เร็วเท่าความคิดฉันตบหน้าขุนศึกอย่างแรง จนใบหน้าของเขาหันไปตามแรงตบของฉันพรึบ“ถึงฉันจะจน…ถึงฉันจะเคยขายศักดิ์ศรีของฉันให้นาย…แต่นายก็ไม่สมควรที่จะมาดูถูกพูดจาแบบนี้ใส่ฉัน…”ฉันเอ่ยพูดทันทีที่ขุนศึกค่อยๆหันใบหน้าหล่อของเขากลับมามองหน้าฉัน แววตาของเขากำลังสื่อถึงความไม่พอใจที่ฉันกล้าตบหน้าเขาแก้มของเขาขึ้นเป็นรอยแดงเรื่อยๆตามฝ่ามือของฉันที่ตบเขาหน้าตาของเขาก็เลอะเต็มไปด้วยรอยแผลจากการที่เขาต่อยกับคุณจอมพลอยู่แล้วด้วย เขาคงจะเจ็บมากกว่าเดิมอีก‘เพราะครั้งหนึ่ง…เราเคยรักกัน…’ฉันพูดประโยคสุดท้ายต่อในใจ ขุนศึกจ้องหน้าฉันอย่างรอคำพูดของฉันต่อ แต่ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไป เราสองคนจ้องหน้ากันนิ่งอยู่แบบนั้นเนิ่นนาน จนขุนศึกเองที่เป็นฝ่ายหลบตาฉันไปก่อน“เธอก็แค่ปรนเปรอเซ็กส์ให้ฉัน….จนกว่าฉันจะพอใจ…และยกเงินที่เธอติดฉันทั้งหมดให้…”ขุนศึกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ฉันก็มองหน้าเขาอย่างคิดหนัก นี่ฉันกำลังเสียเปรียบทั้งขึ้นทั้งร่องเลยนะ ที่ฉันไม่ยอมแต่งงานกับเขาที่ฉันยอมถอยและเสียสละเขาให้คนอื่นก็เพราะว่าฉันกลัวว่าเขาจะเหลือแต่ตัวกลัวเขาที่ไม่เคยใช้ชีวิตลำบากต้องมาลำบากเพราะฉัน“แต่เธอไม่ต้องกลัวนะ…ว่
พรึบ“อื้ออเดี๋ยว….”“อะไร…?”“ฉันยังไม่พร้อม….”เสียงหวานเอ่ยบอกขุนณรงค์ไปอย่างอ้อมแอ้ม ที่โดนปลายจมูกโด่งของเขาซุกไซ้ซอกคอของเธอทำให้ขุนณรงค์ต้องผละใบหน้าหล่อออกมาจากซอกคอของฐิติมนอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่เขากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแต่โดนคนบนร่างขัดจังหวะซะก่อน“ทำไม?”“เดี๋ยวมีคนมาเห็น…”ฐิติมนบอกขุนณรงค์ไปตามความจริงพลางมองไปรอบๆของตัวรถสปอร์ตที่จอดอยู่ข้างทางและที่ตรงนี้ก็เป็นทางเปลี่ยวยามค่ำคืนแบบนี้มีรถน้อยคันนักที่จะผ่านมาเส้นทางนี้“เห็นก็ช่างดิ….อย่าชักช้าได้ป่ะ…เสียอารมณ์..”ขุนณรงค์ว่าอย่างหงุดหงิดและไม่สนใจฐิติมนที่ทำหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เขากลับก้มหน้าลงไปและเริ่มซุกไซ้ปลายจมูกไปกับโครงแก้มนุ่มของฐิติมนเลื่อนลงมาเรื่อยๆจนถึงซอกคอหอมๆที่เป็นกลิ่นกายเฉพาะของเธอทำให้ขุนณรงค์แทบคลั่งทุกครั้งที่ได้สูดดม“จ๊วฟฟฟฟ”“อื้ออออ”ฐิติมนร้องครางเสียงหวานเมื่อขุนณรงค์ได้ใช้มือหนาลูบไล้ร่างกายของเธอจนมาหยุดอยู่ที่หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่โตของเธอและเขาก็จัดการใช้มือเพียงข้างเดียวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอออกหมดทุกเม็ดและสอดแทรกฝ่ามืออุ่นๆเข้าไปสัมผัสเนื้อด้านในของเธออย่างอ่อนโยน จนร่างบางสั่นสะท้านด
“แผล๊บๆๆๆ”ขุนณรงค์ขยับใบหน้าขึ้นไปหายอดปทุมถันของฐิติมนและจัดการยื่นปลายลิ้นสากที่ร้อนรุ่มของเขาไปแตะที่ยอดปทุมถันและจัดการใช้ปลายลิ้นตวัดเลียยอดปทุมถันของเอริจนยอดปทุมถันของเธอเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของเขา“จ๊วฟฟฟฟ”ขุนณรงค์จึงอ้าปากดูดดื่มยอดปทุมถันของฐิติมนและเขาก็เงยหน้าขึ้นไปสบตากับนัยน์ตาสีน้ำอ่อนของเธออยู่ตลอดเวลาร่างของเธอสั่นสะท้านไปทั้งร่าง“อื้ออออ๊ะ…เสียว…”ฐิติมนร้องเสียงหวานออกมาพลางยื่นมือมาจับโครงหน้าหล่อของขุนณรงค์และใช้มือของเธอลูบไล้ไปตามซอกคอของเขาและไปหยุดลงที่ท้ายทอยของเขา“อื้อออ”“จ๊วฟฟฟฟฟฟ”ขุนณรงค์ผลัดกันดูดดื่มยอดปทุมถันของฐิติมนทั้งสองข้างและเขาก็ใช้มือของเขาบีบคลึงเค้นคลึงหน้าอกอวบอิ่มของเธอไปด้วยเพื่อเพิ่มความเสียวซ่านให้แก่เธอเพิ่มขึ้นไปอีกพรึบ“ฟอดดดดดดด”ขุนณรงค์ขยี้ใบหน้าหล่อของเขาลงไปบนหน้าอกที่นุ่มนิ่มของเธออย่างหมั่นเขี้ยว“อื้อออออ!”เธอเองก็ใช่เล่นเธอกดศีรษะของขุนณรงค์ให้แนบชิดไปกับหน้าอกของเธอตามแรงอารมณ์เสียวซ่านเช่นกัน“ตาเธอแล้ว…”ขุนณรงค์ว่าพลางผละใบหน้าหล่ออกมาจากหน้าอกของเธอ ฐิติมนก็หอบหายใจเหนื่อยถี่ ก่อนที่เธอจะรับรู้ได้ว่าขุนณรงค์ได้จัดการขยับ
20นาทีต่อมาบ้านของเอริ…เอริ ฐิติมน…พรึบ“อื้ออออ”ฉันร้องท้วงขึ้นเมื่อโดนขุนศึกอุ้มร่างของฉันอยู่ในท่าอุ้มแตงที่ท่อนบนของฉันเปลือยเปล่าเข้ามาในตัวบ้านของฉันที่เขาเป็นคนซื้อให้ “ไม่เย็นบ้างเหรอไง?”ฉันเอ่ยถามเขาไปพลางเหลือบหางตามองต่ำไป เขาก็กระตุกยิ้มและก้มหน้ามาหาฉัน“ก็เย็นอยู่นะ…”เขาเอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงกระเส่าปลายจมูกของเราแตะกันอย่างแผ่วเบา“ฟอดดดดด”ขุนศึกขยับปลายจมูกโด่งของเขามาหาโครงแก้มฉันและกดปลายจมูกสูดดมกลิ่นแก้มของฉันอย่างแผ่วเบา“อื้ออ”ฉันร้องท้วงและเบือนหน้าหนีเขา พรึบ“บนห้องหรือตรงนี้ดี….?”ขุนศึกพึมพำขึ้นพลางทำหน้านึกคิด ฉันไม่รู้ว่าเขาถามฉันหรือเขาแค่พูดลอยๆแต่อะไรคือบนห้องและตรงนี้ดี อย่าบอกนะว่า“บนห้อง!”ฉันตอบเขาไปไว้เพราะคิดได้ว่าสิ่งที่ขุนศึกกำลังคิดอยู่นั้นคืออะไร เขาก็หันมาเลิกคิ้วข้างหนึ่งมองหน้าฉันก่อนจะค่อยๆกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นอย่างมีเลศนัย“ในน้ำ….ดีกว่า….”ขุนศึกเอ่ยบอกฉันขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแววตาของเขาเป็นประกายแวววาว“ไม่!”ฉันร้องเสียงหลงอย่างตกใจ กลางแจ้งแบบนั้นไม่อายผีสางเทวดาบ้างหรือไง“เธอมีสิทธิ์ปฏิเสธฉันเหรอ…เอริ?”ขุนศึกกดเสียงต่ำพลางท
พรึบ“ขุน….”ฉันเรียกเขาเสียงหวานพลางจ้องมองการกระทำของเขาด้วยสายตาหวานเยิ้มเมื่อขุนศึกได้ก้มหน้าลงไปหากลีบกุหลาบของฉันพลางใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างของเขาแหวกกลีบกุหลาบชั้นนอกออกเพื่อจะดูกลีบกุหลาบชั้นข้างใน“เสียว…”ฉันร้องออกมาพลางกัดริมฝีปากแน่นบิดร่างไปมาเมื่อโดนสัมผัสจากปลายนิ้วเรียวของขุนศึกที่สัมผัสโดนเข้ากับติ่งเสียวของฉัน เขาใช้ปลายนิ้วขยี้ติ่งเสียวของฉันจนฉันดิ้นพล่านด้วยความเสียวซ่าน“อ๊ะๆๆๆ”ฉันครางเสียงกระเส่าพลางยกกลีบกุกลาบขึ้นลงอย่างน่าอายน้ำหวานมากมายไหลซึมออกมาจนฉันรับรู้ได้ถึงสัมผัสเปียกชุ่มที่ท่อนขาของฉันไหลซึมไปถึงกลีบกุหลาบด้านหลังของฉันนั่นคือประตูหลังหรือทวารหนัก“อื้ออออออขุน!!!”ฉันร้องแทบจะสำลักความใคร่และความเสียวเมื่อขุนศึกก้มหน้าลงมาหากลีบกุหลาบของฉันพลางใช้ปลายจมูกขยี้ไปกับร่องกลีบกุหลาบงามของฉันจนฉันได้ยินเสียงแจ๊ะๆของน้ำรักดังกระทบกับเนื้อปลายจมูกของขุนศึก ฉันดีดดิ้นร่างกายไปมาอย่างเสียวซ่านพรึบ“แผล๊บๆๆๆๆๆ”ขุนศึกตวัดปลายลิ้นขึ้นลงไปกับร่องสวาทของฉันพลางดูดดื่มน้ำหวานของฉันอย่างเอร็ดอร่อยพรึบร่างของฉันชักกระตุกเกร็งไปหลายทีเพราะฉันไปถึงความสุขหลายน้ำแล้ว ข
“ขุนไม่ไหวแล้วริ!!”ขุนศึกร้องเสียงกระเส่าพร้อมกับเร่งสะโพกสอบให้เร็วขึ้น ฉันเสร็จก่อนเขาไปไม่รู้กี่น้ำแล้ว แต่ตอนนี้ฉันก็กำลังจะเสร็จแล้วเหมือนกัน“อ๊ะๆๆๆริเสียว….เสียวมากๆเลยค่ะขุน…”“ไม่ไหวแล้ว….อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆ”ฉันครางกระเส่าด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพลางแอ่นหน้าอกขึ้นและส่ายร่างกายไปมาพร้อมกับแอ่นความเป็นสาวสู้ท่อนเอ็นร้อนของขุนศึกที่กระแทกเน้นๆและเเรงๆอย่างเสียวซ่านพั่บๆๆๆๆๆๆๆๆ“อ๊าาาาาาาห์…..แตกแล้ว…”ขุนศึกคำรามดังลั่นก่อนจะหยุดกระแทกลำกายใหญ่ของเขาและเเช่ไว้ในร่องสวาทของฉันพร้อมๆกับร่างหนาที่ชักกระตุกเกร็งพร้อมกับความอุ่นวาบเข้ามาภายในร่างกายของฉัน“อื้ออออ”ฉันเองก็ร้องครางออกมาพร้อมกับร่างกายที่ชักกระตุกเกร็งพร้อมกับภายในของฉันตอดลำกายใหญ่ของขุนศึกถี่รัวขึ้นเพราะฉันได้ไปถึงจุดหมายแล้วพรึบ พรึบขุนศึกขยับท่อนเอ็นร้อนของเขาเข้าออกร่องสวาทของฉันอยู่สองสามทีเพื่อรีดน้ำรักของเขาใส่ร่องสวาทของฉันให้หมดทุกหยาดหยดพรึบขุนศึกเอนตัวลงมาหาร่างของฉันพร้อมกับกดปลายจมูกโด่งสูดดมกลิ่นแก้มของฉันอย่างอ่อนโยนและค่อยๆเลื่อนริมฝีปากหนาของเขามาหาริมฝีปากของฉันพร้อมกับจูบฉันอย่างอ่อนโยนและอ้อยอิ่ง ฉันก็จูบตอ
เช้าวันต่อมา06:00น.บ้านเอริห้องนอนเอริเอริ ฐิติมน….ติ๊ดดดด(เสียงสายเรียกเข้าโทรศัพท์)“อื้อออ…”ฉันร้องออกมาอย่างงัวเงียและตกใจกับเสียงของสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของฉันทำให้ฉันที่หลับสบายๆต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมา“ขุน….”ฉันเอ่ยเรียกขุนศึกเพื่อให้เขาปล่อยร่างของฉันเพื่อจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนมาดูว่าใครโทรมาในเวลาเช้าแบบนี้“หืมมม….”เสียงครวญครางของขุนศึกดังอย่างงัวเงียขึ้นมา ฉันที่นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาที่โดนเขากอดไว้แน่นแทบจะขยับเขยื้อนร่างกายไปไหนไม่ได้ต้องเรียกเขาใหม่อีกครั้ง“ขุน….ริจะรับโทรศัพท์…”“อื้อออ….ไม่เอาอ่ะ…”เสียงงัวเงียและงอแงของขุนศึกเอ่ยตอบกลับมาพร้อมกับกอดรัดร่างของฉันให้แน่นขึ้นไปอีกพร้อมกับกดปลายจมูกโด่งลงมาสูดดมกลุ่มผมของฉัน ใบหน้าของฉันก็แนบไปกับหน้าอกแกร่งของเขา ร่างกายของเราทั้งคู่เปลือยเปล่าและนอนกอดก่ายกันอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ผืนเดียวกัน ร่างกายของฉันและของขุนศึกอ่อนล้าและอ่อนแรงมาก เพราะเมื่อคืนเราสองคนบรรเลงบทเพลงรักกันซะหลายยกเลย เพิ่งจะได้นอนไม่ถึงสามชั่วโมงเอง“เผื่อคนที่โทรมามีธุระ…”ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไปด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“ไอ้
“อาบด้วยคนนะ…^_^”ขุนศึกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเเพรวพราวพร้อมกับแววตาเเวววาว ฉันก็รีบหันไปหยิบผ้าขนหนูผืนสีขาวขึ้นมาพันรอบร่างที่เปลือยเปล่าของตัวเอง“ไม่ได้…”ฉันบอกขุนศึกไป เขาก็เบะปากเล็กน้อย ฉันก็รีบเดินดุ่มๆไปเข้าห้องน้ำเพื่อจะอาบนำ้และแต่งตัวไปทำงาน ตอนเย็นที่บ้านของนามิมีงานเหรอขุนศึกจะรู้รึเปล่านะ…?30นาทีต่อมาพรึบ“เดี๋ยวขุนเป่าผมให้นะ^_^”ขุนศึกว่าพร้อมกับยื่นมือมาแย่งไดร์เป่าผมไปจากมือฉันที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งโทนสีชมพูโดยมาขุนศึกยืนอยู่ด้านหลังของฉันโดยเขาใส่เพียงเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวของฉันเพราะเสื้อผ้าชุดเมื่อคืนของเขาเปียกหมดและฉันก็นำไปซักอบแห้งให้เขาแล้วด้วย ฉันก็มองการกระทำของเขาผ่านกระจกด้านหน้าของฉันหน้าตาของเขาที่โดนคุณจอมพลต่อยมามีเลือดออกก็จริงแต่ดูเหมือนคุณจอมพลจะไม่ปล่อยสุดแรงเพราะฉันทำแผลให้เขาตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ก็มองดูดีขึ้นแล้วพรึบวู้ๆๆๆๆๆ(เสียงไดร์เป่าผม)ขุนศึกเป่าผมที่เปียกน้ำของฉันอย่างเบามือและนุ่มนวล ฉันก็มองเขาที่ทำสีหน้าตั้งอกตั้งใจผ่านกระจกของโต๊ะเครื่องแป้ง จนในที่สุดเขาก็เป่าผมฉันจนแห้งสนิท“เสร็จแล้วครับ^_^”ขุนศึกว่าพร้อมกับปิดเครื่องไดร์เ
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข