“ถ้าดีแสนดีขนาดนั้น ทำไมแกไม่เอาเองล่ะ จะมายุให้ฉันทำไม”
“แหม...คุณเพื่อนคะ ก็ถ้าพี่ต้นมาจีบฉัน ฉันก็คงจะ Say Yes ตั้งแต่วันแรกแล้วล่ะ แต่พี่เขาไม่ได้เข้ามาจีบฉันไง เขามาจีบแก ฉันในฐานะเพื่อนก็อยากให้แกได้คบกับคนดี ๆ ฉันว่าแกลองคบพี่ต้นดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่นาจริงไหม”
“แกนี่นะ คนหล่อ เรียนเก่ง ฐานะทางบ้านดีแล้วยังไง มันก็แค่เปลือก ผู้ชายก็เหมือนกันหมดแหละ...”
น้ำเสียงรินรดากลืนหายไปในลำคอ ขณะที่ภาพของพ่อแม่ในอดีตผุดขึ้นมาในความทรงจำ
‘อีปราง มึงไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงกับเมียกู’
จักรกฤษณ์พูดจบก็ฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของปรางทิพย์ฉาดใหญ่ ทำให้เธอถลาล้มลงไปกองที่พื้นบ้านเช่าเก่า ๆ จนริมฝีปากแตกมีเลือดซึมออกมา หยาดน้ำตาไหลเปื้อนแก้มทั้งรักทั้งแค้นใจในตัวสามี ก่อนจะลุกขึ้นมาได้ก็ต่อว่าอย่างไม่ลดละ
‘ทำไมกูจะขึ้นเสียงไม่ได้ กูเป็นเมียมึง กูจะด่าจะว่า จะทำยังไงก็ได้’
‘กูไม่เคยนับว่ามึงเ
เช้าวันหนึ่งขณะที่รินรดากำลังเร่งรีบไปเรียน หญิงสาวมัวแต่กำลังคิดกังวลอยู่กับวิชาที่จะต้องสอบเก็บคะแนนวันนี้ โดยไม่ทันระวังตัว จังหวะที่เธอกำลังเดินข้ามทางม้าลาย รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งกำลังขับมาด้วยความเร็วไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกำลังพุ่งเข้าชนเธออย่างจัง“กรี๊ด...”หญิงสาวก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่ร่างบางถูกใครบางคนฉุดกระชากดึงออกมาจากกลางถนนได้ทันท่วงที ก่อนที่รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นจะทันถึงตัว ทำให้รินรดาล้มไปกองที่ฟุตพาทข้างทางในอ้อมกอดของใครบางคน“น้องระริน เป็นยังไงบ้างครับ”เสียงนุ่มทุ้มคุ้นหูเรียกสติเธอกลับคืนมา พอรินรดาหันมามองใบหน้าอีกฝ่ายชัด ๆ ก็เห็นสรวิชญ์ที่กำลังมองเธอด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย“พี่ต้น!”“น้องระริน เจ็บตรงไหนบ้างไหมครับ” เขาพูดพลางช่วยประคองเธอลุกขึ้นแล้วสำรวจตัวเธอเป็นการใหญ่“ขอบคุณมากนะคะพี่ต้น แต่ระรินไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” แม้เธอจะตอบออกไป หากใบหน้างามยังคงมีแววตื่นตระหนกอยู่ในที“นี่น้องระรินกำลังจะไปเรียนใช่ไหมครับ ให้พี่ไปส่ง
กลางดึกคืนนั้น หลังจากสรวิชญ์เดินไปส่งรินรดาที่หอพัก เขาก็ยืนดูจนกระทั่งหญิงสาวเข้าห้องเรียบร้อยแล้วจึงเดินกลับออกมา ไม่นานนักโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงเอกวิทย์ที่ดังขึ้น “ไอ้ต้น ไหนบอกว่าจะมาเลี้ยงเหล้าไงวะ หายหัวไปแบบนี้ คิดจะเบี้ยวกันใช่ไหม” “ใจเย็น ๆ สิวะไอ้เอก กูเพิ่งส่งน้องระรินเสร็จเนี่ย แล้วนี่กูก็กำลังจะไปหาพวกมึง เจอกันที่ร้านเดิมแล้วกัน” หลังจากสรวิชญ์วางสายโทรศัพท์ลง เขาก็รีบขับรถมุ่งหน้าไปที่ร้านเหล้าโดยเร็ว และทันทีที่เขาถึงร้านพอทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะซึ่งมีขวดเหล้าถูกเปิดอยู่ก่อนแล้ว “ไหน...ตกลงได้ผลไหม ไอ้ที่อุตส่าห์ให้กูไปช่วยทำน่ะ” เอกวิทย์ถามทันที ขณะที่เจตต์มองหน้าเพื่อนทั้งสองด้วยความแปลกใจ “ทำ! ทำอะไรวะไอ้เอก นี่กูพลาดเรื่องอะไรไปหร
เอกวิทย์และเจตต์มองตามหลังไปก็เห็นสรวิชญ์กำลังยืนพูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนจะควักโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา แล้วทำบางอย่างก่อนจะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะดังเดิม “ใครวะไอ้ต้น” “คนรู้จัก” “เออ กูรู้ว่าคนรู้จัก แต่มึงไปรู้จักคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ดูดิเนื้อตัวนี่สักลายไปทั้งตัว ดูน่ากลัวมากกว่าน่าคบนะโว้ยไอ้ต้น” “นั่นสิไอ้ต้น มึงจะคบคนยังไงก็ระวังตัวไว้บ้างนะ ดูท่าแล้วผู้ชายคนนี้ดูน่ากลัวจริง ๆ นั่นแหละ” เจตต์ท้วง “เออน่า กูรู้ว่ากูกำลังทำอะไรอยู่ กูก็แค่จ้างทำงานนิดหน่อย” “งานอะไรวะ ถึงต้องจ้างคนแบบนี้ทำงาน” เอกวิทย์ถามขึ้นบ้าง “ก
ครั้นพอทั้งสองขึ้นไปบนห้องพักของรินรดาเรียบร้อยแล้ว สรวิชญ์ก็ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา ใบหน้าเขายังคงเหยเกด้วยความเจ็บปวด ขณะที่สายตาก็มองสำรวจไปรอบ ๆ ห้องพัก หอพักแห่งนี้ลึกเข้ามาในซอยค่อนข้างเปลี่ยว ขนาดห้องพักไม่ถึงกับเล็กมาก แต่สภาพภายในเก่าแก่จนสีที่ทาไว้ลอกออกกระทั่งเห็นผนังปูนเปลือย มีเตียงเล็ก ๆ ตั้งไว้มุมหนึ่งของห้องติดกับโต๊ะหนังสือโดยมีโน้ตบุ๊กเก่า ๆ ตั้งอยู่บนโต๊ะ ขณะที่อีกฟากหนึ่งมีตู้หนังสือตั้งไว้ภายในเต็มไปด้วยหนังสือมากมายทั้งใช้ประกอบการเรียนและการสอนของหญิงสาว “ทำไมน้องระริน ถึงได้เลือกมาอยู่หอพักนี้ล่ะครับ ทำไมไม่เช่าหออยู่ใกล้ถนนใหญ่ น่าจะสะดวกสบายและปลอดภัยกว่านี้ หอนี้ลึกเข้ามาในซอยตั้งเยอะ แถมยังเก่าอีก ดูแล้วไม่น่าปลอดภัยเลยนะครับ แบบนี้พวกโจรผู้ร้ายมันถึงฉวยโอกาสเอาได้ โชคดีจริง ๆ ที่วันนี้น้องระรินไม่เป็นอะไร”
สรวิชญ์เดินออกจากหอพักของรินรดาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง แม้วันนี้รินรดาจะปฏิเสธการเป็นแฟนกับเขาอีกหน แต่กลับไม่ได้ทำให้ผิดหวังสักเท่าใด เพราะอย่างน้อยปลาก็กินเบ็ดแล้ว วันหน้าเธอจะไปไหนรอด คิดเพลิน ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะ พอเห็นชื่อที่หน้าจอเขาก็รีบกดรับสายทันที “ไอ้อำนาจ...กูบอกให้พวกมึงทำเบา ๆ นี่อะไรทั้งเตะทั้งต่อย จนกูสะบักสะบอมไปหมดทั้งตัวแล้วเนี่ย” “ขอโทษครับคุณต้น ผมก็ย้ำกับไอ้สองคนนั่นหลายรอบแล้วนะครับ แต่พวกมันคงกลัวไม่สมจริงก็เลยหนักมือไปหน่อย” “เออ...ก็จริงของมึง งั้นเดี๋ยวกูโอนเงินค่าจ้างที่เหลือไปให้ แล้วบอกคนอื่นด้วยนะ ปิดปากให้สนิท ไม่งั้นจะหาว่ากูไม่เตือน” “ครับคุณต้น” ชายหนุ่มกดวางสาย แล
“อ้าว! แล้วนั่นไปฟัดกับหมาที่ไหนมาวะ ทำไมหน้าแหกยับอย่างนี้” “เปล่า เราก็แค่ช่วยสาวในดวงใจจากอันตรายน่ะ” แม้แต่สรรพนามก็ยังเปลี่ยน ปกติมึงกู แต่พออยู่ต่อหน้าสาวกับเรียบร้อยขึ้น ทำคะแนนน่าดู เอกวิทย์หันไปมองสองสาวก่อนทักทายอย่างเป็นกันเอง “สวัสดีครับน้องระริน ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ พี่ชื่อเอกวิทย์ ส่วนนั่นชื่อไอ้เจตต์ ไม่ใช่ ๆ ต้องเรียกว่าพี่เจตต์สิ พวกเราเคยเจอน้องระรินมาก่อนแล้ว หวังว่าน้องระรินคงจะไม่ลืมกันเสียก่อนนะครับ” “อะไรของมึงเนี่ยไอ้เอก ขอโทษทีนะครับน้องระรินน้องอร สองคนนี่เพื่อนสนิทพี่เองครับ ไอ้เอกกับไอ้เจตต์” “สวัสดีค่ะ พี่เอก พี่เจตต์” สองสาวยกมือไหว้พร้อมกัน “อ๋อ อรนึกออกแล้ว พี่สองคนที่เคยเข้ามาจีบระ
“ไอ้ต้น กูว่าวิธีนี้ มันไม่โอเคเลยว่ะ มึงทำแบบนี้เหมือนเอาความปลอดภัยของน้องระรินมาล้อเล่น ถ้าน้องเขาบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไง มึงจะรับผิดชอบไหวเหรอ”“ไอ้เจตต์ แต่เมื่อกี้มึงก็เห็น น้องระรินก็ปลอดภัยดีนี่นา”“น้องระรินปลอดภัยดีแล้วยังไง วิธีที่มึงใช้มันสกปรกเกินไป ถึงขนาดต้องใช้วิธีหลอกลวง ต้องใช้สารพัดวิธีโดยไม่สนถูกผิด เพื่อให้น้องเขาเห็นว่ามึงเป็นคนดี แล้วหันมารักมึง แล้วคิดบ้างไหมว่าถ้าน้องระรินมารู้ทีหลังว่าที่ผ่านมามันเป็นแผนชั่ว ๆ ที่มึงทำไปเพื่ออยากเอาชนะ ไม่ได้ชอบหรือคิดอยากจะจริงจังอะไรกับน้องเขา มึงคิดดูสิว่าผู้หญิงเขาจะเสียใจขนาดไหน มึงแม่งเลวว่ะ”“ไอ้เจตต์ กูเลวตรงไหน ก็แค่ใช้แผนนิด ๆ หน่อย ๆ แล้วถ้าน้องเขามาชอบกูเอง ก็ไม่ผิดหรือเปล่าวะ”“ถ้าถึงวันที่น้องเขาชอบมึง แล้วตกลงเป็นแฟนกับมึงขึ้นมาจริง ๆ มึงคิดจะคบกับน้องระรินคนเดียว ไม่มองผู้หญิงคนอื่นไหมล่ะ” เจตต์ถามดักคอด้วยรู้นิสัยเพื่อนตัวเองเป็นอย่างดี“นั่นมันก็เรื่องของกูไหมวะ กูจะคบใคร จะเลิกกับใครมันก็เรื่องของกู ต
ช่วงบ่ายหลังจากเรียนเสร็จ รินรดาและกนกอรก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อนนักศึกษาชี้ชวนกันดูบางสิ่งในมือถือ ก่อนหันมามองที่รินรดาเป็นตาเดียว ก่อนที่จะมีเพื่อนใจกล้าคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม “พวกเธอเห็นนี่หรือยัง” “เห็นอะไรเหรอ” พอขาดคำ เพื่อนคนดังกล่าวก็จัดการเปิดคลิปให้รินรดาดูทันที “ก็นี่ไง คลิปที่พี่ต้นกับพี่เจตต์ต่อยกันที่โรงอาหาร ตอนนี้เขาลือกันให้แซ่ดว่า ทั้งสองทะเลาะกันเพราะแย่งระริน” “หา! ว่าไงนะ”หญิงสาวทั้งสองต่างดูภาพเหตุการณ์ที่สรวิชญ์กับเจตต์กำลังต่อยกันในโรงอาหาร ก่อนที่สรวิชญ์จะตะโกนต่อว่าเจตต์ซึ่งถูกบันทึกไว้ได้ทัน ‘ไอ้เจตต์ มึงจะด่าว่าใครก็ได้ แต่มึงจะมาด่าว่าน้องระรินของกูไม่ได้’‘น
“มึงจะไปไหนไอ้เจตต์”สรวิชญ์อาศัยจังหวะที่เจตต์ไม่ทันระวังตัว เขากระชากไหล่เจตต์หันกลับมา ก่อนที่ตัวเองจะซัดกำปั้นไปที่ใบหน้าของเจตต์ในเวลาต่อมาบริเวณหน้าเขตก็กลายเป็นสมรภูมิชกต่อยของสองอดีตเพื่อนรัก โดยมีรินรดากับกวินนาถคอยช่วยห้ามปราม ก่อนที่จะมีผู้คนมากมายกรูกันมาดูแล้วจับทั้งสองแยกจากกันและขู่ว่าจะแจ้งตำรวจ ทำให้สรวิชญ์และเจตต์ต้องแยกย้าย“อีระริน ในเมื่อมึงมีชู้ มึงเอาเงินสิบล้านของกูคืนมา”สรวิชญ์ยังไม่วายชี้หน้าด่ารินรดาด้วยความแค้นเคือง โดยมีกวินนาถคอยรั้งร่างสูงสุดแรง“ฉันไม่คืน เพราะเงินสิบล้านนี่แลกกับใบหย่า ในเมื่อตอนนี้ เราหย่ากันแล้ว คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาหึงหวงหรืออ้างความเป็นเจ้าของอีก ตอนคุณมีเมียใหม่ ฉันยังไม่ยุ่งเรื่องของคุณเลย เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ ถ้าฉันจะคบใคร คุณก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งเรื่องของฉัน ไปค่ะพี่เจตต์ เรากลับกันเถอะค่ะ”รินรดาช่วยประคองเจตต์ลุกขึ้น ก่อนจะพาเดินไปที่รถ มีกนกอรเดินตามทั้งสองไปติด ๆ สรวิชญ์ได้แต่มองตามด้วยความคับแค้นใจที่เสียรู้จนต้องเสียเงินให้อีกฝ่าย แทนที่เงินจะเข้ากระเป๋าเขา&nbs
“หมายความว่ายังไง อย่าเพิ่งเซ็น นี่จะตุกติกเหรอ” สรวิชญ์เสียงเข้มอย่างไม่สบอารมณ์ “พี่ต้นคะ ฉันไม่ได้คิดจะตุกติกอะไรหรอก แต่เพื่อนฉันจะเซ็นได้ยังไง ในเมื่อเงินสิบล้านบาทที่ตกลงกันยังไม่เข้าบัญชีแม้แต่บาทเดียว” “งก หน้าเลือด” เสียงแหวของกวินนาถสวนกลับด้วยความขัดใจ “ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันต้องรักษาผลประโยชน์ของเพื่อน ถ้าเกิดเพื่อนฉันเซ็นไปแล้ว คุณเกิดตุกติกไม่โอนเงินให้ เพื่อนฉันก็ชวดเงินสิบล้านสิคะ ใครจะไปรู้ คำพูดคนบิดพลิ้วได้ตลอดแหละค่ะ เพราะฉะนั้น ระรินจะยังไม่ยอมเซ็นจนกว่าเงินจะเข้าบัญชีสิบล้าน” “นี่ฉันไม่เบี้ยวหรอก เซ็น ๆ ให้เรียบร้อย เดี๋ยวฉันจัดการโอนเงินให้ทีหลัง” “ไม่ได้ค่ะ...ยื่นหมูยื่นแมว เงินต้องโอนเข้าบัญชีก่อน ระรินถึ
เช้าวันรุ่งขึ้น รินรดากับกนกอรเดินทางมายังสำนักงานเขตตามที่นัดหมาย โดยเจตต์อาสาขับรถมาให้ รินรดาเหม่อมองออกไปนอกรถ ก่อนที่เธอจะสะดุ้งเมื่อเสียงของกนกอรดังขึ้น ทันทีที่รถจอดสนิท “พี่เจตต์ ไม่ต้องเข้าไปหรอกค่ะ รอพวกเราอยู่ในรถดีกว่า แค่นี้อรจัดการได้” “จะดีเหรอครับ”“ดีค่ะ”“งั้นถ้าเสร็จเรื่องแล้ว พี่จะพาน้อง ๆ ไปเลี้ยงฉลองกันดีไหมครับ” “ระรินก็อยากไปนะคะพี่ แต่ว่าระรินห่วงลูกน่ะค่ะ ระรินอยากรีบกลับไปดูลูกมากกว่า” “โธ่แก ไม่เห็นจะยากเลย เราก็ไปหาซื้อของกินอร่อย ๆ แล้วก็หอบไปกินกันกับหนูน้ำฟ้ายังไงล่ะดีไหม” “ฉันกลับคิดว่าพรุ่งนี้น้ำฟ้าก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทำไมไม่รอให้ลูกออกมาก่อน แล้วเราค่อยไปทำหม
“เชิญนั่งค่ะพี่ต้น คุณยี่หวา นึกว่าจะเปลี่ยนใจไม่มาเสียแล้ว ว่าแต่จะสั่งอะไรตามสบายเลยนะคะ มื้อนี้เดี๋ยวอรเลี้ยงเอง” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณอร รีบคุยธุระให้เสร็จดีกว่า จะได้รีบไป ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากนักหรอกนะคะ” กวินนาถกระแทกเสียงก่อนจะนั่งลงอีกฝั่งเคียงข้างสรวิชญ์เขาไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาต้องนั่งเผชิญหน้ากับรินรดาในฐานะเมียหลวง และกวินนาถในฐานะเมียน้อย หากเขาเลือกได้ เขาอยากจะเก็บทั้งสองคนไว้เหมือนที่ผ่านมา ต่างคนต่างอยู่ในโลกของเขาคนละใบ ซึ่งเขาก็มีความสุขกับโลกทั้งสองใบ แต่ตอนนี้เมื่อความลับมันไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว การที่เขาเลือกกวินนาถ แม้จะทำให้รินรดาเจ็บปวด แต่เขาก็จำเป็นต้องทำ เพื่อประโยชน์ของตัวเอง “ระริน พี่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเราสองคน คนอื่นไม่ควรมายุ่ง” สรวิชญ์พูดกระแทกใส่กนกอร ทำให้อีกฝ่ายสวนกลับอย่างไม่ลดละ&nb
“ผมไม่รู้หรอกว่าพวกคุณสองคนมีเรื่องอะไรกัน แต่คุณจะมาทำแบบนี้กับลูกสาวผมไม่ได้ ผมไม่ยอม”เดชากราดเกรี้ยวด้วยความโมโห ก่อนจะหันไปพูดกับลูกสาวของตัวเอง“พ่อจะบอกให้นะยี่หวา ผู้ชายที่มีเมียแล้วโกหกเราแบบนี้ มันไม่ใช่ลูกผู้ชายหรอก เพราะไม่มีผู้ชายดี ๆ ที่ไหนเขาทำกัน เลิกได้ก็เลิกเสียนะ พ่อไม่ชอบ”“แต่คุณพ่อคะ พี่ต้นบอกว่าจะหย่ากับเมียนี่คะ”“หย่าเหรอ หย่าจริง ๆ หรือเปล่า ถ้าคิดจะหย่าจริง ๆ เมียเขาจะมานั่งอยู่ตรงนี้อย่างนั้นเหรอ งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ไปหย่าให้เรียบร้อย ค่อยมาคุย นกส่งแขก” สิ้นคำสั่ง เดชาและหทัยรัตน์ก็เดินขึ้นไปยังชั้นบน ขณะที่นกเชิญแขกทุกคนออกจากบ้าน โดยมีกวินนาถจับแขนของสรวิชญ์ไม่ยอมปล่อย“คุณพ่อ คุณแม่คะ”“คุณท่าน”สรวิชญ์หน้าซีดเผือด เขาไม่คิดเลยว่าแผนที่เขาอุตส่าห์วางมาดิบดี ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะเอาชนะใจกวินนาถได้ เหลืออีกแค่นิดเดียว เขาก็จะเป็นว่าที่ลูกเขยของเจ้าของบริษัทโดยสมบูรณ์กลับต้องพังไม่เป็นท่าเพราะผู้หญิงที่ดูไม่มีพิษมีภัยอย่างรินรดา“ทำไมระรินทำกับพี่แบบนี้ เรื่องนี้เราคุยกันทีหลังก็ได้ ไม่เห็นต้องมาท
หลังจากภาพแอบถ่ายกลายเป็นข่าวดังว่อนเน็ต กวินนาถยิ่งกระวนกระวายใจ เมื่อผู้คนเริ่มพูดถึงเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ทางบ้านก็ยังถามถึงเรื่องความรักระหว่างเธอกับสรวิชญ์ เธอก็ได้แต่บอกพ่อแม่ไปว่าจะพาเขาไปแนะนำให้รู้จักเช้าวันต่อมาสรวิชญ์ขับรถไปที่บ้านของกวินนาถ เขาใส่สูทเรียบร้อยเข้ากับใบหน้าหล่อเหลา ขณะที่กวินนาถสวมเดรสสีแดงเข้ารูปมาต้อนรับ ก่อนจะควงแขนพาชายหนุ่มไปพบพ่อแม่ที่ห้องรับแขกทันทีที่เดชาและหทัยรัตน์เดินมา สรวิชญ์รีบพนมมือไหว้ทักทายด้วยความนอบน้อม ขณะที่ทั้งสองรับไหว้ก่อนจะไปนั่งลงที่โซฟา โดยเฉพาะเดชาวางมาดน่าเกรงขาม จนสรวิชญ์รู้สึกเกรงขาม“เห็นยี่หวาบอกว่า เธอเป็นแฟนกับยี่หวา คบกันมาได้สักพักหนึ่งแล้วเหรอ”“ครับคุณพ่อ”“ใครเป็นพ่อคุณ”สรวิชญ์ได้แต่สะอึก จนต้องรีบแก้สรรพนามทันควัน“ครับคุณท่าน...คือ ผมกับยี่หวา เราคบเป็นแฟนกันมาได้เกือบสามปีแล้วครับ”“สามปี ระยะเวลาก็น่าจะพอ ๆ กับที่คุณเข้ามาทำงานเลยนี่ เก่งนะคุณเนี่ย เข้ามาทำงานไม่ทันไร ก็จีบลูกสาวผมติดได้ แล้วเท่าที่ผมดูประวัติทำงานของคุณ งานก็ไม่
