรอก น่าจะเป็นคู่สร้างคู่สมหรือคู่แท้มากกว่าล่ะมั้ง”สองสาวพูดคุยหัวเราะกันสนุกนาน จนพรพรรณเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงเอ่ยขึ้น“เออ...น้าลืมเล่าให้เราฟัง วันก่อนน้าได้รับข่าวพ่อของเราจากเพื่
หลังจากที่เดินทางมาถึงจังหวัดกระบี่ เจตต์ก็พาทุกคนไปเช็กอินที่โรงแรมซึ่งได้จองไว้ โดยเขาได้จองหนึ่งห้องเตียงคู่ พร้อมเตียงเสริมให้รินรดา พรพรรณและน้ำฟ้าพักอยู่ด้วยกัน ส่วนตัวเองพักอยู่อีกห้องข้าง ๆเขาพาทั้งสามคนไปทำบุญที่วัดในจังหวัดกระบี่ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับสรวิชญ์ หลังจากทำบุญเรียบร้อยแล้ว น้ำฟ้าจับมือรินรดาสลับกับจับมือของเจตต์แล้วหัวเราะคิกคัก ก่อนที่เขาจะพาทุกคนขึ้นรถตู้และพาไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารริมชายหาดซึ่งเขาจองไว้ก่อนหน้าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอวลไปด้วยความสุขและความสนุกสนานครื้นเครง เสียงหยอกล้อหัวร่อต่อกระซิกท่ามกลางคนที่รักทำให้ความทุกข์ในใจของรินรดาค่อย ๆ จางหายไป ก่อนที่เจตต์จะพาทั้งสามคนไปเดินเล่นที่ชายหาดเจตต์วิ่งเล่นหยอกล้อกับน้ำฟ้า เด็กน้อยหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจก่อนที่เจตต์จะให้หนูน้อยขึ้นขี่คอพาวิ่งไปตามชายหาด และจบลงที่พากันเล่นก่อปราสาททราย โดยมีรินรดากับพรพรรณนั่งเฝ้ามองดูคนทั้งสองด้วยความสุขและอิ่มเอมใจ“ระริน เจตต์เป็นคนดีมากเลยนะ เข้ากับยัยหนูของเราได้ดี ผู้ชายแบบนี้หายากนะที่จะยอมรับเร
ทางด้านรินรดา หลังจากสรวิชญ์จากไปแล้ว เจตต์ก็เก็บกวาดขยะที่เกลื่อนถนนไว้ในถังขยะตามเดิม พอหันมาเห็นรินรดากำลังยืนพิงรถของตัวเองเหนื่อยหอบ มือของเธอยังถือสายยางที่น้ำยังคงไหลรินไม่ขาดสาย เขาก็พอเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวพลางเอื้อมมื้อไปจับสายยางก่อนจะไปปิดน้ำและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย“ระรินต้องรีบไปประชุมค่ะ”“น้องระรินจะไปประชุมในสภาพแบบนี้เหรอครับ”“คือ...”“เดี๋ยวพี่โทรบอกน้องอรให้นะครับ น้องอรน่าจะเข้าใจ พี่ว่าน้องระรินเข้าไปนั่งพักในบ้านก่อนดีกว่าครับ”เจตต์ใช้เวลาไม่นานโทรบอกกนกอร ก่อนจะพารินรดาเข้าไปนั่งพักในบ้านของเธอ“แล้วนี่น้าอ้อยไม่อยู่เหรอครับ”“เห็นเมื่อเช้าน้าอ้อยบอกว่าจะไปทำธุระที่ห้างน่ะค่ะ น้ำฟ้าก็ไปโรงเรียน โชคดีแล้วล่ะค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเจอพี่ต้น ระรินอยากให้ลูกจำพ่อในแบบที่ดี ไม่ใช่แบบที่เราเห็นเมื่อกี้นี้เลยค่ะพี่เจตต์”“พี่เข้าใจครับ”เจตต์มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาลึกซึ้ง ภายนอกเธอดูเข้มแข็งเสมอ หากเขากลับรู้สึกว่า ภายในจิตใจกลับอ่อนแอจนเขาอย
