ชั้นที่6หน้าโรงหนังห้างสรรพสินค้าในเครือบริษัท KA15:30น.เอริ ฐิติมน……“อืมมมมมมม?”เสียงอืมยาวๆของผู้ชายหน้าหล่อผิวขาวรูปร่่างสูงโปร่งที่อยู่ในชุดสูทสีดำเต็มยศกำลังยืนเอานิ้วชี้จิ้มที่ปลายคางพลางทำหน้าคิดหนักกับการเลือกดูระหว่างหนังรักกับหนังบู๊ระห่ำแนวฆ่ากันเลือดนอง ซึ่งหนังทั้งสองแนวนี้ไม่ใช่แนวฉันเลยสักนิด“ดูเรื่องไหนดีนะ….เอริว่ายังไงครับ?”คุณจอมพลหันมาเอ่ยถามฉันที่ยืนมองผู้คนรอบๆโรงหนังอยู่ เพราะเวลานี้เป็นเวลาบ่าย ผู้คนจะเริ่มมาทยอยดูรอบของหนังที่ตนชอบและก็จะไปซื้อตั๋วเสร็จแล้วก็ไปนั่งรอหรือไปเดินเล่นเพื่อรอเวลาหนังฉายในแต่ละรอบ“เอ่อ….แล้วแต่คุณจอมพลเลยค่ะ….”ฉันตอบคุณจอมพลไป เขาก็ทำหน้างออย่างไม่พอใจฉันขึ้นมาทันที“พี่บังคับเอริให้มารึเปล่า?”เขาถามฉันเสียงอ่อน ฉันจะตอบยังไงดีล่ะ ก็ในเมื่อเขานั้นแหละที่ลากฉันมาน่ะ“เอ่อออ”ฉันกำลังอ้ำๆอึ้งๆจะตอบคุณจอมพลไปแต่บทสนทนาของฉันกับคุณจอมพลก็ต้องถูกขัดลงจากพนักงานที่ดูแลพื้นที่ควบคุมของโรงฉายหนังประจำห้างที่อยู่ชั้นหกชั้นบนสุดของห้างสรรพสินค้าหรูหราแห่งนี้ที่มีทั้งหมดหกชั้นไม่รวมชั้นดาดฟ้าของห้าง“สวัสดีครับ….ท่านรองประธาน^_^”คุณจอมพล
“ละแล้ว….ท่านประธานจะรับเป็นห้องสะส่วนตัวไหมครับ?”“คนอย่างฉันไม่นั่งรวมกับคนอื่น!”“และไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร!!”เสียงเข้มที่ฟังดูดุดันทำให้พนักงานชายที่ยืนเอามือกุมกันไว้ด้านหน้าถึงกับสะดุ้งสุดตัวด้วยความหวาดกลัวขุนศึก แต่คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาและหันไปมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง เพราะถ้าคนอื่นฟังก็คงจะคิดว่าขุนศึกหมายถึงการไม่ดูหนังรวมกับคนอื่นแต่สำหรับฉันมันไม่ใช่!ขวับฉันมองขุนศึกอย่างไม่วางตาเขาเองก็จับจ้องฉันกลับด้วยแววตาดุดันและไม่พอใจเช่นกัน“พี่ขุนคะ….”เสียงหวานใสของผู้หญิงหน้าตาดีที่สวมชุดนักศึกษาตัวเล็กรัดติ้วของเธอและสัดส่วนที่อวบอั๋นของเธอทำให้ฉันรู้ทันทีว่าเธอคงจะเป็นคู่ขาคนล่าสุดของขุนศึก เพราะว่าเขาชอบผู้หญิงตัวเล็กหน้าตาเหมือนตุ๊กตาผิวขาวและที่สำคัญหน้าอกหน้าใจต้องใหญ่โตแบบเธอคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันข้างๆเขาที่ตอนนี้เธอเอาแขนเล็กคล้องแขนของขุนศึกอยู่ด้วยท่าทางออดอ้อนของเธอ งานการไม่ทำ ที่แท้ก็มามั่วหญิงอยู่นี่ อนาคตของบริษัทKAจะเป็นยังไงต่อไปถ้าไม่มีฉันกับคุณจอมพลอยู่น่ะแต่เอ๊ะ?ขุนศึกไปดูงานกับนามิอีกห้างหนึ่งไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเขามาอยู่นี่ได้อ่ะ?“ค
คฤหาสน์ ชัชชัยวรรณ20:30น.เอริ ฐิติมน…..พรึบ“ขอโทษป้าบัวด้วยนะครับ…ที่มารบกวน”เสียงเศร้าเล็กน้อยและรู้สึกผิดของคุณจอมพลเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ท่านกำลังนั่งมองเราสองคนกินข้าวฝีมือป้าบัวอยู่ด้วยสายตาอิ่มเอมใจ“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ…ป้าเต็มใจอยู่แล้ว^_^”ป้าบัวเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มแย้มแจ่มใสให้คุณจอมพลอย่างใจดี ฉันก็ยิ้มให้ป้าบัวและหันมายิ้มให้คุณจอมพลที่กำลังเคี้ยวอาหารในปากของเขาอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่เราสองคนมัวแต่ช่วยกันเลือกซื้อของมาทำอาหารกินและซื้อของที่จำเป็นที่ต้องใช้ใส่บ้านใหม่ของฉัน เลยทำให้เรามาหาป้าบัวมืดค่ำแบบนี้ และไหนจะต้องวานให้ป้าบัวมาทำอาหารให้เราสองคนทานอีก เพราะฉันทำอาหารไม่เป็นจ้า สายเรียนและสายทำงานอย่างฉันไม่เคยเข้าครัวจับกระทะและตะหลิวเลยนอกจากนำอาหารที่ซื้อค้างคืนมาอุ่นและเอาเข้าเตาไมโครเวฟเอาน่ะ“ครับ^_^”“ป้าขอบคุณอีกครั้งนะคะ….สำหรับของฝากและขอบคุณที่นึกถึงคนแก่ๆอย่างป้า^_^”“ไม่เป็นไรหรอกครับ…ผมเต็มใจ….ผมนับถือป้าบัวเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งเลยนะครับ^_^”“อย่าเลยค่ะ….ป้าไม่อาจเอื้อมได้ขนาดนั้น”ป้าบัวว่าพลางทำสีหน้าสลดลง ท่านคงจะเกรงใจที่คุณจอมพลพูดและคิดแบบที่เขาพูด
ฉันมองไปที่มือหนาของคุณจอมพลทันทีที่เขายื่นมือมาจับมือฉันที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารอย่างไวจนฉันตั้งตัวไม่ทัน“อย่าผลักไสพี่….”น้ำเสียงเชิงขอร้องและอ้อนวอนพร้อมกับสายตาที่สั่นไหวของคุณจอมพลทำให้ฉันดึงมือของฉันออกมาจากเขาไม่ได้จริงๆ“เพราะพี่…ไม่เคยคิดที่จะเล่นๆกับเธอ…”คุณจอมพลว่าพลางยื่นมืออีกข้างที่ว่างของเขาขึ้นมาหาโครงแก้มของฉันอย่างช้าๆพรึบ“มองตาพี่สิ….ว่าพี่คิดยังไงกับเธอ…”คุณจอมพลเอ่ยเสียงนุ่มทุ้มในขณะที่ฝ่ามือหนานุ่มและอบอุ่นของเขาสัมผัสโดนแก้มนวลของฉันแล้ว ฉันมองตาของคุณจอมพลนิ่งไม่ไหวติ่ง มันไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นและใจเต้นแรงเหมือนตอนที่ฉันอยู่ใกล้และสบตากับขุนศึกเลยสักนิด สักนิดเดียวก็ไม่มีพรึบ“จุ๊ฟ….”คุณจอมพลขยับใบหน้าหล่อของเขาเข้ามาหาใบหน้าของฉันอย่างช้าๆ ฉันไม่ได้ขยับหนีเขา ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมจนฉันรับรู้ได้ถึงริมฝีปากหนานุ่มของเขาที่ค่อยๆบรรจงแตะลงมาบนริมฝีปากของฉันอย่างอ่อนโยนและเริ่มเน้นย้ำในการกดแนบชิดริมฝีปากของฉันให้ถี่ขึ้นเพื่อเร่งเร้าให้ฉันจูบตอบเขา พรึบโพล๊ะ“ไอ้สัสจอม!!!”ร่างของคุณจอมพลโดนขุนศึกกระชากออกไปจากร่างของฉันอย่างรุนแรงจนคุณจอมพลที่ตั้งตัวไม่ทันถูกแ
