"จนกระทั่งตำรวจเข้ามาหาพ่อฉันที่บริษัทและแจ้งข้อหาให้พ่อฉันได้รับรู้.....พ่อถูกจับโดยไม่ได้แตะเงินผิดกฎหมายนั่นเลยสักบาท....""แถมยังต้องมาล้มละลายและหมดตัวอย่างไม่ทันตั้งตัว""และหุ้นส่วนคนนั้นล่ะ?"ฉันเอ่ยถามฟิวไปอย่างสงสัยและลุ้นกับเรื่องของเขาพร้อมกับสงสารและเห็นใจฟิวไปด้วย แล้วขุนศึกรู้เรื่องนี้หรือยัง?"หุ้นส่วนคนนั้นมีแค่รูปร่างหน้าตาแต่ไม่มีตัวตน....ชื่อที่เขาใช้ก็เป็นชื่อปลอมเอกสารปลอมและเขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับ.....จนตอนนี้ก็ไม่มีใครหาเขาเจอ""เขาตั้งใจเข้ามาหลอกพ่อนายเหรอ?"ฉันถามฟิวไปอย่างสงสัย ฟิวก็จ้องหน้าฉันนิ่ง แววตาสั่นไหวอย่างคนที่เสียใจและรู้สึกผิดมาก"ตอนแรกฉันก็ยังปะติดปะต่อเรื่องไม่ถูกเท่าไหร่.....จนกระทั่งผู้หญิงที่ชื่อแก้มหวานปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีกครั้ง""มันทำให้ฉันรู้และแน่ใจได้ในทันทีว่าเรื่องบัดซบที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของฉันทั้งหมดมันก็เพราะเธอคนนี้นี่แหละ""เธอกลับมาแก้แค้นทุกคนที่ทำลายชีวิตเธอ.....รวมไปถึงไอ้ขุนเองก็ด้วย""ฉันว่าฉันเจอหนักกว่ามันแล้วนะ.....แต่สู้มันไม่ได้เลย""หมายความว่ายังไงฟิว?"ฉันเอ่ยถามฟิวไปอย่างร้อนรนใจ พอฟิวพูดเรื่องขุนศึกทำให้ฉันกลั
สองวันต่อมาบนเครื่องบิน ของเบทส์เวิร์คแอร์ไลน์.....เอริ ฐิติมน......พรึบ"พี่เอริคะ?""จ๊ะ?"ฉันหันไปขานรับน้องแอร์โฮสเตสที่เธอได้ไฟลท์บินเดียวกับฉันอย่างสงสัย เธอก็มองสายตาต่ำลงมาที่แก้วกาแฟในมือฉันด้วยสีหน้าสงสัย"เมื่อกี้ผู้โดยสารสั่งน้ำส้มไม่ใช่หรือคะ?"ทิพย์เอ่ยขึ้น ทำให้ฉันที่เผลอใจลอยจึงนึกขึ้นได้ว่าผู้โดยสารท่านนี้สั่งน้ำส้มคั้นจริงๆไม่ใช่กาแฟร้อน"ต้องขอโทษด้วยนะคะ"ฉันหันมาเอ่ยขอโทษผู้โดยสารที่เธอเป็นผู้หญิงอายุสามสิบต้นๆแต่งตัวดูดีมีฐานะ เธอก็ใจดีนะยิ้มแย้มให้ฉันก่อนจะตอบฉันมาว่าไม่เป็นไร"ไม่เป็นไรค่ะ....งั้นฉันเอากาแฟแทนก็ได้ค่ะ""แต่"ฉันกำลังจะแย้งผู้โดยสารแต่เธอก็ยิ้มหวานให้ฉันก่อนจะยื่นมือมาแย่งแก้วกาแฟไปจากฉัน ฉันจึงต้องยอมให้เธอ"ขอโทษอีกครั้งนะคะ""ไม่เป็นไรเลยค่ะ.....อย่าคิดมากเลยค่ะ"เธอบอกฉันเสียงใส ฉันก็โค้งตัวให้เธออย่างเคารพก่อนจะหันมาหาทิพย์แอร์โฮสเตสที่เธออายุน้อยกว่าฉันก็จริงแต่เธอทำงานมาก่อนฉันน่ะ"พี่ขอบคุณที่เตือนสติพี่"ฉันเอ่ยขอบคุณเธอจากใจจริง เธอก็ยิ้มบางๆให้ฉันก่อนจะพยักหน้าให้ฉันอย่างรับคำขอบคุณ และเราสองคนก็หันไปแยกย้ายบริการเครื่องดื่มให้ผู้โดยสารก
"มาทำอะไรที่นี่เหรอแม่หนู?"เสียงทุ้มแหบแห้งของคุณลุงคนขับแท็กซี่เอ่ยขึ้นอย่างสงสัย ฉันจึงละสายตาที่กำลังทำคอชะเง้อชะแง้มองเข้าไปในบ้านหันกลับมามองคุณลุงแทน"พอดีป้าของหนูทำงานอยู่ในบ้านหลังนี้นะคะ""อ้อ.....คงจะออกไปหมดแล้วล่ะข่าวใหญ่โตว่าคุณนายเศรษฐีบ้านนี้โดนยึดทรัพย์ยึดบ้านคงไม่มีใครทำงานกับคนที่ไม่มีเงินจ้างหรอก"คุณลุงว่าพร้อมกับทำมือชี้นิ้วเข้าไปในบ้าน ฉันนี่หน้าถอดสีลงเลย เมื่อได้ยินคุณลุงพูดแบบนี้ แสดงว่ามันคือเรื่องจริงสินะ ฉันผิดเองที่ไม่กล้าพอที่จะเปิดข่าวฟัง เพราะฉันรับไม่ได้ "แล้วเจ้าของบ้านล่ะค่ะเขาไปอยู่ไหนกัน?"ฉันเอ่ยถามคุณลุงไปอย่างสงสัย และรอลุ้นกับคำตอบที่จะได้รับ"ในคุกน่ะสิ....โกงชาวบ้านชาวเมืองไปขนาดนั้นคนแบบนี้ไม่ต้องออกมาจะดีมากที่จริงไม่สมควรติดคุกด้วยซ้ำ!""น่าจะโดนสั่งให้ตายไปเลย!!"คุณลุงพูดเสียงเข้มอย่างโกรธจัดและคับแค้นใจอย่างคนที่จงเกลียดจงชังคนบ้านนี้ ฉันจึงเงียบปากลงและไม่กล้าถามอะไรลุงต่อ จึงบอกให้เขาพาฉันไปจากที่นี่ ตอนที่รถแท็กซี่ขับผ่านหน้าบ้านก็มีเอกสารสีขาวติดไว้ที่ประตูรั้วมากมายหลายแผ่นซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือเอกสารอะไร อาจจะเป็นเอกสา
ย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อน วันงานหมั้นของขุนศึกและนามิสถานที่จัดงานหมั้น โรงแรมPQหรูระดับห้าดาว08:40น."ทำไมป่านนี้แล้วตาขุนศึกยังไม่มาอีก?"คุณหญิงนฤมิตรที่อยู่ในชุดราตรีสีขาวลูกไม้สวยสง่าเดินกระวนกระวายพลางถือโทรศัพท์ในมือเพื่อกดโทรหาลูกชายของเธอไปด้วยอย่างร้อนรนใจเพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าวิธีการหมั้นก็จะเริ่มขึ้นแล้ว แต่กลับไร้เงาของเจ้าบ่าวอย่างขุนศึก ที่เธอเองก็ติดต่อเขาไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเวลานี้ เพราะขุนณรงค์ปิดเครื่องยิ่งทำให้คุณหญิงนฤมิตรร้อนรนใจจนอยู่ไม่เป็นสุขและนั่งไม่ติดต้องเดินไปมาอย่างกระวนกระวายใจอยู่ภายในห้องรับรองที่ทางโรงแรมจัดหาไว้ให้งานหมั้นของขุนณรงค์และนามิกาถูกจัดขึ้นกลางโรมแรมหรูหราระดับห้าดาวและจัดงานหรูหราสมฐานะของคนทั้งสองตระกูลแขกในงานก็มีแต่คนใหญ่คนโตนักธุรกิจเซเลบและพวกคุณหญิงคุณนายที่เป็นพรรคพวกของคุณหญิงนฤมิตร อาหารขึ้นโต๊ะของงานก็เป็นอาหารฝรั่งเศสและอิตาเลียนพร้อมกับมีพนักงานคอยดูแลบริการทุกโต๊ะเป็นอย่างดี"พี่ขุนยังไม่มาอีกเหรอคะคุณหญิงป้า?"เสียงหวานใสที่ทำหน้าตาใสซื่ออย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวของนามิกาเดินยกชายกระโปรงชุดราตรียาวของตัวเองเดิน
เพราะเขาได้ประกาศกับเธออย่างชัดเจนแล้วว่า เขาไม่ต้องการหมั้นกับเธอ แต่สิ่งที่เธอกลัวมากที่สุด ก็คือขุนณรงค์จะมาแฉเธอและแม่ของเธอว่าเป็นคนรวยจอมปลอมน่ะสิที่คุณหญิงนฤมิตรยังคงจัดงานหมั้นต่อเพราะขุนณรงค์ยังไม่ได้มาบอกคุณหญิงแน่ๆเธอจึงใจชื้นขึ้นมา ไม่งั้นเธอกับแม่ของเธอตัองอับอายมากแน่ที่ครอบครัวของเธอกลายเป็นบุคคลล้มละลาย"อ้อเปล่าจ๊ะ....ตาขุนนี่น่ะก็แต่งตัวช้าซะเหลือเกินป้าว่าป้าไปตามหน่อยดีกว่า"คุณหญิงนฤมิตรหาข้ออ้างเพื่อจะไปโทรศัพท์หาขุนณรงค์อีกครั้งและทำให้นามิไม่ต้องสงสัยว่าขุนณรงค์ยังไม่มาที่งาน"อ้อได้ค่ะ....นามิว่าก็จะไปให้พี่ช่างแต่งหน้าเติมหน้าซะหน่อย""จ้างั้นเดี๋ยวถ้าตาขุนเสร็จแล้วป้าจะให้คนไปตามหนูนะจ๊ะ""ค่ะ"นามิกาพูดจบเธอก็ยิ้มหวานอย่างไร้เดียงสาให้คุณหญิงนฤมิตรก่อนจะหันหลังและเดินออกไปจากห้องนี้ เมื่อนามิกาไปแล้ว คุณหญิงนฤมิตรก็เดินออกมาจากห้องรับรองพร้อมกับกดโทรศัพท์เครื่องหรูของเธอโทรหาขุนณรงค์ไปด้วยแต่ก็เหมือนเดิม ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ เธอก้มหน้าก้มตาเดินไปตามทางเดินของชั้นนี้พร้อมกับยกโทรศัพท์แนบหูไปและบ่นไปตลอดทางจนกระทั่งเธอต้องหยุดชะงักฝีเท้าลงเมื่อเธอ
กลับปัจจุบัน บ้านเอริ15:30น.เอริ ฐิติมน.......ออดดดดดดดดด"ใครมากดกริ่งหน้าบ้านนะ?"ฉันเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย พร้อมกับหยุดการทำแซนวิชทูน่าของฉันลงและเดินเช็ดมือออกมาจากห้องครัวเพื่อจะเดินไปดูว่าใครกันที่มากดกริ่งหน้าบ้านฉัน"ป้าบัว?"ฉันพึมพำขึ้นเมื่อจอมอนิเตอร์ที่หน้าบ้านฉันกำลังฉายภาพหญิงสูงอายุที่คุ้นตาฉันเป็นผู้คนกริ่ง ฉันจึงกดปุ่มเปิดประตูให้คนที่อยู่นอกรั้วได้เข้ามาภายในตัวบ้านของฉันประตูรั้วหน้าบ้านสองบานของฉันค่อยๆเปิดออกพร้อมกับร่างท้วมที่แสนคุ้นตาฉันและอีกร่างหนึ่งที่เป็นบางร่างเธอที่การแต่งกายของเธอเหมือนกับสวมใส่ชุดของป้าบัวและยิ่งฉันเห็นหน้าเธอคนนั้นฉันชัดขึ้นฉันถึงกับอึ้งและตกใจ เพราะผู้หญิงที่เคยสวยสง่าบัดนี้ได้ดูทรุมโทรมจนน่าสงสาร ฉันยืนรอที่บันไดหน้าบ้านไม่นานป้าบัวและคุณหญิงนฤมิตรก็เดินมาถึงตรงหน้าฉัน"สวัสดีค่ะป้าบัว.....สวัสดีค่ะคุณหญิง"ฉันยกมือไหว้สวัสดีป้าบัวและหันไปยกมือไหว้สวัสดีคุณหญิงนฤมิตร แต่เธอไม่ได้ยกมือรับไหว้ฉัน เธอกลับมามองไปทางอื่นซึ่งฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเลยหันกลับมาหาป้าบัวแทน"เข้าบ้านก่อนจ๊ะป้า""จ๊ะๆ.....เชิญค่ะคุณหญิง"ป้าบัวเอ่ยรับคำฉันและหันไปเอ่ยเ
"แล้วที่นี่ใครจะช่วยขุนศึกคะหรือเขาต้องติดคุกจริงๆ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัยป้าบัวก็จ้องหน้าฉันก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาอย่างวิตก"ตำรวจต้องสอบปากคำคุณขุนศึกอีกหลายวัน....ถึงเขาจะยอมรับผิดแทนแม่ของเขาไปแล้วแต่ถ้าไม่มีหลักฐานว่าคุณขุนศึกมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆเขาคงจะได้ประกันตัวมาสู้คดี"ป้าบัวเอ่ยออกมาก่อนจะยื่นมือมาจับมือฉันไปกุมไว้"เอริ.....ช่วยคุณขุนศึกด้วยนะ.....พรุ่งนี้ถ้าเขาให้ประกันตัวเอริไปเดินเรื่องให้ป้าทีนะ""ป้าพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าน...."ป้าบัวว่าพร้อมกับยื่นมือไปหยิบสมุดบัญชีธนาคารที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของท่านส่งมาให้ฉันฉันก็ทำสีหน้าลำบากใจก่อนจะยื่นมือไปรับสมุดบัญชีมาจากป้าบัวและเปิดดูยอดเงินในบัญชีก่อนจะพบว่า มีเงินในบัญชีอยู่ทั้งหมดสามแสนบาทฉันจึงเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าป้าบัวด้วยแววตาวิตก ป้าบัวก็จ้องมองหน้าฉันด้วยแววตาสั่นไหว"ทำไมเอริ?"ป้าบัวเอ่ยถามฉันด้วยสีหน้าร้อนรนใจ"เงินแค่นี้ประกันตัวขุนไม่ได้หรอกค่ะป้า.....คดีใหญ่แบบนี้เงินประกันต้องไม่ต่ำกว่าสิบล้าน"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปตามความจริง ท่านเมื่อได้ยินคำพูดของฉันก็ถึงกับหน้าถอดสีถอยหลังจนเกือบจะล้ม แต่ฉันพุ
วันเดียวกัน17:30น.โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังห้องคุณหมอเอริ ฐิติมน......"ผลตรวจของคนไข้ออกแล้วนะครับ....."คุณหมอว่าเสียงอ่อนโยนก่อนจะยื่นกระดาษสี่เหลี่ยมมาให้ฉัน ฉันก็มองหน้าคุณหมอที่สีหน้าของเขาดูไม่สู้ดีนักก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระดาษสี่เหลี่ยมตรงหน้าของฉันมาอ่านดู"คนไข้เส้นเลือดในสมองแตกเพราะเกิดจากความเครียด"เสียงของคุณหมอทำให้ฉันต้องเงยหน้าจากแผ่นกระดาษไปมองหน้าเขาก่อนจะเงยมองเหนือไปที่ศีรษะของหมอที่กำลังฉายสมองของคุณหญิงนฤมิตรให้ฉันดูอยู่ในจอสี่เหลี่ยมก่อนจะชี้จุดอธิบายให้ฉันฟัง"คาดว่าคนไข้น่าจะเครียดสะสมจนสมองรับไม่ไหวจนทำให้เส้นเลือดในสมองแตกผสมกับพักผ่อนไม่เพียงพอครับ""แล้วเราจะทำยังไงคะคุณหมอพอจะมีวิธีรักษาไหมคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณหมอไปอย่างร้อนรนใจสีหน้าวิตกกังวล คุณหมอจึงคลี่ยิ้มบางๆให้ฉัน"มีครับแต่ผลข้างเคียงการจากผ่าตัดที่จะตามมาอาจทำให้คนไข้เป็นอัมพาตครึ่งตัวแต่ไม่ต้อวกังวลไปนะครับเพราะตรงนี้เราทำการบำบัดได้ครับ.....เพราะตำแหน่งของเส้นเลือดที่แตกมันไปทับจุดสำคัญอย่างการสั่งการของสมองครับ""แค่ถ้าเลือกไม่ผ่าตัด.....คนไข้อาจจะเสียชีวิตได้ครับ"คุณหมออธิบายต่อ ฉันก็พยักหน้าเข้
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข