พรึบ“เลิกบ้าสักทีขุนศึก!!”ฉันสะบัดแขนของฉันข้างที่ขุนศึกจับไว้อย่างแรงจนแขนของฉันได้รับอิสระเพราะขุนศึกมัวแต่ตกใจกับเสียงตวาดของฉันทำให้เขาเผลอปล่อยมือฉัน“และก็เลิกพูดได้แล้ว…ว่าเราเป็นอะไรกัน…”“เพราะเรา…เลิกกันแล้ว….”ฉันพูดเสียงเข้มพลางจับจ้องนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของขุนศึกไปอย่างไม่วางตาแววตาของฉันเรียบเฉยไร้ความรู้สึกเพราะฉันพยายามทำให้มันเป็นแบบนี้ “ฉันไม่เลิก!”ขุนศึกตะโกนเสียงเข้มแววตาของเขาดุดันจนน่ากลัว เขาจ้องฉันกลับมาแววตาสั่นไหว ฉันก็จ้องตาเขากลับไปเราสองคนจ้องตากันอยู่นานจนกระทั่งป้าบัวเดินเข้ามาหาขุนศึก“เสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว…ไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะคะ…คุณขุนศึก”ป้าบัวเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบาท่านมองขุนศึกด้วยแววตาเป็นห่วง ขุนศึกเลิกมองตาฉันและหันไปมองหน้าป้าบัวแทน แววตาของเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงและยื่นมือไปจับมือของป้าบัว“ครับ…”ขุนศึกตอบรับคำป้าบัวพลางยิ้มบางๆให้ท่าน ฉันจึงเลิกสนใจสองคนนั้นและหันมามองคุณจอมพลที่สภาพของเขาก็เปียกปอนไปไม่ต่างจากขุนศึกหรอก“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ…เดี๋ยวเอริจะทำแผลให้…”ฉันเอ่ยบอกคุณจอมพลไปพลางมองหน้าเขาและบาดแผลตามใบหน้าหล่อของเขาด้วยความเป็นห่วง
“ครับ…ขับรถดีๆ…ถึงแล้วโทรบอกพี่ด้วย^_^”“รับทราบค่ะ…ท่านรอง^_^”ฉันยิ้มร่าอย่างขี้เล่นไปให้คุณจอมพลพลางย่นจมูกแบบที่เคยทำให้ขุนศึกอยู่เป็นประจำให้คุณจอมพลไปด้วย ฉันทำแบบลืมตัวน่ะพรึบคุณจอมพลเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัย ฉันจึงได้สติว่าฉันไม่ควรทำหน้าตาแบบนี้“ขอโทษค่ะ…ขอตัวก่อน…”ฉันเอ่ยบอกคุณจอมพลและหันหลังให้เขาแต่ในจังหวะนั้นข้อมือของฉันก็โดนมือหนาของคุณจอมพลคว้าไว้ซะก่อนพรึบ“ขอโทษทำไม….พี่แค่จะบอกว่า….ให้ทำบ่อยๆนะครับ….น่ารักดี^_^”“ค่ะ…”ฉันอมยิ้มขึ้นมาอย่างเขินอายที่โดนคุณจอมพลเอ่ยชมฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานและดูอบอุ่น เขายิ้มบางๆให้ฉันอย่างคนที่อบอุ่น คุณจอมพลเป็นผู้ชายที่แสนดีและอบอุ่นมากจริงๆ“เอริ…ขอตัวค่ะ…”“ครับ…”คุณจอมพลรับคำฉันก่อนจะคลายมือที่จับข้อมือของฉันอยู่ให้คลายออกอย่างช้าๆและจนในที่สุด ฉันก็เป็นอิสระ ฉันก้มศีษระพลางยิ้มบางๆให้คุณจอมพลก่อนจะเดินหันหลังให้เขา มุ่งหน้าไปยังรถสปอร์ตคันสีดำสุดหรูของคุณจอมพลที่จอดอยู่หน้าสวนของคฤหาสน์หลังนี้พรึบฉันเปิดประตูฝั่งคนนั่งและในจังหวะนั้นสายตาของฉันก็ไปสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำของคุณจอมพล เขายกมือขึ้นมาโบกมือบ๊ายบายฉัน ฉันก็ยกมือโ
เอริ ฐิติมน…พรึบ“อื้อออ…”ฉันพยายามใช้มือทั้งสองข้างผลักหน้าอกของขุนศึกให้เขาถอนจูบออกไป แต่ยิ่งฉันทำแบบนี้เขาก็ยิ่งจูบฉันรุนแรงขึ้นพรึบ“อื้อ!”ขุนศึกร้องท้วงในลำคออย่างไม่พอใจกับการกระทำที่ขัดขืนของฉัน เขาจึงใช้มือของเขาคว้าข้อมือของฉันทั้งสองข้างไปกำไว้แน่นด้วยมือของเขาเพียงข้างเดียว“อื้อออจ๊วฟฟฟจ๊วฟฟฟ”“อื้อออ”ฉันร้องท้วงขึ้นอีกครั้งในคราวนี้เพราะขุนศึกได้ส่งปลายลิ้นสากของเขาเข้ามาในโพรงปากของฉันและควานหาความหวานในโพรงปากของฉันดิบเถื่อน ฉันพยายามห้ามใจที่จะไม่จูบตอบเขาแล้ว แต่ฉันทำไม่ได้จริงๆ“จ๊วฟฟฟ”ฉันดูดดึงริมฝีปากของขุนศึกกลับไปและเริ่มหยอกเย้าลิ้นสากของเขาด้วยปลายลิ้นของฉัน“อื้อออ”“หึ”เสียงหัวเราะในลำคอของขุนศึกดังขึ้นหลังจากที่เขาผละริมฝีปากของเขาออกไปจากริมฝีปากของฉัน ฉันผ่อนลมหายใจเหนื่อยหอบเพื่อเรียกลมเข้าปอด ฉันเงยหน้าไปมองหน้าขุนศึกที่เขาเองก็จ้องมองฉันอยู่เหมือนกัน“นาย….ต้องการอะไรจากฉัน…?”“เงินเหรอ…ฉันคงจะไม่มีปัญญาหาเงินมาคืนนายหรอกนะ…”ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไป เขาก็จ้องหน้าฉันนิ่งก่อนจะปล่อยข้อมือของฉันให้เป็นอิสระ“ฉันรู้….ว่าชาตินี้…เธอก็ไม่มีปัญญาหาเงินที่หลอกฉันไ
เร็วเท่าความคิดฉันตบหน้าขุนศึกอย่างแรง จนใบหน้าของเขาหันไปตามแรงตบของฉันพรึบ“ถึงฉันจะจน…ถึงฉันจะเคยขายศักดิ์ศรีของฉันให้นาย…แต่นายก็ไม่สมควรที่จะมาดูถูกพูดจาแบบนี้ใส่ฉัน…”ฉันเอ่ยพูดทันทีที่ขุนศึกค่อยๆหันใบหน้าหล่อของเขากลับมามองหน้าฉัน แววตาของเขากำลังสื่อถึงความไม่พอใจที่ฉันกล้าตบหน้าเขาแก้มของเขาขึ้นเป็นรอยแดงเรื่อยๆตามฝ่ามือของฉันที่ตบเขาหน้าตาของเขาก็เลอะเต็มไปด้วยรอยแผลจากการที่เขาต่อยกับคุณจอมพลอยู่แล้วด้วย เขาคงจะเจ็บมากกว่าเดิมอีก‘เพราะครั้งหนึ่ง…เราเคยรักกัน…’ฉันพูดประโยคสุดท้ายต่อในใจ ขุนศึกจ้องหน้าฉันอย่างรอคำพูดของฉันต่อ แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไป เราสองคนจ้องหน้ากันนิ่งอยู่แบบนั้นเนิ่นนาน จนขุนศึกเองที่เป็นฝ่ายหลบตาฉันไปก่อน“เธอก็แค่ปรนเปรอเซ็กส์ให้ฉัน….จนกว่าฉันจะพอใจ…และยกเงินที่เธอติดฉันทั้งหมดให้…”ขุนศึกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ฉันก็มองหน้าเขาอย่างคิดหนัก นี่ฉันกำลังเสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งร่องเลยนะ ที่ฉันไม่ยอมแต่งงานกับเขาที่ฉันยอมถอยและเสียสละเขาให้คนอื่นก็เพราะว่าฉันกลัวว่าเขาจะเหลือแต่ตัวกลัวเขาที่ไม่เคยใช้ชีวิตลำบากต้องมาลำบากเพราะฉัน“แต่เธอไม่ต้องกลัวนะ…ว่
พรึบ“อื้ออเดี๋ยว….”“อะไร…?”“ฉันยังไม่พร้อม….”เสียงหวานเอ่ยบอกขุนณรงค์ไปอย่างอ้อมแอ้ม ที่โดนปลายจมูกโด่งของเขาซุกไซ้ซอกคอของเธอทำให้ขุนณรงค์ต้องผละใบหน้าหล่อออกมาจากซอกคอของฐิติมนอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่เขากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแต่โดนคนบนร่างขัดจังหวะซะก่อน“ทำไม?”“เดี๋ยวมีคนมาเห็น…”ฐิติมนบอกขุนณรงค์ไปตามความจริงพลางมองไปรอบๆของตัวรถสปอร์ตที่จอดอยู่ข้างทางและที่ตรงนี้ก็เป็นทางเปลี่ยวยามค่ำคืนแบบนี้มีรถน้อยคันนักที่จะผ่านมาเส้นทางนี้“เห็นก็ช่างดิ….อย่าชักช้าได้ป่ะ…เสียอารมณ์..”ขุนณรงค์ว่าอย่างหงุดหงิดและไม่สนใจฐิติมนที่ทำหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เขากลับก้มหน้าลงไปและเริ่มซุกไซ้ปลายจมูกไปกับโครงแก้มนุ่มของฐิติมนเลื่อนลงมาเรื่อยๆจนถึงซอกคอหอมๆที่เป็นกลิ่นกายเฉพาะของเธอทำให้ขุนณรงค์แทบคลั่งทุกครั้งที่ได้สูดดม“จ๊วฟฟฟฟ”“อื้ออออ”ฐิติมนร้องครางเสียงหวานเมื่อขุนณรงค์ได้ใช้มือหนาลูบไล้ร่างกายของเธอจนมาหยุดอยู่ที่หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่โตของเธอและเขาก็จัดการใช้มือเพียงข้างเดียวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอออกหมดทุกเม็ดและสอดแทรกฝ่ามืออุ่นๆเข้าไปสัมผัสเนื้อด้านในของเธออย่างอ่อนโยน จนร่างบางสั่นสะท้านด
“แผล๊บๆๆๆ”ขุนณรงค์ขยับใบหน้าขึ้นไปหายอดปทุมถันของฐิติมนและจัดการยื่นปลายลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเขาไปแตะที่ยอดปทุมถันและจัดการใช้ปลายลิ้นตวัดเลียยอดปทุมถันของเอริจนยอดปทุมถันของเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของเขา“จ๊วฟฟฟฟ”ขุนณรงค์จึงอ้าปากดูดดื่มยอดปทุมถันของฐิติมนและเขาก็เงยหน้าขึ้นไปสบตากับนัยน์ตาสีน้ำอ่อนของเธออยู่ตลอดเวลาร่างของเธอสั่นสะท้านไปทั้งร่าง“อื้ออออ๊ะ…เสียว…”ฐิติมนร้องเสียงหวานออกมาพลางยื่นมือมาจับโครงหน้าหล่อของขุนณรงค์และใช้มือของเธอลูบไล้ไปตามซอกคอของเขาและไปหยุดลงที่ท้ายทอยของเขา“อื้อออ”“จ๊วฟฟฟฟฟฟ”ขุนณรงค์ผลัดกันดูดดื่มยอดปทุมถันของฐิติมนทั้งสองข้างและเขาก็ใช้มือของเขาบีบคลึงเค้นคลึงหน้าอกอวบอิ่มของเธอไปด้วยเพื่อเพิ่มความเสียวซ่านให้แก่เธอเพิ่มขึ้นไปอีกพรึบ“ฟอดดดดดดด”ขุนณรงค์ขยี้ใบหน้าหล่อของเขาลงไปบนหน้าอกที่นุ่มนิ่มของเธออย่างหมั่นเขี้ยว“อื้อออออ!”เธอเองก็ใช่เล่นเธอกดศีรษะของขุนณรงค์ให้แนบชิดไปกับหน้าอกของเธอตามแรงอารมณ์เสียวซ่านเช่นกัน“ตาเธอแล้ว…”ขุนณรงค์ว่าพลางผละใบหน้าหล่ออกมาจากหน้าอกของเธอ ฐิติมนก็หอบหายใจเหนื่อยถี่ ก่อนที่เธอจะรับรู้ได้ว่าขุนณรงค์ได้จัดการขยับ
20นาทีต่อมาบ้านของเอริ…เอริ ฐิติมน…พรึบ“อื้ออออ”ฉันร้องท้วงขึ้นเมื่อโดนขุนศึกอุ้มร่างของฉันอยู่ในท่าอุ้มแตงที่ท่อนบนของฉันเปลือยเปล่าเข้ามาในตัวบ้านของฉันที่เขาเป็นคนซื้อให้ “ไม่เย็นบ้างเหรอไง?”ฉันเอ่ยถามเขาไปพลางเหลือบหางตามองต่ำไป เขาก็กระตุกยิ้มและก้มหน้ามาหาฉัน“ก็เย็นอยู่นะ…”เขาเอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงกระเส่าปลายจมูกของเราแตะกันอย่างแผ่วเบา“ฟอดดดดด”ขุนศึกขยับปลายจมูกโด่งของเขามาหาโครงแก้มฉันและกดปลายจมูกสูดดมกลิ่นแก้มของฉันอย่างแผ่วเบา“อื้ออ”ฉันร้องท้วงและเบือนหน้าหนีเขา พรึบ“บนห้องหรือตรงนี้ดี….?”ขุนศึกพึมพำขึ้นพลางทำหน้านึกคิด ฉันไม่รู้ว่าเขาถามฉันหรือเขาแค่พูดลอยๆแต่อะไรคือบนห้องและตรงนี้ดี อย่าบอกนะว่า“บนห้อง!”ฉันตอบเขาไปไว้เพราะคิดได้ว่าสิ่งที่ขุนศึกกำลังคิดอยู่นั้นคืออะไร เขาก็หันมาเลิกคิ้วข้างหนึ่งมองหน้าฉันก่อนจะค่อยๆกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นอย่างมีเลศนัย“ในน้ำ….ดีกว่า….”ขุนศึกเอ่ยบอกฉันขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแววตาของเขาเป็นประกายแวววาว“ไม่!”ฉันร้องเสียงหลงอย่างตกใจ กลางแจ้งแบบนั้นไม่อายผีสางเทวดาบ้างหรือไง“เธอมีสิทธิ์ปฏิเสธฉันเหรอ…เอริ?”ขุนศึกกดเสียงต่ำพลางท
พรึบ“ขุน….”ฉันเรียกเขาเสียงหวานพลางจ้องมองการกระทำของเขาด้วยสายตาหวานเยิ้มเมื่อขุนศึกได้ก้มหน้าลงไปหากลีบกุหลาบของฉันพลางใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างของเขาแหวกกลีบกุหลาบชั้นนอกออกเพื่อจะดูกลีบกุหลาบชั้นข้างใน“เสียว…”ฉันร้องออกมาพลางกัดริมฝีปากแน่นบิดร่างไปมาเมื่อโดนสัมผัสจากปลายนิ้วเรียวของขุนศึกที่สัมผัสโดนเข้ากับติ่งเสียวของฉัน เขาใช้ปลายนิ้วขยี้ติ่งเสียวของฉันจนฉันดิ้นพล่านด้วยความเสียวซ่าน“อ๊ะๆๆๆ”ฉันครางเสียงกระเส่าพลางยกกลีบกุกลาบขึ้นลงอย่างน่าอายน้ำหวานมากมายไหลซึมออกมาจนฉันรับรู้ได้ถึงสัมผัสเปียกชุ่มที่ท่อนขาของฉันไหลซึมไปถึงกลีบกุหลาบด้านหลังของฉันนั่นคือประตูหลังหรือทวารหนัก“อื้ออออออขุน!!!”ฉันร้องแทบจะสำลักความใคร่และความเสียวเมื่อขุนศึกก้มหน้าลงมาหากลีบกุหลาบของฉันพลางใช้ปลายจมูกขยี้ไปกับร่องกลีบกุหลาบงามของฉันจนฉันได้ยินเสียงแจ๊ะๆของน้ำรักดังกระทบกับเนื้อปลายจมูกของขุนศึก ฉันดีดดิ้นร่างกายไปมาอย่างเสียวซ่านพรึบ“แผล๊บๆๆๆๆๆ”ขุนศึกตวัดปลายลิ้นขึ้นลงไปกับร่องสวาทของฉันพลางดูดดื่มน้ำหวานของฉันอย่างเอร็ดอร่อยพรึบร่างของฉันชักกระตุกเกร็งไปหลายทีเพราะฉันไปถึงความสุขหลายน้ำแล้ว ข
"ผมเกลียดคุณเข้าใจไหม""ไม่จริงคุณไม่ได้เกลียดแก้มหวานคุณรักแก้มหวาน""ไม่งั้นคุณจะมาทำดีกับแก้มหวานทำไม""ที่ผมทำดีกับคุณเพราะผมติดใจในเซ็กส์ของคุณไง....คุณรู้ไหมว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เร้าร้อนและร้อนแรงเรื่องบนเตียงมากแค่ไหน"เควินพูดพร้อมกับเดินตรงมาหาแก้มหวาน"ผมไม่เคยมีอะไรกับใครแล้วมีความสุขเท่าคุณ"เควินว่าพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเรียวไล้เกี่ยไปตามแขนของแก้มหวานอย่างแผ่วเบา พร้อมกับมองแก้มหวานด้วยแววตาหวานเยิ้ม"ผมก็เลยเล่นตามน้ำคุณถึงแม้ในใจผมมันจะสนแค่ร่างกายคุณแต่นิสัยและสันดานของคุณผมรังเกียจมันเสียด้วยซ้ำ"เควินพูดไปพลางมองไปที่ร่างของแก้มหวานด้วยสายตาดูถูกและเหยียดหยาม"ผมก็นึกว่าคุณจะเล่นๆกับผมแต่ที่ไหนได้คุณคิดจริงจัง"เควินว่าพลางยิ้มหัวเราะออกมาอย่างเรื่องที่เป็นประเด็นสนทนาอยู่ในตอนนี้เป็นเรื่องตลก ทำให้แก้มหวานมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่พอใจและน้อยใจไปในตัวเธอคิดว่าเขาจะสนใจและมีความรู้สึกดีๆให้เธอเสียอีก แต่ที่ไหนได้เขากลับไม่ได้มีใจให้เธอเลย "ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก.....ผมพูดความจริง""และต่อไปคุณก็ช่วยกรุณารู้จุดยืนของตัวเองด้วยนะ"เควินเอ่ยออกมาปิดท้ายแววตาที่เขามองเธอเวลาพูด
"ไม่ใช่ว่าริเป็นซิงเกิ้ลมัมไม่ได้แต่ริไม่อยากเป็นไม่อยากให้ลูกมีแค่ริที่ทำหน้าที่ทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกันแต่อยากให้ลูกได้รับความรักจากพ่อแท้ๆของเขาและความเอาใจใส่จากพ่อของเขาจริงๆ" "คนที่ไม่เคยขาดพ่อขาดแม่ไม่มีวันเข้าใจหรอกไม่ว่าแม่จะดูแลดีแค่ไหนแต่มันก็ไม่เหมือนความรักที่มีทั้งพ่อและแม่อยู่ครบ" "ริหวังว่าขุนจะเข้าใจนะ....ขุนแค่ทำหน้าที่พ่อของลูกเท่านั้นพอ....." "ริ....." "หรือขุนอยากจะเลือกก็ได้นะระหว่างทำหน้าที่พ่อของลูกหรือจะไม่รับหน้าที่อะไรเลยก็ได้" "ก็ได้ขุนจะเอาแบบที่ริว่าก็ได้"ขุนศึกที่ได้ยินคำขาดจากฉัน เขาก็พูกเสียงเข้มแทรกขึ้นมาทันที "แต่ขุนจะทำให้ริเห็นว่าขุนพร้อมที่จะหยุดและมีแค่ริคนเดียวแล้วจริงๆ"ขุนศึกว่าพร้อมกับทำหน้ามั่นใจว่าเขาจะสามารถทำอย่างที่เขาพูดได้จริงๆ แต่เขาก็พูดแบบนี้ทุกครั้งที่ฉันจับเขาได้ว่าเขาแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นและฉันก็ไว้ใจและเชื่อใจเขามาตลอดและเป็นยังไงล่ะ สุดท้าย ฉันก็เป็นอีโง่เหมือนเดิม เคยยอมเสียศักดิ์ศรีตัวเองแก้ผ้าให้ขุนศึกเอาเพื่อให้เขาเลิกไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น นั่นมันเป็นความคิดเด็กน้อยชะมัด "ทำให้ได้ก่อนค่อยมาว่ากันอีกที..
วันเดียวกัน23:30น.เอริ ฐิติมน......จึกๆๆ"ริ......""หื้ออออ"ฉันครางรับเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกฉันพร้อมกับแรงสะกิดที่ไหล่ฉันเบาๆฉันที่นั่งขดตัวหลับอยู่บนโซฟาภายในห้องโถงใหญ่ก็ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาดูเจ้าของเสียงที่ฉันเฝ้ารอเขาจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้"ขุน......กี่โมงแล้วเนี่ย?"ฉันขยี้ตาเพื่อไล่ความสะลึมสะลือความงัวเงียให้หายไปพร้อมกับเอ่ยถามขุนศึกไป"เที่ยงคืนกว่าแล้ว....ริมานอนทำไมตรงนี้?"ขุนศึกตอบฉัรพร้อมกับเอ่ยถามฉันกลับ ฉันที่หายจากอาการสะลึมสะลือแล้วแล้วก็ขยับตัวนั่งดีๆและหันไปมองหน้าขุนศึกที่เขานั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับฉันและนั่งข้างๆฉันด้วย"ริมารอขุนนั้นแหละ.....ทำไม่มาซะดึกเลย....หาไม่เจอเหรอ?""เปล่า.....พอดีขุนไปทำธุระมาน่ะ""อ้อ"ฉันพยักหน้าพลางร้องตอบขุนศึกไป แม้ในใจอยากจะถามเขาว่าธุระที่เขาว่าคืออะไร แต่สีหน้าและแววตาของขุนศึกเหมือนไม่อยากบอกให้ฉันรู้ว่าธุระที่เขาพูดถึงคืออะไรถ้าเขาไม่อยากบอก ฉันก็ไม่ควรที่จะถามต่อสินะ เพราะฐานะของฉันกับเขาไม่มีสิทธิ์ซักไซ้จนได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากไปกว่านี้"ว่าแต่ริมารอขุน......มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า"ขุนศึกถามฉันพร้อมกับจ้องมองฉั
จะปล่อยห้องว่างไวโดยไร้คนอยู่ก็เสียดาย ฉันก็เลยใจอ่อนและยอมมาอยู่ที่นี่ซึ่งฉันคิดว่ามันสะดวกสบายดี บ้านที่ฉันหาในเน็ตก็มองทรุดโทรมและค่าเช่าก็แพง อะไรที่ประหยัดได้ในตอนนี้ฉันก็ควรจะประหยัดและตอนนี้ฉันก็ท้องด้วย ฉันควรจะมีเงินสำรองไว้เลี้ยงลูกของฉันให้เขาอยู่อย่างสุขสบายให้เยอะๆดีกว่าฉันควรจะบอกเรื่องนี้กับขุนศึก......ว่าฉันท้องกับเขา....."ป้าบัวคะ""จ๊ะว่าไงจ๊ะเอริ?"ป้าบัวที่กำลังยกชามกะละมังที่เช็ดตัวคุณหญิงเพิ่งเสร็จหันมาขานรับฉันเงินก้อนใหญ่ฉันก็ให้ขุนศึกไปหมดแล้ว รถก็ขายทิ้ง บ้านก็มาไฟไหม้อีก ค่ารักษาพยาบาลคุณหญิงค่าใช้จ่ายรายเดือนก็สูง โดยเฉพาะค่ากายภาพบำบัดที่ฉันว่าจ้างให้นางพยาบาลที่เป็นคนทำกายภาพบำบัดและศึกษาด้านนี้มาโดยเฉพาะให้มาดูแลคุณหญิงทุกวันโดยทำกายภาพบำบัดให้คุณหญิงเดินได้อีกครั้งและฉันจะทำทุกวิถีทางให้ชีวิตของลูกฉันมีความสุขและสุขสบายที่สุดไม่ให้ลำบากและรู้สึกขาดแบบที่ชีวิตฉันเคยเป็นมา ฉันจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุดเท่าที่สุดของความสามารถของฉัน"ป้าบัวส่งโลเคชั่นให้ขุนหรือยังคะว่าเราอยู่ที่ไหนกัน?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไป ท่านก็ยิ้มบางๆให้ฉัน"ป้ากำลังจะไปส่งโลเคชั่นให้คุณข
"ไม่ว่าฉันจะให้แกทำอะไรแกก็ยอมใช่ไหม?"แก้มหวานเอ่ยถามผมด้วยแววตามีเลศนัยพร้อมยกยิ้มที่มุมปากขึ้น ผมก็จ้องมองเธอนิ่ง และผมก็อยากทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบลง วันนี้คุณแม่ผมเกือบจะไม่รอด เพราะผมเป็นตัวต้นเหตุ วันนี้อาจจะโชคดี แต่มันก็คงตะไม่โชคดีทุกครั้งไป "ใช่" "ถ้าฉันให้แกไปตายล่ะ" "มันไม่มากไปเหรอ?"ผมถามเธอไปเสียงเข้ม เรื่องที่ผมและเพื่อนๆทำกับเธอ เธอก็ยังมีชีวิตอยู่และดีด้วยจนถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เหรอ "หึ.....ฉันรู้ว่าแกคงไม่กล้าตายหรอก" "งั้น......ฉันขอแลกศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของแกก็ล่ะกันนะ" "ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของฉัน?" "กราบตีนฉันสิ.....แล้วฉันจะเลิกยุ่งกับแม่แกและก็เอริผู้หญิงที่แกบอกว่ารักนักรักหนาด้วย" "ไม่รู้ว่าแกรักเธอยังไงนะถึงได้นอกกายนอกใจเธอนอนกับผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา" "ถ้าฉันเป็นเอริฉันคงไม่เอาผู้ชายเลวๆที่ทำตัวเหมือนหมาตัวผู้ที่ต้องผสมพันธุ์ไปทั่วโดยไม่สนว่าใครเป็นใคร" "แบบแกหรอกนะขุนศึก" "แค่ฉันกราบตีนเธอ.....แค่นี้ก็พอแล้วใช่ไหม?"ผมไม่สนใจคำพูดที่ถากถางของแก้มหวานแต่เอ่ยถามในสิ่งที่จะเป็นตัวหยุดเรื่องนี้กับเธอไป เธอก็ทำหน้าบึ้งตึงนิดหน่อยก่อนจะแสยะยิ้มให้ผม
เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องผมก็ยื่นมือไปกดออดเพื่อเรียกคนในห้องให้รู้ว่ามีคนมาขอพบเธอผมรออยู่ไม่นานและกดออดซ้ำไปแค่ครั้งเดียว ประตูห้องหรูบานตรงหน้าผมก็ค่อยๆถูกเปิดออกจากคนที่อยู่ด้านในของห้องนี้ผมก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่เป็นคนมาเปิดประตูเธอเป็นผู้หญิงผอมสวยหุ่นดี เธออยู่ในชุดเดรสสั้นสายเดี่ยวสีแดงผมของเธอถูกดัดเป็นลอนใหญ่แล้วปล่อยสยายไปด้านหลังสีหน้าที่เธอจ้องมองมาที่ผมด้วยแววตาสงสัย และเพ่งมองพินิจพิจารณาอย่างสงสัยว่าผมคือใครผมจึงค่อยๆใช้มือดึงฮู้ดที่ปิดหน้าของผมอยู่ให้ออกเพื่อเผยใบหน้าของผมให้เธอคนนี้ได้เห็นอย่างชัดเจนขึ้นและในเมื่อใบหน้าของผมที่ไร้เสื้อฮู้ดปกผิดเปิดเผยแก่คนตรงหน้าเธอก็จ้องมองผมด้วยแววตาตกใจและแปลกใจ ผมก็จ้องมองเธอกลับไปด้วยแววตาเรียบเฉยเมื่อแปดปีก่อน เธอกับผมเราคงจะคุ้นตากันเพราะเราสองเคยมีอะไรกันและแอบเป็นแฟนกันมาก่อนทั้งๆที่ผมเองก็มีแฟนอยู่แล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเธอ แต่ผมคิดว่าผู้หญิงทั้งมหาลัยก็น่าจะรู้ดีว่าผมมีเจ้าของอยู่แล้ว แต่กลับผิดคาดที่เธอคนนี้ไม่รู้ เธอจึงปล่อยใจรักผมแต่ผมกลับไม่เคยรักเธอ ไม่ว่าเธอจะแสนดีและน่ารักแค่ไหน ผมก็ไม่เคยคิดที่จะรั
ช่วงเย็นวันเดียวกันคอนโด TYขุนศึก ขุนณรงค์......"ขอบคุณสำหรับข้อมูลตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าคอนโดที่แกบอกแล้ว""คอนโดTYชั้นที่สามสิบห้องสามสามสี่ห้าฉันจำได้ล่ะขอบใจแกมากฟิว"ผมเอ่ยบอกฟิวไปในขณะที่สายตาก็ทอดมองเงยหน้าไปยังชั้นบนสุดชั้นที่สามสิบของตึกสูงตระหง่านใจกลางเมืองตรงหน้าของผมในขณะนี้(แกคิดที่จะทำอะไร?)(ตอนนี้เขามีอิทธิพลมากกว่าแกเขาสามารถทำให้แกหายไปโดยไม่มีใครสงสัยได้เลยนะขนาดทำให้ชีวิตของแกพังเขาก็ยังทำได้)(ฉันว่าแกไม่สมควรที่จะประมาทผู้หญิงคนนี้)เสียงปลายสายของฟิวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงห่วงใย ผมจึงละใบหน้าจากตึกสูงตรงหน้าและเอ่ยคุยกับฟิวต่อ"ฉันรู้ขอบใจและขอโทษที่ทำให้ชีวิตของแกต้องมาติดร่างแหพลอยซวยไปกับฉันด้วย"ผมเอ่ยบอกหิวไปอย่างคนที่รู้สึกผิดที่ออกมาจากใจจริงไปของผม(แกไม่ได้ทำอะไรผิดถ้ามันจะผิดก็ผิดกันหมดนี่แหละ)(มันคงจะเป็นเพราะตอนนั้นพวกเรายังเด็กเลยไม่ได้คิดอะไรให้มากกว่านี้เลยทำเรื่องแบบนั้นลงไป)(ฉันไม่มีสิทธิ์โกรธแกหรือแก้มหวานเลยด้วยซ้ำ)"นั่นสิเนอะ....ฉันก็ไม่สมควรที่จะโกรธแก้มหวานด้วยเหมือนกัน"ผมเอ่ยออกมาอย่างคิดนึกตริตรองอย่างที่ฟิวว่าที่จริงถ้าตอนนั้นผมไม่คึกค
"ผมขอโทษครับ""คุณจะมาขอโทษฉันทำไมล่ะค่ะ....ฉันเองต่างหากที่ต้องขอบคุณคุณสิถึงจะถูก""เดี๋ยวฉันจะโอนจ่ายค่ารักษาให้คุณทีหลังนะคะ....เพราะวันนี้ฉันไม่มรเงินติดตัวเลย"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปตามความจริง เขาก็มีสีหน้าตกใจและสลดปะปนกันไป"อย่าโอนจ่ายค่ารักษาให้ผมเลยครับ...ขอให้ผมได้ดูแลคุณสักครั้ง""ในฐานะเพื่อนได้ไหมครับ"คุณเควินว่าต่อในเสียงและสีหน้าเชิงขอร้อง ฉันก็มองหน้าเขาอย่างคนคิดหนัก เขาขอช่วยในฐานะเพื่อนถ้าฉันปฏิเสธเพื่อนคนนี้ ก็ควจะเสียมารยาท"ก็ได้ค่ะ....แต่ริขอแค่ความช่วยเหลือจากคุณเควินแค่ครั้วนี้ครั้งเดียวนะคะ....ครั้งต่อไปไม่ต้องแล้วนะคะ....ริเกรงใจ"สิ้นคำพูดฉันคุณเควินก็มีสีหน้าดีใจขึ้นมา"ครับ....ขอบคุณนะครับที่ยอมรับความช่วยเหลือจากผมในครั้งนี้""มีอะไรหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณเควินต่อหลังจากที่เขาพูดจบประโยคเขาก็นิ่งไปและมองหน้สฉันอย่างคนอึดอัดใจเหมือนเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ยอมพูดมันออกมาฉันจึงเลือกที่จะเป็นฝ่ายถามเอง"ผมดูข่าวเกี่ยวกับไฟไหม้ที่บ้านของคุณและผมก็ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลว่าคุณเข้ามารับการรักษาที่นี่""ผมจึงรีบมา....และก็พบคุณแต่ทางโรงพยาบาลแจ
"แต่คงจะยาก.....เพราะเขามีหลักฐานขนาดนั้น" "และที่สำคัญเขาไม่รับฟังหรอกว่าแม่นายเองก็โดนหลอกเหมือนกัน" "เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเอริ?" "ก็อย่างที่บอกว่าตอนนี้.....นายกำลังโดนโจมตรีจากคนที่นายเรยไปทำลายชีวิตเขายังไงล่ะ" "นายเกือบทำให้แม่นายต้องมาตายเพราะความเจ้าชู้ของนาย.....ขุนศึก" "และคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยอย่างแม่นายต้องมาซวยต้องมาหมดตัวต้อยมาเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างมาก็เพราะนาย" "เพราะความเจ้าชู้ของนาย"ฉันพูดเสียงแข็งตะโกนใส่ขุนศึกไปเป็นชุดด้วยแววตาสั่นไหวน้ำตาเอ่อคลอ ขุนศึกก็ทำสีหน้ายอมรับความผิด สีหน้าของเขาซีดลงแววตาของเขาสั่นไหว "ขุนรู้ว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะขุน....." "ที่มาทำให้แม่และก็ริเดือดร้อน" "ขุนจะจบเรื่องนี้เอง"ขุนศึกพูดเสียงเข้มแววตาจริงจังและวูบไหว "ผมฝากแม่ด้วยนะครับ" "เดี๋ยวผมมาได้ที่อยู่ใหม่ที่ไหนรบกวนป้าบัวโทรบอกผมด้วยนะครับ"ขุนศึกผละจากรถวีลแชร์เดินไปหยุดตรงหน้าของป้สบัวพร้อมกับเอ่ยบอกป้าบัว "ค่ะได้ค่ะว่าแต่คุณขุนศึกจะไปไหนคะ?"ป้าบัวรับคำขุนศึกและเอ่ยถามเขาต่อ ขุนศึกกฺ็หันกลับมามองหน้าฉัน ด้วยสายตานิ่งเฉย "ไปทำให้เรื่องทุกอย่างมันจบคร