นี่มันวินาศสันตะโรอะไรที่โอเมก้าสวย เริด เชิด หยิ่งแห่งยุคอย่าง อันดารัน หนึ่งตระการ ได้วาร์ปมาอยู่ในอีกโลก ทั้ง ๆ ที่การขยับตัวจะทำอะไรของเขากำลังเป็นที่จับตามองของสังคม หน้าจอออนไลน์มักจะปรากฏชื่อโอเมก้าเนื้อหอมที่มักจะถูกจับจองพาดหัวฮอตเสิร์ชอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรง หรือต้นเหตุของการวิวาท โอเมก้าที่อัลฟ่าทั้งหลายต่างหมายปอง ในโลกวิวัฒนาการและเทคโนโลยีล้ำหน้า อีกทั้งยังมีการจับคู่ของรัฐบาลซึ่งแก้ปัญหาประชากรที่เกิดโรคระบาดเมื่อหลายสิบปีก่อน อันดารันเป็นโอเมก้าคนสวยที่นอกจากความสวยแล้วก็อาจจะมองหาอย่างอื่นไม่ได้…หากไม่มีการจับคู่ของรัฐบาลเพื่อคัดกรองยีนที่สมบูรณ์แบบ อันดารันคิดว่าชีวิตของเขาคงมีความสุขและใช้ชีวิตได้สุดเหวี่ยงมากกว่านี้แต่ชีวิตป๊อปๆในสังคมไฮโซต้องพังเพียงเพราะเขาถูกบังคับให้แต่งงานกับอัลฟ่าที่อายุห่างกันเกือบสิบปีอย่างซานนาห์ชองส์เรื่องอะไรที่จะต้องมีผัวแก่อย่างนั้นแถมยังทำหน้าเหม็นเบื่อโลกสายตาที่ใช้มองเขานั้นช่างทิ่มแทงและดูหมิ่นอยู่ในทีแม้ไม่บริภาษอะไรออกมาสักคำมีผัวแบบนั้นน่าเบื่อตายดีไม่ดีต้องได้ปรนนิบัติรับใช้เป็นเมียในเรือนทาสหรือเปล่าก
หากคุณขอพรจากซานต้าได้หนึ่งข้อ…คุณจะขออะไร“ก็คงจะขอให้ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับคนที่รักและได้รับความรักและการยอมรับจากผู้คนรอบข้างล่ะมั้ง”อันดารันไม่คาดคิดว่าพรที่ขอที่เอ่ยออกจากปากไปอย่างส่งๆจะสัมฤทธิ์ผลเป็นจริงในตอนที่เขาลืมตามาอยู่ในร่างของสรพงษ์คนธรรมดาแถมยังอยู่ในโลกปัจจุบันที่ไม่มีอัลฟ่าโอเมก้าอีกทั้งเขายังได้เจอกับเจียอีผู้ชายธรรมดาที่เติมเต็มความต้องการของเขาได้หมดแถมยังอันลิมิตไม่มีที่สุดอีกด้วยเพราะไม่ได้รับความรักตั้งแต่แบเบาะอันดารันจึงขาดความรักและความอบอุ่นในชีวิตไปโอเมก้าหนึ่งเดียวในครอบครัวใหญ่จึงต้องสร้างเกราะป้องกันและเรียกร้องความสนใจโดยวิธีการสุดกู่เด็กน้อยที่เอาแต่ร้องไห้จ้าอ่อนแอปวกเปียกในตอนนั้นกลายเป็นหนามแหลมพร้อมที่จะทิ่มแทงทุกคนในวันนี้จุดแตกหักที่สุดในครอบครัวก็ตอนที่รู้ว่าพ่อของเขาวางแผนจับลูกในไส้ใส่พานให้อัลฟ่าเศรษฐีที่อายุห่างกันถึง 7 ปีโดยใช้การจับคู่ของรัฐบาลเป็นข้ออ้างเรื่องราวในคืนนั้นกลับเปลี่ยนแปลงชีวิตของโอเมก้าหนุ่มไปตลอดกาลจากโอเมก้าอันดับหนึ่งสุดฮอตของเมืองใหญ่อย่างเดอะแกรนด์ซิตี้ลืมตาตื่นขึ้นมากลายเป็นคุณสรพงษ์ที่จัดจ้านในย่านนนทบุรีโลกใบ
คนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ชนคนเจ็บปางตาย ขวัญแตกกระเจิงตั้งแต่เมื่อคืน เมื่อโดนอีกฝ่ายฉอดก็ฟังไม่เข้าหัวสักอย่าง โชคดีที่มีโรงพยาบาลรัฐอยู่ใกล้ ๆ ถ้าเป็นเอกชนไม่อยากจะคิดว่าค่ารักษาพยาบาลจะเท่าไหร่เจียอีเกาหัวอย่างลวกๆปัดความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างแรงค่อยๆพูดค่อยๆจากับคนเจ็บที่นอนอยู่บนเตียงแต่ในใจเขาคิดว่าส่วนที่ควรจะบาดเจ็บที่สุดควรจะเป็นฝีปากที่คมกริบเหมือนกรรไกรของเจ้าตัวมากกว่าพูดแต่ละอย่างเรียกตีนได้ง่ายมาก“นี่ติดต่อเลขาฉันหรือยัง ‘อินคา’ แล้วย้ายฉันไปห้องพิเศษ…แกไม่รู้จักฉันหรือไง?”“…”“อ้อ…อีกอย่างแกต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่ทำฉันเจ็บตัวอยู่แบบนี้อีกอย่างแกต้องรับผิดชอบค่ารักษาใบหน้าแขนขาของฉันที่ต้องเกิดรอยขีดข่วนแกคงไม่รู้สินะว่าวงเงินประกันฉันสูงมากกกก”“…” “แกเป็นใบ้หรือไงหรือลืมเอาปากมาฮะ!!”เห็นหน้าตาทึ่มทื่อของไอ้หมอนี่แล้วหัวเสียชะมัดถามอะไรก็ไม่ตอบบ้าบออันดารันสบถกับตัวเองอย่างหัวเสียแถมไอ้คนตรงหน้าดูเหมือนจะเมินเขาเสียด้วยเหมือนตะโกนคุยกับกำแพง“นี่!!!”“คุณเป็นใครคุณยังไม่รู้ผมจะไปรู้ได้ยังไงอีกเรื่องผมย้ายคุณไปห้องพิเศษไม่ได้หรอกมันแพงอีก
เจียอีหัวเสียเดินไปพบหมอเจ้าของไข้อย่างไม่สบอารมณ์เจอคนไข้ที่ฟื้นขึ้นมาแทนที่จะขอโทษขอโพยหรือขอความเห็นใจไม่ให้เขาเอาเรื่องเอาราวแต่ที่ไหนได้ไม่ใช่แขนอย่างเดียวที่เดี้ยงต้องใส่เฝือกปากน่าจะได้เย็บด้วยผู้ชายอะไรหน้าตาพอใช้ได้แต่กิริยามารยาทขี้ติเตียนซะยิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีกหนักสุดคงจะเป็นสมอง…เบต้าโอเมก้าอะไรบ้าบอแล้วไม่รู้ว่าคนเจ็บมีพ่อแม่พี่น้องที่ไหนบ้างแต่เขากลัวว่าจะเป็นพวกลักลอบทำงานผิดกฎหมายซะมากกว่าแบบโดนฆ่าตัดตอนอะไรเทือกนั้นไม่ก็เสพยาจนหลอน“สวัสดีครับผมเป็นญาติของคุณเอ่อ…สรพงษ์มาพบคุณหมอทัชชกรครับ”“ค่ะ…รอสักครู่นะคะ” พยาบาลประจำวอร์ดต่อสายโทรศัพท์ถึงปลายสายสักครู่ก็เอ่ย“เชิญค่ะคุณหมอรออยู่ออกไปทางซ้ายแล้วเลี้ยวขวานะคะหน้าห้องจะมีชื่อนายแพทย์ทัชชกรเขียนติดอยู่ค่ะเข้าไปได้เลยค่ะ” “ขอบคุณมากครับ” เจียอีเดินไปตามทางที่พยาบาลสาวแนะนำก่อนจะเคาะประตูหน้าห้องเข้าพบคุณหมอเพื่อสอบถามอาการของคนเจ็บทันทีที่เปิดประตูเข้าไป“ไงไอ้คุณเจียไม่เจอกันนานมาเจอกันที่นี่ได้”“เออไอ้หมอขนาดใส่แมสยังจำได้อยู่นะ”“คบกันมาตั้งนานแค่เห็นข้างหลังก็ดูออก”“เออช่างเถอะ…กูมาถามอาการของสรพงษ์จะกลับบ้าน
เจียอีกลับมาที่ห้องพักของตัวเอง เป็นคอนโดเก่ามีเพียงหนึ่งห้องนอนมันก็เพียงพอแล้วสำหรับหนุ่มโสด ดีที่เมื่อวานเป็นวันศุกร์เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้ออกไปทำงานที่บริษัท เนื่องจากวิกฤตโรคติดต่อร้ายแรงที่กำลังแพร่ระบาด ทางฝ่ายกรมควบคุมโรคก็กำลังประสานงานไปยังสนามบินเพื่อคัดกรองผู้คนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ แต่ตอนนี้ประเทศไทยยังพอควบคุมได้ ดีกว่าหลาย ๆ ทวีปที่ติดกันอย่างหนัก ไหนจะอุปกรณ์ขาดแคลน เพียงว่าอยู่ตัวคนเดียวอีกทั้งไม่มีเวลาออกไปซื้อของเข้าห้องมากนัก เขาจึงมักสั่งของแห้งตุนเอาไว้ ถือสโลแกนเหลือก็ยังดีกว่าขาด มองดูแพ็คขวดน้ำหลายสิบแพ็ค ข้าวสารสองสามถุง ไข่ไก่ น้ำมันพืช เพราะจากที่ติดตามข่าวคาดว่าโรคระบาดจะเดินทางมาถึงประเทศไทยในไม่ช้าแน่ ๆ จึงอาบน้ำชำระร่างกาย นอนพักสักตื่นตกเย็นจึงออกจากห้องไปหาอะไรกิน จึงเข้าห้างใกล้บ้านไปขนเสบียงมาตุนไว้ และตุนไว้เผื่อสำหรับสองคนด้วยจะว่าไม่ให้คิดถึงสรพงษ์ก็คงจะเป็นไปไม่ได้หากไม่ใช่เขาที่เป็นคนชนอีกฝ่ายก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้ไม่ว่าจะเจตนาหรือไม่เจียอีก็คิดไว้แล้วว่าเขาจะต้องดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่เพื่อนมนุษย์หนึ่งคนจะทำได้ยิ่งพอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ป
ตั้งแต่ก้าวเข้าห้องมาอันดารันก็ติเตียนทุกอย่างติจนเจียอีถอนหายใจไม่รู้กี่รอบหากสถานการณ์ปกติไม่มีโรคระบาดเขาก็คงจะทิ้งให้คนเจ็บไว้นอกห้องยอมเป็นคนใจดำให้สังคมประณามดีกว่าทนร่วมห้องกับคนอย่างสรพงษ์“นี่คุณสรพงษ์ห้องของผมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นไหม 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำมีโซนห้องครัวมีระเบียงตากผ้าแถมยังกันแดดกันฝนได้คุณจะเอาอะไรอีกอย่าลืมกินยาผมว่าคุณกินสองเม็ดไปเลยดีกว่าอาการจะได้ทุเลา”“แกว่าฉันบ้า?”“ผมได้พูดสักคำไหม” เจียอีเกาแก้มทำทีเป็นไขสือ “ฉันอยากอาบน้ำเตรียมอ่างให้ฉันด้วย”เจียอีถอนหายใจรอบที่ร้อยแปดของวันอ่างอาบน้ำ? ในพื้นที่ห้องแค่ไม่กี่สิบตารางวาเนี่ยนะ“มีแต่กะละมังถ้าคุณจะแช่ผมก็ไม่ติด”“กะละมังคืออะไร” เจียอีตบหน้าผากตัวเองอย่างแรงนี่มันเวรกรรมอะไรของเขาเขาแค่อยากใช้ชีวิตสโลไลฟ์ด้วยตัวเองแต่เหมือนพระเจ้าจะไม่เห็นใจแถมยังส่งตัวป่วนระดับพระกาฬมาทำลายระบบโสตประสาทของเขาอีกด้วย“เฮ้อผมว่าคุณควรกินยาติดต่อกันขาดไม่ได้สักเม็ดเผื่ออาการคุณจะดีขึ้น”“ฉันไม่ได้บ้าไม่รู้จักไม่ได้แปลว่าโง่”“โอเคโอเคตามมาทางนี้” อันดารันตามผู้ชายแปลกหน้าที่เหมือนจะคุ้นเคยขึ้นมาเล็กน้อยแต่ไม่ไว้วางใจเสียท
“แล้วคิดว่าฉันอยากจะอยู่เป็นภาระแกงั้นเหรอ” อันดารันกวาดสายตามองไปรอบๆห้องอย่างนึกรังเกียจห้องคนใช้ที่บ้านหนึ่งตระการยังดูดีกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าพอคิดถึงบ้านก็อดคิดถึงแม่นมภัสสรไม่ได้ไม่รู้ที่บ้านจะวุ่นวายกันหรือเปล่าที่เขาหายตัวไปกะทันหันแบบนี้ว่าแล้วก็แบมือขอโทรศัพท์มือถือคนตรงหน้าที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่หน้าตู้อย่างขะมักเขม้น“เอาโทรศัพท์แกมา”“เออรีบๆโทรให้เขามารับเลยให้ไว” เจียอีตอบความรำคาญพร้อมโยนโทรศัพท์มือถือไปให้คนที่นั่งบนเตียง“อ๊ะไม่มีใครกล้าโยนของใส่ฉันนะ” อันดารันรีบคว้าโทรศัพท์ที่ถูกโยนมาให้อย่างส่งๆด้วยสัญชาตญาณ“มารยาททราม”“จะโทรไม่โทรไม่โทรก็เอาคืนมา”อันดารันกัดฟันกรอดไอ้บ้านี่ก่อนนิ้วเรียวสวยจะกดเบอร์มือถือที่จดจำได้อย่างขึ้นใจ‘ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียกกรุณากดเบอร์ใหม่อีกครั้ง’“โทรศัพท์พังหรือเปล่าเนี่ยทำไมโทรไม่ติด” ไม่พูดเปล่าพลางเขวี้ยงไปโดนหลังเจียอีเต็มแรงดังปึก“สรพงษ์!!!!”“ก็มันโทรไม่ติดนี่จะให้ฉันทำไงไอ้โทรศัพท์เฮงซวยนั่นใช้งานได้จริงหรือเปล่าะฮะ?” เจียอีเหลือทนอย่างขีดสุดก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหาอันดารันที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนแมวที่รอจะตะปบทาสยังไงยังง
ไม่มีหรอกอาหารที่ว่ามีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ความจริงเขาจะหุงหาอาหารก็ได้แหละ แต่เพราะอยากกวนตีนใครบางคนเลยเลือกบะหมี่รสโปรดของเขาออกมาสองห่อ กะว่าแบ่งกันคนละซอง ภาพในหัวเจียอีคิดว่าคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งคงตีโพยตีพายเรื่องบะหมี่ตรงหน้าแน่ ๆ แต่เปล่าเลยเพราะสรพงษ์นั่งมองเหมือนไม่เคยเห็นและลิ้มรสมาก่อนซะอย่างนั้น แถมยังใช้ตะเกียบไม่เป็นอีกด้วยบะหมี่ส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่วทั้งห้องอันดารันเดินตามกลิ่นไปจนถึงโซนห้องครัวที่มีประตูเลื่อนกั้นไปทางระเบียงเส้นสีนวลกำลังลอยอยู่ในหม้อแถมสีของน้ำซุปก็ดูจะเผ็ดร้อนยังไงชอบกลโอเมก้าอย่างเขากล้าพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาอาหารประเภทเส้นแบบนี้มาก่อนเจียอีที่กำลังตอกไข่ใส่หม้อสองฟองเหลือบตามามองอีกคนที่จ้องมองบะหมี่ในหม้อเหมือนไม่เคยเห็น“ทำยังกะไม่เคยกินอย่างงั้นแหละ”“ก็ใช่นะสิ”“…”“อาหารพื้นๆแบบนี้คุณไม่เคยกินอย่างงั้นเหรอไม่อยากจะเชื่อหรือว่าคุณกินเพชรกินพลอยเป็นอาหารหรือไง”“อย่าพล่ามให้มากน้ำลายกระเด็นใส่หม้อหมดแล้วรีบๆทำฉันหิวจนปวดท้องไปหมด”“ครับครับเชิญคุณโอเมก้าอันดับหนึ่งไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลยครับ” อันดารันนวยนาดเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอย
เจียอีช่วยอีกฝ่ายถอดเสื้อเปลี่ยนกางเกงโดยไม่อิดออดแต่สายตากลับสะดุดเข้ากับรอยช้ำที่ต้นขาด้านในเขาอดหน้าแดงออกมาไม่ได้เผลอลูบโดยไม่รู้ตัวเพียะ!!“ใครให้นายจับขาฉัน”“มากกว่าจับก็ทำมาแล้วจะมาหวงอะไร” เจียอีช่วยอีกฝ่ายสวมกางเกงก่อนถอยออกไปหามุมถ่ายรูปพอทำทุกอย่างเสร็จก็ตกเย็นแล้วระหว่างนี้ก็ได้แต่ตกแต่งรูปและทำเพจไปพลางๆระหว่างรอระบบอนุมัติ“คุณอยากกินอะไร” มันเป็นคำถามง่ายๆแต่ทว่าคนฟังกลับอุ่นใจทุกครั้งที่ได้ยินเมื่อก่อนอันดารันไม่ต้องคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เขามีหน้าที่ต้องตื่นมาให้ทันตอนตั้งโต๊ะกินข้าวแค่นั้นอาหารมากมายหลากหลายมีให้เลือกสรรสามารถชี้นิ้วสั่งได้ตามใจไม่เหมือนอย่างตอนนี้ “อยากกินเหมือนวันนั้น…เกี๊ยวน้ำ”“กินแค่นั้นจะอิ่มเหรอ” อันดารันมองคนข้างๆตาขวาง“นี่…ที่ถามไม่ได้จะชวนทะเลาะก็แค่เป็นห่วงเพราะคุณเหมือนจะผอมลงไปเยอะเลย” อันดารันได้แต่ก่นด่าอีกฝ่ายอยู่ในใจไม่ผอมสิแปลกก็สองสามวันก่อนหน้านี้พวกเขาต่างห้ำหั่นกันอยู่บนเตียงอย่างเอาเป็นเอาตายกินนอนสมสู่ก็ไม่มีอะไรอีกวนเวียนอยู่อย่างนี้แทบจะทุกซอกตารางนิ้วในห้องเล็กๆนั้นพวกเขาต่างก็ทิ้งร่อยรอยเอาไว้มากมาย“คุณน่าจะกินเย
“พอหายอยากแล้วถีบหัวส่งกันเลยนะ” เจียอีเย้าแหย่เขาให้วันสองวันก่อนยังทำตัวติดเขายังกะตังเมออดอ้อนคลอเคลียเหมือนไม่อยากห่างเหินพอตอนนี้เหมือนแมวน้อยที่กางกรงเล็บพร้อมกับข่มขู่นายทาสยังไงยังงั้น“อะไร!”อันดารันทำไขสือ “ก็วินวินไม่ใช่เหรอไงจะมาทำตัวเหมือนลูกหมาที่ถูกเจ้าของทอดทิ้งแบบนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา”“ก็อยากให้คุณพอใจ”“…”“ตกลง…ผมทำเป็นไม่เป็น”“แล้วนายอยากได้คำตอบแบบไหนล่ะ” อันดารันนั่งกอดอกเชิดหน้าถามอยู่ที่โซฟา“เอาเถอะผมต้องไปทำงานแล้วอีกไม่กี่วันแล้วเสื้อผ้าพวกนี้ล่ะจะทำยังไง” เจียอีหันไปมองเสื้อผ้าในถุงกระสอบกองโตสองถุงใหญ่ที่กินพื้นที่จนแทบไม่มีทางเดิน “ก็ขายไง”“ผมรู้ว่าจะขายแต่มันวิธีไหนล่ะ” เจียอีครุ่นคิดสักพักเพราะสิ่งที่เขากังวลคือสถานการณ์โรคติดต่อที่ระบาดตอนนี้มากกว่าเหมือนว่าที่เมืองไทยเองก็พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากเช่นกันนั่งเคลียร์อีเมลในคอมอยู่สักพักก็ได้รับเมลจากบริษัทว่าต้องเปลี่ยนแพลนการทำงานยกใหญ่นั่นก็คือการ Work from home สายงานของเขาขอแค่มีคอมฯและมีอินเทอร์เนตก็สามารถทำงานได้ทุกที่แต่อย่างน้อยก็โล่งอกไปได้หนึ่งเรื่อง เจียอียอมรับกับตัวเองเลยว่าเขาไม่อยากทิ้งคน
ก่อนฟ้าสางอันดารันรู้สึกถึงแกนกลางกายที่ตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งฮีทของเขาครั้งนี้แปลกประหลาดอาการที่ว่ามักจะมาตอนเช้าก่อนจะบดเบียดก้นขาวอวบนั้นกับคนด้านหลังที่นอนกอดซ้อนท้ายหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเขาค่อยๆล้วงเข้าไปสัมผัสกับแกนกายของตัวเองก่อนจะถกกางเกงเพื่อให้จัดการตัวเองก่อนที่คนนอนข้างๆจะรู้ตัวเจียอีรู้สึกถึงคนข้างๆที่นอนขยุกขยิกก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายเลิกเสื้อยืดตัวเองมาคาบเอาไว้ปากแขนที่ขยับอยู่ใต้ร่มผ้าห่มนั้นกำลังสาวขึ้นลงเจียอีกระซิบที่ข้างใบหูพร้อมกอดกระชับอีกฝ่ายเข้ามาหาตัวก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่รู้อยู่แล้ว “ทำอะไร” อันดารันนอนตัวแข็งค้างอยู่อย่างนั้นก่อนจะหันหน้าไปเอ็ดแต่ก็ได้แต่กลืนคำพูดพวกนั้นลงคอเมื่อริมฝีปากถูกจูบโดยที่ไม่ได้ตั้งตัวก่อนจะผละริมฝีปากเอ่ยเย้าหยอก“ทำไมไม่เรียกละหืม…ทำคนเดียวเสร็จเหรอ”“จะทำก็รีบทำ”“ผมแค่ถามเฉยๆคุณทำต่อเถอะผมนอนก่อนล่ะ” ว่าแล้วก็เขยิบออกไปก่อนจะหันหลังให้อันดารันผุดนั่งด้วยความหัวเสียก่อนจะถอดเสื้อผ้าตัวเองออกไปจนหมดมีแต่คนเพ้อฝันที่จะได้ลิ้มลองโอเมก้าชื่อดังอย่างเขามีแต่ไอ้บ้าคนนี้ที่กล้าหันหลังให้ ‘ได้สักวันนายจะต้องเป็นฝ่ายอ้อนวอนขอนอนกับฉัน’ คิ
กว่าจะได้ออกจากคอนโดก็เกือบบ่ายสามโมงเข้าไปแล้วปีใหม่ของเมืองกรุงและปริมณฑลกลับเงียบเหงาไม่ครึกครื้นเหมือนอย่างต่างจังหวัด “ทำไมมันดูเงียบเหงาจังไม่เห็นครึกครื้นเหมือนวันก่อนเลย”“คนส่วนใหญ่ไม่ใช่คนกรุงเทพฯและเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อฉลองปีใหม่กับครอบครัวไงล่ะ”“อ่อ…แล้วนายไม่มีครอบครัวเหรอ” “ก็…มีน่ะมีแต่ไม่กลับก็ไม่เป็นไร”“นายก็เป็นเด็กมีปัญหาเหมือนกันสินะ” “คุณไม่จิกกัดผมสักประโยคคงจะนอนไม่หลับสินะ” เจียอีส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะจับจูงมืออีกฝ่ายเดินไปยังหน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่มีการจัดไฟและแสงสีเสียงเอาไว้ให้คนมาเที่ยวชมและถ่ายรูปสำหรับอันดารันภาพวิวและทิวทัศน์ที่จัดงานไม่ได้ดึงดูดสายตาเท่ากับโปสเตอร์แผ่นยักษ์และภาพชายหนุ่มที่ขึ้นจอ LED ฉายอยู่ตรงหน้าห้างมากกว่าที่ดึงดูดสายตาเขา“จ้องตาไม่กะพริบเชียวหล่อละสิ”“ก็ไม่เท่าไหร่” “ขนาดไม่เท่าไหร่นะเนี่ย” “สักวันจะเป็นรูปฉันที่แปะอยู่ตรงนั้น” อันดารันเชิดหน้าพร้อมกับชี้นิ้วไปยังภาพจอ LED ที่ปรากฏภาพของศิลปินชายคนหนึ่งที่กำลังหยอกล้อกับดาราชายอีกคนอย่างสนิทสนม“นั่นน่ะระดับซุปตาร์เชียวนะ”“แล้วไงโอเมก้าอันดับหนึ่งอย่างฉันน่ะไม่
“อย่าเพิ่งขยับ” เจียอีมองหน้าอีกฝ่ายโดยที่ยังค้างอยู่ท่าเดิม“อุ่นดีใช่ไหมล่ะ” เจียอีถามทะเล้นอันดารันเบือนหน้าหนีไปอีกทางทันทีที่ได้ยินคำถามนั้นหน้าแดงเถือกไปจนถึงใบหู“เขินเหรอไง”“อะไร”“ก็หน้าแดงขนาดนี้ไงตกลงผมทำเป็นหรือไม่เป็น” เจียอียังถามไม่หยุด“ก็…พอใช้ได้” อันดารันไม่ยอมเสียหน้าแม้จะรู้สึกแสบขัดที่ช่วงล่างก็ตามทีแต่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายถอนแกนกายออกไป “พอใช้ได้จริงเหรอ” เจียอีกระซิบกระซาบพร้อมงับติ่งหูนั้นดูดดึงหยอกเย้าก่อนจะผละออกถอนถอดแกนกายออกมาน้ำสีขาวขุ่นไหลตามออกทะลักออกมาเมื่อเสาใหญ่ถูกถอดถอนออกไป“อ๊ะ” ร่างหนาทาบทับลงไปกระซิบเหย้าแหย่อีกฝ่ายทันที “กินเก่งนะเนี่ยตอดเก่งปากบนก็เก่งปากล่างก็เก่ง” อันดารันค้อนขวับที่ได้ยินคำหยอกนั้นเจียอีจุมพิตลงไปที่ริมฝีปากบางที่แดงระเรื่อคล้ายเอาอกเอาใจอยู่ในทีฝ่ามือร้อนลากไล้คล้ายต้องการสำรวจไปทั่วทุกมุมหน้าอกแม้ไม่ใหญ่เท่าอิสตรีแต่ก็ยังพอมีให้กอบกุมและดูดดุนลิ้นร้อนปัดป่ายเม็ดเชอร์รี่ที่เต่งตึงชูชันขึ้นมาคล้ายท้าทายและหลอกล่อให้ฉกชิม“อื้อ” สองขาถูไถกับที่นอนเพื่อระบายความเสียวที่ตีตื้นขึ้นมาอีกครั้งมือซ้ายขยุ้มผมดกดำนั้นเพื่อต้องการห
เมื่อตอนที่อันดารันเป็นโอเมก้าอยู่ที่เดอะแกรนด์ซิตี้ แกนกลางกายจะไม่ชูชันเหมือนอย่างของอัลฟ่าโดยไม่มีสาเหตุ หากไม่ใช่ช่วงฮีทหรือช่วงอ่อนไหวก็ไม่ตั้งโด่ชูชันในทุกเช้าอย่างตอนนี้ อันดารันในโลกที่อาศัยอยู่ที่นนทบุรีความรู้เรื่องร่างกายของเราเป็นศูนย์ ก่อนหน้านี้ที่แกนกลางกายของเขาไม่ชูชันเพราะเพิ่งผ่านช่วงอุบัติเหตุไป ไหนจะยาต่าง ๆ ร่างกายบอบช้ำไม่แข็งแรง เมื่อร่างกายฟื้นฟูได้เต็มที่ ช่วงล่างก็กลับมาปกติแข็งแรงและจะต้องตื่นมาเคารพธงชาติทุกเช้า ผู้ชายทุกคนรู้…แต่อันดารันที่ยังติดหล่มกับโลกเดิม ร่ากายโอเมก้าของตัวเองกลับไม่รู้ เขาคิดว่าช่วงนี้คือช่วงฮีทของตัวเอง ไหนจะฝันเปียกร่างสองร่างที่เปลือยเปล่าอยู่ที่ฟูกข้างล่างเตียงกำลังจูบอย่างดูดดื่มต่างเล้าโลมลูบคลำกันอย่างหลงใหลเสียงจูบที่ดังจุ๊บจั๊บอยู่ข้างหูต่างทำให้อารมณ์พรึงเพริดแกนกลางของอันดารันสั่นหงึกหงักจนหลั่งน้ำเมือกสีใสออกมาเจียอีชันขาข้างนึงของอันดารันขึ้นค่อยๆส่งนิ้วไปสำรวจดอกเบญจมาศนั้นที่ขมิบราวกับเชิญชวนน้ำเมือกสีใสที่ร่างบางหลั่งออกมาถูกใช้ในการเบิกทางช่องทางนั้นรวมไปถึงน้ำเมือกของเขาด้วยแม้ปากจะจูบแลกลิ้นกันอย่างนั้นแต่ร่างกา
ปั๊ก! อันดารันสลบเหมือดเมื่อเจอสันมือพิฆาตเข้าให้ เจียอีรีบเดินออกไปสงบสติอารมณ์ที่ระเบียงด้านนอก ก่อนจะกดโทรศัพท์มือถือโทรหาไอ้หมอทัชชกรเพื่อนยากด้วยจิตใจที่กระวนกระวาย ‘รับสิวะ รับสิวะ’“โทรมามีอะไรวะเวรอย่างยับอย่ากวนประสาทว่ามา” หมอทัชชกรรับสายด้วยเสียงง่วงงุนเขาพึ่งได้งีบเนื่องจากช่วงวันสิ้นปีอย่างนี้คนไข้ฉุกเฉินล้นวอร์ด “มึงอยู่เวรเหรอ”“เออ”“คืองี้กูว่าคุณสรพงษ์มีอาการทางสมองวะ”“ยังไง”“ยาที่มึงสั่งมีอาการหรือผลข้างเคียงพวกหลอนประสาทแบบนี้ป่ะ”“มึงจะบ้าเหรอเขาไม่มีอาการทางสมองจะไปสั่งยาสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง”“ก็ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลคุณเขามโนหนักมากหาว่าตัวเองเป็นโอเมก้าอันดับหนึ่งเท่านั้นไม่พอบอกว่าตัวเองอยู่ในช่วงอ่อนไหว” เจียอีเว้นวรรคก่อนจะพูดต่อ “แต่สายตามองกูเยิ้มเชียวเหมือนจะขย้ำกูยังไงไม่รู้พูดละขนลุก”“ไปไงมาไงมาอยู่กับมึง”“ก็เขาไม่มีญาติที่ไหนกะว่าพอหายจะแยกทางงี้”“แปลก”“เห็นไหมมึงก็คิดเหมือนกันใช่ไหมว่าเขาแปลก”“มึงน่ะสิที่แปลก!!”“คิดยังไงเอาคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาอยู่ด้วยวะมึงหวงความเป็นส่วนตัวจะตาย”“ก็แค่สงสารและอีกอย่างกูผิดจริงที่ชนเขา”“เลยจะรับผิดชอบว่
เจียอีเขาไม่ชอบไปสถานที่ที่เบียดเสียด อันดารันยิ่งแล้วใหญ่สองคนเท้าแขนมองดูผู้คนขวักไขว่ที่บ้างเดิน บ้างกินดื่มอย่างสนุกสนานอยู่ที่ระเบียง เสียงเพลงดังกระหึ่มจนกระจกสั่นครืดคราดเหมือนจะแตกออกมาได้ทุกเมื่อ“ดื่มหน่อยไหมคุณ”“อะไร”“ก็เบียร์ไงอ้อลืมไปคุณต้องกินยา”“เฮ้ยเดี๋ยว!” อันดารันยกกระป๋องเบียร์ในมือเจียอีมากระดกดื่มอย่างเอาเป็นเอาตายอึกอึกเสียงกลืนลงคอทำเอาเจียอีเผลอจ้องมองลูกกระเดือกที่เคลื่อนขึ้นลงยามกลืนน้ำเมาลงคออันดารันส่งกระป๋องเปล่าให้พร้อมเช็ดมุมปากอย่างลวกๆ “รสชาติไม่ได้เรื่อง”“ฮ่าๆข้อนี้ผมไม่เถียงเอาน่าดื่มเพื่อบรรยากาศ” “ใครอยากจะดื่มกับนายกัน” อันดารันว่าพร้อมเชิดหน้าไปอีกทาง“เฮ้อคุณนี่น้าวันนี้วันท้ายปีวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันใหม่ปีใหม่คุณควรจะเป็นคนใหม่ได้แล้วนะทิ้งคนเดิมนิสัยเดิมๆไปกับปีเก่าแล้วเริ่มต้นใหม่เป็นคนใหม่ไม่ดีกว่าเหรอ”“ฉันเปลี่ยนไม่ได้”“หรือเพราะคุณไม่อยากจะเปลี่ยน”“…”“แล้วไง”“ก็ไม่แล้วไงบางทีคุณแค่ไม่ไว้ใจผมเลยสร้างตัวตนที่หยาบกระด้างออกมาปกป้องตัวเองผมพูดถูกไหม”“ผิด”“…ผิดยังไง”“นั่นแหละตัวตนที่แท้จริงของฉัน”เบียร์ที่ว่ารสชาติแย่บัดนี้กระป๋อ
เมื่อกลับมาถึงคอนโดก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องราวก่อนหน้านั้นอีกเจียอีแค่อยากจะดัดนิสัยเสียของอันดารันแต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้เจ้าตัวคิดมากจนถึงขั้นนั้นช่างเถอะเห็นปากจัดด่าแว้ดๆแบบนั้นบางทีอาจจะเป็นเปลือกที่คุณเขาสร้างออกมาปกป้องความอ่อนแอของตัวเองก็ได้เจียอีคิดในแง่ดีเขาก็อยากจะมองให้เห็นเนื้อแท้ของอีกฝ่ายอยู่เหมือนกันเมื่อเห็นสภาพที่ซึมไม่หือไม่อือของอีกฝ่ายก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดีเขาได้แต่นั่งข้างๆอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้นจึงบอกให้ไปอาบน้ำ“ไปอาบน้ำได้แล้วคุณ” ผลคืออันดารันยังนั่งนิ่งสีหน้าไม่เปลี่ยนไปสักนิดเจียอีเริ่มลนลานจะเอ่ยขอโทษก่อนก็กระดากปากอีกอย่างเขาไม่ชินกับแม่คุณโอเมก้าอันดับหนึ่งในเวอร์ชันนี้เลยสักนิดด่าเขาว่าไอ้เบต้ากระจอกก็ยังดีกว่าเงียบใส่กันแบบนี้“นี่คุณโกรธผมเหรอ” เจียอีเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิดพลางโบกมือไปมาตั้งแต่กลับมาจากสะพานคล้ายว่าคนข้างๆวิญญาณในร่างได้หลุดลอยไปยังไงยังงั้น “เอาล่ะๆผมขอโทษคุณก่อนก็ได้พอใจยังขอโทษขอโทษขอโทษผมขอโทษคุณสามครั้งเลยเอ้าพอใจยัง” แต่ว่าอีกฝ่ายยังนิ่งเงียบนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาอยู่แบบนั้นคล้ายกับจมดิ่งอยู่กับอะไรสักอย่าง“นี่ถ้าคุณไม่ตอบงั้นผมจะอา