พรึบ“เลิกบ้าสักทีขุนศึก!!”ฉันสะบัดแขนของฉันข้างที่ขุนศึกจับไว้อย่างแรงจนแขนของฉันได้รับอิสระเพราะขุนศึกมัวแต่ตกใจกับเสียงตวาดของฉันทำให้เขาเผลอปล่อยมือฉัน“และก็เลิกพูดได้แล้ว…ว่าเราเป็นอะไรกัน…”“เพราะเรา…เลิกกันแล้ว….”ฉันพูดเสียงเข้มพลางจับจ้องนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของขุนศึกไปอย่างไม่วางตาแววตาของฉันเรียบเฉยไร้ความรู้สึกเพราะฉันพยายามทำให้มันเป็นแบบนี้ “ฉันไม่เลิก!”ขุนศึกตะโกนเสียงเข้มแววตาของเขาดุดันจนน่ากลัว เขาจ้องฉันกลับมาแววตาสั่นไหว ฉันก็จ้องตาเขากลับไปเราสองคนจ้องตากันอยู่นานจนกระทั่งป้าบัวเดินเข้ามาหาขุนศึก“เสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว…ไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะคะ…คุณขุนศึก”ป้าบัวเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบาท่านมองขุนศึกด้วยแววตาเป็นห่วง ขุนศึกเลิกมองตาฉันและหันไปมองหน้าป้าบัวแทน แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงและยื่นมือไปจับมือของป้าบัว“ครับ…”ขุนศึกตอบรับคำป้าบัวพลางยิ้มบางๆให้ท่าน ฉันจึงเลิกสนใจสองคนนั้นและหันมามองคุณจอมพลที่สภาพของเขาก็เปียกปอนไปไม่ต่างจากขุนศึกหรอก“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ…เดี๋ยวเอริจะทำแผลให้…”ฉันเอ่ยบอกคุณจอมพลไปพลางมองหน้าเขาและบาดแผลตามใบหน้าหล่อของเขาด้วยความเป็นห่วง
“ครับ…ขับรถดีๆ…ถึงแล้วโทรบอกพี่ด้วย^_^”“รับทราบค่ะ…ท่านรอง^_^”ฉันยิ้มร่าอย่างขี้เล่นไปให้คุณจอมพลพลางย่นจมูกแบบที่เคยทำให้ขุนศึกอยู่เป็นประจำให้คุณจอมพลไปด้วย ฉันทำแบบลืมตัวน่ะพรึบคุณจอมพลเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัย ฉันจึงได้สติว่าฉันไม่ควรทำหน้าตาแบบนี้“ขอโทษค่ะ…ขอตัวก่อน…”ฉันเอ่ยบอกคุณจอมพลและหันหลังให้เขาแต่ในจังหวะนั้นข้อมือของฉันก็โดนมือหนาของคุณจอมพลคว้าไว้ซะก่อนพรึบ“ขอโทษทำไม….พี่แค่จะบอกว่า….ให้ทำบ่อยๆนะครับ….น่ารักดี^_^”“ค่ะ…”ฉันอมยิ้มขึ้นมาอย่างเขินอายที่โดนคุณจอมพลเอ่ยชมฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและดูอบอุ่น เขายิ้มบางๆให้ฉันอย่างคนที่อบอุ่น คุณจอมพลเป็นผู้ชายที่แสนดีและอบอุ่นมากจริงๆ“เอริ…ขอตัวค่ะ…”“ครับ…”คุณจอมพลรับคำฉันก่อนจะคลายมือที่จับข้อมือของฉันอยู่ให้คลายออกอย่างช้าๆและจนในที่สุด ฉันก็เป็นอิสระ ฉันก้มศีษระพลางยิ้มบางๆให้คุณจอมพลก่อนจะเดินหันหลังให้เขา มุ่งหน้าไปยังรถสปอร์ตคันสีดำสุดหรูของคุณจอมพลที่จอดอยู่หน้าสวนของคฤหาสน์หลังนี้พรึบฉันเปิดประตูฝั่งคนนั่งและในจังหวะนั้นสายตาของฉันก็ไปสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำของคุณจอมพล เขายกมือขึ้นมาโบกมือบ๊ายบายฉัน ฉันก็ยกมือโ
เอริ ฐิติมน…พรึบ“อื้อออ…”ฉันพยายามใช้มือทั้งสองข้างผลักหน้าอกของขุนศึกให้เขาถอนจูบออกไป แต่ยิ่งฉันทำแบบนี้เขาก็ยิ่งจูบฉันรุนแรงขึ้นพรึบ“อื้อ!”ขุนศึกร้องท้วงในลำคออย่างไม่พอใจกับการกระทำที่ขัดขืนของฉัน เขาจึงใช้มือของเขาคว้าข้อมือของฉันทั้งสองข้างไปกำไว้แน่นด้วยมือของเขาเพียงข้างเดียว“อื้อออจ๊วฟฟฟจ๊วฟฟฟ”“อื้อออ”ฉันร้องท้วงขึ้นอีกครั้งในคราวนี้เพราะขุนศึกได้ส่งปลายลิ้นสากของเขาเข้ามาในโพรงปากของฉันและควานหาความหวานในโพรงปากของฉันดิบเถื่อน ฉันพยายามห้ามใจที่จะไม่จูบตอบเขาแล้ว แต่ฉันทำไม่ได้จริงๆ“จ๊วฟฟฟ”ฉันดูดดึงริมฝีปากของขุนศึกกลับไปและเริ่มหยอกเย้าลิ้นสากของเขาด้วยปลายลิ้นของฉัน“อื้อออ”“หึ”เสียงหัวเราะในลำคอของขุนศึกดังขึ้นหลังจากที่เขาผละริมฝีปากของเขาออกไปจากริมฝีปากของฉัน ฉันผ่อนลมหายใจเหนื่อยหอบเพื่อเรียกลมเข้าปอด ฉันเงยหน้าไปมองหน้าขุนศึกที่เขาเองก็จ้องมองฉันอยู่เหมือนกัน“นาย….ต้องการอะไรจากฉัน…?”“เงินเหรอ…ฉันคงจะไม่มีปัญญาหาเงินมาคืนนายหรอกนะ…”ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไป เขาก็จ้องหน้าฉันนิ่งก่อนจะปล่อยข้อมือของฉันให้เป็นอิสระ“ฉันรู้….ว่าชาตินี้…เธอก็ไม่มีปัญญาหาเงินที่หลอกฉันไ
เร็วเท่าความคิดฉันตบหน้าขุนศึกอย่างแรง จนใบหน้าของเขาหันไปตามแรงตบของฉันพรึบ“ถึงฉันจะจน…ถึงฉันจะเคยขายศักดิ์ศรีของฉันให้นาย…แต่นายก็ไม่สมควรที่จะมาดูถูกพูดจาแบบนี้ใส่ฉัน…”ฉันเอ่ยพูดทันทีที่ขุนศึกค่อยๆหันใบหน้าหล่อของเขากลับมามองหน้าฉัน แววตาของเขากำลังสื่อถึงความไม่พอใจที่ฉันกล้าตบหน้าเขาแก้มของเขาขึ้นเป็นรอยแดงเรื่อยๆตามฝ่ามือของฉันที่ตบเขาหน้าตาของเขาก็เลอะเต็มไปด้วยรอยแผลจากการที่เขาต่อยกับคุณจอมพลอยู่แล้วด้วย เขาคงจะเจ็บมากกว่าเดิมอีก‘เพราะครั้งหนึ่ง…เราเคยรักกัน…’ฉันพูดประโยคสุดท้ายต่อในใจ ขุนศึกจ้องหน้าฉันอย่างรอคำพูดของฉันต่อ แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไป เราสองคนจ้องหน้ากันนิ่งอยู่แบบนั้นเนิ่นนาน จนขุนศึกเองที่เป็นฝ่ายหลบตาฉันไปก่อน“เธอก็แค่ปรนเปรอเซ็กส์ให้ฉัน….จนกว่าฉันจะพอใจ…และยกเงินที่เธอติดฉันทั้งหมดให้…”ขุนศึกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ฉันก็มองหน้าเขาอย่างคิดหนัก นี่ฉันกำลังเสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งร่องเลยนะ ที่ฉันไม่ยอมแต่งงานกับเขาที่ฉันยอมถอยและเสียสละเขาให้คนอื่นก็เพราะว่าฉันกลัวว่าเขาจะเหลือแต่ตัวกลัวเขาที่ไม่เคยใช้ชีวิตลำบากต้องมาลำบากเพราะฉัน“แต่เธอไม่ต้องกลัวนะ…ว่
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข