แม้ปางจะถูกปิด แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ และพนักงานดูแลทุกวันเหมือนเช่นเคย ช่วยกันปรับปรุงสถานที่ให้ดีขึ้น และม่านฟ้าก็ต้องจ่ายค่าแรงให้กับทุกคน ทำให้เงินค่อยๆ ร่อยหลอลง เธอจะหาเงินมาจากไหนเพื่อประคองค่าใช้จ่ายเหล่านี้ เพราะไม่อยากให้ลูกน้องต้องเดือดร้อน ลำพังตัวเธอเองก็ยังพอดูแลตัวเองได้ บิดาก็มีเงินเดือน และมีเงินเก็บอยู่นิดหน่อย แต่ลูกน้องของเธอนี่ สิมีครอบครัวอยู่เบื้องหลัง เธอขบคิดจนปวดหัวแต่ก็คิดไม่ออก
“รถใครคะ” ม่านฟ้าถามเมื่อเธอจอดรถหน้าบ้าน และเห็นรถอีกคันจอดอยู่ เธอคุ้นตาแค่ถามไปอย่างนั้นเอง “รถเจ้าสัวตันติวัฒน์ค่ะ เสี่ยต้น มารอพบคุณฟ้า” แม่บ้านบอกเสียงเบา ม่านฟ้าไม่ได้ตอบอะไร แต่ค่อยๆ เดินเข้าไปในบ้าน เห็นคนตัวโตนั่งอยู่ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอจึงลุกขึ้น แล้วหันมาส่งยิ้มให้ เธอมีแต่ความเย็นชาส่งกลับไปให้เขา ทั้งที่ใจเต้นตึกตัก มีแต่เขาวนเวียนอยู่ในความคิดตลอดหลายวััน เธอไม่ได้ยิ้มรับแต่ก็ยกมือไหว้ตามมารยาท “สวัสดีค่ะ” ไหว้เสร็จเธอก็ค่อยๆ เงยหน้า เขาก็เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับรวบมือเธอเอาไว้ ทำราวกับเป็นแต่เฒ่าหื่นที่เห็นเด็กสาวเป็นไม่ได้ สายตาก็แพรวพราวซะเหลือ เธอจึงค่อยๆ คลายมือออกจากมือเขา “คิดถึง และเป็นห่วง” เขากระซิบบอกเพราะกลัวคนจะได้ยิน ม่านฟ้าก็มองซ้ายมองขวา แต่ก็พบว่าตัวเองอยู่กับเขาตามลำพังจึงโล่งใจที่ไม่มีใครมาได้ยินประโยคเมื่อครู่ “มานานหรือยังคะ” เธอถามตามมารยาทและหลบสายตาเขา “มาได้สักครู่” “เชิญนั่งค่ะ” เธอบอก ก่อนจะเดินไปนั่งตรงข้าม “เฮียเสียใจด้วยกับเรื่องที่เกิดขึ้น” เธอสังเกตสีหน้าและแววตาของเขา ไม่ได้มีความเจ้าเล่ห์ในประโยค หรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับเขา เธอคิดและถอนหายใจ “ขอบคุณค่ะ” เธอตอบสั้นๆ แต่ก็ถามต่อเพราะอยากรู้ว่าเขามาทำไม “เฮียมีธุระอะไรกับฟ้าค่ะ” เสียงที่ถามออกไปค่อนไปทางเย็นชา “เฮียเป็นห่วง คิดว่าฟ้าน่าจะเดือดร้อนเรื่องรายจ่าย” เขาพูดออกมาตรงๆ ซะเลย แน่นอนแหละปัญหาหลักมันต้องเป็นเรื่องรายจ่าย “ค่ะใช่” เธอก็ตอบตรงเช่นกัน “มีอะไรให้เฮียช่วยไหม” คำพูดของเขาทำให้เธอสบตา เพื่อหาสิ่งผิดปกติ “ไม่มีค่ะ” ม่านฟ้าตอบอย่างหนักแน่น “เฮียได้ยินคนงานพูดว่าปางถูกปิด แต่รายจ่ายของลูกน้องแต่ละคนมันยังเดินอยู่ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายพวกเขา พวกลูกจ้างรายวัน ฟ้าคงไม่มีเงินมาแจกพวกเขาในทุกๆ วันจนครบ 2 เดือนหรอกใช่ไหม” “เฮียพูดแบบนี้ต้องการอะไรคะ หรือว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือเฮีย” “จะทำแบบนั้นไปทำไม” “ก็เพราะเฮียอยากจะทำให้ฟ้าเป็นลูกหนี้ไงคะ” “เฮียไม่ได้จะยื่นข้อเสนอให้ฟ้ามากู้เงินเฮียนะ เฮียรู้ว่าฟ้าไม่ทำหรอก” “ค่ะฟ้าไม่ทำ” “แล้วฟ้าจะแก้ไขปัญหานี้ยังไงล่ะ บอกเฮียนะ เฮียอยากช่วยฟ้าแก้ไขปัญหา” เธอมองหน้าเขาทันที ทั้งคู่ต่างก็ขมวดคิ้ว ในแววตานั้นดูมีความจริงใจ และมีความเครียดแทนเธอ “ฟ้ากำลังรับทำบัญชีให้กับบริษัทต่างๆ ค่ะ เพราะเรียนมาทางด้านนี้ ก็คงจะมีรายได้เพิ่มเพื่อมาจ่ายลูกน้องค่ะ” “มันจะได้เงินสักแค่ไหนกันเชียว” “บริษัทละ 2-3 หมื่นก็คงได้มั้งคะ” “แต่รายจ่ายมันมากกว่านั้นนะเฮียรู้” “เฮียรู้ไปซะทุกเรื่องเลยนะคะ ให้คนตามสืบเรื่องของฟ้าหมดเลยเหรอ” “ก็เฮียชอบฟ้า เฮียก็ต้องตามสืบทุกอย่างที่เกี่ยวกับฟ้าอยู่แล้วสิ” เธอถึงกับถอนหายใจในประโยคของเขาเลยทีเดียว แต่เธอเชื่อแล้วล่ะว่าเขาชอบเธอ แค่จะเล่นๆ หรือจริงจังเท่านั้นเอง “เฮ้อ” “ถึงกับถอนหายใจเชียว” เขาแซวแต่ก็เป็นห่วง “เอางี้ มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวให้เฮีย เฮียให้เดือนละ 200,000 บาท ถ้ายินดีทำ จ่ายล่วงหน้า 1 เดือน ผู้ช่วยดูแลทุกอย่างให้เฮีย แต่ถ้าทำบัญชีบริษัทด้วย ก็จะให้เงินในตำแหน่งบัญชีด้วย แต่ถ้าอยากได้เงินอีก มาเป็นภรรยาเฮีย เฮียให้เดือนละ 1 ล้านบาท” แหมเธอจับใจความได้ที่ประโยคสุดท้ายนั่นแหละ คือความเจ้าเล่ห์สุดๆ ของเขา นี่คงเป็นจุดหมายหลักที่เขาต้องการ เธอคิด แต่มันก็อาจจะกำลังได้ผล “สวัสดิ์การอะไรคะเนี่ย เกิดมาไม่เคยได้ยินมาก่อน” เธอยิ้มและถามอย่างเจ้าเล่ห์ “สวัสดิการเมีย ฟ้าจะได้มีเงินมาดูแลคนงานไง” เขาพูดตรงซะจนเธอไปไม่เป็น แต่ก็กำลังพิจารณาอยู่ ว่าถ้าหากตอบตกลงมันจะเป็นผลดีหรือว่าผลเสีย หากเธอรับงานจากบริษัทอื่นๆ สัก 2-3 ที่ ก็จะมีรายได้ประมาณ 7-8 หมื่น มีรายได้จากที่เขาจ้างอีก มันจะพอไหมเนี่ย “ดูเหมือนฟ้าจะคิดนาน” เสี่ยต้นถามเมื่อเธอนิ่งไปไม่ยอมตอบ “เป็นความหวังดีที่มีอย่างอื่นแอบแฝง ฟ้าเข้าใจถูกไหมคะ” “มันก็ทั้งนั้นแหละ เราคบกันเป็นแฟนกัน ก็ต้องช่วยเหลือกันจริงไหม อนาคตเดี๋ยวฟ้าก็มาเป็นภรรยาเฮียอยู่แล้ว” ฟังก็พูดเองเออเองสิให้ตายเถอะ เธอไปคบกับเขาตอนไหนวะ เป็นแฟนกันเมื่อไหร่ “เอ่อ เมื่อไหร่คะ ฟ้าตอบตกลงว่าคบกับคุณตั้งแต่เมื่อไหร่” “ตั้งแต่อยู่ในโฮมสเตย์นั่นไงจำไม่ได้เหรอ” “นั่นคุณแค่…” หญิงสาวอึกอัดพานนึกถึงสัมผัสว่าหวานตอนที่ โดนเขาจูบในโฮมสเตย์นั้นไม่ได้ แล้วก็ยังลบความรู้สึกเหล่านั้นออกไปจากใจไม่ได้เลยจนถึงตอนนี้ “คุณส่งคนมาแกล้งฟ้าใช่ไหมคะ ทำให้พวกเราขาดรายได้ และคุณก็จะได้ยื่นมือเข้ามาช่วยแบบนี้ไง” “พูดตุเป็นตะ เป็นละครไปได้ เฮียจะทำแบบนั้นกับคนที่เฮียรักได้ยังไง” ก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จ้องตาเธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือเธอเอาไว้ หญิงสาวมองที่มือของเขา แล้วถอนหายใจ“ก็ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกลไงคะ” “อันนี้ก็พูดถูก แต่ไม่ใช่สิ่งที่เฮียทำกับฟ้า เฮียให้ฟ้าได้หมด ขอแค่ฟ้าพูดมา และไม่กล่าวหาเฮียแบบนี้” พูดถึงการกล่าวหา ถ้าการที่เธอเข้าไปดูแลเขาในทุกๆ เรื่อง จะถือเป็นการตรวจสอบความจริงหรือเปล่า ว่าเขาแกล้งเธอหรือไม่“ให้โอกาสเฮียนะ แล้วฟ้าก็จะได้รู้ว่าเฮียจริงใจกับฟ้าแค่ไหน จะได้รู้ว่าเฮียไม่ได้แกล้งฟ้าจากเหตุการณ์นี้” “ฟ้าเคยพูดกับเฮียแล้วตั้งแต่ที่เราเจอกัน และสิ่งที่เฮียปฏิบัติทั้งหมดมันส่งผลเสีย ตอนนี้มันเกิดขึ้นกับฟ้าแล้ว ไม่ว่าฝีมือใคร” “เราจะช่วยกันตรวจสอบอีกแรงนึง เฮียไม่ให้ฟ้าเดินเพียงคนเดียวหรอก และนี่ไงเฮียกำลังช่วยฟ้าอยู่” น้ำเสียงของเขาอ้อนวอน จับมือเธอเอาไว้แน่น ทำเอาหัวใจของเธออุ่นซ่าน ไหววูบ ไม่กล้าแม้แต่จะถอดมือออกจากเขา “ถ้าฟ้าตอบตกลงตอนนี้ สิ่งที่ฟ้าจะต้องเผชิญต่อไปก็คือ บรรดาสาวๆ ของเฮีย ที่จะดาหน้ากันมาที่บ้าน มาให้จัดการ หรือมะรุมตบฟ้า เหมือนที่สจีทำ” “ฟ้าก็เคลียร์ให้เฮียสิ” พูดแบบนี้เขาจะให้เธอเป็นแม่ทัพนำหน้าเขาหรือ เธอคิดและมองหน้าเขาพร้อมกับสายหน้า “อย่าปฏิเสธเฮียเลยนะ” “นี่ ไม่มีประโยชน์ไหนที่ฟ้าปฏิเสธออกไปเลย” คำพูด
เขาเชื่อโดยสัญชาตญาณ ว่าเธอก็มีใจให้คนแก่คนนี้เหมือนกัน แต่หลังๆ ที่เธอยอมตกลงนั่นก็เพราะเป็นห่วงลูกน้อง เขาจะใช้เวลาที่เหลือทั้งหมด หลังจากที่เธอเข้ามาเป็นผู้ช่วยในบ้านของเขาแล้ว เร่งทำคะแนนความรักให้ดีที่สุด “อย่ามาคนเดียวอีกนะคะ มันอันตราย” เธอบอกด้วยความเป็นห่วง เมื่อเดินมาส่งเขาที่หน้าบ้าน“เฮียไม่อยากเอิกเกริก ไม่อยากเป็นจุดสนใจเลยมาหาฟ้าคนเดียว” “ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่ได้ค่ะ” “ดีใจที่ฟ้าเป็นห่วงเฮีย” “ไม่ให้เป็นห่วงนั่นล่ะค่ะดีที่สุด” เธอไว้เชิงเก่งจริงๆ แต่คำตอบของเธอก็ทำให้เขายิ้ม “เฮียกลับนะ แล้วเดี๋ยวจะให้คนมารับ พรุ่งนี้” เขายืนหน้ามากระซิบเธอเบาๆ เธอก็ยิ้มแล้วไม่ตอบ “เอ่อ” เขาก็อึกอัด เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่พูด ขณะที่ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้ๆ กับศีรษะของเธอ ต่างคนต่างไม่พูดจึงเอาจมูกกดลงไปบนผมของเธอและถอนออกอย่างรวดเร็ว “อุ้ย” หญิงสาวอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะมองไปรอบตัวกลัวคนจะเห็น และชกไปที่ท้องของเขาแรงๆ “นี่แหน่ะ” “โอ๊ย!” เขาถึงกับร้องและงอตัวพร้อมกับเอามือจับท้อง “ฟ้า… เฮียเจ็บ” “อย่ามาฉวยโอกาสกับฟ้านะคะ” เธอว่า ก่อนจะเปิดประตูให้ แล้วจับเขายัดขึ้นไปนั่งบนรถซะเ
ขณะเดียวกัน ก็เพื่อเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้ เสี่ยต้นให้นายมิ่งดูแลม่านฟ้าอย่างใกล้ คอยเป็นบอร์ดี้การ์ด ป้องกันการถูกรุมทำร้ายซ้ำอีก จากเหตุการณ์ครั้งก่อนที่สจีลงมือ ทำให้เสี่ยต้นไม่ไว้ใจหญิงสาวอีกเลย หรือไม่ไว้ใจใคร เสี่ยต้นมอบหมายหน้าที่ให้ม่านฟ้าดูแลการเงินของบริษัท ส่วนการเงินของธุรกิจสีเทานั้น ให้คนอื่นดูแลอยู่ ไม่งั้นอาจจะถูกม่านฟ้าบ่นก็เป็นได้ เพราะหญิงสาวไม่ชอบธุรกิจแบบนี้ของเขา จากนั้นก็ให้ม่านฟ้าจัดการเรื่องชีวิตประจำวันของเขาทั้งหมด ทำอย่างกับเธอไม่ใช่ผู้ช่วย แต่เป็นภรรยา ตั้งแต่อาหารเครื่องดื่ม ยาบำรุง ยารักษาโรค ให้ตายเถอะเธอดูแลเขาราวกับเป็นคนแก่ ในแต่ละวันเสี่ยต้น แทบไม่อยากจะออกไปทำงาน อยากนั่งมองหน้าม่านฟ้าในทุกๆ แต่หญิงสาวก็ไม่ใจอ่อนไปมากกว่านี้ แม้เธอจะดูแลเขา ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แต่ก็ไม่ใจอ่อน ยิ้มให้เขาเพียงน้อยนิด สัมผัสได้แค่จับไม้จับมือ ไม่งั้นเดี๋ยวโดนเธอต่อยอีก จูบเรื่องและจูบเดียวที่ได้จากตอนที่อยู่โฮมสเตย์ ก็ไม่ได้จูบที่ 2 อีกเลย เธอหวงเนื้อหวงตัวมาก ใจร้ายมาก จะทำยังไงให้เธอรัก คนเจ้าชู้อย่างเขาเมื่อก่อนแทบจะไม่ต้องจีบสาวเลยก็ติด มาตอนนี้ ไม่มีมุกที่จะจีบม่
“ทุกคนก็ไม่ต่างกัน” เสี่ยต้นตอบ พลางแกะมือเธอออก “กินข้าวต้มได้แล้วค่ะเฮีย จะได้ดื่มยาบำรุง และจะได้พักผ่อน วันนี้ทำงานหนักมาทั้งวันแล้ว” ม่านฟ้าเป็นคนตัดบท พลางจ้องหน้าสจีอย่างไม่ลดละเช่นกัน “ไว้เจอกันนะจี๊ด” ถือว่าเขาเอ่ยปากไล่ ตอนนี้หญิงสาวดูเหมือนเป็นส่วนเกิน เธอไม่ยอมแพ้และมันไม่หยุดอยู่เท่านี้ เธอจะรวมตัวอีหนูทั้งหลายมาจัดการกับแม่นี่ให้เข็ด ดูซิว่าจะอยู่ในบ้านของเสี่ยต้นได้นานแค่ไหน “จี๊ดกลับก็ได้ค่ะ ไว้เดี๋ยวจี๊ดจะมาเยี่ยม พร้อมกับโสมเอาไว้บำรุงร่างกาย” เธอบอกอย่างเอาใจ และเอามือหยิกแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะลุกไปด้วยท่าทีสะบัดสะบิ้ง มาถึงตอนนี้ม่านฟ้าก็อิ่มข้าวแล้วล่ะ สายตาของเธอเย็นชาลง และไม่มองหน้าเขา “โสมที่คุณจี๊ดเอามาอยู่ที่ไหน” เขาหันไปถามแม่บ้าน ชั่วครู่แม่บ้านก็เดินไปนำเข้ามาให้ เพราะหญิงสาววางเอาไว้ที่ห้องรับแขก “นี่ค่ะ” แม่บ้านวางให้เบาๆ แล้วออกไป เสี่ยต้นก็เปิดดูนิดหน่อยแล้วขมวดคิ้ว “อยากดื่มเหรอคะ” ม่านฟ้าถามด้วยความสงสัย “เอ่อ แค่ดูว่าเขาซื้ออะไรมาให้” “ฟ้าไม่อนุญาตให้ดื่ม ถ้าอยากดื่มคือถ้วยนี้ที่ฟ้าจัดให้เท่านั้น” เธอใช้อภิสิทธิ์ความเป็นผู้ช่วย ที่เขาให้สิทธิ
