แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: หลางเทียนเป๋ายุ๋น
เผยซือเหนียนลนลานทันที เขารีบขึ้นหน้าเข้ามาดูสถานการณ์ "อาหนิง เป็นอะไร?"

อันหนิงอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะกลับมาหายใจได้สะดวก

เธอไม่อาจเข้าใจ

ทำไมเผยซือเหนียนที่รักเธอมากมายขนาดนั้นถึงได้นอกใจได้ลงคอ

เขาไม่กลัวว่าเธอจะรู้หรอ?

หรือจะบอกว่า เขาคิดว่าตัวเองสามารถปกปิดได้ดี มีปัญญาจะซ่อนเร้นความจริงนี้จากเธอได้ตลอดไป?

ลมในยามค่ำคืนพัดเข้ามาหนึ่งระลอก ช่วยให้ความคิดของอันหนิงกระจ่างแจ้งมากขึ้น

เผยซือเหนียนถามเธอ "ไม่เป็นไรนะอาหนิง? ถ้าไม่สบายฉันจะพาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย"

"ไม่ต้องหรอก สงสัยว่ามื้อค่ำอาจจะกินของเน่าๆ เข้าไป"

"งั้นพรุ่งนี้เธอมาหาฉันที่บริษัท แล้วเรากินข้าวด้วยกัน"

อันหนิงแค่นหัวเราะเสียงเย็น

จะให้ไปดูนายกับหลินจิ้งแสดงจินตลีลาในห้องทำงานกันหรือไง?

จู่ๆ เธอก็นึกอยากลองใจเขาขึ้นมา

"ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้เช้าฉันไปบริษัทกับนาย นั่งทำงานกับนาย จากนั้นกินข้าวด้วยกัน พอตอนเย็นเราค่อยกลับบ้านพร้อมกัน"

เผยซือเหนียนไม่คาดคิดมาก่อนว่าเธอจะตกลง สีหน้าก็เริ่มแสดงความหนักใจ "แต่ช่วงนี้งานฉันยุ่งมาก อาจจะอยู่กับเธอไม่ได้ตลอดเวลา"

"งั้นนายก็ทำงานของนายไป ฉันจะนั่งรอในห้องทำงานจนกว่านายจะกลับ"

"...งั้นก็ตามใจ"

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เผยซือเหนียนเป็นฝ่ายเสนอตัวบอกว่าจะไปเตรียมน้ำอาบให้อันหนิง เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ กลับล็อคกลอนประตูอย่างผิดปกติ

ส่วนอันหนิงก็ลงไปชั้นล่าง แล้วกลับเข้าไปในนั่งรถ

หลังจากสตาร์ทรถเสร็จ หน้าจอก็แสดงภาพบันทึกการสนทนาในทันที

เผยซือเหนียน : แพลนเปลี่ยนนิดหน่อย พรุ่งนี้เราทำกันในห้องทำงานไม่ได้แล้ว

ยัยแมวยั่วสวาทจิ้งจิ้ง : อ๊ะ แอบผิดหวังเล็กๆ แฮะ

เผยซือเหนียน : ไม่ต้องผิดหวัง เดี๋ยวพี่พาเธอไปทำบนดาดฟ้า เร้าใจกว่าเยอะ

ยัยแมวยั่วสวาทจิ้งจิ้ง : คิกๆๆ พี่จึ้งที่สุดเลยค่ะ

เมื่ออันหนิงกลับมาที่ห้องนอน เผยซือเหนียนก็ออกมาจากห้องน้ำพอดี "อาหนิง ฉันเตรียมน้ำอาบให้แล้ว เธอไปแช่น้ำสักหน่อยสิ"

"ไม่ล่ะ ฉันอยากนอนแล้ว"

"เอางั้นก็ได้ ถ้าง่วงก็นอนเถอะ อ้อจริงสิ ของขวัญที่เธอวางไว้บนโต๊ะ ฉันแกะตอนนี้เลยได้ไหม?"

อันหนิงว่า "อีกหนึ่งอาทิตย์นายค่อยแกะ"

"ทำไมต้องรออีกหนึ่งอาทิตย์? ฉันอยากดูตอนนี้เลยว่าอาหนิงของฉันเตรียมอะไรเอาไว้ให้"

"เพราะ..."

เพราะอีกหนึ่งอาทิตย์ ฉันก็จะไปจากนายตลอดกาล

"เพราะอีกหนึ่งอาทิตย์ ของขวัญนี่จะมีความหมายยิ่งขึ้นยังไงล่ะ"

เผยซือเหนียนจุมพิตบนหน้าผากของเธอเบาๆ "ตกลง เอาตามที่เธอว่า"

เช้าวันต่อมา โทรศัพท์ของเผยซือเหนียนส่งเสียงดังตั้งแต่หกโมงกว่า

เขากดปิดมัน แล้วดึงตัวกลับมากอดอันหนิง "ไม่ต้องไปสนใจ นอนต่ออีกหน่อย"

แต่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นไม่หยุด

เผยซือเหนียนขมวดคิ้วด้วยความหัวเสีย "ยังไม่ถึงเวลาทำงาน โทรตามจิกตั้งแต่ไก่โห่ เดี๋ยวปั๊ดไล่ไอ้ผู้บริหารกลุ่มนี้ออกให้หมด"

จากนั้นก็กดปิดมันอีกครั้ง

เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม เผยซือเหนียนลุกขึ้นจากเตียงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว "อาหนิง เธอนอนต่อีกหน่อย ฉันจะไปถามดูซิว่ามันมีเรื่องคอขาดบาดตายอะไรถึงโทรมาไม่เลิก"

อันหนิงตอบกลับ "อืม" เบาๆ

พลิกตัวหันหลังให้เขา

เผยซือเหนียนหยิบโทรศัพท์แล้วออกจากห้องนอน

แต่ไม่นาน ร่างของเขาก็ไปโผล่ที่หน้าประตูใหญ่ชั้นล่าง

ด้านนอกมีไรเดอร์สวมชุดสีเหลืองยืนอยู่ และยื่นของให้เขาห่อนึง

เผยซือเหนียนรับมันมา แต่ตอนที่กลับเข้าบ้าน ในมือกลับไม่มีอะไร

อันหนิงถามเขา "เรื่องที่บริษัทเลวร้ายมากไหม?"

เผยซือเหนียนตอบ "ไม่มาก อันหนิง เธอไม่ต้องห่วง ทำใจให้สบายแล้วพักผ่อนเถอะ ฉันจะไปทำอาหารเช้าให้"

ไม่รู้ว่าเพราะเกิดใจฝ่อขึ้นมา หรือเพราะเป็นห่วงว่าเธอท้องเสียจริงๆ มื้อนี้เผยซือเหนียนถึงได้ทำอาหารออกมาได้ตระการตาทีเดียว

ทั้งนม ไข่ ขนมปัง แยม ยังมีซุปข้าวโอ๊ตที่เธอชอบอีก

"ต่อไปนี้เธอจะซี้ซั้วกินไม่ได้แล้ว ฉันจ้างแม่บ้านมาคอยทำอาหารเช้าให้เธอกินทุกวันดีกว่า"

"ไม่ต้องหรอก"

"เด็กดี อาหนิงเชื่อฟังฉันเถอะ ไม่งั้นฉันไปทำงานก็ไม่สบายใจ"

"ซือเหนียน ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?"

"ถามมาสิ"

อันหนิงวางช้อนลง แล้วถามขึ้นด้วยเสียงเรียบ "อาถรรพ์รักเจ็ดปี นายว่ามันจริงไหม?"

เผยซือเหนียนทำหน้าขยะแขยงออกมาทันที "นั่นมันก็แค่ข้ออ้างของพวกผู้ชายคนอื่นที่ปันใจให้คนอื่นแล้ว ฉันไม่เหมือนพวกนั้น ชาตินี้ฉันจะรักแค่อาหนิงของฉันคนเดียว"

"ชาตินี้จะรักแค่ฉันคนเดียว?"

"ใช่"

"แล้วถ้านายเกิดไปรักผู้หญิงคนอื่นขึ้นมาล่ะ?"

"งั้นก็ขอให้ฉันโดนฟ้าผ่าภายในห้าวัน ขอให้ฉันไม่ตายดี"

อันหนิงยิ้มเสียดสี "คำสาบานแรงกล้าขนาดนี้ นายไม่กลัวว่าจะเป็นจริงขึ้นมาหรอ?"

"ฉันพูดแต่ความจริง ทำไมต้องกลัว?"

อันหนิงหยิบช้อนขึ้นมาใหม่ แล้วทาแยมลงบนขนมปัง

เผยซือเหนียนพูด "อาหนิง เธอต้องเชื่อฉันนะ"

อันหนิงพูดแค่ว่า "กินข้าวเถอะ"

"ยังไม่เชื่อฉันอีกหรอ? หรือต้องให้ฉันควักหัวใจออกมาให้ดูเธอถึงจะเชื่อ?"

"ที่บริษัทยังมีคนรอนายอยู่ อย่าไปสายซะล่ะ"

เผยซือเหนียนจึงสบายใจในที่สุด และนั่งลงตรงข้ามกับเธอ "ปล่อยให้พวกนั้นรอไปเถอะ ไอ้พวกไม่ได้ความ ฉันจะไล่ออกให้หมด"

"ไล่เขาออก นายตัดใจได้หรอ?"

ที่อันหนิงหมายถึงคือ "หล่อน" ไม่ใช่ "พวกเขา"

เธอไม่รู้ว่าเผยซือเหนียนฟังความหมายออกหรือไม่ แต่ได้ยินเขาพูดแค่ว่า "นอกจากเธอ ก็ไม่มีอะไรที่ฉันจะต้องเสียดาย"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 4

    หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ ทั้งสองคนก็ไปบริษัทพร้อมกันแต่อันหนิงขยะแขยงเบาะข้างคนขับเกินจะควบคุม จึงดึงดันไปนั่งเบาะหลัง"ฉันเมารถ นั่งเบาะหลังยังดีหน่อย เพราะเปิดหน้าต่างได้ลม"เผยซือเหนียนจึงไม่ได้บังคับเธอต่อ "เอางั้นก็ได้ ฉันจะพยายามขับให้นุ่มหน่อย"เมื่อถึงหน้าประตูบริษัท เผยซือเหนียนก็วิ่งเหยาะๆมาเปิดประตูรถให้เธอเมื่ออันหนิงลงจากรถ ก็ถูกจับตามองโดยเหล่าพนักงานที่กำลังเข้างานกันในเวลาคับขันอีกครั้งมีผู้บริหารระดับสูงสามสี่คนวิ่งเหยาะๆ เข้ามา แล้วประจบ "คุณนายมาด้วยหรอครับ? ประธานเผยพร่ำบ่นให้ฟังทุกวันว่าคุณนายชอบดื่มชานม ผมก็เลยไปซื้อมาให้ครับ"อีกคนก็พูดขึ้นว่า "ขนมผมก็ไปซื้อมาด้วย เพราะคุณนายชอบมินิเค้ก"เผยซือเหนียนด่ากึ่งเล่น "พวกคุณอย่าขุนเพิ่มเชียว ตอนนี้อาหนิงก็อ้วนขึ้นนิดหน่อย จนแหวนแต่งงานยังใส่ไม่เข้าแล้ว""ประธานเผยพูดผิดแล้วครับ ดูยังไงคุณนายก็ผอมมาก ถ้าใส่แหวนไม่ได้ แสดงว่าปัญหาอยู่ที่แหวน โดนน้ำแล้วหดแหงๆ!""ไปไกลๆ จะประจบสอพลอก็ให้มันเนียนหน่อย นี่จะออกนอกหน้าไปไหม? เงินที่ไหนโดนน้ำแล้วหด!""นายนั่นแหละไม่เก็ท ประธานเผยรักคุณนายขนาดนี้ ขอแค่คุณนายแฮปปี้

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 5

    อันหนิงพูด "เพื่อนของฉันคนนึง พาสปอร์ตหายน่ะ เลยถามฉันว่าจะทำใหม่ยังไง"เผยซือเหนียนรีบสาวเท้าไปสองก้าว แล้วกอดเธอแน่น "ตกใจหมดเลย ฉันก็นึกว่าเธอจะไปต่างประเทศ แล้วไม่พาฉันไปด้วย"อันหนิงเบี่ยงหน้าหนีอยากจะอ้วกบนตัวของเขามีกลิ่นคาวๆ เลี่ยนๆ อบอวลไปทั่วผสมปะเปกับกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงเผยซือเหนียนลูบหลังให้ฉันอย่างปวดใจ "พวกนั้นให้เธอกินอะไรอีก? เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะสั่งไปหยกๆ ว่าสองสามวันนี้เธอท้องไส้ไม่ดี ให้ดูแลเธอดีๆ...รอเดี๋ยวนะ ฉันจะไปจัดการพวกนั้นให้หมด!"คราวนี้อันหนิงออกแรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออก"คุณอยากจะจัดการใครก็เชิญ แต่อย่าเอาแต่พูดว่าทำเพื่อฉันจะได้ไหม?!"เผยซือเหนียนถูกเธอระเบิดใส่กระทันหันจนทำอะไรไม่ถูก "อาหนิง เธอโกรธฉันหรอ? เพราะวันนี้ฉันยุ่งกับงานทั้งวันจนไม่มีเวลาอยู่กับเธอใช่ไหม?"เขาว่า "งั้นเอางี้ พรุ่งนี้ฉันจะเลื่อนงานทั้งหมดออกไป แล้วจะอยู่กับเธอคนเดียว โอเคไหม?"อันหนิงโมโหจนหัวเราะออกมา"อยู่กับฉันคนเดียว?""ใช่ กับเธอคนเดียว"อันหนิงสูดหายใจเข้าลึก แล้วพ่นออกมาทีละคำ "หวังว่านายจะทำได้อย่างที่พูด"ตกเย็นวันนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆ ก็มีฝนตก

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 6

    ข้อความของหลินจิ้งยังเด้งเข้ามาไม่หยุด[หลินจิ้ง : จริงสิ ให้คุณดูอะไรนี่ (รูปภาพ) นี่เป็นผลตรวจของฉัน ฉันท้องล่ะ]อันหนิงขยายรูปภาพดู จนในที่สุดก็เห็นตัวอักษาที่อยู่ด้านหน้าสุดของผลตรวจได้อย่างชัดเจน[อายุครรภ์ 8 อาทิตย์, เสี่ยงแท้ง][หลินจิ้ง : เมื่อวานเราทำกันที่ดาดฟ้าไปหลายรอบ ลองทำกันจนครบทุกท่า อาจจะเพราะรุนแรงไปหน่อย เบบี๋ก็เลยมีภาวะเสี่ยงแท้ง เฮ้อ ต้องโทษเขานั่นแหละ เห็นบอกว่าตอนอยู่ที่บ้านนอนกับคุณที่ไม่ต่างอะไรกับผักปลาแล้วมันไม่มีความรู้สึก พออยู่กับฉันก็เลยอยากทำอะไรที่มันเร้าใจสักหน่อย][หลินจิ้ง : หมอบอกว่า ไม่ว่าจะเก็บเด็กไว้หรือเอาออก ก็ต้องได้รับการยินยอมจากพ่อของเด็ก ฉันก็เลยต้องเรียกเขาลงมา ยังไงซะ ถ้าเทียบกันระหว่างเรื่องลำไส้กับลูกแล้ว ลูกก็ต้องสำคัญกว่าหน่อย คุณว่าจริงไหม?]อันหนิงเรียกรถออกจากโรงพยาบาลไปเองเธอไปยังสำนักงานกฎหมายแห่งนึง"สวัสดีค่ะ ฉันอยากให้ทางคุณช่วยร่างใบหย่าให้ฉันหน่อยค่ะ"เธอไม่ได้ต้องการอะไร ทางทนายก็น่าเชื่อถือผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอก็ได้เอกสารหย่าในฉบับสมบูรณ์มาแล้วทนายบอกเธอว่า "ไม่ต้องให้ฝ่ายชายเซ็นชื่อ แค่แยกกันอยู่ครบสองปี

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 7

    อีกสามวันก็จะถึงวันที่ต้องขึ้นเครื่องหลินจิ้งส่งรูปเผยซือเหนียนกำลังปิ้งย่างอยู่ริมทะเลมาให้[หลินจิ้ง : เพื่อเป็นการฉลองที่ฉันมีลูกให้เขา ก็เลยให้รางวัลด้วยการพามาพักร้อนที่มัลดีฟ~ เขาบอกว่าฉันอุ้มลูกอยู่ก็ลำบากพอแล้ว เลยให้ฉันนอนรอกินอย่างเดียว]อันหนิงไม่ได้ตอบกลับ เธอแค่นัดเพื่อนสนิทไม่กี่คนมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งเพราะยังไงซะ อาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้วการรวมตัวกินข้าวกันครั้งนี้ อันหนิงมีความสุขมากอีกสองวันก่อนจะขึ้นเครื่องหลินจิ้งส่งรูปที่เผยซือเหนียนกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ แต่หนังสือเล่มนั้นชื่อว่า "คู่มือเลี้ยงเด็กปฐมวัย"[หลินจิ้ง : คุณพ่อมือใหม่ให้ความสนใจกับการศึกษาของลูกสุดๆ เขายังเป็นแค่ก้อนเนื้อในท้องฉันอยู่เลย แต่คุณพ่อก็เริ่มคุยกับเขาผ่านท้องของฉันทุกวัน]อันหนิงยังคงไม่ตอบกลับ เธอไปธนาคาร แล้วเอาเงินในบัญชีทั้งหมดแลกเป็นเงินปอนด์ จากนั้นก็ปิดบัตรธนาคารทุกใบอีกหนึ่งวันก่อนขึ้นเครื่องครั้งนี้หลินจิ้งส่งวิดีโอมาในคลิป เป็นการแสดงดอกไม้ไฟริมทะเลที่สุดแสนโรแมนติกหลินจิ้งซึ้งจนร้องไห้ออกมา ส่วนเผยซือเหนียนก็กอดเธอพร้อมกับปลอบอย่างอ่อนโ

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 8

    เผยซือเหนียนวางสาย ไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติแต่อย่างใดส่วนหลินจิ้ง ก็ดูจะไม่ค่อยแฮปปี้สักเท่าไหร่ "วันเวลาที่พี่เป็นของฉันแค่คนเดียวมันผ่านไปเร็วจนใกล้จะจบลงแล้ว ต่อจากนี้ก็ต้องกลับมาหลบๆ ซ่อนๆ อีกเหมือนเดิม"เผยซือเหนียนได้ยินแบบนั้น ก็บอกหล่อนด้วยน้ำเสียงที่แฝงตักเตือน "ห้ามทำให้อันหนิงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติเด็ดขาด ไม่อย่างงั้นเธอรู้ดีว่าจะต้องเจอกับอะไร"หลินจิ้งบีบน้ำตา "ค่ะๆๆ รู้แล้วค่ะ พี่พูดเป็นล้านรอบแล้ว"เผยซือเหนียนเห็นหล่อนเหมือนจะร้องไห้ ก็ก้มหน้าโอ๋หล่อนนิดหน่อย "คนท้องเขาไม่ให้ร้องไห้กัน มันจะส่งผลไม่ดีกับลูกนะ""ก็พี่ดุฉัน""งั้นพี่จะไถ่โทษ ด้วยการซื้อกระเป๋าให้เธอ ชอบรุ่นไหนล่ะ?"หลินจิ้งเงยหน้าขึ้น "เรากลับบริษัทกันเถอะ ก่อนที่พี่จะกลับบ้าน เรามาทำกันอีกรอบ"เผยซือเหนียนไม่ค่อยเห็นด้วยนัก "ฉันบอกอาหนิงไปแล้วว่าอีกสองชั่วโมงจะถึงบ้าน ไม่ทันหรอก""พี่ก็บอกว่าระหว่างทางรถติดสิ ถึงยังไงทางด่วนมาสนามบินมันก็ติดจริงๆนี่นา..."เผยซือเหนียนดูนาฬิกาข้อมือ ยังคงลังเลอยู่หลินจิ้งจึงโอบรอบคอของเขาทันที แล้วจูบลงบนริมฝีปากของเขาแรกเริ่มเผยซือเหนียนดันหล่อนนิดหน่อย

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 9

    หลินจิ้งหง็อยจนเงียบไปทั้งตำแหน่งคุณนายเผยทั้งสมบัติของเผยซือเหนียนสักวันนึงจะต้องเป็นของเธอ คิดการใหญ่ใจต้องนิ่ง ครั้งนี้จะอดทนไปก่อนเผยซือเหนียนไม่ได้กลับบ้านตอนกลางวันมาสักพักใหญ่ๆ ได้แล้ว เขายืนอยู่ในวิลล่าที่คุ้นเคย ความห่างหายไปนานทำให้เกิดความรู้สึกแปลกและไม่คุ้นในขณะเดียวกัน ที่ใครๆ พูดว่า คู่รักถ้าไม่ได้เจอหน้ากันสักพัก พอกลับมาเจอกันจะรู้สึกเหมือนเพิ่งแต่งงานใหม่ คงจะเป็นเพราะแบบนี้ล่ะมั้ง"อาหนิง ฉันกลับมาแล้ว" เขาเรียกชื่อของเธอ ขายาวๆ สาวผ่านสนาม เข้าไปยังห้องรับแขกต้นไม้ใบหญ้าในสวนถูกตัดแต่งจนเป็นระเบียบ เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านยังถูกรักษาไว้ในสภาพเดิม แต่ทุกที่สะอาดเอี่ยมไร้ซึ่งฝุ่น บ่งบอกได้ถึงนิสัยและรสนิยมของเจ้าของบ้านทั้งหมดนี้เป็นหยาดเหยื่อของอันหนิงเผยซือเหนียนอยากจะกอดเธอ จากนั้นพูดว่า "เหนื่อยแล้วที่รัก" แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอ เขาจึงไปหาคนงานที่จ้างแบบรายวันแล้วสอบถาม "คุณนายล่ะ? ออกไปข้างนอกหรอ?"ปกติเวลานี้ อันหนิงต้องอยู่บ้านถึงจะถูกคนรับใช้มองหน้ากันไปมา ไม่มีใครบอกได้ว่าเธอไปไหน "ไม่ทราบเลยค่ะ วันนี้พวกเราไม่เห็นเธอตั้งแต่

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 10

    เผยซือเหนียนยิ่งคิดก็ยิ่งลนลาน เขากลัวว่าเธอจะทำไปโดยอารมณ์ชั่ววูบ ออกไปนอนโรงแรมของใช้ไม่ครบครัน ที่กลัวว่านั้นคือเธออาจจะประมาทเมื่อออกไปใช้ชีวิตคนเดียว หรือเดินเล่นไหนต่อไหนแล้วไม่มีเงินใช้ เขานั่งลงบนชิงช้าโดยอัตโนมัติ ล็อคอินเข้าบัญชีธนาคารแล้วเริ่มโอนเงินให้เธอเขากดโอนไปเท่าไหร่ก็ไม่ทันได้มอง รู้แค่ว่าตัวเองใส่เลขศูนย์ไปหลายตัว เพราะกลัวว่าเธอจะลำบากถ้าต้องออกไปอยู่เองข้างนอก หารู้ไม่ว่าเธอไม่ต้องการให้เขาเลี้ยงดูมาตั้งนานแล้วไม่ช้าสายจากเจ้าหน้าที่ธนาคารก็โทรเข้ามา "คุณเผยคะ ธุรกรรมของคุณล้มเหลวทั้งหมดค่ะ"เผยซือเหนียนที่อยู่ท่ามกลางความเสียศูนย์และสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป ก็ถามไปทันที "จำนวนเงินกับจำนวนครั้งเยอะเกินไปใช่ไหม? ผมยืนยันตัวได้ว่าผมเป็นคนทำธุรกรรมเองทั้งหมด ถ้าต้องการยืนยันตัวตนหรือเซ็นชื่อ ผมจะทำให้ทันที ผมต้องการโอนเงินให้ภรรยาของผม"เขาจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่เป็นคนโอนเงินให้อันหนิงด้วยตัวเองคือเมื่อไหร่ ราวกับว่านานมาแล้วที่ความมั่งคั่งกับสถานะที่สูงส่งทำให้เขาทอดทิ้งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มากมายนี้ไปวันครบรอบวันแต่งงานก็จ้างบริษัทออแกไนซ์มาช่วย

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 11

    ไม่บ่อยนักที่เขาจะยอมลดทิฐิ แต่เวลานี้เพื่ออันหนิงแล้วถึงก้มหัวก็ต้องยอม โชคดีที่หลังจากอีกฝ่ายแน่ใจแล้วว่าภรรยาของเขาหายตัวไปจริงๆ ก็ยอมรับปากเผยซือเหนียนได้บัญชีโซเชียลของอันหนิงมาได้สมใจ รูปโปรไฟล์เป็นรูปที่เธอวาดเอง ให้ความรู้สึกเหมือนกันกับตัวตนของเธอและชื่อบัญชี เป็นความรู้สึกงดงามและสงบที่ไม่อาจอธิบายได้ปกติแล้วอันหนิงไม่ใช่คนช่างพูด จึงเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย เมื่อเธอลงบันทึกชีวิตตัวเองบนโลกโซเชียลอยู่หลายปีเธอสร้างแอคเค้าท์บนแอปนี้เป็นกลุ่มแรกๆ บันทึกแรกสุดของเธอโพสต์ตอนที่พวกเขาเพิ่งเริ่มคบกันได้ไม่นาน[คบกันแล้ว (*^▽^*)]อิโมจิที่ฮิตๆ ในสมัยนั้น เมื่อมาดูตอนนี้กลายเป็นเฉยไปแล้ว แต่เผยซือเหนียนก็ยังอ่านไปพร้อมกับรอยยิ้ม แม้ว่าจะผ่านไปหลายปี แต่เขายังสัมผัสได้ถึงความรักหวานแหววเมื่อครั้งที่อันหนิงกับเขาคบกันเธอชอบแชร์ชีวิตของตัวเองลงบนแอปนี้มาก ยามว่างก็จะฝึกวาดรูป พอมีแฟนเขาก็มักจะให้ของขวัญแก่เธอ นอกจากนี้ยังมีช่อดอกไม้ที่ถือในงานแต่งกับชวนดอกไม้ที่ถูกตัดแต่งอย่างประณีตหลังแต่งงาน...เผยซือเหนียนไล่ย้อนอ่านไปทีละโพสต์ หัวใจของเขาอ่อนยะยวบจนเหมือนจะเหลวลงพื้นแ

บทล่าสุด

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 21

    อดพูดไม่ได้เลยว่า ท่าทางของเผยซือเหนียนในวิดีโอดูแล้วติดตามาก ต่อให้เป็นต่างชาติที่ฟังภาษาของเขาไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยังสัมผัสได้ถูกความสิ้นหวังจากบนสีหน้าของเขาและซับไตเติ้ล"ไม่หรอก" อันหนิงโอบกอดเจ้าเหมียว ทอดตาลงต่ำแล้วพูด "เราทุกคนต่างก็เกิดมาตัวคนเดียว ไม่มีใครจำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตต่อไป ถ้าเขาละทิ้งชีวิตตัวเองด้วยเหตุผลนี้จริงๆ นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ จะให้คนอื่นเสียสละตัวเองเพื่อทำตามที่เขาขอก็คงไม่ได้หรอก"เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว ต่อให้เผยซือเหนียนมายืนร้องไห้ต่อหน้า เธอก็ไม่มีทางกลับไปลิซ่าเองก็ยิ้มน้อยๆ "งั้้นก็ดี เธออยู่ที่นี่ให้สบายใจดีกว่า ช่วงนี้ในป่ามีพายุหิมะ ถนนในเมืองทุกสายที่ตัดผ่านที่นี่ถูกปิดไปหมด ต่อให้มีคนเข้าใจผิดว่าพวกเธอคือคนเดียวกัน ก็ไม่มีโอกาสได้ติดต่อไปรายงานพวกเขาแน่"ในหัวใจของอันหนิงผุดความอบอุ่นขึ้นมา เธอลองชิมคุกกี้ที่เพิ่งอบมาได้ไม่นาน แล้วพูดพร้อมกับขอบตาแดงระเรื่อ "ขอบคุณนะ คุกกี้อร่อยมาก จริงๆ นะ"วันเวลาผ่านไปไวเหมือนสายน้ำไหล ไม่นานก็มาถึงคืนคริสมาสต์อีฟ นี่เป็นวันสำคัญของชาวเมือง หนุ่มสาวจำนวนมากที่ไปทำงานต่าง

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 20

    สติของเขาถูกบดขยี้ด้วยความสิ้นหวังที่ไร้ซึ่งขอบเขตมานานแล้ว กระทั่งปลายสายให้ที่อยู่ในประเทศมาแบบคลุมเครือ จึงวางสายไปพร้อมกับรอยยิ้มอันขมขื่นไม่ได้เหนือความคาดหมาย คนๆ นี้หลอกเขาแต่เขาไม่ได้ไล่บี้ เพราะไม่มีเรี่ยวแรงอีกต่อไปหลังจากวันนั้น สายที่โทรเข้ามาทำนองนี้ก็มีมาต่อเนื่องไม่หยุดทุกคนล้วนเจออันหนิงในที่ใดที่หนึ่ง จากนั้นก็ขอเงินรางวัลจากเผยซือเหนียนไม่มากก็น้อยทั้งที่เขาก็รู้ว่าในบรรดากลุ่มคนเหล่านั้นมีมิจฉาชีพตั้งไม่รู้เท่าไหร่ แต่ก็ยังโอนเงินให้เหมือนเดิม นั่นก็เพื่อคว้าความหวังอันริบหรี่เอาไว้เงินรางวัลที่ว่าสุดท้ายก็กลายเป็นแค่ก้อนหินที่จมลงไปในทะเล โดยไม่มีแม้แต่ละอองน้ำสะเด็ดขึ้นมาแต่เผยซือเหนียนก็หาได้สนใจไม่ ตอนนี้เขาได้แต่อาศัยความคิดนี้เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไปวันๆ ต่อให้จะมีคนบอกว่าต้องการนัดคุย เขาก็ยังไปตามนัดยังมีผู้หญิงบางส่วนที่ใช้วิธีนี้เพื่อเข้าหาเขา แต่ละคนแต่งตัวสวยอวดสัดส่วนเต็มที่เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ทั้งยังพูดกับเขาแบบเปิดเผยว่า "คุณเผย ฉันยังมีเพื่อนๆ อีกมากมาย ถ้าคืนไหนที่คุณรู้สึกเหงา พวกเราจะช่วยคลายเหงาได้ทุกเมื่อ"กลายเป็นว่าวิ

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 19

    กระดาษที่อยุ่บนพื้นพวกนั้นเป็นกระดาษชนิดเดียวกับที่อันหนิงเขียนจดหมายทิ้งไว้ให้เขา เขาเอาสมุดเล่มที่เธอใช้ไม่หมดย้ายจากห้องหนังสือมาห้องนอน จากนั้นก็นั่งเขียนหามรุ่งหามค่ำติดต่อกันอยู่หลายวันเวลาไร้ซึ่งความหมายในขณะนี้แม่ของเผยซือเหนียนพูดทั้งน้ำตา "อันหนิงไม่ได้อยากเจอลูกแล้ว ต่อให้ลูกเขียนจดหมายขอโทษจนล้นห้องมันจะไปมีประโชน์อะไร? ลูกต้องพูดคำพวกนี้กับเธอด้วยตัวของลูกเอง"เผยซือเหนียนครุ่นคิดอย่างจริงจังนิดหน่อย ยอมรับว่าที่แม่พูดนั้นมีเหตุผล แต่เขาจมอยู่ใต้ตมโคลน จนไม่สามารถออกมาได้แล้ว เขาช้อนดวงตาแดงก่ำขึ้น แล้วพูดอย่างยืนหยัด "เธอจะต้องรู้แน่ ขอแค่ผมเขียนพวกนี้ให้หมด เธอก็จะให้อภัยผม ใช่แล้ว ผมต้องจริงใจให้มาก..."เสียงของเขาแหบแห้ง ทว่ากลับแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งที่ผิดปกติ ดวงตาก็เป็นประกายแปลกประหลาด พูดได้ครึ่งนึง จู่ๆ ก็ลุกขึ้นแย่งสมุดกลับไป แล้วใช้มือสั่นเทาของเขาเขียนลงไปในสมุด เขาเขียนไปพร้อมกับพูดพึมพำ"อันหนิง ฉันผิดไปแล้ว เธอจะให้อภัยฉันใช่ไหม? ถ้าฉันเขียนจนหมดสมุดเล่มนี้ เธอก็จะต้องกลับมายกโทษให้ฉันแน่ ขอโทษนะ..."เผยซือเหนียนพร่ำประโยคเหล่านี้อย่างไม่รู้จักเหน็ด

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 18

    เขาร้อนใจราวกับมีไฟลนก้น แต่วีซ่ากับตั๋วเครื่องบินไม่ใช่สิ่งที่ทำแล้วจะเสร็จได้ในทันทีกว่าเขาจะเหยียบย่างเข้ามาในดินแดนของนอร์เวย์ ทั้งติดต่อสถานทูตกับทางตำรวจเพื่อตามหาอันหนิง ก็กินเวลาเข้าไปแล้วสามวันเผยซือเหนียนเคาประตูคอนโด ตะโกนเรียกชื่อ "อันหนิง" แล้วบุกเข้าไปทันที แต่กลับถูกเจ้าของบ้านที่กำลังทำความสะอาดอยู่ห้ามเอาไว้ก่อน เขาพูดด้วยความระแวง "คุณเป็นใคร?""ผมมาหาอันหนิง" เขาพูดเสร็จ ก็ตระหนักได้ว่าเธอใช้ชื่อภาษาอังกฤษที่นี่ ก็รีบอธิบายใหม่อีกรอบ "เธอเป็นภรรยาของผม พวกเราเข้าใจผิดกันนิดหน่อย ผมก็เลยมาเพื่อปรับความเข้าใจกับเธอ"เจ้าของบ้านโบกมือทันที "ที่นี่ไม่มีคนที่คุณกำลังตามหาหรอก""เธอชื่ออันหนิง ชื่อภาษาอังกฤษคือNING"เจ้าของบ้านยังพูดอีก "ผู้เช่าของผมชื่อเซี่ยงหยวน ไม่ใช่คนที่คุณกำลังพูดถึง คุณมาหาผิดคนแล้ว"เซี่ยงหยวน?เผยซือเหนียนตกอยู่ในภาวะไปต่อไม่ถูก"คุณแน่ใจนะครับว่าไม่ได้จำชื่อผิด?"เจ้าของบ้านเริ่มอารมณ์เสีย "ถ้าคุณไม่เชื่อก็ช่างเถอะ"ขณะพูด ก็เตรียมจะปิดประตูไปเผยซือเหนียนไม่ยอมปล่อยเบาะแสตรงหน้าไปง่ายๆ ก็ควักธนบัตรออกมาแล้วไล่ถามต่อ "คิดซะว่านี่เป็

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 17

    ป้าคนนึงทีเพิ่งหย่ากับสามีที่นอกใจมาหมาดๆ เกลียดพวกเมียน้อยจนเข้าไส้ ก็เดินขึ้นไปขวางทางเธอ แล้วด่ากราด "อายุก็แค่นี้ริอาจทำเรื่องต่ำทราม จะเป็นเมียน้อยทำบ้านเค้าแตกให้ได้เลย? ถุย พวกสันดานเมียน้อย!"หลินจิ้งเห็นว่าเธอเป็นแค่คนแปลกหน้าแต่มาด่าตัวเอง ก็ด่ากลับอย่างไม่ยอมแพ้ "นี่ป้า สภาพนี้คงอยากจะเป็นเมียน้อยแต่ไม่มีปัญญามากกว่ามั้ง มาด่าฉันเป็นเมียน้อย คงไม่ใช่ว่าตัวเองเอาผัวไม่อยู่ เลยโดนทิ้งมาหรอกนะ?""ถุย ก็ยังดีกว่าแกที่แก้ผ้าโดนเขาไล่ตะเพิดออกมาล่ะวะ!" ป้าโมโหจนยื่นมือออกมากระชากเธอสถานการณ์กลายเป็นวุ่นวายขึ้นมาทันทีป้าคนนั้นอาศัยอยู่แถวนี้ ไม่นานก็เรียกรวมพลเพื่อนๆ มารุมด่าหลินจิ้ง ว่าเป็นเมียน้อยหน้าด้าน ส่วนคนอื่นๆ ที่มามุงดูดราม่านี้ ก็เรียกทุกคนเข้ามาดูเพิ่ม จนไม่นานก็รวมคนได้จำนวนมากเสียงเอะอะดังใหญ่โตจนคนในวิลล่ายังได้ยิน แต่เผยซือเหนียนกลับเพิกเฉย ขังตัวเองไว้ในโลกส่วนตัวไม่ยอมออกมาไม่ว่าหลินจิ้งจะปากจัดยังไง ก็ไม่อาจด่าสู้กับคนจำนวนมากขนาดนี้ได้ เธอโมโหจนร้องไห้ อยากจะปิดหน้าแล้ววิ่งหนีออกไปจากวง แต่ก็เกือบถูกพวกหื่มกามยื่นมือมาแตะอั๋งอีก"ไสหัวไป! อย่ามาแตะตัว

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 16

    "เธอไม่มีสิทธิ์วิจารณ์อันหนิง ที่สำคัญเธอเองก็หวังให้รูปมันจะถูกแชร์ออกไปเหมือนกันล่ะสิท่า? เธอถ่ายหน้าฉันชัดขนาดนั้น แต่กลับบังคับตัวเองไม่ให้เขากล้อง อย่านึกว่าฉันไม่รู้ เธอคิดจะอาศัยวิธีนี้เพื่อไต่เต้าอยู่แล้วล่ะสิท่า?"เวลานี้สติสัมปรัชชัญญะของเขาแจ่มแจ้งซะยิ่งกว่าอะไร แต่มันก็สายไปแล้วหลินจิ้งยังอยากจะแก้ต่าง แต่เขาเกลียดชังเธอซะยิ่งกว่าอะไร ไม่คิดจะให้โอกาสอีกแม้แต่นิดเดียว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหารปภ.ของวิลล่า แล้วออกคำสั่ง "ลากตัวคนที่ไม่สมควรเสนอหน้าอยู่ที่นี่ออกไป"รปภ.ของวิลล่าคอยเฝ้ายามอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง หลังจากออกคำสั่งเสร็จก็รีบมาทันทีหลินจิ้งไม่ยอมไปกับพวกเขา ยังพยายามดิ้นรนขัดขืน "ซือเหนียน คุณเป็นคนเรียกฉันมา ตอนนี้คุณจะให้ฉันไป ฉันก็จะไป แต่คุณจะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้..."เผยซือเหนียนหันหลังให้เธอแล้วเดินเข้าไปในบ้าน เขาทิ้งประโยคนึงโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา "อย่าให้ฉันเห็นหน้าเธออีก""ซือเหนียน..."หลินจิ้งถูกลากออกจากประตูของวิลล่าไปทั้งอย่างนั้น เธอมองประตูเหล็กแกะสลักปิดลงต่อหน้าต่อตา ราวกับว่าชีวิตของคุณนายไฮโซได้ออกห่างจากตัวเองไปไกลทุกที เธอเริ่มตะโกน

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 15

    หลินจิ้งเข้าใจความหมายของเขาผิดมหันต์ ก็โผเข้าสู่อ้อมกอดเขาด้วยรอยยิ้ม "แบบนี้มันก็ยิ่งเร้าใจน่ะสิ? ซือเหนียน เรามา...กรี๊ด! ทำอะไรของคุณ!"เธอพูดได้ครึ่งเดียว ก็ถูกเผยซือเหนียนที่สุดจะเหลือทนกระชากชุดนอนออกจากตัวเผยซือเหนียนเพิกเฉยต่อเสียงกรีดร้องของใบหู กระทั่งชุดโปรงถูกโยนลงบนพื้นอย่างสมบูรณ์แล้วถึงได้หยุดการกระทำลง โดยที่เขาไม่ได้มองหลินจิ้งเลยตั้งแต่ต้นจนจบบรรดาคนรับใช้แค่มาทำงานแลกเงินเท่านั้น ใครจะมาอยากดูเหตุการณ์แบบนี้ ต่างก็พากันซอยเท้าหนีไปยังสวนหลังบ้านด้วยความเร็วหลินจิ้งหน้าถอดสีในตอนแรก แต่จนกระทั่งบริเวณนั้นไม่มีใครแล้ว ก็ยิ้มอย่างมั่นใจว่าตัวเองเข้าใจถูก "แหม ทำอย่างกับเค้าไม่เก็ทความต้องการของพี่อย่างงั้นแหละ ทำไมต้องรุนแรงแบบนี้ด้วยล่ะ"หล่อนพูดพลางแนบตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเผยซือเหนียน โดยไม่คิดจะปิดบังความคิดอ่านของตัวเองแม้แต่น้อยที่พวกเขาสองคนมาคบหากันได้ก็เพราะเรื่องบนเตียง ไม่ได้มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องเหนียมอาย ตราบใดที่เธอให้ความสนุกกับเขา ก็จะได้เงินจำนวนมากส่วนที่เขาจะเห็นเธอเป็นแค่ของเล่นไม่ใช่คนรักนั้น ก็ไม่มีความหมาย

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 14

    [พี่อันหนิง พี่ก็รู้จักเผยซือเหนียนคนนี้ดี เขาน่ะเป็นพวกยึดติดกับรักครั้งเก่า แล้วก็ไม่ค่อยแสดงออก ตราบใดที่พี่ยินดี เขาก็พร้อมจะเลี้ยงดูพี่ได้ตลอดไป แต่ฉันคิดว่าเรื่องบอกเรื่องพูดกันให้เคลียร์ไปเลยจะดีกว่า][ความรักมันไม่มีมาก่อนมาหลังหรอก แต่สิ่งที่ฉันต้องการก็คือหวังว่าคนที่เขาจะได้เจอก่อนก็คือฉัน ตอนนี้พวกพี่ก็แค่เพื่อนร่วมชั้นที่รู้จักกันดีกว่าคนแปลกหน้าใช่ไหมล่ะ ผู้หญิงน่ะต้องรู้จักแต่งหน้าแต่งตัว ไม่งั้นวันๆ เอาแต่หน้าสด สภาพโทรมๆ ผู้ชายที่ไหนเห็นแบบนี้แล้วจะอยากกลับบ้านกัน?][แน่นอนว่าสาวแรกรุ่นคงไม่มีอะไรจะสู้ได้ แต่ก็เราก็ยังรู้จักตัวเองดีกว่าพวกสาวรุ่นใหญ่ที่หนังเหี่ยวขึ้นทุกวันแต่ก็ยังไม่วายเอาตัวเองไปประชันกับพวกสาวๆ นะ วันนี้เผยซือเหนียนชมว่าฉันสวยอีกแล้วด้วยสิ][ทาด๊าา~ นี่เป็นสร้อยที่เผยซือเหนียนให้ฉัน เขาออกแบบเองกับมือเชียว][พี่อันหนิง พี่น่าจะเข้าใจฉันใช่ไหม? พวกเรารักกันด้วยใจจริง ขอแค่พี่เห็นด้วยกับเรา บ้านหลังนั้นก็จะยกให้พี่เป็นค่าปลอบขวัญหลังหย่า เพราะเผยซือเหนียนจะต้องซื้อหลังใหม่ให้ฉันอยู่แล้ว]……ข้อความเนื้อหาทำนองนี้ถูกส่งมามากมาย แต่ละข้อความนั้นไม่

  • รักเรานั้นร่วงโรย   บทที่ 13

    เผยซือเหนียนเห็นว่าไม่ว่าจะทำยังไงทนายก็ไม่หลงกล เขาก้มหน้าลงแสดงจุดยืนอีกครั้ง "งั้นเราก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ไม่ว่าคุณจะปรินท์มาเท่าไหร่ ผมก็ไม่มีทางเซ็น ส่วนจะไปฟ้องกับทางศาล ก็แล้วแต่คุณ"เขาไม่เชื่อว่าถึงเวลานั้นอันหนิงจะไม่ปรากฎตัวที่ศาล ก่อนถึงเวลานั้น เขาจะต้องคิดทุกวิถีทางเพื่อขอร้องให้เธอยอมให้อภัยพวกเขารักกันมานานตั้งหลายปี มีความทรงจำร่วมกันมากมายตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ถ้าได้เจอกันอีกยังไงก็ต้องใจอ่อน ตราบใดที่เขายืนหยัดที่จะไม่หย่า สักวันนึงเธอจะต้องเปลี่ยนใจกลับมาหาเขาแน่ทนายได้เตรียมรับมือสำหรับเหตุการณ์นี้มาแล้ว เขาเริ่มร่ายกฎหมายให้เผยซือเหนียนฟัง"คุณเผย ที่จริงคุณอันไม่จำเป็นต้องฟ้องร้องเลยก็ได้ นี่เป็นแค่แผนสำรองในกรณีที่เลือกไม่ได้ก็เท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ เธอยังหวังว่าจะจบกับคุณโดยดี อย่างเช่นแยกกันอยู่สองปี ก็สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้แล้ว ศาลจะตัดสินให้หย่าด้วยเหตุผลที่ทั้งคู่ไม่ได้รักกันแล้ว"ทั้งหมดนี้อันหนิงศึกษามาล่วงหน้า หลังจากตัดสินใจว่าจะยุติความสัมพันธ์นี้ เธอก็ใช้ความได้เปรียบจากอิสระในการออกไปไหนมาไหน พิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น พร้อมทั

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status