“พ...พี่ต้น! ไหนบอกว่าติดประชุมไงคะ แล้วผู้หญิงคนนี้ใครกัน”
สรวิชญ์ถึงกับไปไม่เป็น ไม่คิดว่าจะมาเจอภรรยาและลูกสาวที่ห้างแห่งนี้ เพราะปกติรินรดาจะยุ่งมากจนแทบไม่มีเวลามาเดินเล่นซื้อของในห้าง เขามองผู้หญิงทั้งสองคนสลับไปมาก่อนที่สายตาจะมาหยุดอยู่ที่ลูกสาวที่ยังกอดขาไม่ปล่อยด้วยความลังเล
“เอ่อ คือพี่...”
น้ำฟ้ากางแขนออกให้สรวิชญ์พลางร้องขึ้น
“พ่อจ๋า อุ้มหนูหน่อย อุ้ม...”
ชายหนุ่มถึงกับหายใจไม่ทั่วปอด มือกำลังขยับไป แต่ทว่าพอหางตาแลเห็นสายตาของกวินนาถที่มองมาเขม็งอย่างจับผิด มือที่ยื่นไปหมายจะอุ้มลูกน้อยเหมือนอย่างเคยจึงตกลงข้างตัว กลับยืนนิ่งทำเฉยชาเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ชายหนุ่มอยากเอาตัวเองออกจากสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อนี่เหลือเกินแต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ใครจะไปคิดว่าระยะเวลากว่าสามปี กับความลับที่เขาพยายามปกปิดมานาน ต้องมาแตกในวันนี้เพียงเพราะเกิดเหตุการณ์รถไฟชนกันโดยไม่คาดฝัน คนหนึ่งคือรินรดา คู่ชีวิตที่เขารักและร่วมสร้างครอบครัวกระทั่งมีลูกด้วยกัน
ขณะที่อีกคน ‘กวินนาถ&
รินรดาขับรถกลับไปบ้านท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักราวกับช่วยซ้ำเติมความเจ็บปวดในหัวใจเธอ โดยมีลูกสาวตัวน้อยที่ร้องไห้จนเหนื่อยอ่อนและผล็อยหลับไปในเบาะนั่งคาร์ซีทเคียงข้างเธอ เมื่อหันไปมองลูกรักที่กำลังนั่งหลับอยู่ข้าง ๆ ได้เห็นคราบน้ำตาบนใบหน้าอันน่าเอ็นดู ก่อนที่ริมฝีปากเล็ก ๆ จะละเมอเอื้อนเอ่ยออกมา“พ่อจ๋า...อย่าทิ้งหนู”คำนั้นทำให้คนเป็นแม่ยอกแสยงในอกราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัดหัวใจจนหายใจไม่ออกขึ้นมาอย่างฉับพลัน จนต้องแตะเบรกค่อย ๆ เลื่อนรถไปจอดลงตรงหน้าบ้านข้าง ๆ ก่อนจะถึงหน้าบ้านของเธอหญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือดเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นด้วยความเจ็บปวดทรมาน ไม่อยากให้เสียงของตนทำให้ลูกรักต้องตื่นขึ้นและพบกับความผิดหวังเจ็บปวดหากต้องเจ็บ เธอขอรับความเจ็บนั้นไว้เองทั้งหมดดีกว่ารินรดาซบใบหน้าลงกับพวงมาลัยรถและปลดปล่อยน้ำตาให้รินไหลออกมาเงียบ ๆ ร่างกายสั่นสะท้าน หัวใจหนาวเหน็บราวกับถูกฝนห่าใหญ่ซัดกระหน่ำ“คุณครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” จู่ ๆ ก็มีเส
‘วันสำคัญของลูกทั้งที พี่ต้นจะไม่กลับมาบ้านเหรอ’ ทว่าห้วงความคิดของเธอก็มีเสียงเรียกของพรพรรณดังมา“ระรินมัวยืนทำอะไรอยู่ จะเป่าเค้กแล้วลูก”ทันทีที่เธอเดินไปถึงโต๊ะกินข้าว เทียนสามเล่ม ถูกจุดไว้บนเค้กเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เสียงร้องเพลง Happy birthday ของพรพรรณจะดังขึ้นเป็นคนแรก ตามด้วยผู้ใหญ่ทั้งสามคนร้องเพลงดังพร้อมเสียงปรบมือ“เป่าเค้กสิลูก”“ค่ะแม่”น้ำฟ้ารวบรวมแรงเป่าพรวดเดียวจนเทียนทั้งสามเล่มดับในทันที ก่อนที่รินรดาจะกระวีกระวาดจัดการตัดแบ่งเค้กให้คนทั้งสี่กินพร้อมหน้าพร้อมตากันบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความสนุกสนานครื้นเครง แม้รินรดาจะพยายามยิ้มและหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าพรพรรณรู้ดีว่าต้องมีอะไรบางอย่างถึงทำให้คนที่เคยยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เป็นนิจกลับทิ้งร่องรอยแดงบวมช้ำไว้ที่ดวงตาคู่งามรอยยิ้มที่ฝืนแสดงออกว่ามีความสุข ไม่อาจหลบพ้นสายตาคมกริบของคนช่างสังเกตอย่างเจตต์ไปได้เช่นกัน คืนวันนั้นเจตต์กลับบ้านไปด้วยด้วยอารมณ์หลากหลาย ดีใจที่ได้กลับมาเจอหน้ารินรดาอีกครั้ง เสียใ
ขณะที่รินรดากำลังร้องไห้กอดเสื้อของสามี จู่ ๆ ประตูห้องนอนของเธอก็เปิดออก ก่อนร่างเล็กของน้ำฟ้าจะโผล่เข้ามาพร้อมตุ๊กตาหมีตัวโปรดในมือ ด้วยความตกใจที่เห็นลูกน้อยเข้ามาหาเธอแทนที่จะนอนหลับอยู่บนเตียง หญิงสาวจึงรีบปาดน้ำตา แล้วรีบเดินไปหาหนูน้อยทันที “น้ำฟ้า ทำไมหนูยังไม่นอนล่ะลูก”เธอพยายามพูดให้เป็นปกติ แต่ดูเหมือนว่าน้ำเสียงของเธอจะสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ แม้แต่น้ำตาเจ้ากรรมที่พยายามสะกดกลั้นไว้ก็ไหลออกมาต่อหน้าลูกสาวจนได้ น้ำฟ้าเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มของผู้เป็นแม่ ดวงตากลมโตจ้องมองด้วยความสงสัยก่อนจะถามขึ้น “แม่จ๋า แม่ร้องไห้ทำไมเหรอจ๊ะ” “น้ำฟ้าลูก...” “แม่จ๋า อย่าร้องไห้เลยนะจ๊ะ โอ๋ ๆ”
เสียงโหวกเหวกโวยวายของคนบนท้องถนนด่าทอไม่ขาดสาย หากเขาก็ทู่ซี้ยืนขวางอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหนีไปไหน จนมีบางคนเลือดร้อนเปิดประตูลงมาด่าเขาใกล้ ๆ และพยายามลากเขาออกไปข้างถนน แต่สรวิชญ์ก็ขืนตัวเองไว้ จนเกิดการชกต่อยเกิดขึ้น ผลัวะ!ชายหนุ่มพลาดท่าทำให้ตัวเองโดนอีกฝ่ายซัดเข้าที่ใบหน้าอย่างจังจนเขาเสียหลักล้มไปกองที่พื้นถนนหน้าแท็กซี่ของหญิงสาว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะโดนต่อยซ้ำเข้าอีกครั้ง เสียงแหลมของยี่หวาก็ขัดขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ไม่ต้องต่อยแล้ว เดี๋ยวพวกเราไปเอง” เธอรีบเดินไปห้ามชายคนนั้นไว้ได้ทัน ก่อนที่เขาจะซัดหมัดเข้าไปที่สรวิชญ์ ขณะที่กวินนาถรีบเดินตรงเข้าไปประคองชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืน แล้วกลับไปที่รถเก๋งของเขาที่กำลังจอดขวางทางจราจรในตอนนี้ ทำให้การจราจรกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “ขอบคุณนะที่รัก”&nbs
“ส่วนระริน เขาคือความผิดพลาดที่พี่ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ความรักเลยครับ ถ้ายี่หวายังไม่เชื่อพี่อีก จะให้พี่ไปสาบานที่ไหนก็ได้ พี่ยอมทุกอย่าง ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้ยี่หวาอภัยให้พี่เถอะนะครับ พี่อยู่ไม่ได้จริง ๆ ถ้าพี่ไม่มียี่หวา ให้พี่ตายเสียดีกว่าที่จะต้องมีชีวิตอยู่อย่างเดียวดาย” เขากอดขากวินนาถสะอื้นไห้ออกมาดัง ๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะที่ภายในใจ สรวิชญ์ได้แต่ภาวนาให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาแล้วใจอ่อนลง ทว่าเมื่อเขายังเห็นแววตาของอีกฝ่ายที่ยังดูแข็งกร้าว ชายหนุ่มจึงงัดไม้ตายสุดท้ายออกมา “ถ้าสิ่งที่พี่พูดออกไป ยี่หวายังไม่ให้อภัยพี่อีก พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว พี่ยอมตายเสียตอนนี้ดีกว่าอยู่คนเดียว” สรวิชญ์ถลาวิ่งไปที่ระเบียงคอนโด ก่อนจะเหยียบขึ้นไปที่รั้วอันแรกริมระเบียง หากจังหวะที่เขากำลังก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของกวินนาถก็ดังมาจากด้านหลัง
รินรดาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปสอนพิเศษที่สถาบัน ขณะที่น้ำฟ้ายังคงหลับสนิทอยู่บนที่นอนเหมือนเดิม ทันทีที่รินรดาเดินลงมาชั้นล่าง กลิ่นหอมของข้าวต้มก็โชยมาแตะจมูกทำให้เธอเดินตามกลิ่นด้วยความหิว “ข้าวต้มทรงเครื่องเหรอคะน้าอ้อย” “ใช่แล้วจ้ะ ข้าวต้มทรงเครื่องโบราณน่ะ” “เห็นข้าวต้มแบบนี้แล้วนึกถึงแม่เลยนะคะ เมื่อก่อนแม่ทำข้าวต้มแบบนี้ขายทุกวัน หนูก็จะได้กินข้าวต้มนี้ก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า ระรินโชคดีจังเลยค่ะที่น้าอ้อยมาอยู่ด้วย ขืนน้าอ้อยทำให้กินแบบนี้ทุกวัน หนูได้น้ำหนักขึ้นแน่เลยค่ะ” “จ้าทำเป็นปากหวาน นี่สูตรของแม่เรานั่นแหละ เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม” พรพรรณถามขึ้นเมื่อเห็นรินรดาตักข้าวต้มเข้าปาก “โอ๊ย
“ผมอยู่คนเดียวครับ ภรรยาผมเสียชีวิตไปแล้วครับ” “ตายแล้ว น้าขอโทษนะ น้าไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วง” “ไม่เป็นไรครับ เรื่องมันก็เกิดขึ้นมาปีกว่าแล้วล่ะครับ เธอป่วยตาย ตอนนี้ผมเลยอยู่คนเดียว บ้านเลยมีสภาพอย่างที่เห็นน่ะครับ” เขายิ้มเก้อ เมื่อมองสภาพสวนในยามนี้มีแต่สีน้ำตาลของต้นไม้และใบไม้ที่แห้งตายคาต้น ขณะที่หญ้าเริ่มยาวขึ้นรก “ชีวิตคนมันก็อย่างนี้แหละ ไม่จากเป็นก็จากตายเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เอาเถอะ ๆ กินข้าวต้มให้อร่อยนะ เดี๋ยวน้าไปดูยัยหนูก่อน” “ขอบคุณครับน้าอ้อย” พรพรรณเดินจากไปแล้ว ขณะที่เจตต์เหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ชีวิตของคนเราไม่แน่นอน คนตายก็ตายไป แต่ต
คำพูดพลั้งปากของกนกอร ทำให้เจตต์สะกิดเตือน ก่อนจะรีบพูดแก้เก้อ “ระริน แกอย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้ชมอีเมียน้อย แต่ฉันคิดว่าพี่ต้นมันน่าจะอยากไปเกาะผู้หญิงรวย ๆ มากกว่าที่จะยอมทำงานเหนื่อยยากแบบนี้ ขนาดเมื่อก่อนก็ยังเปลี่ยนงานอยู่บ่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ เพียงแต่ว่าเรื่องมีเมียน้อยนี่ เลวจริง ๆ ระรินออกจะดีแสนดีขนาดนี้ ยังกล้ามีเมียน้อยได้ยังไง ดีนะที่คนที่เจอเป็นแก ถ้าหากฉันเจอนะ สองคนนี่ไม่ได้ยิ้มหน้าระรื่นแบบนี้หรอก แม่จะฟาดกลางห้างให้อายหัวซุกหัวซุนเลย แกนะแก น่าจะเล่าให้ฉันฟัง ปล่อยให้ฉันรู้จากข่าวได้ไงเนี่ย” “ถ้าฉันบอกแก เรื่องก็คงจะไปกันใหญ่ อีกอย่างฉันก็เพิ่งรู้เรื่องเมื่อวานเหมือนกัน ถ้าเกิดไม่บังเอิญเจอกัน ฉันก็ยังคงถูกสวมเขาต่อไป ฉันนี่มันโง่จริง ๆ เลยนะแก” “ระริน แกไม่ได้โง่หรอก แกแค่แสนดีและไว้ใจคนอื่นมากเกินไป แล้วนี่แกจะเอายังไงกับพี่ต้น แก
“สั่นเหรอครับ พี่ไม่เห็นรู้สึกเลยแฮะ” “นี่ไงคะ มือพี่เจตต์สั่นจริง ๆ ด้วย”หญิงสาวจับมือเขาไว้พลางชูขึ้นทำให้อีกฝ่ายมองมือเจ้ากรรมที่ดันสั่นระริกด้วยความประหม่าใบหน้าแดงก่ำ “พี่ว่า พี่คงเขินน้องระรินมากกว่าน่ะครับ” “เขินระรินเนี่ยนะคะ” “น้องระรินแต่งตัวสวยแบบนี้ จะไม่ให้พี่ตื่นเต้นได้ยังไงกันครับ อีกอย่างน้องระรินรู้ตัวไหมครับ วันนี้พอน้องระรินยิ้มให้พี่ทีไร หัวใจของพี่ก็สั่นไหวเหมือนจะควบคุมไม่อยู่ทุกที” “พี่เจตต์...”ยังไม่ทันที่รินรดาจะทันได้พูดสิ่งใด ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ก่อนจะมีป้ายบอกทางไปยังชั้นดาดฟ้าของโรงแรม ทันทีที่รินรดามองขึ้นไปด้านบน เธอเ
“แหม! พูดมาตั้งนาน หรือว่า...น้าอ้อยมีหนุ่มมาจีบเหรอคะ ถึงได้พูดเรื่องเนื้อคู่แบบนี้”รินรดาหัวเราะคิกคักชอบใจ ทำให้อีกฝ่ายบ่นอุบ “โอ๊ย! ทำมาเป็นพูด ชาตินี้น้าไม่เอาผัวเด็ดขาด แค่เห็นชีวิตของพี่ปราง และชีวิตของระริน น้าก็เข็ดขยาดแทนแล้ว กลัวตัวเองจะเลือกผัวผิดไปเจอผู้ชายเฮงซวยเข้าน่ะสิ แต่จะว่าไปเจตต์คงจะเป็นเนื้อคู่ของระรินล่ะมั้ง ดูสิ ขนาดแคล้วคลาดจากกันไปแล้ว ก็มีเหตุให้วนกลับมาอยู่บ้านติดกัน จนมาคบกันแบบนี้ และเขาก็บังเอิญเข้ามาช่วงที่ระรินเดือดร้อนทุกครั้งเลยสิ ถ้าแบบนี้ไม่ใช้เนื้อคู่ แล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ” “หวังว่าจะไม่ใช่คู่เวรคู่กรรมอีกนะคะ”“โอ๊ย อย่างเจตต์นี่ไม่ใช่คู่เวรคู่กรรมหรอก น่าจะเป็นคู่สร้างคู่สมหรือคู่แท้มากกว่าล่ะมั้ง”สองสาวพูดคุยหัวเราะกันสนุกนาน จนพรพรรณเหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงเอ่ยขึ้น“เออ...น้าลืมเล่าให้เราฟัง วันก่อนน้าได้รับข่าวพ่อของเราจากเพื่