“คนอย่างเฮียเคยเหงาด้วยเหรอคะ” “เวลามีความรัก แล้วแฟนยังไม่มอบความรักให้ ความรู้สึกมันก็เหงาแหละ” เขาพยายามอย่างมากที่จะหมายถึงเธอ แต่เธอก็ยังคงใจแข็งเหมือนเดิม “นอนได้แล้วค่ะ” เธอบอกก่อนจะดันเขาลงไปนอน และกำลังโน้มตัวของผ้าห่มให้ ไม่ทันได้ระวังตัว เขาก็รวบเอวเธอเข้าไป จนร่างกายของเธอแนบไปกับอกแกร่ง “อุ้ย! เฮีย” เธออุทานอีกครั้งด้วยความตกใจ จมูกแทบจะเฉียดกันเพราะล้มลงไปแบบไม่ทันตั้งตัว “เมื่อกี้นี้คือเจ้าเล่ห์เหรอคะ” “เปล่า เมื่อกี้เฮียหน้ามืดจริงๆ” “แล้วตอนนี้ล่ะคะ” “ตอนนี้ก็ยังหน้ามืดอยู่ มองอะไรไม่ค่อยชัดเจน ตาพร่ามัวไปหมด สงสัยความรักจะทำให้คนตาบอด” “ลิเกจังเลยค่ะ” “ก็ จะให้เฮียจีบไปยังไงล่ะ ฟ้าถึงจะใจอ่อน ยอมเข้ามาอยู่ในห้องนี้กับเฮีย เฮียหมดมุขจะจีบฟ้าแล้วนะ” “ฟ้าไม่อยากเจ็บค่ะ” “เฮียจะไม่ทำให้ฟ้าเจ็บ” “ฟ้าไม่เชื่อ จนถึงตอนนี้ก็ไม่เชื่อ” “แม้แต่เสี้ยวเดียว ก็ยังไม่รู้สึกกับเฮียเหรอ หรือแค่เพราะเงินอย่างเดียวจริงๆ” เขาถามด้วยน้ำเสียงหม่น ขณะที่ใบหน้าอยู่ห่างกันฉิวเฉียด“เฮียทำอะไรให้ฟ้ารู้สึกเหรอคะ” เธอถามเบาๆ แทบจะไม่ได้สบตากันเพราะสายตามันอยู่ใกล้เกินไป มันพร่าเลือ
ม่านฟ้ากลับเข้ามาในห้อง และเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ ให้น้ำเย็นชโลมกายร้อนรุ่มให้เย็นลง เธอเพิ่งจะสำรวจตัวเอง ขณะที่กำลังทำความสะอาดไปตามจุดต่างๆ กลีบสวาทบวมเบ่งและมีน้ำเหนียวๆ ไหลออกมาให้น่าละอาย เธอรู้ว่าร่างกายมีอารมณ์เช่นนี้คือตอนที่ดูหนังโป๊ และเมื่ออยู่ในสถานการณ์จริงมันร้อน มันวาบหวาม อยากจะให้เขาสัมผัสไปทั้งตัวจนเกือบจะยั้งใจไม่อยู่ นี่เธอกำลังหวั่นไหวและต้องการเขา ให้ตายเถอะ ไม่คิดว่าหนุ่มใหญ่เบอร์นี้จะทำให้เธอมีความรู้สึกทางเพศได้ เธอไม่เคยชอบผู้ชายรุ่นนี้เลย แพ้อะไรเขาเนี่ย “ตาหนวดเอ๊ย” เธอบ่นเบาๆ พลางสลัดรอยวาบหวามทิ้งไป ก่อนจะอาบน้ำให้เสร็จ แล้วเข้านอน จะได้ไม่ต้องฝันถึงจูบครั้งที่สองนั่นเช้านี้ดูบรรยากาศแปลกไป ในห้องอาหารดูเหมือนจะเต็มไปด้วยสีชมพู แม่บ้านยกอาหารมาให้เสี่ยต้นในยามเช้า เพราะวันนี้เขาจะเข้าไปทำงาน เคลียร์ลูกหนี้หลายๆ คนที่เป็นรายใหญ่ จังหวะเดียวกันนั้น ม่านฟ้าก็เข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับเขา แม่ครัวก็กลายเป็นส่วนเกินในทันทีและรีบออกไปเพื่อให้ม่านฟ้าจัดการด้วยตัวเองเธอไม่ได้มองถึงความเปลี่ยนแปลงของเขา เพราะเอาแต่ก้มหน้าก้มตา กระทั่งนั่งข้างๆ พอจะหันไปมองก
“ออกรถเลย อั้วะจะรีบไปเคลียร์งาน แล้วเดี๋ยวจะแวะไปกินมื้อเที่ยงกับแฟน” สั่งเสร็จเขาก็ยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนกระจกขึ้นอย่างรวดเร็ว ม่านฟ้าก็ได้แต่หรี่ตามมองอย่างเอาเรื่อง เธอไม่ได้ยิ้มแต่เขารู้ว่าเธอไม่ได้โกรธเช่นกัน รอจนกระทั่งรถเสี่ยต้นออกไปพ้นบ้าน พร้อมด้วยรถผู้ติดตาม ม่านฟ้าจึงนั่งรถที่เสี่ยต้นจัดหาให้ โดยมีนายมิ่งเป็นบอร์ดี้การ์ดและคนขับรถ เท่านี้ก็พอเพียงสำหรับเธอเพราะไม่ใช่คุณนาย ปางยังไม่ได้เปิดทำการ ฉะนั้นม่านฟ้าจึงใช้เวลาที่มีอยู่ทำทุกอย่างให้เป็นประโยชน์มากที่สุด นั่นคือปรับปรุงสถานที่ให้สวยงามมากยิ่งขึ้น รวมถึงดูแลพี่ช้างน้องช้างให้อยู่ดีกินดีให้ได้มากที่สุด แม้ว่าตัวเองจะขาดๆเขินๆ อยู่บ้างก็ตาม แต่คนเบื้องหลังที่เธอต้องดูแลต้องสบาย เพราะแต่ละคนก็ต้องมีครอบครัว แม้จะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในเวลานี้ เธอก็ต้องหาเงินมาจ่ายค่าแรงของทุกคน และแม้ว่าทุกคนพยายามที่จะลดค่าแรงของตัวเองลงครึ่งหนึ่ง เพื่อช่วยเธอ แต่เธอก็ปฏิเสธและยังคงต่อสู้ไหวกับสถานการณ์นี้ ทำให้ลูกน้องและเจ้าหน้าที่ซึ้งใจมาก เธอได้หัวใจของทุกคนไปครอง รวมถึงคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอด้วย แน่นอนว่าวันนี้เธอไม่ล
จังหวะเดียวกันนั้น รถเก๋งสีดำคันหรูเบรกกะทันหัน และมอเตอร์ไซค์ขนาดนั้นขับรถมาพอดี เสี่ยต้นเปิดประตูซ้ายออกไปแรงๆ แรงกระแทกนั้นทำให้รถมอเตอร์ไซค์และคนขับล้มอย่างแรง จนได้รับบาดเจ็บ เสี่ยต้นที่ยังคงสวมสูทอยู่ วิ่งไปกระชากชายคนนั้นเอาไว้ เพื่อไม่ให้หลบหนี เกิดการชกต่อยกันเกิดขึ้น ชายคนนั้นพยายามเอาตัวรอด ขณะที่เสี่ยต้นพยายามที่จะถอดหมวกกัน แต่มันไม่ยอม ทั้งคู่เกิดการตะลุมบอนกันเกิดขึ้น แม้ชายคนนั้นจะเจ็บ แต่ก็หาอาวุธเข้ามาทำร้ายเสี่ยต้น ได้ไม้ขนาดใหญ่ท่อนเท่าแขน นางฟาดไปที่เสี่ยต้น เขายกแขนขึ้นมาตั้งการ์ด ทำให้ถูกฟาดลงไปที่แขนเต็มเต็มแรง แต่เสี่ยต้นหันกลับไปแย่งเอาไม้ และชายคนนั้นก็ล้มลงไป เสี่ยต้นขึ้นคร่อมพร้อมกับเอาไม้หน้า 3 นั้นล็อคไปที่คอ ทำให้ชายคนนั้นหายใจไม่ออก เท่านั้นยังไม่พอเสี่ยต้นเพิ่งจะได้มีโอกาส ควักอาวุธออกมาจากเอวเพราะจ่อไปที่กลางลำคอของชายคน เพราะยังสวมใส่หมวกกันน็อคอยู่ “เฮียคะ” ม่านฟ้าวิ่งมาห้ามเอาไว้ด้วยความตกใจ เพราะกลัวว่าจะเกิดการสูญเสียขึ้น ขณะเดียวกันเสี่ยต้นยังอยู่ในอาการที่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เพราะระเบิดอารมณ์ไปแล้ว เขากำปืนเอาไว้แน่นแล้วพร้อมที่จะยิง “ใครจ้
“ต้องขอบคุณเฮียเขา ที่ได้แขกจากโรงแรมของพ่อเลี้ยง” “นานๆ ทีคุณฟ้าจะเอ่ยแบบนี้นะคะ” ขันแก้วยื่นหน้าเข้าไปแซวและยิ้มกล่าว“พูดอย่างกับว่าฟ้าเป็นคนใจแข็งมากอย่างนั้นแหละ” ถ้าตอบกลับแล้วก้มหน้าลงเล็กหน่อย “ใจแข็งมากค่ะ” “อยู่ในเกมของคนเจ้าชู้ จะให้ฟ้าโอนอ่อน ไปกับคารมของคนที่แก่ประสบการณ์ได้ยังไงคะ” “แสดงว่าคุณฟ้าเอาตัวเองลงไปเล่นเกมตั้งแต่แรก” “คงใช่ไหมคะ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นแบบนี้หรอก” “เป็นแบบนี้คือ แบบไหนคะ แบบเป็นคุณนายเบอร์ 1 ใช่ไหมคะ” ขันแก้วแซวอีกครั้ง“ฟ้าไม่ได้อยากเป็นคุณนายเบอร์ 1” ตำแหน่งนี้เธอแทบจะถอนหายใจ “งั้นเป็นรักสุดท้ายของเฮียนะ” เสี่ยงทุ้มนุ่มดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้ม่านฟ้ายืนนิ่งมองไปข้างหน้า แต่ขันแก้วกลับหันมามองเสี่ยต้นที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋า มืออีกข้างถือดอกกุหลาบสีขาวมา 1 ดอก ขันแก้วเห็นทั้งนั้น แล้วก็นึกเขินแทนเจ้านาย จึงก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วรีบเดินหนีทันที ทิ้งให้ม่านฟ้ากับเสี่ยต้นยืนอยู่เพียงลำพัง ขณะเดียวกันนั้นลูกน้องของเสี่ยต้นก็ยังคงทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม ด้วยการดูอยู่ห่างๆ เพื่อไม่ให้ใครเข้ามารบกวน “ไม่ต้องมีเบอร์ 1 หรือว่าล่าสุด แต่เป็นรัก
“นี่เหรอคะกำลังทำ ยังทิ้งสายตาหวานให้กันอยู่เลย ฟ้าขอตัวนะคะ จะไปดูคนงานต่อที่ปาง” “ฟ้าจ๋า” เขาเรียกน้ำเสียงอ้อน ทว่าไม่น่าจะได้ผล เพราะเธอเดินออกไปจากบ้าน ขึ้นรถแล้วขับไปแล้วนายมิ่งก็ไม่ได้ตามไป เธอดูแลเขาดีทุกอย่าง เท่าที่ผู้ช่วยคนหนึ่งจะทำได้ เธอใจอ่อนเพราะดูเหมือนอยากจะทำตามใจเขา ในขณะที่ดูเหมือนจะรัก แต่ก็ไม่แคร์ เป็นผู้หญิงแกร่งที่อ่านใจยากมาก หรือนี่จะเป็นจุดจบขอเสี่ยต้น “งานยากแล้วนะครับเสี่ย” นายมิ่งเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง “คงเป็นเวรกรรมของฉัน มีแต่ผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด แต่ไม่เลือกใครสักคน แต่พอจะจริงจังกับใครสักคน เป็นยังไงล่ะเหมือนกรรมตามสนอง เหมือนจะได้เขาแล้ว แต่เขาก็ไม่แคร์ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย ฟ้าเขาได้อั้วะแล้วจะทิ้งไหมวะเนี่ย”“เจอแต่คนเคยเรียกร้องใช่ไหมครับ จะอ้อน จะเอา จะขอมีสิทธิ์ในชีวิต พอเจอคุณฟ้าเข้าหน่อย ไปไม่เป็นเลย” “เสียระบบเลยว่ะ ระบบรวนไปหมด” “สาวๆ ของเสี่ย เมื่อได้เป็นอีหนูของเสี่ยแล้ว เรียกร้อง อยากได้นั่นนี่เต็มไปหมด อยากเป็นตัวจริง อยากอยู่ในบ้านเป็นเบอร์หนึ่ง แทบจะแยกเขี้ยวเมื่อเห็นหน้ากัน คุณฟ้านี่มาเหนือเลยนะครับ ผมชอบจริงๆ” “ไอ้มิ่ง
“คือ ก้อนเก่าค่ะอาจจะผ่อนผันออกไปอีกสักระยะ ถ้าเสี่ยไม่ว่าอะไร พราวก็อาจจะคุยกับเสี่ยตามลำพังได้ค่ะ” หญิงสาวพูด พร้อมกับทำตาเยิ้มหวานใส่เสี่ยต้น “เสี่ยไม่คุยกับใครตามลำพัง ม่านฟ้าฟังเรื่องของเสียได้ทุกเรื่องเพราะเป็นผู้ช่วย ดูแลเรื่องการเงิน และเป็นคนรักที่เสี่ยต้องให้เกียรติ คุยกับผู้หญิงสองต่อสองคงจะไม่เหมาะ” เสี่ยตัดบทอย่างหนักแน่น“แต่เราคุยเรื่องงานไงคะ” หญิงสาวเถียง “เอาละเฮียให้ผ่อนผันได้อีก 1 อาทิตย์ ไม่เกินนี้ ถ้าไม่ได้ ที่ดินที่นำมาจำนองก็ตกเป็นของเสี่ยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย” “เสี่ย!” ความคิดของพราวคืออยากใช้เสน่ห์เข้ามาต่อรองด้วยการผ่อนผันเงินที่กู้ แต่ติดที่ว่าคนอื่นรับฟังด้วย เสี่ยไม่รับขัดดอกเป็นร่างกายของผู้หญิงแล้วอย่างนั้นหรือ ไม่จริงหรอก พราวคิด“แล้วคนอื่นๆ ล่ะ มีปัญหาเรื่องผ่อนผันเงินที่กู้ยืมเสี่ยไปไหมคะ”ม่านฟ้าเอ่ยถามแทรกขึ้น ทุกคนก็ได้แต่ก้มหน้าหลบสายตา แน่นอนว่าคำตอบมันอยู่ในกิริยาอาการที่แสดงออกมาทั้งหมดแล้ว หากเป็นเสี่ยต้นคนเมื่อก่อน เขาอาจจะเรียกสาวๆ ขึ้นห้องไปพร้อมกัน 2 คนเลยก็ได้ รับจ่ายหนี้เป็นร่างกาย ตอนนี้เมียคนสุดท้อง รักสุดท้ายของชีวิต นั่งอยู่ตรงนี
ในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งห้องรับแขก สาวๆ ทั้งห้า เป็นตัวแทนมาเยี่ยมเสี่ยต้น แต่พวกเธอก็มีสัมพันธ์สวาทกับเสี่ยต้นด้วย และคนเจ้าเสน่ห์แถมรวยโสดขนาดนี้ มีหรือสาวๆ จะพลาดให้หลุดมือ และสาวๆ ก็ไม่ได้เป็นมิตรกันด้วย เพราะต่างก็รู้ว่าเป็นอีหนูของเสี่ยทั้งนั้น “คุณฟ้าครับ เสี่ยจะลงมาในอีกสิบนาที” นายมิ่งเดินเข้าไปบอกม่านฟ้า ซึ่งเธอกำลังเตรียมเครื่องดื่มและมื้อเช้าตรงเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม โดยที่เบื้องหน้าคือห้องรับแขกนั่นแหละ เห็นว่ามีแขกห้าคน “สองวันติดเชียว เสน่ห์แรงซะจริงนะเจ้านายมิ่งเนี่ย” เธออดประชดไม่ได้ เขาได้เธอเป็นเมียแล้วอยากดูน้ำหน้านักว่าจะจัดการแม่พวกสาวๆ พวกนี้ให้หลุดพ้นยังไง เพราะถ้าเขาทำไม่ได้อย่างที่ปากพูด เธอก็จะไม่สนไม่แคร์เหมือนกัน “แหม น้ำเสียงเหมือนงอนเลยครับ” “ไม่ต้องแหมค่ะ” เธอสวนกลับ พลางมองไปที่สาวๆ บางคนเธอก็รู้จัก เป็นนางงามเหมือนกัน เสี่ยนี่ก็สอยแต่นางงามจริงๆ เธอคิด พลางส่ายหน้า “แม่นั่นเป็นนางงามเก่านี่น่า ใช่ไหม” หญิงสาวคนหนึ่งกระซิบถามขึ้นโน้มตัวเข้าหาคนข้างๆ แต่สายตามองมาที่ม่านฟ้า “ใช่ เคยเห็นออกงานประกวดล่าสุด” อีกคนตอบ “ของใหม่ล่ะสิท่า วันนั้นเห็นท
“ซี๊ดดดด อืม อ๊ะ เฮียขา” เธอร้องครางลั่นเมื่อความเสียวพุ่งทะยานจนแทบไม่อยากรั้งรอ ขณะที่สะโพกกลมกลึงแอ่นเด้งรับจังหวะกระแทกของท่อนกายชายเสียงดังผึบผับ “เมียจ๋า เฮียเสียวจะแตกอยู่แล้ว” เขากระซิบที่ซอกคอหอมกรุ่น เธอก็หลับตาพลางแอ่นกายเหยียดเกร็งและยกสะโพกเด้งรับ “ฟ้าก็จะ... อ๊ะ! เฮียขา เฮียขาเร่งอีก อื้อ!” เธอบอกเป็นสัญญาณและกระดกเด้งสะโพกรับระรัว เขาก็ยิ่งกระแทกลงแรงๆ เสียวไปทั้งตัวจนขนลุก แทบอยากจะกรีดร้องออกมาให้สาสมกับอารมณ์ปรารถนา “อ๊ะ! โอ๊ย! เฮีย เฮียขาฟ้า... อ๊ะ! อ๊ะ!” สิ้นเสียงครางดังลั่น เธอก็กระตุกเกร็งยกสะโพกขึ้น ปลดปล่อยอารมณ์และความสุขออกมาให้สุด พร้อมกับยกขาขึ้นเกี่ยวเอวเขาไว้ สองมือโอบรัดรอบคอเขาและแหงนหน้าขึ้น “อ๊ะ อื้อ ซี๊ดดดด อืม” เธอยังคงครางอยู่ขณะที่น้ำรักถูกเปล่งปล่อยทะลักทลายออกมา จนร่างกระตุก เม็ดเสียวตอดแรงจนทำให้เขาเร่ง จังหวะกระแทกสะโพกระรัวและถึงจุดสุดยอดไปด้วยกัน “ฟ้าจ๋า ฟ้า ซี๊ดดดด อืม” เขาอดที่จะครางออกมาไม่ได้ พร้อมกับกดสะโพกแนบแน่น ปลดปล่อยน้ำรักให้หลั่งไหลพรั่งพรู ขณะที่ท่อนเนื้อกระตุกดิ้น เขายังคงหายใจหอบโดยที่เธอซุกหน้ากับซอกหูเขาและอ้าปากงับเบ
“เฮีย” เธอเรียกเขาพลางลืมตาขึ้นและผงกศีรษะขึ้นมอง “เฮียจะจูบให้ฟ้าเปียกไปทั้งตัว” สิ้นคำเขาก็ก้มลงพร้อมกับลิ้นที่ส่งออกมาลากเลียกลีบสาว จากล่างขึ้นบนอย่างไม่รีรอ เพราะเขารอเวลานี้มานานแล้ว “อ๊ะ! อื้อ! เฮีย” เธอแทบครางลั่นเพราะความเสียวและความร้อนจากเรียวลิ้น เขาโลมเลียขึ้นลงราวกับกินน้ำหวาน เธอก็แอ่นเด้งเนินสวาทขึ้นลงอย่างสุดจะห้ามใจ มือนุ่มก็กดศีรษะเขาเบาๆ จังหวะเดียวกันนั้น เขาก็จับขาทั้งสองข้างของเธอตั้งชัน และวางพาดเอาไว้บนหัวไหล่ ปากร้อนก็งับดูดร่องเสียวหนักหน่วงจนเสียงดังจุบจั๊บ พร้อมกับลิ้นร้อนก็ทะลวงสอดแหย่ดุนดันเม็ดเสียวระรัว จนเนินสวาทดีดเด้งขึ้นลงรับจังหวะที่ดูดดึงคำโต “ซี๊ดดดด อ่า เฮีย!” เธอร้องออกมาด้วยความเสียวซ่าน “บอกเฮียซิ เสียวไหม” “อื้อ! ค่ะ เสียว ฟ้าเสียว โอ๊ยเฮียขา!” “เฮียอยากทำให้ฟ้ามีความสุขแบบนี้นานแล้ว” เขาพูดไปพลางก็ดูดเลียร่องเสียวไปพลาง จนน้ำเสียวไหลทะลักออกมาอย่างมากมาย เขาก็ดูดเลียจนเกิดเสียง “ซี๊ด! อ่า คุ้มกับที่รอไหมคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงกระเส่า “คุ้มมาก เมียจ๋า” พูดจบเขาเลียร่องสวาทลากขึ้นลงอย่างเอาใจ ปลายลิ้นตวัดดุนดันเม็ดเสียวเป็นจังหว
เขาคิดไปพลางก็ฟังเสียงฝักบัวในห้องน้ำไปพลาง ผ่านไปเพียงสิบนาทีก็ได้ยินเสียงปิดฝักบัว ตามด้วยการเปิดประตูออกมา ม่านฟ้ายังคงอยู่ในชุดคลุมตามเดิม ขณะที่เขาเหลือบมองนิดหน่อย พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกช้าๆ เหมือนกำลังเครียด จังหวะเดียวกันนั้นม่านฟ้าก็เดินมาหาเขาที่เตียง “นอนได้แล้วค่ะ” ม่านฟ้าบอกอีกครั้ง ก่อนจะนั่งลงที่ขอบเตียงและประคองจับเขาให้ขยับตัวเพื่อจะได้เอนลงไปนอน “ทำอย่างกับเฮียเป็นคนแก่ และใช่ว่าเฮียจะหลับง่ายๆ นะ” “แก่แล้วนอนดึกไม่ดี แล้วก็บาดเจ็บด้วย” “เฮียแก่มากใช่ไหม” เขาถามเสียงหม่นอีกครั้ง เห็นแต่เพียงแววตาของเธอนิดหน่อย ผ่านแสงไฟที่สาดผ่านทางหน้าต่างเข้ามา“ดื้อจัง ทำยังไงถึงจะหลับคะ” ม่านฟ้าไม่ตอบแต่ถามเรื่องอื่นแทน“มีเรื่องให้เฮียเครียดหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องฟ้า” คำพูดของเขา ทำให้เธอถอนหายใจนิดหน่อย ก่อนจะขยับลุกขึ้นยืน ทว่าหัวเข่ายังคงชิดอยู่กับขอบเตียง เขาก็ได้แต่เงยหน้ามองตาม“คุณหมกมุ่นเกินไป” “ความรักทำให้เราเป็นทุกข์ได้เหมือนกันนะ” “แล้วทำยังไงถึงจะไม่เป็นทุกข์ล่ะคะ”“เฮียก็ไม่รู้ เฮียรักฟ้า ฟ้าก็รู้” “ความรักมันจะดีไม่ใช่เหรอคะ” “มันดี ถ้าได้
ในขณะที่ม่านฟ้าเคาะประตูห้องนอนเสี่ยต้น ก่อนจะเปิดเข้าไป ก็เห็นเขานั่งเอนหลังพิงหัวเตียง เสื้อไม่ใส่ มีผ้าห่มคลุมจากเอวลงไป พร้อมกับมองมาที่เธอด้วยแววตาประหม่าชอบกล แต่ก็มีความงอนเง้าเล็กๆ “ทำไมยังกินอะไรล่ะคะ” ม่านฟ้าถามเสียงเรียบก่อนจะเดินมาที่ข้างเตียง“เอ่อ ปวดแขนมากๆ” เสี่ยต้นตอบเสียงอ้อน พลางทำตาเลิ่กลั่ก“ปวดทั้งสองข้างเลยเหรอคะ ฮืม” ม่านฟ้าแกล้งถามกลับ“ก็ได้ เฮียยังไม่กินยังไม่หิว เจ็บจนไม่หิวเลย” เขาตอบแบบงอนๆ “ก่อนหน้านี้ฟ้ายังเห็นคุณเดินกระฉับกระเฉงอยู่เลย แถมยังออกไปทำธุระทั้งวัน ไหงตอนนี้เดินไม่ไหว” เธอก็แกล้งแซวอีก “ก็อยากเคลียร์ธุระให้เรียบร้อย” “ทายาหรือยังคะ” “ยังเลย คิดว่าเฮียจะลุกไหวไหมล่ะ” “ค่ะ” ม่านฟ้าตอบก่อนจะเดินไปหยิบยาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงาน แล้วเดินกลับมาหาเขา จากนั้นเธอก็นั่งลงที่ขอบเตียง “ใครมา” “สาวๆ ของคุณ” เธอตอบแบบขอไปที พลางมองยาในกล่อง ไม่ยอมมองหน้าเขา ใบหน้าเธอก็ดูบูดบึ้งชอบกล “เยอะดีนะคะ” “จ้ะ” เขาก็กล้าตอบเช่นกัน เท่านั้นแหละเธอก็ตวัดหางตาขึ้นมองหน้าทันที ยิ่งโกรธมากกว่าเดิมเสียอีกแต่เธอไม่พูด กลับค่อยๆ เอายาทาป้ายไปตามแขนของเขาแรงๆ “ซี้ด
ตั้งแต่เกิดเรื่อง เสี่ยต้นไม่ได้กลับมาที่บ้านเลย เขาไปเคลียร์ปัญหาทั้งหมดให้ม่านฟ้า ในขณะที่เธอเองก็เคลียร์ปัญหาอยู่ที่ปางให้เรียบร้อย แจ้งข่าวนี้ให้กับบิดาทราบว่าเธอปลอดภัย แต่เสี่ยต้นได้รับบาดเจ็บ เธอจึงต้องขอตัวไปดูแลเขา ทว่าช่วงเย็นเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ แทนที่ตัวเองเจ็บแทบจะเดินไม่ไหว กระทั่งเวลาประมาณ 6 โมง จึงเห็นรถของเขาเข้ามาจอด เห็นเขาเดินกะโหลกกระเผลกเข้ามาในบ้าน เธอจึงรีบวิ่งเข้าไปประคอง “ตัวเองบาดเจ็บแท้ๆ แทนที่จะรีบกลับบ้าน” เธอตำหนิเขาเล็กน้อย “เฮียไปเคลียร์เรื่องทั้งหมดให้เสร็จก่อนน่ะจึงจะกลับมา” เขาตอบแล้วสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก หายใจหนักๆ ดูเหมือนว่าจะมีความเหนื่อย “เฮียอยากกลับขึ้นห้อง ฟ้าพาเฮียขึ้นไปหน่อยนะ” เขาบอกและคว้าแขนเธอเอาไว้ เธอจึงพยักหน้าและช่วยเหลือของเขาขึ้นไปบนห้อง “อาบน้ำก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวให้คนทำอาหารขึ้นมาให้ข้างบน” เธอบอกด้วยความเป็นห่วง “แล้วฟ้า…” “ฟ้าก็จะลงไปสั่งแม่บ้านไงคะ” “เฮียถอดเสื้อเองไม่ไหว” เขาเกิดอาการงอแงแล้วอยากอ้อนขึ้นมาทันทีเชียว เธอก็ได้แต่ถอนหายใจ ส่ายหน้า และถอดเสื้อสูทให้กับเขา หาผ้าเช็ดตัวมาให้ เขาก็ได้แต่มองตามและยิ้