จากนั้น เขาก็ออกไปจากห้องปิดประตูให้เรียบร้อย แล้วนั่งรอเธออยู่ที่หน้าโฮมสเตย์ เธอก็ได้แต่ขอบคุณเขาในใจที่เขายินยอม ไม่จาบจ้วงล่วงเกินไปมากกว่านี้
ม่านฟ้ารีบแต่งตัวให้เร็วที่สุด ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจไม่รอ และเปิดประตูเข้ามาทำให้ม่านฟ้ากลายเป็นเมียด้วยความไม่เต็มใจ แบบนั้นมันจะแย่เอาได้ “เรียบร้อยแล้วค่ะ” ม่านฟ้าเปิดประตูออก เขาจึงหันกลับไปมอง เธอซึ่งอยู่ในชุดปกติเสื้อยืดสกรีนลายที่ระลึกของปางช้างที่นี่ รวมถึงกางเกงขาก๊วย หน้าไม่ได้แต่ง ผมยังไม่แห้งดี สภาพสดๆ แบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบ เขาคิด และยืนตะลึงก่อนจะยิ้มกว้างจนเห็นแล้วยิ้ม ตาก็หยีสิทีนี้ “หยุดยิ้มนะคะ” ม่านฟ้าออกคำสั่ง เท่านั้นแหละเขาก็หุบยิ้มทันที “เอ่อ เฮียเห็นว่าฟ้าเปื้อนไปทั้งตัว แล้วชุดชั้นในเอ่อ…” เขาถึงกับเป็นห่วงไปจนถึงชุดชั้นในของเธอเลยหรือเนี่ย “เออ ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ได้เปื้อน ใส่แป๊บเดียวเดี๋ยวฟ้าก็กลับบ้าน” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป นั่นคือเสียงที่อ่อนลงแววตาไม่ได้แข็งกระด้างหรือว่าจองหองเหมือนก่อนหน้านี้ “เฮียจะกลับเลยไหมล่ะคะ” ดูเหมือนว่าเธอจะไล่ตรงๆ “ถ้าฟ้าอยากให้เฮียกลับ เฮียก็จะกลับ” “ไม่ได้ไล่ค่ะแค่ถาม” เธอบอกพร้อมกับก้าวลงจากโฮมสเตย์ โดยมีเขาเข้าไปประคองที่ข้อศอกเธอเอาไว้อย่างสุภาพ จูบเมื่อครู่ยังคงวาบหวามอยู่เลย และเขาจะมาแตะต้องเธอตอนนี้อีก แสดงว่าผู้หญิงทุกคนที่อยู่ใกล้เขา คงมีความรู้สึกที่ไม่ต่างกับเธอสักเท่าไหร่ เชื่อแล้วว่าเขาเป็นผู้ชายที่เสน่ห์แรง คนเจ้าชู้คงบริหารเสน่ห์กันแบบนี้สักล่ะมั้ง “ไม่เป็นไรค่ะฟ้าเดินเองได้” “รู้ว่าเก่ง แค่อยากอยู่ใกล้” เขาก็พูดออกมาตรงๆ แต่ก็อีกนั่นแหละสถานการณ์ตอนนี้ ทำให้ทั้งคู่ไม่มีเรื่องที่จะคุยกันเอาซะเลย ดูอึกอัก ตื่นเต้น ไม่เป็นตัวของตัวเอง หัวใจยังคงหวั่นไหวไปกับบรรยากาศภายในโฮมสเตย์นั้นอยู่เลย “ไม่มีงานทำเหรอคะวันนี้” เธอแสร้งชวนคุย “ก็ทำแต่เฮียโทรสั่งงานได้ เฮียแค่ อยากมีโอกาสได้อยู่กับฟ้าโดยเฉพาะตอนนี้” “ตอนนี้ทำไมคะ” “เผื่อได้เห็นฟ้าบู๊กับใครอีก” “ฮ่าๆ” เธอหัวเราะเมื่อเขาแซว ดีแล้วที่เขาชวนคุยเรื่องนี้ เพราะเธอไม่ชอบอยู่ในบรรยากาศโรแมนติกเอาซะเลย มันทำตัวไม่ถูก แต่เสียงหัวเราะของเธอทำให้เขาหันไปมองหน้า จังหวะเดียวกันนั้นเธอก็หันมาสบตาเขาทำให้ต้องยิ้มค้าง พอได้สติก็ต่างคนต่างหันหน้าหนีจากกัน เขาก็ทำเหมือนหนุ่มน้อยพึ่งตกหลุมรักสาว รู้สึกขัดเขินไปหมด ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยจะบ้าตาย “ไม่คิดว่าคนสวยๆ แถมยังเป็นนางงามมีตำแหน่งอีก จะบู๊เก่งขนาดนี้ 4 รุม 1 ชนะ แถมยังใช้เครื่องทุ่นแรงด้วย” เขาชมและแซวไปในตัว “เครื่องทุ่นแรงเฮียหมายถึงอะไรคะ” “เอ่อ ขี้ช้าง” “ฮ่า” เธอหัวเราะลั่นอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่าน ซึ่งมันตลกสิ้นดี ใครจะคิดว่าเธอจะทำอะไรแบบนั้น “เล่นเอา 4 คนนั้นไปไม่เป็น” “ไปไม่เป็นยังไงคะ ฟ้าเห็นแต่วิ่งป่าราบ” “หึหึ” เขาหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “เก่งแบบนี้มาจากไหน เฮียไม่เคยเห็น นอกจากผู้หญิงห้าวๆ แต่ไม่คิดว่าฟ้าจะ…” “ฟ้าฝึกเอาไว้ป้องกันตัวบ้าง ตอนเด็กๆ โดนรังแกบ่อยๆ จากผู้ชายที่ตัวโตกว่า อยู่บ้านนอกโดนแต่คนรังแก พอไปเรียนในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ขโมยขโจรก็เยอะแยะค่ะ ยิ่งเดินในที่เปลี่ยว หรือแม้กระทั่งนั่งบนรถแท็กซี่ก็ไม่ปลอดภัย ชีวิตของฟ้า ไม่ได้อยู่บนเส้นทางที่มีคนขับรถให้ หรือได้เรียนโรงเรียนนานาชาติแบบลูกคนรวย” “ครอบครัวฟ้าก็ดูฐานะปานกลาง” “มันก็ใช่ค่ะ แต่เราไม่จำเป็นต้องฟุ่มเฟือยไปกับสิ่งพวกนั้นนะคะ จริงไหม หรือเฮียชินกับการใช้เงินในทุกเรื่องนะคะ” “จะว่าเฮียชินก็ได้เฮียยอมรับ” “ก็เข้าใจสถานการณ์ของเฮียได้ในตอนนี้” “แล้วฟ้ายิงปืนเป็นหรือเปล่า” คำถามของเขาทำให้เธอหันกลับมามองหน้าและยิ้มเล็กๆ ก็โผล่ออกมาให้เขาเห็น ปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนดังลั่นสนามยิงปืน รัวไม่ยั้งเข้าเป้าทุกจุด แม้จะชิวเฉียดเป้าสำคัญแต่ก็เข้า ท่ายืนถือปืนนั้นหนักแน่น สีหน้าและแววตามุ่งมั่นของม่านฟ้า ทำให้เสี่ยต้นที่ยืนกอดอกมองอยู่ ถึงกับจ้องตาแข็ง หายใจหายคอไม่คล่องกันเลยทีเดียว นี่เขาจีบใครกันวะเนี่ย เขาถามตัวเอง“ผมบอกเสี่ยแล้วว่านี่คือ Premium เสี่ยเจอของจริงเข้าแล้ว” นายมิ่งยืนกระซิบเจ้านาย หลังจากที่เจ้านายท้าทายม่านฟ้ามาที่สนามยิงปืน เพื่อทดสอบฝีมือของเธอว่ายิงปืนแม่นหรือเปล่า และนี่คือคำตอบ“แม่นซะด้วย” เสี่ยว่าพลางขมวดคิ้วและส่ายหน้าเล็กน้อย“ภาพกีฬามันๆ ตอนอยู่ที่ปาง ผมยังเก็บเอาไว้ในโทรศัพท์อยู่เลยครับเสี่ย เผื่อเสี่ยจะเก็บไว้เป็นที่ระลึก เวลาที่เสี่ยทำเรื่องผิดใจเธอ ทำให้เธอหึง โปรดจำเอาไว้นะครับว่าเธอคนนี้ไม่ธรรมดา แถมยังยิงปืนแม่นด้วย” นายมิ่งเยาะเย้ยถากถาง เหมือนจะชอบใจที่ผู้หญิงคนใหม่ของเสี่ยต้นเก่งรอบด้าน และดูท่าทางจะสยบเสี่ยต้นอยู่ซะด้วย ว่าแล้วเสี่ยต้นก็ยกมือขึ้นรูปหน้าตัวเอง “กระสุนหมดแล้วฟ้าขอเพิ่มได้ไหมคะ” ม่านฟ้าหันมาบอกพร้อมกับยิ้มกว้างใสซื่อ เสี่ยต้นก็เงยหน้ายิ้มรับและพยักหน้า จากนั้นก็ดูการฝึกปรือทบทวนฝีมือของม่านฟ้า ในการยิงปืนซึ่งดูแล้วนี่น่าจะเป็นความสุขหนึ่งของเธอ แต่เขากำลังเครียดว่าถ้าเกิดมีเรื่องผู้หญิงเข้ามาอีก เขาแย่แน่ไม่รู้จะโดนวิชาไหนของเธอเรื่องการบุก ไปทำร้ายร่างกายม่านฟ้าที่ปาง ทำให้สจีถูกจับตามองจากเสี่ยต้น และลูกน้องทั้งหมด เพราะกังวลว่าหญิงสาวจะลงม
“ใช่ค่ะ แล้วนับประสาอะไรกับสัตว์ประเสริฐ มันจะไว้ใจได้” ม่านฟ้าเอ่ยขึ้นและเน้นย้ำคำว่าสัตว์ใส่หน้าของสจี ทำให้หญิงสาวหน้าตึงเลยทีเดียว เพราะรู้สึกเหมือนโดนด่าตรงๆ นี่แหละ “แล้วนี่ อยากโดนช้างเหยียบอีกคนนึง หรือว่าวันนั้นยังไม่เข็ด” ม่านฟ้าว่า “นี่ ถ้าไม่ติดว่าพานักท่องเที่ยวมาที่นี่ล่ะก็ ฉันไม่มาที่นี่ให้เป็นเสนียดตีนของฉันหรอก แต่คิดว่าคงจะไม่ได้มาอีกแล้วล่ะ เพราะเดี๋ยวก็คงถูกปิด” “ดีค่ะ เพราะกำปั้นของฉันมันยังเจ็บอยู่ ยังไม่อยากเอามาใช้งาน” ม่านฟ้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงเข้ม “อีผู้หญิงป่าเถื่อน” “อีผู้หญิงสาระแน” ม่านฟ้าส่วนกลับ ทำให้หญิงสาวหน้าตึงอีกครั้ง “หน้าตึงบ่อยนะคะช่วงนี้ไปจัดโบท็อกมาเหรอ ทำหมอกระเป๋าใช่ไหมดูหน้าไม่ค่อยเข้าที่เท่าไหร่ หรือว่าหมอมือหนัก” “อ้ายยยย อีนังม่านฟ้า แกอย่าคิดว่าแกเป็นเด็กของเสี่ย แล้วจะไม่มีใครกล้าแตะต้องแกนะ” เมื่อพูดจบปุ๊บ ลูกน้องของเสี่ยต้นก็เดินมาประกบม่านฟ้าในทันที นับจำนวนได้ 5 คน พวกเขายืนขวางหน้าม่านฟ้า และจ้องสจีเขม่งเหมือนจะเอาเรื่อง ทำให้หญิงสาวถอยเท้าทันที “เราได้เห็นดีกันแน่” สจีชี้หน้า แต่ก็กลัวจนตัวสั่น เท่านั้นแหละ ม่านฟ้าก็แหวนห
“ก็ถ้าเขาแสดงความจริงใจออกมา พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วทำไมหนูถึงคิดว่ามันเป็นแผนของเขาล่ะ”“ก็ตั้งแต่เขาเข้ามามีแต่เรื่องวุ่นๆ นะคะ เมื่อก่อนไม่เห็นมีเรื่องแบบนี้เลย” “แล้วหนูไปมีเรื่องกับใครไว้หรือเปล่าล่ะ” พูดถึงการมีเรื่อง ก็ทำให้เธอนึกถึงชื่อนึงขึ้นมาได้อีก ซึ่งก็คือสจีนั่นแหละ“เคยมีเรื่องค่ะ อย่างที่พ่อทราบ มีเรื่องตบตีรุนแรงทำให้เกิดความอับอาย” “แล้วทำไมเราถึงมาพูดเรื่องแผนได้นะลูก”“พ่อมีตะปูวางเป็นแผ่นเลย มันเกิดจากการกลั่นแกล้ง มีคนเอาเข้าไป คนงานทำความสะอาดคอกช้างเป็นอย่างดี เศษแก้วเศษเหล็กเศษไม้ต่างๆ ก็พยายามไม่ให้มี เพราะไม่อยากให้พี่ๆ ต้องเหยียบและเจ็บ อย่างมากก็มีแต่หญ้ากล้วยหรืออ้อยแค่นั้นล่ะค่ะ ตะปูจะมาจากไหน” “เราไม่ควรใส่ความเจ้าสัวนะลูก” “ต่อให้พ่อไม่ให้ฟ้าคิด ตอนนี้ฟ้าก็คิด” จากที่อารมณ์เศร้าหมอง ตอนนี้กลายเป็นความโกรธขึ้นมาทันที ดวงตาของเธอดุ แข็งกระด้าง นึกถึงสจีกับเสี่ยเป็นหลัก ไม่คนใดคนหนึ่งนี่แหละ เธอจะต้องสืบรู้ให้ได้ พี่มะเดี่ยวจะไม่ต้องถูกทำร้ายฟรีๆ “แล้วพี่มะเดี๋ยวเป็นยังไงบ้างลูก” “หมอร็อคกำลังดูแลรักษาค่ะปลอดภัยหายห่วง คนของเราแล้วก็นักท่องเที่ยวที่
แม้ปางจะถูกปิด แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ และพนักงานดูแลทุกวันเหมือนเช่นเคย ช่วยกันปรับปรุงสถานที่ให้ดีขึ้น และม่านฟ้าก็ต้องจ่ายค่าแรงให้กับทุกคน ทำให้เงินค่อยๆ ร่อยหลอลง เธอจะหาเงินมาจากไหนเพื่อประคองค่าใช้จ่ายเหล่านี้ เพราะไม่อยากให้ลูกน้องต้องเดือดร้อน ลำพังตัวเธอเองก็ยังพอดูแลตัวเองได้ บิดาก็มีเงินเดือน และมีเงินเก็บอยู่นิดหน่อย แต่ลูกน้องของเธอนี่ สิมีครอบครัวอยู่เบื้องหลัง เธอขบคิดจนปวดหัวแต่ก็คิดไม่ออก “รถใครคะ” ม่านฟ้าถามเมื่อเธอจอดรถหน้าบ้าน และเห็นรถอีกคันจอดอยู่ เธอคุ้นตาแค่ถามไปอย่างนั้นเอง “รถเจ้าสัวตันติวัฒน์ค่ะ เสี่ยต้น มารอพบคุณฟ้า” แม่บ้านบอกเสียงเบา ม่านฟ้าไม่ได้ตอบอะไร แต่ค่อยๆ เดินเข้าไปในบ้าน เห็นคนตัวโตนั่งอยู่ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอจึงลุกขึ้น แล้วหันมาส่งยิ้มให้ เธอมีแต่ความเย็นชาส่งกลับไปให้เขา ทั้งที่ใจเต้นตึกตัก มีแต่เขาวนเวียนอยู่ในความคิดตลอดหลายวััน เธอไม่ได้ยิ้มรับแต่ก็ยกมือไหว้ตามมารยาท “สวัสดีค่ะ” ไหว้เสร็จเธอก็ค่อยๆ เงยหน้า เขาก็เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับรวบมือเธอเอาไว้ ทำราวกับเป็นแต่เฒ่าหื่นที่เห็นเด็กสาวเป็นไม่ได้ สายตาก็แพรวพราวซะเหลือ
