ขณะที่รินรดากำลังร้องไห้กอดเสื้อของสามี จู่ ๆ ประตูห้องนอนของเธอก็เปิดออก ก่อนร่างเล็กของน้ำฟ้าจะโผล่เข้ามาพร้อมตุ๊กตาหมีตัวโปรดในมือ ด้วยความตกใจที่เห็นลูกน้อยเข้ามาหาเธอแทนที่จะนอนหลับอยู่บนเตียง หญิงสาวจึงรีบปาดน้ำตา แล้วรีบเดินไปหาหนูน้อยทันที
“น้ำฟ้า ทำไมหนูยังไม่นอนล่ะลูก”
เธอพยายามพูดให้เป็นปกติ แต่ดูเหมือนว่าน้ำเสียงของเธอจะสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ แม้แต่น้ำตาเจ้ากรรมที่พยายามสะกดกลั้นไว้ก็ไหลออกมาต่อหน้าลูกสาวจนได้
น้ำฟ้าเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มของผู้เป็นแม่ ดวงตากลมโตจ้องมองด้วยความสงสัยก่อนจะถามขึ้น
“แม่จ๋า แม่ร้องไห้ทำไมเหรอจ๊ะ”
“น้ำฟ้าลูก...”
“แม่จ๋า อย่าร้องไห้เลยนะจ๊ะ โอ๋ ๆ”
เสียงโหวกเหวกโวยวายของคนบนท้องถนนด่าทอไม่ขาดสาย หากเขาก็ทู่ซี้ยืนขวางอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหนีไปไหน จนมีบางคนเลือดร้อนเปิดประตูลงมาด่าเขาใกล้ ๆ และพยายามลากเขาออกไปข้างถนน แต่สรวิชญ์ก็ขืนตัวเองไว้ จนเกิดการชกต่อยเกิดขึ้น ผลัวะ!ชายหนุ่มพลาดท่าทำให้ตัวเองโดนอีกฝ่ายซัดเข้าที่ใบหน้าอย่างจังจนเขาเสียหลักล้มไปกองที่พื้นถนนหน้าแท็กซี่ของหญิงสาว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะโดนต่อยซ้ำเข้าอีกครั้ง เสียงแหลมของยี่หวาก็ขัดขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ไม่ต้องต่อยแล้ว เดี๋ยวพวกเราไปเอง” เธอรีบเดินไปห้ามชายคนนั้นไว้ได้ทัน ก่อนที่เขาจะซัดหมัดเข้าไปที่สรวิชญ์ ขณะที่กวินนาถรีบเดินตรงเข้าไปประคองชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืน แล้วกลับไปที่รถเก๋งของเขาที่กำลังจอดขวางทางจราจรในตอนนี้ ทำให้การจราจรกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “ขอบคุณนะที่รัก”&nbs
“ส่วนระริน เขาคือความผิดพลาดที่พี่ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ความรักเลยครับ ถ้ายี่หวายังไม่เชื่อพี่อีก จะให้พี่ไปสาบานที่ไหนก็ได้ พี่ยอมทุกอย่าง ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้ยี่หวาอภัยให้พี่เถอะนะครับ พี่อยู่ไม่ได้จริง ๆ ถ้าพี่ไม่มียี่หวา ให้พี่ตายเสียดีกว่าที่จะต้องมีชีวิตอยู่อย่างเดียวดาย” เขากอดขากวินนาถสะอื้นไห้ออกมาดัง ๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะที่ภายในใจ สรวิชญ์ได้แต่ภาวนาให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาแล้วใจอ่อนลง ทว่าเมื่อเขายังเห็นแววตาของอีกฝ่ายที่ยังดูแข็งกร้าว ชายหนุ่มจึงงัดไม้ตายสุดท้ายออกมา “ถ้าสิ่งที่พี่พูดออกไป ยี่หวายังไม่ให้อภัยพี่อีก พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว พี่ยอมตายเสียตอนนี้ดีกว่าอยู่คนเดียว” สรวิชญ์ถลาวิ่งไปที่ระเบียงคอนโด ก่อนจะเหยียบขึ้นไปที่รั้วอันแรกริมระเบียง หากจังหวะที่เขากำลังก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของกวินนาถก็ดังมาจากด้านหลัง 
รินรดาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปสอนพิเศษที่สถาบัน ขณะที่น้ำฟ้ายังคงหลับสนิทอยู่บนที่นอนเหมือนเดิม ทันทีที่รินรดาเดินลงมาชั้นล่าง กลิ่นหอมของข้าวต้มก็โชยมาแตะจมูกทำให้เธอเดินตามกลิ่นด้วยความหิว “ข้าวต้มทรงเครื่องเหรอคะน้าอ้อย” “ใช่แล้วจ้ะ ข้าวต้มทรงเครื่องโบราณน่ะ” “เห็นข้าวต้มแบบนี้แล้วนึกถึงแม่เลยนะคะ เมื่อก่อนแม่ทำข้าวต้มแบบนี้ขายทุกวัน หนูก็จะได้กินข้าวต้มนี้ก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า ระรินโชคดีจังเลยค่ะที่น้าอ้อยมาอยู่ด้วย ขืนน้าอ้อยทำให้กินแบบนี้ทุกวัน หนูได้น้ำหนักขึ้นแน่เลยค่ะ” “จ้าทำเป็นปากหวาน นี่สูตรของแม่เรานั่นแหละ เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม” พรพรรณถามขึ้นเมื่อเห็นรินรดาตักข้าวต้มเข้าปาก “โอ๊ย
“ผมอยู่คนเดียวครับ ภรรยาผมเสียชีวิตไปแล้วครับ” “ตายแล้ว น้าขอโทษนะ น้าไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วง” “ไม่เป็นไรครับ เรื่องมันก็เกิดขึ้นมาปีกว่าแล้วล่ะครับ เธอป่วยตาย ตอนนี้ผมเลยอยู่คนเดียว บ้านเลยมีสภาพอย่างที่เห็นน่ะครับ” เขายิ้มเก้อ เมื่อมองสภาพสวนในยามนี้มีแต่สีน้ำตาลของต้นไม้และใบไม้ที่แห้งตายคาต้น ขณะที่หญ้าเริ่มยาวขึ้นรก “ชีวิตคนมันก็อย่างนี้แหละ ไม่จากเป็นก็จากตายเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เอาเถอะ ๆ กินข้าวต้มให้อร่อยนะ เดี๋ยวน้าไปดูยัยหนูก่อน” “ขอบคุณครับน้าอ้อย” พรพรรณเดินจากไปแล้ว ขณะที่เจตต์เหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ชีวิตของคนเราไม่แน่นอน คนตายก็ตายไป แต่ต
“แม่ แม่จ๋า...” เด็กหญิงรินรดาในวัยแปดขวบ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วบ่งบอกถึงอารมณ์ดีใจตั้งแต่หน้าประตูบ้าน ในมือมีใบแสดงผลการเรียนว่าเธอสอบได้ที่หนึ่งหลังจากใช้ความพยายามตั้งใจเรียนและขยันอ่านหนังสือตลอดเทอมที่ผ่านมา ทั้งที่ตัวเองต้องตื่นตั้งแต่ตีสองครึ่งเพื่อช่วยแม่ทำข้าวแกงไปขายที่ตลาดทุกเช้า ทว่าพอเดินเข้ามาในบ้านก็ต้องแปลกใจ วันนี้บ้านช่องเงียบเชียบผิดปกติไม่มีเสียงแม่ตะโกนด่าทอที่เธอทำเสียงดัง ทั้งหม้อ ถาด อุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งใช้ใส่ข้าวแกงไปขายที่ตลาดก็ยังคงวางระเกะระกะไม่ได้ถูกล้างทำความสะอาดอย่างที่ควรจะเป็น