หลังจากที่เดินทางมาถึงจังหวัดกระบี่ เจตต์ก็พาทุกคนไปเช็กอินที่โรงแรมซึ่งได้จองไว้ โดยเขาได้จองหนึ่งห้องเตียงคู่ พร้อมเตียงเสริมให้รินรดา พรพรรณและน้ำฟ้าพักอยู่ด้วยกัน ส่วนตัวเองพักอยู่อีกห้องข้าง ๆเขาพาทั้งสามคนไปทำบุญที่วัดในจังหวัดกระบี่ เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับสรวิชญ์ หลังจากทำบุญเรียบร้อยแล้ว น้ำฟ้าจับมือรินรดาสลับกับจับมือของเจตต์แล้วหัวเราะคิกคัก ก่อนที่เขาจะพาทุกคนขึ้นรถตู้และพาไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารริมชายหาดซึ่งเขาจองไว้ก่อนหน้าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอวลไปด้วยความสุขและความสนุกสนานครื้นเครง เสียงหยอกล้อหัวร่อต่อกระซิกท่ามกลางคนที่รักทำให้ความทุกข์ในใจของรินรดาค่อย ๆ จางหายไป ก่อนที่เจตต์จะพาทั้งสามคนไปเดินเล่นที่ชายหาดเจตต์วิ่งเล่นหยอกล้อกับน้ำฟ้า เด็กน้อยหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจก่อนที่เจตต์จะให้หนูน้อยขึ้นขี่คอพาวิ่งไปตามชายหาด และจบลงที่พากันเล่นก่อปราสาททราย โดยมีรินรดากับพรพรรณนั่งเฝ้ามองดูคนทั้งสองด้วยความสุขและอิ่มเอมใจ“ระริน เจตต์เป็นคนดีมากเลยนะ เข้ากับยัยหนูของเราได้ดี ผู้ชายแบบนี้หายากนะที่จะยอมรับเร
ทางด้านรินรดา หลังจากสรวิชญ์จากไปแล้ว เจตต์ก็เก็บกวาดขยะที่เกลื่อนถนนไว้ในถังขยะตามเดิม พอหันมาเห็นรินรดากำลังยืนพิงรถของตัวเองเหนื่อยหอบ มือของเธอยังถือสายยางที่น้ำยังคงไหลรินไม่ขาดสาย เขาก็พอเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวพลางเอื้อมมื้อไปจับสายยางก่อนจะไปปิดน้ำและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย“ระรินต้องรีบไปประชุมค่ะ”“น้องระรินจะไปประชุมในสภาพแบบนี้เหรอครับ”“คือ...”“เดี๋ยวพี่โทรบอกน้องอรให้นะครับ น้องอรน่าจะเข้าใจ พี่ว่าน้องระรินเข้าไปนั่งพักในบ้านก่อนดีกว่าครับ”เจตต์ใช้เวลาไม่นานโทรบอกกนกอร ก่อนจะพารินรดาเข้าไปนั่งพักในบ้านของเธอ“แล้วนี่น้าอ้อยไม่อยู่เหรอครับ”“เห็นเมื่อเช้าน้าอ้อยบอกว่าจะไปทำธุระที่ห้างน่ะค่ะ น้ำฟ้าก็ไปโรงเรียน โชคดีแล้วล่ะค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเจอพี่ต้น ระรินอยากให้ลูกจำพ่อในแบบที่ดี ไม่ใช่แบบที่เราเห็นเมื่อกี้นี้เลยค่ะพี่เจตต์”“พี่เข้าใจครับ”เจตต์มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาลึกซึ้ง ภายนอกเธอดูเข้มแข็งเสมอ หากเขากลับรู้สึกว่า ภายในจิตใจกลับอ่อนแอจนเขาอย
“เงินแค่นี้ กูไม่พอใช้หรอก มึงได้เงินไปตั้งสิบล้าน มึงเอามาแบ่งกูเดี๋ยวนี้ กูจะเอาส่วนแบ่งจากเงินนั่น”“ไม่มี ถึงมีกูก็ไม่ให้”สรวิชญ์ถลาเข้ามากระชากกระเป๋าถือในมือของเธอ ขณะที่อีกฝ่ายพยายามยื้อยุดฉุดกระชากไม่ยอมแพ้ ก่อนที่กระเป๋าจะหลุดจากมือกระเด็นไปอีกทาง สรวิชญ์รีบพุ่งตัวไปยังกระเป๋าของรินรดา แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถึง ร่างสูงของสรวิชญ์ก็ถูกถีบโดยแรงก่อนจะกระเด็นกลิ้งไปบนพื้นถนน และเจตต์ก็ก้มเก็บกระเป๋าส่งคืนให้กับรินรดา“น้องระรินเป็นยังไงบ้างครับ”เจตต์รีบเข้ามาโอบประคองร่างบางที่กำลังสั่นเทาด้วยความตกใจปนโกรธจัด“ระรินไม่เป็นไรค่ะพี่เจตต์ นั่นพี่ต้นค่ะ”เจตต์หันไปมองร่างสกปรกที่พยายามประคองตัวเองลุกขึ้นมายืนอย่างทุลักทุเล เขาเพ่งมองอย่างไม่เชื่อสายตาเพราะสรวิชญ์ในตอนนี้ไม่หลงเหลือภาพความหล่อสมัยเป็นเดือนมหาลัยเหมือนในอดีตเลยสักนิด“นี่มึงจริง ๆ เหรอวะไอ้ต้น”“เออ เป็นกูแล้วยังไง มึงคงจะนึกสมเพชกูมากสินะที่มาเจอกูในสภาพแบบนี้”“ตอนแรกกูรู้ข่าวมึงกูก็ยังนึกสงสาร แต่พอเห็นมึงมาทำแบบนี้กับน้องระริน กูบอกตรง ๆ กูสงสารมึงไม
เที่ยงวันหนึ่งขณะที่รินรดารีบกลับมาที่บ้านเพราะลืมเอกสารสำคัญสำหรับงานประชุมในช่วงบ่าย จังหวะที่ขับรถมาถึงบ้าน เธอก็พลันเห็นผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวมอซอกำลังเกาะรั้วบ้านของเธอมองลอดเข้าไปด้านในรินรดาเพ่งมองเขาด้วยความแปลกใจปนหวาดระแวง ก่อนจะลงรถไปถาม“คุณมาหาใครเหรอคะ” เสียงทักของเธอทำให้เขาชะงักหันมาพร้อมกับถลาเข้ามาใกล้ ทำให้หญิงสาวรีบถอยกรูดด้วยความตกใจ“ระริน นี่พี่เอง พี่ต้นไง ระรินจำพี่ไม่ได้เหรอ”ใบหน้ามอมแมม ผมเผ้ารกรุงรัง กลิ่นตัวโชยหึ่งเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน ทำให้รินรดาต้องเขม่นมองด้วยความแปลกใจ“นี่พี่ต้นจริง ๆ เหรอคะ”“ใช่ นี่พี่เอง”เขาใช้มือปัดผมบังหน้าออกก่อนจะส่งยิ้มหวานให้ หากสำหรับรินรดา หญิงสาวใช้เวลาพักใหญ่จึงแน่ใจว่าคนตรงหน้าเป็นสรวิชญ์ รอยยิ้มของเขาในตอนนี้ดูแสยะยิ้มมากกว่าจะหวานพิมพ์ใจเหมือนเมื่อก่อน เธอรีบถอยห่างด้วยความตกใจเพราะไม่คิดฝันว่าจะเจอเขาอีกในสภาพเช่นนี้“พี่ต้น...มาทำไมคะ”“พี่มาขอโทษหนู ระริน...พี่คิดถึงหนูมาก พี่ผิดไปแล้วให้อภัยพี่เถอะนะ พี่ขอโทษจริง ๆ อีนังนั่นม
เย็นวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เจตต์ไปรับน้ำฟ้าที่โรงเรียนเสร็จแล้ว เขาก็ไปรับรินรดาตามที่นัดหมาย ก่อนจะพาสองแม่ลูกไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าเด็กน้อยจูงมือคนทั้งสองไปยังโซนของเล่นตามที่ตัวเองชอบโดยมีเจตต์คอยดูแลไม่ห่าง ก่อนจะเหนื่อยหอบไปนั่งกินไอศกรีมเจ้าโปรดที่หนูน้อยชอบเป็นพิเศษ เขาสั่งไอศกรีมสามถ้วยตามที่แต่ละคนต้องการระหว่างที่กำลังรอไอศกรีมมาเสิร์ฟ รินรดาก็ขอตัวไปห้องน้ำ โดยฝากน้ำฟ้าไว้กับเจตต์หลังจากที่รินรดาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จ เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งใบหน้าคุ้นตาสวมแว่นสีดำ อันใหญ่ แต่พอเธอขยับจะเดินออกจากห้องน้ำ เสียงแผ่วเบาก็ดังมาจากด้านหลัง“คุณระรินใช่ไหมคะ” เสียงเรียกทำให้รินรดาชะงักก่อนจะหันมามองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ“คุณคือ...”รินรดาพยายามเพ่งมองใบหน้าซูบหมองคล้ำแต่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จนอีกฝ่ายต้องแนะนำตัว“ฉันยี่หวาเองค่ะ ฉันคงเปลี่ยนไปมากจนคุณจำไม่ได้สินะคะ”พออีกฝ่ายถอดแว่นกันแดดออก รินรดาถึงกับชะงักไปอึดใจ“นี
หนึ่งปีผ่านไป รินรดาใช้เงินสิบล้านที่ได้มาจากการหย่ากับสรวิชญ์ ส่วนหนึ่งจ่ายค่าบ้านและรถจนหมดหนี้สิน แล้วยังเหลือเงินจำนวนหนึ่ง เธอแบ่งเงินออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งสำหรับค่าเล่าเรียนของน้ำฟ้าในอนาคต อีกส่วนหนึ่งสำหรับร่วมลงทุนในสถาบันกนกรดา และอีกก้อนหนึ่งสำหรับเงินเก็บสำรองไว้เผื่อฉุกเฉินหญิงสาวตั้งใจทำงานเพื่อลูก โดยมีน้าสาวคอยอยู่ช่วยดูแลน้ำฟ้าอีกแรง ขณะที่เจตต์คอยช่วยเป็นกำลังใจ และเข้ามาร่วมหุ้นลงทุนกิจการสอนพิเศษจนสามารถขยายสาขาออกไปตามต่างจังหวัดได้เป็นผลสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาความรักของเจตต์และรินรดางอกงามขึ้นเรื่อย ๆ เต็มไปด้วยความเข้าใจและความผูกพันระหว่างกัน แม้แต่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็ยอมรับในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เสียงออดหน้าประตูรั้วดังขึ้นในคืนหนึ่ง ก่อนที่พรพรรณจะไปเปิดประตู ทันทีที่เธอเห็นเจตต์ เธอขยับจะทักขึ้นด้วยความดีใจ หากอีกฝ่ายกลับทำมือจุ๊ปากแล้วพูดกระซิบขึ้น“น้าอ้อยอย่าเพิ่งเรียกครับ ผมอยากเซอร์ไพรส์”พรพรรณอมยิ้มพยักหน้าก่อนจะปิดประตูรั้ว เมื่อชายหนุ่มหอบของพะรุงพะรังเดินเข้ามาใน
สรวิชญ์ปาธนบัตรใบละร้อยบาทสองใบไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ตัวเองจะรีบผลุนผลันเดินออกไปจากห้อง โดยมีเสียงกรีดร้องของกวินนาถดังตามหลังมาด้วยความไม่พอใจเขาไม่คิดเลยว่าการได้มาใช้ชีวิตอยู่กับกวินนาถจริง ๆ แทนที่ความรักจะสดใส กลับกลายเป็นความทุกข์ยิ่งกว่าเก่า อนาคตที่หวังว่าจะได้เป็นเขยเศรษฐีสุขสบายอยู่บนกองเงินกองทอง ดูท่าจะไม่มีวันเกิดขึ้น ชั่วขณะหนึ่งเขาก็นึกถึงใบหน้าหวานของเมียเก่าขึ้นมา ความรู้สึกผิดจู่โจมเข้ามาในหัวใจ แต่เขาก็ไม่หน้าด้านพอจะกลับไปหา ชายหนุ่มทำได้เพียงกอดพวงมาลัยรถร่ำไห้ระบายความทุกข์ออกมาสรวิชญ์ขับรถไปเรื่อย ๆ จนไปจอดอยู่หน้าบ้านของรินรดา ในเวลาสี่ทุ่มกว่า เขาเห็นไฟในบ้านมืดสนิทก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายพาลูกเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มได้แต่เฝ้ามองบ้านหลังเดิมที่เขาเคยอยู่กับรินรดาและลูกด้วยความคิดถึงเรื่องราวแต่หนหลังชั่วระยะเวลาไม่นาน เขาเห็นไฟในห้องทำงานของเธอเปิดขึ้น ก่อนจะเห็นเงาร่างของรินรดาเดินมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และนั่งลงทำงานเหมือนเช่นทุกครั้ง“ระริน...พี่ขอโทษ”สรวิชญ์ทำได้แต่มองจากในรถบนถนนหน้าบ้าน โดยที่เขาไม่ก