“ก็ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลไงคะ” “อันนี้ก็พูดถูก แต่ไม่ใช่สิ่งที่เฮียทำกับฟ้า เฮียให้ฟ้าได้หมด ขอแค่ฟ้าพูดมา และไม่กล่าวหาเฮียแบบนี้” พูดถึงการกล่าวหา ถ้าการที่เธอเข้าไปดูแลเขาในทุกๆ เรื่อง จะถือเป็นการตรวจสอบความจริงหรือเปล่า ว่าเขาแกล้งเธอหรือไม่“ให้โอกาสเฮียนะ แล้วฟ้าก็จะได้รู้ว่าเฮียจริงใจกับฟ้าแค่ไหน จะได้รู้ว่าเฮียไม่ได้แกล้งฟ้าจากเหตุการณ์นี้” “ฟ้าเคยพูดกับเฮียแล้วตั้งแต่ที่เราเจอกัน และสิ่งที่เฮียปฏิบัติทั้งหมดมันส่งผลเสีย ตอนนี้มันเกิดขึ้นกับฟ้าแล้ว ไม่ว่าฝีมือใคร” “เราจะช่วยกันตรวจสอบอีกแรงนึง เฮียไม่ให้ฟ้าเดินเพียงคนเดียวหรอก และนี่ไงเฮียกำลังช่วยฟ้าอยู่” น้ำเสียงของเขาอ้อนวอน จับมือเธอเอาไว้แน่น ทำเอาหัวใจของเธออุ่นซ่าน ไหววูบ ไม่กล้าแม้แต่จะถอดมือออกจากเขา “ถ้าฟ้าตอบตกลงตอนนี้ สิ่งที่ฟ้าจะต้องเผชิญต่อไปก็คือ บรรดาสาวๆ ของเฮีย ที่จะดาหน้ากันมาที่บ้าน มาให้จัดการ หรือมะรุมตบฟ้า เหมือนที่สจีทำ” “ฟ้าก็เคลียร์ให้เฮียสิ” พูดแบบนี้เขาจะให้เธอเป็นแม่ทัพนำหน้าเขาหรือ เธอคิดและมองหน้าเขาพร้อมกับสายหน้า “อย่าปฏิเสธเฮียเลยนะ” “นี่ ไม่มีประโยชน์ไหนที่ฟ้าปฏิเสธออกไปเลย” คำพูด
เขาเชื่อโดยสัญชาตญาณ ว่าเธอก็มีใจให้คนแก่คนนี้เหมือนกัน แต่หลังๆ ที่เธอยอมตกลงนั่นก็เพราะเป็นห่วงลูกน้อง เขาจะใช้เวลาที่เหลือทั้งหมด หลังจากที่เธอเข้ามาเป็นผู้ช่วยในบ้านของเขาแล้ว เร่งทำคะแนนความรักให้ดีที่สุด “อย่ามาคนเดียวอีกนะคะ มันอันตราย” เธอบอกด้วยความเป็นห่วง เมื่อเดินมาส่งเขาที่หน้าบ้าน“เฮียไม่อยากเอิกเกริก ไม่อยากเป็นจุดสนใจเลยมาหาฟ้าคนเดียว” “ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่ได้ค่ะ” “ดีใจที่ฟ้าเป็นห่วงเฮีย” “ไม่ให้เป็นห่วงนั่นล่ะค่ะดีที่สุด” เธอไว้เชิงเก่งจริงๆ แต่คำตอบของเธอก็ทำให้เขายิ้ม “เฮียกลับนะ แล้วเดี๋ยวจะให้คนมารับ พรุ่งนี้” เขายืนหน้ามากระซิบเธอเบาๆ เธอก็ยิ้มแล้วไม่ตอบ “เอ่อ” เขาก็อึกอัด เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่พูด ขณะที่ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ๆ กับศีรษะของเธอ ต่างคนต่างไม่พูดจึงเอาจมูกกดลงไปบนผมของเธอและถอนออกอย่างรวดเร็ว “อุ้ย” หญิงสาวอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะมองไปรอบตัวกลัวคนจะเห็น และชกไปที่ท้องของเขาแรงๆ “นี่แหน่ะ” “โอ๊ย!” เขาถึงกับร้องและงอตัวพร้อมกับเอามือจับท้อง “ฟ้า… เฮียเจ็บ” “อย่ามาฉวยโอกาสกับฟ้านะคะ” เธอว่า ก่อนจะเปิดประตูให้ แล้วจับเขายัดขึ้นไปนั่งบนรถซะเ
ขณะเดียวกัน ก็เพื่อเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้ เสี่ยต้นให้นายมิ่งดูแลม่านฟ้าอย่างใกล้ คอยเป็นบอร์ดี้การ์ด ป้องกันการถูกรุมทำร้ายซ้ำอีก จากเหตุการณ์ครั้งก่อนที่สจีลงมือ ทำให้เสี่ยต้นไม่ไว้ใจหญิงสาวอีกเลย หรือไม่ไว้ใจใคร เสี่ยต้นมอบหมายหน้าที่ให้ม่านฟ้าดูแลการเงินของบริษัท ส่วนการเงินของธุรกิจสีเทานั้น ให้คนอื่นดูแลอยู่ ไม่งั้นอาจจะถูกม่านฟ้าบ่นก็เป็นได้ เพราะหญิงสาวไม่ชอบธุรกิจแบบนี้ของเขา จากนั้นก็ให้ม่านฟ้าจัดการเรื่องชีวิตประจำวันของเขาทั้งหมด ทำอย่างกับเธอไม่ใช่ผู้ช่วย แต่เป็นภรรยา ตั้งแต่อาหารเครื่องดื่ม ยาบำรุง ยารักษาโรค ให้ตายเถอะเธอดูแลเขาราวกับเป็นคนแก่ ในแต่ละวันเสี่ยต้น แทบไม่อยากจะออกไปทำงาน อยากนั่งมองหน้าม่านฟ้าในทุกๆ แต่หญิงสาวก็ไม่ใจอ่อนไปมากกว่านี้ แม้เธอจะดูแลเขา ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แต่ก็ไม่ใจอ่อน ยิ้มให้เขาเพียงน้อยนิด สัมผัสได้แค่จับไม้จับมือ ไม่งั้นเดี๋ยวโดนเธอต่อยอีก จูบเรื่องและจูบเดียวที่ได้จากตอนที่อยู่โฮมสเตย์ ก็ไม่ได้จูบที่ 2 อีกเลย เธอหวงเนื้อหวงตัวมาก ใจร้ายมาก จะทำยังไงให้เธอรัก คนเจ้าชู้อย่างเขาเมื่อก่อนแทบจะไม่ต้องจีบสาวเลยก็ติด มาตอนนี้ ไม่มีมุกที่จะจีบม่
“ทุกคนก็ไม่ต่างกัน” เสี่ยต้นตอบ พลางแกะมือเธอออก “กินข้าวต้มได้แล้วค่ะเฮีย จะได้ดื่มยาบำรุง และจะได้พักผ่อน วันนี้ทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว” ม่านฟ้าเป็นคนตัดบท พลางจ้องหน้าสจีอย่างไม่ลดละเช่นกัน “ไว้เจอกันนะจี๊ด” ถือว่าเขาเอ่ยปากไล่ ตอนนี้หญิงสาวดูเหมือนเป็นส่วนเกิน เธอไม่ยอมแพ้และมันไม่หยุดอยู่เท่านี้ เธอจะรวมตัวอีหนูทั้งหลายมาจัดการกับแม่นี่ให้เข็ด ดูซิว่าจะอยู่ในบ้านของเสี่ยต้นได้นานแค่ไหน “จี๊ดกลับก็ได้ค่ะ ไว้เดี๋ยวจี๊ดจะมาเยี่ยม พร้อมกับโสมเอาไว้บำรุงร่างกาย” เธอบอกอย่างเอาใจ และเอามือหยิกแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะลุกไปด้วยท่าทีสะบัดสะบิ้ง มาถึงตอนนี้ม่านฟ้าก็อิ่มข้าวแล้วล่ะ สายตาของเธอเย็นชาลง และไม่มองหน้าเขา “โสมที่คุณจี๊ดเอามาอยู่ที่ไหน” เขาหันไปถามแม่บ้าน ชั่วครู่แม่บ้านก็เดินไปนำเข้ามาให้ เพราะหญิงสาววางเอาไว้ที่ห้องรับแขก “นี่ค่ะ” แม่บ้านวางให้เบาๆ แล้วออกไป เสี่ยต้นก็เปิดดูนิดหน่อยแล้วขมวดคิ้ว “อยากดื่มเหรอคะ” ม่านฟ้าถามด้วยความสงสัย “เอ่อ แค่ดูว่าเขาซื้ออะไรมาให้” “ฟ้าไม่อนุญาตให้ดื่ม ถ้าอยากดื่มคือถ้วยนี้ที่ฟ้าจัดให้เท่านั้น” เธอใช้อภิสิทธิ์ความเป็นผู้ช่วย ที่เขาให้สิทธิ
“ต้องขอบคุณเฮียเขา ที่ได้แขกจากโรงแรมของพ่อเลี้ยง” “นานๆ ทีคุณฟ้าจะเอ่ยแบบนี้นะคะ” ขันแก้วยื่นหน้าเข้าไปแซวและยิ้มกล่าว“พูดอย่างกับว่าฟ้าเป็นคนใจแข็งมากอย่างนั้นแหละ” ถ้าตอบกลับแล้วก้มหน้าลงเล็กหน่อย “ใจแข็งมากค่ะ” “อยู่ในเกมของคนเจ้าชู้ จะให้ฟ้าโอนอ่อน ไปกับคารมของคนที่แก่ประสบการณ์ได้ยังไงคะ” “แสดงว่าคุณฟ้าเอาตัวเองลงไปเล่นเกมตั้งแต่แรก” “คงใช่ไหมคะ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นแบบนี้หรอก” “เป็นแบบนี้คือ แบบไหนคะ แบบเป็นคุณนายเบอร์ 1 ใช่ไหมคะ” ขันแก้วแซวอีกครั้ง“ฟ้าไม่ได้อยากเป็นคุณนายเบอร์ 1” ตำแหน่งนี้เธอแทบจะถอนหายใจ “งั้นเป็นรักสุดท้ายของเฮียนะ” เสี่ยงทุ้มนุ่มดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ม่านฟ้ายืนนิ่งมองไปข้างหน้า แต่ขันแก้วกลับหันมามองเสี่ยต้นที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋า มืออีกข้างถือดอกกุหลาบสีขาวมา 1 ดอก ขันแก้วเห็นทั้งนั้น แล้วก็นึกเขินแทนเจ้านาย จึงก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วรีบเดินหนีทันที ทิ้งให้ม่านฟ้ากับเสี่ยต้นยืนอยู่เพียงลำพัง ขณะเดียวกันนั้นลูกน้องของเสี่ยต้นก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม ด้วยการดูอยู่ห่างๆ เพื่อไม่ให้ใครเข้ามารบกวน “ไม่ต้องมีเบอร์ 1 หรือว่าล่าสุด แต่เป็นรัก
“นี่เหรอคะกำลังทำ ยังทิ้งสายตาหวานให้กันอยู่เลย ฟ้าขอตัวนะคะ จะไปดูคนงานต่อที่ปาง” “ฟ้าจ๋า” เขาเรียกน้ำเสียงอ้อน ทว่าไม่น่าจะได้ผล เพราะเธอเดินออกไปจากบ้าน ขึ้นรถแล้วขับไปแล้วนายมิ่งก็ไม่ได้ตามไป เธอดูแลเขาดีทุกอย่าง เท่าที่ผู้ช่วยคนหนึ่งจะทำได้ เธอใจอ่อนเพราะดูเหมือนอยากจะทำตามใจเขา ในขณะที่ดูเหมือนจะรัก แต่ก็ไม่แคร์ เป็นผู้หญิงแกร่งที่อ่านใจยากมาก หรือนี่จะเป็นจุดจบขอเสี่ยต้น “งานยากแล้วนะครับเสี่ย” นายมิ่งเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “คงเป็นเวรกรรมของฉัน มีแต่ผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด แต่ไม่เลือกใครสักคน แต่พอจะจริงจังกับใครสักคน เป็นยังไงล่ะเหมือนกรรมตามสนอง เหมือนจะได้เขาแล้ว แต่เขาก็ไม่แคร์ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย ฟ้าเขาได้อั้วะแล้วจะทิ้งไหมวะเนี่ย”“เจอแต่คนเคยเรียกร้องใช่ไหมครับ จะอ้อน จะเอา จะขอมีสิทธิ์ในชีวิต พอเจอคุณฟ้าเข้าหน่อย ไปไม่เป็นเลย” “เสียระบบเลยว่ะ ระบบรวนไปหมด” “สาวๆ ของเสี่ย เมื่อได้เป็นอีหนูของเสี่ยแล้ว เรียกร้อง อยากได้นั่นนี่เต็มไปหมด อยากเป็นตัวจริง อยากอยู่ในบ้านเป็นเบอร์หนึ่ง แทบจะแยกเขี้ยวเมื่อเห็นหน้ากัน คุณฟ้านี่มาเหนือเลยนะครับ ผมชอบจริงๆ” “ไอ้มิ่ง
“คือ ก้อนเก่าค่ะอาจจะผ่อนผันออกไปอีกสักระยะ ถ้าเสี่ยไม่ว่าอะไร พราวก็อาจจะคุยกับเสี่ยตามลำพังได้ค่ะ” หญิงสาวพูด พร้อมกับทำตาเยิ้มหวานใส่เสี่ยต้น “เสี่ยไม่คุยกับใครตามลำพัง ม่านฟ้าฟังเรื่องของเสียได้ทุกเรื่องเพราะเป็นผู้ช่วย ดูแลเรื่องการเงิน และเป็นคนรักที่เสี่ยต้องให้เกียรติ คุยกับผู้หญิงสองต่อสองคงจะไม่เหมาะ” เสี่ยตัดบทอย่างหนักแน่น“แต่เราคุยเรื่องงานไงคะ” หญิงสาวเถียง “เอาละเฮียให้ผ่อนผันได้อีก 1 อาทิตย์ ไม่เกินนี้ ถ้าไม่ได้ ที่ดินที่นำมาจำนองก็ตกเป็นของเสี่ยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย” “เสี่ย!” ความคิดของพราวคืออยากใช้เสน่ห์เข้ามาต่อรองด้วยการผ่อนผันเงินที่กู้ แต่ติดที่ว่าคนอื่นรับฟังด้วย เสี่ยไม่รับขัดดอกเป็นร่างกายของผู้หญิงแล้วอย่างนั้นหรือ ไม่จริงหรอก พราวคิด“แล้วคนอื่นๆ ล่ะ มีปัญหาเรื่องผ่อนผันเงินที่กู้ยืมเสี่ยไปไหมคะ”ม่านฟ้าเอ่ยถามแทรกขึ้น ทุกคนก็ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตา แน่นอนว่าคำตอบมันอยู่ในกิริยาอาการที่แสดงออกมาทั้งหมดแล้ว หากเป็นเสี่ยต้นคนเมื่อก่อน เขาอาจจะเรียกสาวๆ ขึ้นห้องไปพร้อมกัน 2 คนเลยก็ได้ รับจ่ายหนี้เป็นร่างกาย ตอนนี้เมียคนสุดท้อง รักสุดท้ายของชีวิต นั่งอยู่ตรงนี
ในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งห้องรับแขก สาวๆ ทั้งห้า เป็นตัวแทนมาเยี่ยมเสี่ยต้น แต่พวกเธอก็มีสัมพันธ์สวาทกับเสี่ยต้นด้วย และคนเจ้าเสน่ห์แถมรวยโสดขนาดนี้ มีหรือสาวๆ จะพลาดให้หลุดมือ และสาวๆ ก็ไม่ได้เป็นมิตรกันด้วย เพราะต่างก็รู้ว่าเป็นอีหนูของเสี่ยทั้งนั้น “คุณฟ้าครับ เสี่ยจะลงมาในอีกสิบนาที” นายมิ่งเดินเข้าไปบอกม่านฟ้า ซึ่งเธอกำลังเตรียมเครื่องดื่มและมื้อเช้าตรงเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม โดยที่เบื้องหน้าคือห้องรับแขกนั่นแหละ เห็นว่ามีแขกห้าคน “สองวันติดเชียว เสน่ห์แรงซะจริงนะเจ้านายมิ่งเนี่ย” เธออดประชดไม่ได้ เขาได้เธอเป็นเมียแล้วอยากดูน้ำหน้านักว่าจะจัดการแม่พวกสาวๆ พวกนี้ให้หลุดพ้นยังไง เพราะถ้าเขาทำไม่ได้อย่างที่ปากพูด เธอก็จะไม่สนไม่แคร์เหมือนกัน “แหม น้ำเสียงเหมือนงอนเลยครับ” “ไม่ต้องแหมค่ะ” เธอสวนกลับ พลางมองไปที่สาวๆ บางคนเธอก็รู้จัก เป็นนางงามเหมือนกัน เสี่ยนี่ก็สอยแต่นางงามจริงๆ เธอคิด พลางส่ายหน้า “แม่นั่นเป็นนางงามเก่านี่น่า ใช่ไหม” หญิงสาวคนหนึ่งกระซิบถามขึ้นโน้มตัวเข้าหาคนข้างๆ แต่สายตามองมาที่ม่านฟ้า “ใช่ เคยเห็นออกงานประกวดล่าสุด” อีกคนตอบ “ของใหม่ล่ะสิท่า วันนั้นเห็นท
“ซี๊ดดดด อืม อ๊ะ เฮียขา” เธอร้องครางลั่นเมื่อความเสียวพุ่งทะยานจนแทบไม่อยากรั้งรอ ขณะที่สะโพกกลมกลึงแอ่นเด้งรับจังหวะกระแทกของท่อนกายชายเสียงดังผึบผับ “เมียจ๋า เฮียเสียวจะแตกอยู่แล้ว” เขากระซิบที่ซอกคอหอมกรุ่น เธอก็หลับตาพลางแอ่นกายเหยียดเกร็งและยกสะโพกเด้งรับ “ฟ้าก็จะ... อ๊ะ! เฮียขา เฮียขาเร่งอีก อื้อ!” เธอบอกเป็นสัญญาณและกระดกเด้งสะโพกรับระรัว เขาก็ยิ่งกระแทกลงแรงๆ เสียวไปทั้งตัวจนขนลุก แทบอยากจะกรีดร้องออกมาให้สาสมกับอารมณ์ปรารถนา “อ๊ะ! โอ๊ย! เฮีย เฮียขาฟ้า... อ๊ะ! อ๊ะ!” สิ้นเสียงครางดังลั่น เธอก็กระตุกเกร็งยกสะโพกขึ้น ปลดปล่อยอารมณ์และความสุขออกมาให้สุด พร้อมกับยกขาขึ้นเกี่ยวเอวเขาไว้ สองมือโอบรัดรอบคอเขาและแหงนหน้าขึ้น “อ๊ะ อื้อ ซี๊ดดดด อืม” เธอยังคงครางอยู่ขณะที่น้ำรักถูกเปล่งปล่อยทะลักทลายออกมา จนร่างกระตุก เม็ดเสียวตอดแรงจนทำให้เขาเร่ง จังหวะกระแทกสะโพกระรัวและถึงจุดสุดยอดไปด้วยกัน “ฟ้าจ๋า ฟ้า ซี๊ดดดด อืม” เขาอดที่จะครางออกมาไม่ได้ พร้อมกับกดสะโพกแนบแน่น ปลดปล่อยน้ำรักให้หลั่งไหลพรั่งพรู ขณะที่ท่อนเนื้อกระตุกดิ้น เขายังคงหายใจหอบโดยที่เธอซุกหน้ากับซอกหูเขาและอ้าปากงับเบ
“เฮีย” เธอเรียกเขาพลางลืมตาขึ้นและผงกศีรษะขึ้นมอง “เฮียจะจูบให้ฟ้าเปียกไปทั้งตัว” สิ้นคำเขาก็ก้มลงพร้อมกับลิ้นที่ส่งออกมาลากเลียกลีบสาว จากล่างขึ้นบนอย่างไม่รีรอ เพราะเขารอเวลานี้มานานแล้ว “อ๊ะ! อื้อ! เฮีย” เธอแทบครางลั่นเพราะความเสียวและความร้อนจากเรียวลิ้น เขาโลมเลียขึ้นลงราวกับกินน้ำหวาน เธอก็แอ่นเด้งเนินสวาทขึ้นลงอย่างสุดจะห้ามใจ มือนุ่มก็กดศีรษะเขาเบาๆ จังหวะเดียวกันนั้น เขาก็จับขาทั้งสองข้างของเธอตั้งชัน และวางพาดเอาไว้บนหัวไหล่ ปากร้อนก็งับดูดร่องเสียวหนักหน่วงจนเสียงดังจุบจั๊บ พร้อมกับลิ้นร้อนก็ทะลวงสอดแหย่ดุนดันเม็ดเสียวระรัว จนเนินสวาทดีดเด้งขึ้นลงรับจังหวะที่ดูดดึงคำโต “ซี๊ดดดด อ่า เฮีย!” เธอร้องออกมาด้วยความเสียวซ่าน “บอกเฮียซิ เสียวไหม” “อื้อ! ค่ะ เสียว ฟ้าเสียว โอ๊ยเฮียขา!” “เฮียอยากทำให้ฟ้ามีความสุขแบบนี้นานแล้ว” เขาพูดไปพลางก็ดูดเลียร่องเสียวไปพลาง จนน้ำเสียวไหลทะลักออกมาอย่างมากมาย เขาก็ดูดเลียจนเกิดเสียง “ซี๊ด! อ่า คุ้มกับที่รอไหมคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงกระเส่า “คุ้มมาก เมียจ๋า” พูดจบเขาเลียร่องสวาทลากขึ้นลงอย่างเอาใจ ปลายลิ้นตวัดดุนดันเม็ดเสียวเป็นจังหว
เขาคิดไปพลางก็ฟังเสียงฝักบัวในห้องน้ำไปพลาง ผ่านไปเพียงสิบนาทีก็ได้ยินเสียงปิดฝักบัว ตามด้วยการเปิดประตูออกมา ม่านฟ้ายังคงอยู่ในชุดคลุมตามเดิม ขณะที่เขาเหลือบมองนิดหน่อย พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกช้าๆ เหมือนกำลังเครียด จังหวะเดียวกันนั้นม่านฟ้าก็เดินมาหาเขาที่เตียง “นอนได้แล้วค่ะ” ม่านฟ้าบอกอีกครั้ง ก่อนจะนั่งลงที่ขอบเตียงและประคองจับเขาให้ขยับตัวเพื่อจะได้เอนลงไปนอน “ทำอย่างกับเฮียเป็นคนแก่ และใช่ว่าเฮียจะหลับง่ายๆ นะ” “แก่แล้วนอนดึกไม่ดี แล้วก็บาดเจ็บด้วย” “เฮียแก่มากใช่ไหม” เขาถามเสียงหม่นอีกครั้ง เห็นแต่เพียงแววตาของเธอนิดหน่อย ผ่านแสงไฟที่สาดผ่านทางหน้าต่างเข้ามา“ดื้อจัง ทำยังไงถึงจะหลับคะ” ม่านฟ้าไม่ตอบแต่ถามเรื่องอื่นแทน“มีเรื่องให้เฮียเครียดหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องฟ้า” คำพูดของเขา ทำให้เธอถอนหายใจนิดหน่อย ก่อนจะขยับลุกขึ้นยืน ทว่าหัวเข่ายังคงชิดอยู่กับขอบเตียง เขาก็ได้แต่เงยหน้ามองตาม“คุณหมกมุ่นเกินไป” “ความรักทำให้เราเป็นทุกข์ได้เหมือนกันนะ” “แล้วทำยังไงถึงจะไม่เป็นทุกข์ล่ะคะ”“เฮียก็ไม่รู้ เฮียรักฟ้า ฟ้าก็รู้” “ความรักมันจะดีไม่ใช่เหรอคะ” “มันดี ถ้าได้
ในขณะที่ม่านฟ้าเคาะประตูห้องนอนเสี่ยต้น ก่อนจะเปิดเข้าไป ก็เห็นเขานั่งเอนหลังพิงหัวเตียง เสื้อไม่ใส่ มีผ้าห่มคลุมจากเอวลงไป พร้อมกับมองมาที่เธอด้วยแววตาประหม่าชอบกล แต่ก็มีความงอนเง้าเล็กๆ “ทำไมยังกินอะไรล่ะคะ” ม่านฟ้าถามเสียงเรียบก่อนจะเดินมาที่ข้างเตียง“เอ่อ ปวดแขนมากๆ” เสี่ยต้นตอบเสียงอ้อน พลางทำตาเลิ่กลั่ก“ปวดทั้งสองข้างเลยเหรอคะ ฮืม” ม่านฟ้าแกล้งถามกลับ“ก็ได้ เฮียยังไม่กินยังไม่หิว เจ็บจนไม่หิวเลย” เขาตอบแบบงอนๆ “ก่อนหน้านี้ฟ้ายังเห็นคุณเดินกระฉับกระเฉงอยู่เลย แถมยังออกไปทำธุระทั้งวัน ไหงตอนนี้เดินไม่ไหว” เธอก็แกล้งแซวอีก “ก็อยากเคลียร์ธุระให้เรียบร้อย” “ทายาหรือยังคะ” “ยังเลย คิดว่าเฮียจะลุกไหวไหมล่ะ” “ค่ะ” ม่านฟ้าตอบก่อนจะเดินไปหยิบยาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงาน แล้วเดินกลับมาหาเขา จากนั้นเธอก็นั่งลงที่ขอบเตียง “ใครมา” “สาวๆ ของคุณ” เธอตอบแบบขอไปที พลางมองยาในกล่อง ไม่ยอมมองหน้าเขา ใบหน้าเธอก็ดูบูดบึ้งชอบกล “เยอะดีนะคะ” “จ้ะ” เขาก็กล้าตอบเช่นกัน เท่านั้นแหละเธอก็ตวัดหางตาขึ้นมองหน้าทันที ยิ่งโกรธมากกว่าเดิมเสียอีกแต่เธอไม่พูด กลับค่อยๆ เอายาทาป้ายไปตามแขนของเขาแรงๆ “ซี้ด
ตั้งแต่เกิดเรื่อง เสี่ยต้นไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย เขาไปเคลียร์ปัญหาทั้งหมดให้ม่านฟ้า ในขณะที่เธอเองก็เคลียร์ปัญหาอยู่ที่ปางให้เรียบร้อย แจ้งข่าวนี้ให้กับบิดาทราบว่าเธอปลอดภัย แต่เสี่ยต้นได้รับบาดเจ็บ เธอจึงต้องขอตัวไปดูแลเขา ทว่าช่วงเย็นเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ แทนที่ตัวเองเจ็บแทบจะเดินไม่ไหว กระทั่งเวลาประมาณ 6 โมง จึงเห็นรถของเขาเข้ามาจอด เห็นเขาเดินกะโหลกกระเผลกเข้ามาในบ้าน เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปประคอง “ตัวเองบาดเจ็บแท้ๆ แทนที่จะรีบกลับบ้าน” เธอตำหนิเขาเล็กน้อย “เฮียไปเคลียร์เรื่องทั้งหมดให้เสร็จก่อนน่ะจึงจะกลับมา” เขาตอบแล้วสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก หายใจหนักๆ ดูเหมือนว่าจะมีความเหนื่อย “เฮียอยากกลับขึ้นห้อง ฟ้าพาเฮียขึ้นไปหน่อยนะ” เขาบอกและคว้าแขนเธอเอาไว้ เธอจึงพยักหน้าและช่วยเหลือของเขาขึ้นไปบนห้อง “อาบน้ำก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวให้คนทำอาหารขึ้นมาให้ข้างบน” เธอบอกด้วยความเป็นห่วง “แล้วฟ้า…” “ฟ้าก็จะลงไปสั่งแม่บ้านไงคะ” “เฮียถอดเสื้อเองไม่ไหว” เขาเกิดอาการงอแงแล้วอยากอ้อนขึ้นมาทันทีเชียว เธอก็ได้แต่ถอนหายใจ ส่ายหน้า และถอดเสื้อสูทให้กับเขา หาผ้าเช็ดตัวมาให้ เขาก็ได้แต่มองตามและยิ้