“เงินแค่นี้ กูไม่พอใช้หรอก มึงได้เงินไปตั้งสิบล้าน มึงเอามาแบ่งกูเดี๋ยวนี้ กูจะเอาส่วนแบ่งจากเงินนั่น”“ไม่มี ถึงมีกูก็ไม่ให้”สรวิชญ์ถลาเข้ามากระชากกระเป๋าถือในมือของเธอ ขณะที่อีกฝ่ายพยายามยื้อยุดฉุดกระชากไม่ยอมแพ้ ก่อนที่กระเป๋าจะหลุดจากมือกระเด็นไปอีกทาง สรวิชญ์รีบพุ่งตัวไปยังกระเป๋าของรินรดา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถึง ร่างสูงของสรวิชญ์ก็ถูกถีบโดยแรงก่อนจะกระเด็นกลิ้งไปบนพื้นถนน และเจตต์ก็ก้มเก็บกระเป๋าส่งคืนให้กับรินรดา“น้องระรินเป็นยังไงบ้างครับ”เจตต์รีบเข้ามาโอบประคองร่างบางที่กำลังสั่นเทาด้วยความตกใจปนโกรธจัด“ระรินไม่เป็นไรค่ะพี่เจตต์ นั่นพี่ต้นค่ะ”เจตต์หันไปมองร่างสกปรกที่พยายามประคองตัวเองลุกขึ้นมายืนอย่างทุลักทุเล เขาเพ่งมองอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะสรวิชญ์ในตอนนี้ไม่หลงเหลือภาพความหล่อสมัยเป็นเดือนมหาลัยเหมือนในอดีตเลยสักนิด“นี่มึงจริง ๆ เหรอวะไอ้ต้น”“เออ เป็นกูแล้วยังไง มึงคงจะนึกสมเพชกูมากสินะที่มาเจอกูในสภาพแบบนี้”“ตอนแรกกูรู้ข่าวมึงกูก็ยังนึกสงสาร แต่พอเห็นมึงมาทำแบบนี้กับน้องระริน กูบอกตรง ๆ กูสงสารมึงไม
เที่ยงวันหนึ่งขณะที่รินรดารีบกลับมาที่บ้านเพราะลืมเอกสารสำคัญสำหรับงานประชุมในช่วงบ่าย จังหวะที่ขับรถมาถึงบ้าน เธอก็พลันเห็นผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวมอซอกำลังเกาะรั้วบ้านของเธอมองลอดเข้าไปด้านในรินรดาเพ่งมองเขาด้วยความแปลกใจปนหวาดระแวง ก่อนจะลงรถไปถาม“คุณมาหาใครเหรอคะ” เสียงทักของเธอทำให้เขาชะงักหันมาพร้อมกับถลาเข้ามาใกล้ ทำให้หญิงสาวรีบถอยกรูดด้วยความตกใจ“ระริน นี่พี่เอง พี่ต้นไง ระรินจำพี่ไม่ได้เหรอ”ใบหน้ามอมแมม ผมเผ้ารกรุงรัง กลิ่นตัวโชยหึ่งเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน ทำให้รินรดาต้องเขม่นมองด้วยความแปลกใจ“นี่พี่ต้นจริง ๆ เหรอคะ”“ใช่ นี่พี่เอง”เขาใช้มือปัดผมบังหน้าออกก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ หากสำหรับรินรดา หญิงสาวใช้เวลาพักใหญ่จึงแน่ใจว่าคนตรงหน้าเป็นสรวิชญ์ รอยยิ้มของเขาในตอนนี้ดูแสยะยิ้มมากกว่าจะหวานพิมพ์ใจเหมือนเมื่อก่อน เธอรีบถอยห่างด้วยความตกใจเพราะไม่คิดฝันว่าจะเจอเขาอีกในสภาพเช่นนี้“พี่ต้น...มาทำไมคะ”“พี่มาขอโทษหนู ระริน...พี่คิดถึงหนูมาก พี่ผิดไปแล้วให้อภัยพี่เถอะนะ พี่ขอโทษจริง ๆ อีนังนั่นม
เย็นวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เจตต์ไปรับน้ำฟ้าที่โรงเรียนเสร็จแล้ว เขาก็ไปรับรินรดาตามที่นัดหมาย ก่อนจะพาสองแม่ลูกไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าเด็กน้อยจูงมือคนทั้งสองไปยังโซนของเล่นตามที่ตัวเองชอบโดยมีเจตต์คอยดูแลไม่ห่าง ก่อนจะเหนื่อยหอบไปนั่งกินไอศกรีมเจ้าโปรดที่หนูน้อยชอบเป็นพิเศษ เขาสั่งไอศกรีมสามถ้วยตามที่แต่ละคนต้องการระหว่างที่กำลังรอไอศกรีมมาเสิร์ฟ รินรดาก็ขอตัวไปห้องน้ำ โดยฝากน้ำฟ้าไว้กับเจตต์หลังจากที่รินรดาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จ เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใบหน้าคุ้นตาสวมแว่นสีดำ อันใหญ่ แต่พอเธอขยับจะเดินออกจากห้องน้ำ เสียงแผ่วเบาก็ดังมาจากด้านหลัง“คุณระรินใช่ไหมคะ” เสียงเรียกทำให้รินรดาชะงักก่อนจะหันมามองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ“คุณคือ...”รินรดาพยายามเพ่งมองใบหน้าซูบหมองคล้ำแต่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จนอีกฝ่ายต้องแนะนำตัว“ฉันยี่หวาเองค่ะ ฉันคงเปลี่ยนไปมากจนคุณจำไม่ได้สินะคะ”พออีกฝ่ายถอดแว่นกันแดดออก รินรดาถึงกับชะงักไปอึดใจ“นี
หนึ่งปีผ่านไป รินรดาใช้เงินสิบล้านที่ได้มาจากการหย่ากับสรวิชญ์ ส่วนหนึ่งจ่ายค่าบ้านและรถจนหมดหนี้สิน แล้วยังเหลือเงินจำนวนหนึ่ง เธอแบ่งเงินออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งสำหรับค่าเล่าเรียนของน้ำฟ้าในอนาคต อีกส่วนหนึ่งสำหรับร่วมลงทุนในสถาบันกนกรดา และอีกก้อนหนึ่งสำหรับเงินเก็บสำรองไว้เผื่อฉุกเฉินหญิงสาวตั้งใจทำงานเพื่อลูก โดยมีน้าสาวคอยอยู่ช่วยดูแลน้ำฟ้าอีกแรง ขณะที่เจตต์คอยช่วยเป็นกำลังใจ และเข้ามาร่วมหุ้นลงทุนกิจการสอนพิเศษจนสามารถขยายสาขาออกไปตามต่างจังหวัดได้เป็นผลสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาความรักของเจตต์และรินรดางอกงามขึ้นเรื่อย ๆ เต็มไปด้วยความเข้าใจและความผูกพันระหว่างกัน แม้แต่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็ยอมรับในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เสียงออดหน้าประตูรั้วดังขึ้นในคืนหนึ่ง ก่อนที่พรพรรณจะไปเปิดประตู ทันทีที่เธอเห็นเจตต์ เธอขยับจะทักขึ้นด้วยความดีใจ หากอีกฝ่ายกลับทำมือจุ๊ปากแล้วพูดกระซิบขึ้น“น้าอ้อยอย่าเพิ่งเรียกครับ ผมอยากเซอร์ไพรส์”พรพรรณอมยิ้มพยักหน้าก่อนจะปิดประตูรั้ว เมื่อชายหนุ่มหอบของพะรุงพะรังเดินเข้ามาใน
สรวิชญ์ปาธนบัตรใบละร้อยบาทสองใบไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ตัวเองจะรีบผลุนผลันเดินออกไปจากห้อง โดยมีเสียงกรีดร้องของกวินนาถดังตามหลังมาด้วยความไม่พอใจเขาไม่คิดเลยว่าการได้มาใช้ชีวิตอยู่กับกวินนาถจริง ๆ แทนที่ความรักจะสดใส กลับกลายเป็นความทุกข์ยิ่งกว่าเก่า อนาคตที่หวังว่าจะได้เป็นเขยเศรษฐีสุขสบายอยู่บนกองเงินกองทอง ดูท่าจะไม่มีวันเกิดขึ้น ชั่วขณะหนึ่งเขาก็นึกถึงใบหน้าหวานของเมียเก่าขึ้นมา ความรู้สึกผิดจู่โจมเข้ามาในหัวใจ แต่เขาก็ไม่หน้าด้านพอจะกลับไปหา ชายหนุ่มทำได้เพียงกอดพวงมาลัยรถร่ำไห้ระบายความทุกข์ออกมาสรวิชญ์ขับรถไปเรื่อย ๆ จนไปจอดอยู่หน้าบ้านของรินรดา ในเวลาสี่ทุ่มกว่า เขาเห็นไฟในบ้านมืดสนิทก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายพาลูกเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มได้แต่เฝ้ามองบ้านหลังเดิมที่เขาเคยอยู่กับรินรดาและลูกด้วยความคิดถึงเรื่องราวแต่หนหลังชั่วระยะเวลาไม่นาน เขาเห็นไฟในห้องทำงานของเธอเปิดขึ้น ก่อนจะเห็นเงาร่างของรินรดาเดินมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และนั่งลงทำงานเหมือนเช่นทุกครั้ง“ระริน...พี่ขอโทษ”สรวิชญ์ทำได้แต่มองจากในรถบนถนนหน้าบ้าน โดยที่เขาไม่ก