คำพูดพลั้งปากของกนกอร ทำให้เจตต์สะกิดเตือน ก่อนจะรีบพูดแก้เก้อ “ระริน แกอย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้ชมอีเมียน้อย แต่ฉันคิดว่าพี่ต้นมันน่าจะอยากไปเกาะผู้หญิงรวย ๆ มากกว่าที่จะยอมทำงานเหนื่อยยากแบบนี้ ขนาดเมื่อก่อนก็ยังเปลี่ยนงานอยู่บ่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ เพียงแต่ว่าเรื่องมีเมียน้อยนี่ เลวจริง ๆ ระรินออกจะดีแสนดีขนาดนี้ ยังกล้ามีเมียน้อยได้ยังไง ดีนะที่คนที่เจอเป็นแก ถ้าหากฉันเจอนะ สองคนนี่ไม่ได้ยิ้มหน้าระรื่นแบบนี้หรอก แม่จะฟาดกลางห้างให้อายหัวซุกหัวซุนเลย แกนะแก น่าจะเล่าให้ฉันฟัง ปล่อยให้ฉันรู้จากข่าวได้ไงเนี่ย” “ถ้าฉันบอกแก เรื่องก็คงจะไปกันใหญ่ อีกอย่างฉันก็เพิ่งรู้เรื่องเมื่อวานเหมือนกัน ถ้าเกิดไม่บังเอิญเจอกัน ฉันก็ยังคงถูกสวมเขาต่อไป ฉันนี่มันโง่จริง ๆ เลยนะแก” “ระริน แกไม่ได้โง่หรอก แกแค่แสนดีและไว้ใจคนอื่นมากเกินไป แล้วนี่แกจะเอายังไงกับพี่ต้น แก
“ผมอยู่คนเดียวครับ ภรรยาผมเสียชีวิตไปแล้วครับ” “ตายแล้ว น้าขอโทษนะ น้าไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วง” “ไม่เป็นไรครับ เรื่องมันก็เกิดขึ้นมาปีกว่าแล้วล่ะครับ เธอป่วยตาย ตอนนี้ผมเลยอยู่คนเดียว บ้านเลยมีสภาพอย่างที่เห็นน่ะครับ” เขายิ้มเก้อ เมื่อมองสภาพสวนในยามนี้มีแต่สีน้ำตาลของต้นไม้และใบไม้ที่แห้งตายคาต้น ขณะที่หญ้าเริ่มยาวขึ้นรก “ชีวิตคนมันก็อย่างนี้แหละ ไม่จากเป็นก็จากตายเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เอาเถอะ ๆ กินข้าวต้มให้อร่อยนะ เดี๋ยวน้าไปดูยัยหนูก่อน” “ขอบคุณครับน้าอ้อย” พรพรรณเดินจากไปแล้ว ขณะที่เจตต์เหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ชีวิตของคนเราไม่แน่นอน คนตายก็ตายไป แต่ต
รินรดาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปสอนพิเศษที่สถาบัน ขณะที่น้ำฟ้ายังคงหลับสนิทอยู่บนที่นอนเหมือนเดิม ทันทีที่รินรดาเดินลงมาชั้นล่าง กลิ่นหอมของข้าวต้มก็โชยมาแตะจมูกทำให้เธอเดินตามกลิ่นด้วยความหิว “ข้าวต้มทรงเครื่องเหรอคะน้าอ้อย” “ใช่แล้วจ้ะ ข้าวต้มทรงเครื่องโบราณน่ะ” “เห็นข้าวต้มแบบนี้แล้วนึกถึงแม่เลยนะคะ เมื่อก่อนแม่ทำข้าวต้มแบบนี้ขายทุกวัน หนูก็จะได้กินข้าวต้มนี้ก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า ระรินโชคดีจังเลยค่ะที่น้าอ้อยมาอยู่ด้วย ขืนน้าอ้อยทำให้กินแบบนี้ทุกวัน หนูได้น้ำหนักขึ้นแน่เลยค่ะ” “จ้าทำเป็นปากหวาน นี่สูตรของแม่เรานั่นแหละ เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม” พรพรรณถามขึ้นเมื่อเห็นรินรดาตักข้าวต้มเข้าปาก “โอ๊ย