ผิดแผกไปจากทุกวันที่ผ่านมาแม้แต่ขวดเหล้าที่วางบนโต๊ะหน้าโทรทัศน์ก็ยังเหลือทิ้งไว้ครึ่งขวด ยิ่งทำให้รินรดารู้สึกผิดสังเกต เธอมองไปรอบกายด้วยความแปลกใจ ปกติขวดเหล้าเมื่อเปิดขวดแล้วแม่ของเธอจะดื่มหมดในเวลาไม่กี่อึดใจจนป่วยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง แต่นี่กลับเหลือไว้อะไรบางอย่างทำให้เด็กหญิงเริ่มร้อนใจ เหลียวมองมองผู้เป็นแม่ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะเมาแล้วนอนหลับอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน “แม่...” รินรดาพยายามร้องเรียกอีกครั้ง หากก็ไม่มีเสีย
งานศพของปรางทิพย์ถูกจัดขึ้นที่ศาลาวัดแห่งหนึ่งในตัวเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีดอกไม้ประดับพอให้เห็นเป็นพิธี แขกเหรื่อที่มางานก็เพียงไม่กี่คน ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักมักคุ้นกันกับลูกค้าประจำของร้านข้าวแกงที่อุดหนุนกันจนสนิทสนมส่วนจักรกฤษณ์สามีของผู้ตายซึ่งควรจะเป็นเสาหลักในการจัดการงานศพให้ภรรยาก็เงียบหายไปเป็นอาทิตย์ตั้งแต่ก่อนที่ปรางทิพย์จะเสียชีวิต ไม่มีใครรู้ข่าวหรือติดต่อได้ ทำให้ภาระค่าใช้จ่ายทุกอย่างตกไปที่พรพรรณผู้เป็นน้องสาวที่รีบ ลางานกลับมาพิษณุโลกหลังจากรู้ข่าวร้ายของพี่สาวตัวเอง พรพรรณใช้เงินเก็บที่มีเพียงน้อยนิด รวมกับเงินของเพื่อนบ้านที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจัดการงานศพด้วยความเวทนาผู้ตายกับลูกสาวตัวน้อยที่จู่ ๆ ต้องกลายมาเป็นเด็กกำพร้าแม่เช่นนี้หลังจากพระสวดอภิธรรมศพเสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงแขกในงานไม่กี่คนที่ยังนั่งสนทนากันอยู่บนศาลาวัด รินรดาสวมชุดสีดำเก่า ๆ นั่งมองรูปถ่ายของมารดาที่กำลังส่งยิ้มให้อยู่หน้าโลงศพ แววตาของเด็กหญิงทั้งเศร้าสร้อยและแดงก่ำหลังจากผ่านการร้องไห้มาหลายต่อหลายครั้ง พรพรรณมองหลานสาวอย่างเวทนา ก่อนทรุดตัวลง นั่งข้าง ๆ หากยังไ
พ่อของจักรกฤษณ์เป็นคนจีนส่วนแม่เป็นคนไทย ทางครอบครัวคาดหวังให้เขามีลูกชายไว้สืบสกุล กอปรกับปรางทิพย์ไม่ใช่ผู้หญิงที่พ่อแม่ต้องการให้แต่งงานด้วย การที่เธอมีลูกชายคนแรกจึงเป็นทางเดียวที่จะทำให้ครอบครัวของเขายอมรับได้นอกจากนี้เคยมีหมอดูทำนายดวงปรางทิพย์ไว้ว่า หากเธอได้ลูกชายคนแรก ครอบครัวจะเจริญรุ่งเรืองถึงขั้นเป็นเศรษฐี แต่ถ้าหากเธอมีลูกสาวคนแรกจะนำพาให้ครอบครัวตกต่ำยากจนเข็ญใจ ทั้งสองจึงต้องการให้ลูกคนแรกเป็นผู้ชายเท่านั้นแต่แล้วความฝันก็พังครืน...เมื่อปรางทิพย์คลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง ทั้งที่เธออุ้มท้องลูกแฝด แต่คนที่มีชีวิตรอดกลับมีเพียงรินรดา ขณะที่ฝาแฝดเพศชายเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์สร้างความผิดหวังให้สองสามีภรรยามาก และดูเหมือนว่าคำทำนายของหมอดูก็จะมีเค้าความจริงขึ้นมา เพราะหลังจากที่รินรดาลืมตาดูโลก เธอก็ป่วยกระเสาะกระแสะ ทำให้พ่อแม่ต้องเสียเงินพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ่อยครั้งแม้แต่ปรางทิพย์เอง หลังจากคลอดลูก เธอก็มีอาการป่วยจากภาวะหลังคลอด ทำให้เธอหงุดหงิดจนมีเรื่องทะเลาะกับสามี กอปรกับพ่อแม่ของจักรกฤษณ์เสียชีวิตลงหลังจากรินรดาคลอดได้ไม่นาน เงินทองที่เคยมีก็ร่อยหลอลงไปทุกว
“อ้อ...ชื่อเพ็ญเหรอ แหม...ชื่อก็เพราะ หน้าตาก็ดี แต่ทำไมไม่มีปัญญาหาผัวเองล่ะ ต้องมาแย่งผัวคนอื่นเขาแบบนี้ นี่...กูจะบอกให้เอาบุญนะ เมียน้อยยังไงก็เป็นเมียน้อยอยู่วันยังค่ำ ต่อให้เมียหลวงเขาตายไปแล้ว แต่มึงไม่มีวันลบคำว่าเมียน้อยออกไปจากชีวิตมึงได้หรอก มันจะกลายเป็นตราบาปว่ามึงไปแย่งผัวเขามา ส่วนลูกมึงก็เป็นแค่ลูกชู้ อย่ามาสำคัญตัวผิด”“อีอ้อย อีปากหมา เพ็ญอย่าไปฟังมันนะ สำหรับพี่เพ็ญไม่ใช่เมียน้อย เพ็ญคือผู้หญิงคนเดียวที่พี่รัก ส่วนอีปรางพี่ไม่เคยรักมันเลย”จักรกฤษณ์ออกหน้าปกป้องเมียใหม่อย่างไม่ลืมหูลืมตา ไม่สนกระทั่งว่าตนมางานศพของปรางทิพย์ “ถุย! พูดออกมาได้ ไม่เคยรักพี่กูเลย แต่ดันเอากันจนมีลูกกับพี่กูเนี่ยนะ ใครเชื่อก็โง่ตาย แต่กูขอถามมึงหน่อยเหอะ นี่ไอ้ไม้ มึงเป็นผู้ชายแบบไหน ถึงได้กล้าพาเมียน้อยกับลูกมาในงานศพเมียหลวงแบบนี้ อย่างน้อยพี่ปรางก็เคยเป็นเมียมึงนะ เมียที่อยู่กินกับมึงมาก่อนตั้งแต่มึงยังมีแต่ตัว เมียที่คอยช่วยมึงทำมาหากิน เมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย ศพก็ยังไม่ได้เผาตั้งอยู่ทนโท่ กูว่าดีไม่ดีที่พี่ปรางฆ่าตัวตาย ก็เพราะมึงนี่แหละไอ้ไม้ เพราะมึงมีเมียน้อย พี่ปรางเสียใจเลยคิด
“ผมอยู่คนเดียวครับ ภรรยาผมเสียชีวิตไปแล้วครับ” “ตายแล้ว น้าขอโทษนะ น้าไม่ได้ตั้งใจจะละลาบละล้วง” “ไม่เป็นไรครับ เรื่องมันก็เกิดขึ้นมาปีกว่าแล้วล่ะครับ เธอป่วยตาย ตอนนี้ผมเลยอยู่คนเดียว บ้านเลยมีสภาพอย่างที่เห็นน่ะครับ” เขายิ้มเก้อ เมื่อมองสภาพสวนในยามนี้มีแต่สีน้ำตาลของต้นไม้และใบไม้ที่แห้งตายคาต้น ขณะที่หญ้าเริ่มยาวขึ้นรก “ชีวิตคนมันก็อย่างนี้แหละ ไม่จากเป็นก็จากตายเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เอาเถอะ ๆ กินข้าวต้มให้อร่อยนะ เดี๋ยวน้าไปดูยัยหนูก่อน” “ขอบคุณครับน้าอ้อย” พรพรรณเดินจากไปแล้ว ขณะที่เจตต์เหมือนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ชีวิตของคนเราไม่แน่นอน คนตายก็ตายไป แต่ต
รินรดาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปสอนพิเศษที่สถาบัน ขณะที่น้ำฟ้ายังคงหลับสนิทอยู่บนที่นอนเหมือนเดิม ทันทีที่รินรดาเดินลงมาชั้นล่าง กลิ่นหอมของข้าวต้มก็โชยมาแตะจมูกทำให้เธอเดินตามกลิ่นด้วยความหิว “ข้าวต้มทรงเครื่องเหรอคะน้าอ้อย” “ใช่แล้วจ้ะ ข้าวต้มทรงเครื่องโบราณน่ะ” “เห็นข้าวต้มแบบนี้แล้วนึกถึงแม่เลยนะคะ เมื่อก่อนแม่ทำข้าวต้มแบบนี้ขายทุกวัน หนูก็จะได้กินข้าวต้มนี้ก่อนไปโรงเรียนทุกเช้า ระรินโชคดีจังเลยค่ะที่น้าอ้อยมาอยู่ด้วย ขืนน้าอ้อยทำให้กินแบบนี้ทุกวัน หนูได้น้ำหนักขึ้นแน่เลยค่ะ” “จ้าทำเป็นปากหวาน นี่สูตรของแม่เรานั่นแหละ เป็นยังไงบ้าง อร่อยไหม” พรพรรณถามขึ้นเมื่อเห็นรินรดาตักข้าวต้มเข้าปาก “โอ๊ย
“ส่วนระริน เขาคือความผิดพลาดที่พี่ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ความรักเลยครับ ถ้ายี่หวายังไม่เชื่อพี่อีก จะให้พี่ไปสาบานที่ไหนก็ได้ พี่ยอมทุกอย่าง ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้ยี่หวาอภัยให้พี่เถอะนะครับ พี่อยู่ไม่ได้จริง ๆ ถ้าพี่ไม่มียี่หวา ให้พี่ตายเสียดีกว่าที่จะต้องมีชีวิตอยู่อย่างเดียวดาย” เขากอดขากวินนาถสะอื้นไห้ออกมาดัง ๆ น้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะที่ภายในใจ สรวิชญ์ได้แต่ภาวนาให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาแล้วใจอ่อนลง ทว่าเมื่อเขายังเห็นแววตาของอีกฝ่ายที่ยังดูแข็งกร้าว ชายหนุ่มจึงงัดไม้ตายสุดท้ายออกมา “ถ้าสิ่งที่พี่พูดออกไป ยี่หวายังไม่ให้อภัยพี่อีก พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว พี่ยอมตายเสียตอนนี้ดีกว่าอยู่คนเดียว” สรวิชญ์ถลาวิ่งไปที่ระเบียงคอนโด ก่อนจะเหยียบขึ้นไปที่รั้วอันแรกริมระเบียง หากจังหวะที่เขากำลังก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของกวินนาถก็ดังมาจากด้านหลัง 
เสียงโหวกเหวกโวยวายของคนบนท้องถนนด่าทอไม่ขาดสาย หากเขาก็ทู่ซี้ยืนขวางอยู่อย่างนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหนีไปไหน จนมีบางคนเลือดร้อนเปิดประตูลงมาด่าเขาใกล้ ๆ และพยายามลากเขาออกไปข้างถนน แต่สรวิชญ์ก็ขืนตัวเองไว้ จนเกิดการชกต่อยเกิดขึ้น ผลัวะ!ชายหนุ่มพลาดท่าทำให้ตัวเองโดนอีกฝ่ายซัดเข้าที่ใบหน้าอย่างจังจนเขาเสียหลักล้มไปกองที่พื้นถนนหน้าแท็กซี่ของหญิงสาว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะโดนต่อยซ้ำเข้าอีกครั้ง เสียงแหลมของยี่หวาก็ขัดขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ไม่ต้องต่อยแล้ว เดี๋ยวพวกเราไปเอง” เธอรีบเดินไปห้ามชายคนนั้นไว้ได้ทัน ก่อนที่เขาจะซัดหมัดเข้าไปที่สรวิชญ์ ขณะที่กวินนาถรีบเดินตรงเข้าไปประคองชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืน แล้วกลับไปที่รถเก๋งของเขาที่กำลังจอดขวางทางจราจรในตอนนี้ ทำให้การจราจรกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “ขอบคุณนะที่รัก”&nbs
ขณะที่รินรดากำลังร้องไห้กอดเสื้อของสามี จู่ ๆ ประตูห้องนอนของเธอก็เปิดออก ก่อนร่างเล็กของน้ำฟ้าจะโผล่เข้ามาพร้อมตุ๊กตาหมีตัวโปรดในมือ ด้วยความตกใจที่เห็นลูกน้อยเข้ามาหาเธอแทนที่จะนอนหลับอยู่บนเตียง หญิงสาวจึงรีบปาดน้ำตา แล้วรีบเดินไปหาหนูน้อยทันที “น้ำฟ้า ทำไมหนูยังไม่นอนล่ะลูก”เธอพยายามพูดให้เป็นปกติ แต่ดูเหมือนว่าน้ำเสียงของเธอจะสั่นเครืออย่างห้ามไม่อยู่ แม้แต่น้ำตาเจ้ากรรมที่พยายามสะกดกลั้นไว้ก็ไหลออกมาต่อหน้าลูกสาวจนได้ น้ำฟ้าเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มของผู้เป็นแม่ ดวงตากลมโตจ้องมองด้วยความสงสัยก่อนจะถามขึ้น “แม่จ๋า แม่ร้องไห้ทำไมเหรอจ๊ะ” “น้ำฟ้าลูก...” “แม่จ๋า อย่าร้องไห้เลยนะจ๊ะ โอ๋ ๆ”
‘วันสำคัญของลูกทั้งที พี่ต้นจะไม่กลับมาบ้านเหรอ’ ทว่าห้วงความคิดของเธอก็มีเสียงเรียกของพรพรรณดังมา“ระรินมัวยืนทำอะไรอยู่ จะเป่าเค้กแล้วลูก”ทันทีที่เธอเดินไปถึงโต๊ะกินข้าว เทียนสามเล่ม ถูกจุดไว้บนเค้กเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่เสียงร้องเพลง Happy birthday ของพรพรรณจะดังขึ้นเป็นคนแรก ตามด้วยผู้ใหญ่ทั้งสามคนร้องเพลงดังพร้อมเสียงปรบมือ“เป่าเค้กสิลูก”“ค่ะแม่”น้ำฟ้ารวบรวมแรงเป่าพรวดเดียวจนเทียนทั้งสามเล่มดับในทันที ก่อนที่รินรดาจะกระวีกระวาดจัดการตัดแบ่งเค้กให้คนทั้งสี่กินพร้อมหน้าพร้อมตากันบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความสนุกสนานครื้นเครง แม้รินรดาจะพยายามยิ้มและหัวเราะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าพรพรรณรู้ดีว่าต้องมีอะไรบางอย่างถึงทำให้คนที่เคยยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เป็นนิจกลับทิ้งร่องรอยแดงบวมช้ำไว้ที่ดวงตาคู่งามรอยยิ้มที่ฝืนแสดงออกว่ามีความสุข ไม่อาจหลบพ้นสายตาคมกริบของคนช่างสังเกตอย่างเจตต์ไปได้เช่นกัน คืนวันนั้นเจตต์กลับบ้านไปด้วยด้วยอารมณ์หลากหลาย ดีใจที่ได้กลับมาเจอหน้ารินรดาอีกครั้ง เสียใ
รินรดาขับรถกลับไปบ้านท่ามกลางสายฝนที่ตกหนักราวกับช่วยซ้ำเติมความเจ็บปวดในหัวใจเธอ โดยมีลูกสาวตัวน้อยที่ร้องไห้จนเหนื่อยอ่อนและผล็อยหลับไปในเบาะนั่งคาร์ซีทเคียงข้างเธอ เมื่อหันไปมองลูกรักที่กำลังนั่งหลับอยู่ข้าง ๆ ได้เห็นคราบน้ำตาบนใบหน้าอันน่าเอ็นดู ก่อนที่ริมฝีปากเล็ก ๆ จะละเมอเอื้อนเอ่ยออกมา“พ่อจ๋า...อย่าทิ้งหนู”คำนั้นทำให้คนเป็นแม่ยอกแสยงในอกราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบรัดหัวใจจนหายใจไม่ออกขึ้นมาอย่างฉับพลัน จนต้องแตะเบรกค่อย ๆ เลื่อนรถไปจอดลงตรงหน้าบ้านข้าง ๆ ก่อนจะถึงหน้าบ้านของเธอหญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นจนห้อเลือดเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นด้วยความเจ็บปวดทรมาน ไม่อยากให้เสียงของตนทำให้ลูกรักต้องตื่นขึ้นและพบกับความผิดหวังเจ็บปวดหากต้องเจ็บ เธอขอรับความเจ็บนั้นไว้เองทั้งหมดดีกว่ารินรดาซบใบหน้าลงกับพวงมาลัยรถและปลดปล่อยน้ำตาให้รินไหลออกมาเงียบ ๆ ร่างกายสั่นสะท้าน หัวใจหนาวเหน็บราวกับถูกฝนห่าใหญ่ซัดกระหน่ำ“คุณครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” จู่ ๆ ก็มีเส
“พ...พี่ต้น! ไหนบอกว่าติดประชุมไงคะ แล้วผู้หญิงคนนี้ใครกัน”สรวิชญ์ถึงกับไปไม่เป็น ไม่คิดว่าจะมาเจอภรรยาและลูกสาวที่ห้างแห่งนี้ เพราะปกติรินรดาจะยุ่งมากจนแทบไม่มีเวลามาเดินเล่นซื้อของในห้าง เขามองผู้หญิงทั้งสองคนสลับไปมาก่อนที่สายตาจะมาหยุดอยู่ที่ลูกสาวที่ยังกอดขาไม่ปล่อยด้วยความลังเล“เอ่อ คือพี่...”น้ำฟ้ากางแขนออกให้สรวิชญ์พลางร้องขึ้น“พ่อจ๋า อุ้มหนูหน่อย อุ้ม...”ชายหนุ่มถึงกับหายใจไม่ทั่วปอด มือกำลังขยับไป แต่ทว่าพอหางตาแลเห็นสายตาของกวินนาถที่มองมาเขม็งอย่างจับผิด มือที่ยื่นไปหมายจะอุ้มลูกน้อยเหมือนอย่างเคยจึงตกลงข้างตัว กลับยืนนิ่งทำเฉยชาเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ชายหนุ่มอยากเอาตัวเองออกจากสถานการณ์อิหลักอิเหลื่อนี่เหลือเกินแต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรใครจะไปคิดว่าระยะเวลากว่าสามปี กับความลับที่เขาพยายามปกปิดมานาน ต้องมาแตกในวันนี้เพียงเพราะเกิดเหตุการณ์รถไฟชนกันโดยไม่คาดฝัน คนหนึ่งคือรินรดา คู่ชีวิตที่เขารักและร่วมสร้างครอบครัวกระทั่งมีลูกด้วยกันขณะที่อีกคน ‘กวินนาถ&
เย็นวันเสาร์หลังจากที่รินรดาสอนพิเศษเสร็จ เธอเดินออกมาจากห้องเรียน พร้อมเด็กนักเรียนที่รีบกรูแย่งกันออกไปจากห้อง ทันทีที่เธอเดินกลับในห้องทำงาน เธอก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กกำลังหัวร่อต่อกระซิกกับกนกอรเพื่อนรัก ความเหนื่อยที่สอนเด็กมาทั้งวันก็พลันหายเป็นปลิดทิ้ง ก่อนจะรีบตรงเข้าไปกอดลูกสาวด้วยความคิดถึง “น้ำฟ้า หิวหรือยังคะลูก” เด็กหญิงส่ายหน้าขณะกำลังเล่นกับตุ๊กตาสีชมพูในมือที่เพิ่งได้รับมาเป็นของขวัญวันเกิดจากกนกอร “จะหิวได้ยังไงคะ เมื่อกี้เพิ่งกินไอศกรีมกับน้าอรไปเอง ใช่ไหมคะ” “ค่ะ”“ขอบใจมากนะอร ช่วยดูแลลูกให้” “ขอบใจอะไรกันล่ะ เรื่องแค่น