“อ้อเหรอคะ”ฉันตอบไปอย่างไร้หางเสียงและนำ้เสียงห้วนๆ ท่านมิซานก็เงียบลงใบหน้าถอดสีแต่ท่านก็ยังคงยิ้มอบอุ่นมาให้ฉันอยู่อย่างนั้น
“พ่อดีใจนะที่เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ตอนนี้ลูกของพ่อโตเป็นสาวแล้วคงไม่กลัวความมืดแล้วสินะ?” “ไม่ใช่ว่าไม่กลัวหรอกคะ แต่มันชินซะมากกว่า”ฉันตอบเขาไปพร้อมกับยกแขนขึ้นมากอดอก เมื่อนึกถึงความลำบากที่ฉันกับแม่เจอ แม่ฉันจะกลับบ้านดึกๆทุกวันเพราะท่านไปเล่นการพนันที่บ่อนเถื่อนแถวบ้านและจะกลับมาพร้อมกับอาการมึนเมาจากแอลกอฮอล์ทุกวัน “ลูกคงจะลำบากมากสินะ” “หึ!อย่าใช้คำว่าลำบากเลยค่ะ เพราะมันเกินจะบรรยายมาเป็นคำพูดได้!” “พ่อขอโทษ” “หยุดพูดขอโทษสักทีเถอะค่ะ เพราะว่ายังไงฉันก็ไม่มีวันยกโทษให้ผู้ชายที่ทิ้งลูกกับเมียไป!” “โยโกะ”เสียงของท่านมิซานเอ่ยเรียกฉันด้วยนำ้เสียงแผ่วเบา ฉันถอนหายใจและหยิบหูฟังไร้สายขึ้นมาสวมใส่หูทั้งสองข้างพร้อมกับหลับตาลงเพื่อทำให้เขารู้ว่าฉันไม่อยากพูดคุยกับเขา ฉันไม่มีทางยกโทษให้เขาแน่นอน และฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไปรับฉันมาอยู่ที่นี้กับเขาทั้งๆที่เขาหายไปเป็นสิบๆปี แล้ว วันนี้ฉันอยู่ในชุดราตรียาวสีทองอร่ามที่เป็นเกาะอกโชว์เนื้อเนินอกสีขาวอวบของฉันและกระโปรงยาวถึงข้อเท้าและสวมรองเท้าส้นสูงสีทองปล่อยผมที่ยาวสลวยของตัวเองไปปกปิดแผ่นหลังขาวเนียนของตัวเอง “ถึงแล้วลูก”เสียงเรียกและเเรงสะกิดเบาๆที่ต้นแขนฉันทำให้ฉันลืมตาขึ้นมาและตวัดสายตามองไปที่เจ้าของมือและเจ้าของเสียงที่เรียกฉัน “ลงไปกันเถอะลูก^_^”ท่านมิซานเอ่ยบอกฉัน ฉันก็ขยับตัวนั่งตัวตรงและมองออกไปข้างนอกก็พบกับบรรดานักข่าวนับร้อยคนและชาวเมืองที่อีกนับพันมารอต้อนรับท่านนายกรัฐมนตรี “ฉันต้องทำยังไงบ้างคะ?” “แค่ลูกไม่คิดหนีก็พอ^_^”ท่านมิซานเอ่ยขึ้นเป็นเชิงขอร้องฉันไปในตัว “จะหนีได้ไงเงินติดตัวสักบาทยังไม่มี”ฉันพูดเสร็จก็เปิดประตูลงจากรถสุดหรูราคาหลายล้านลงอย่างไวโดยไม่ได้สนใจคนในรถว่าเขาจะรู้สึกยังไงกับการกระทำและคำพูดที่เฉยชาของฉัน ใจลึกๆฉันก็รู้สึกไม่ดีแต่พอนึกถึงการกระทำที่เขาทำกับฉันและแม่ของฉันแล้ว ฉันให้อภัยเขาไม่ลงจริงๆ พรึบๆๆๆๆๆๆ “ลูกสาวของท่านนายกรัฐมนตรีหรือคะเนี่ย สวยสง่าจริงๆค่ะ^_^” “สวยมากเลยนะ^_^” “เธอไปเป็นดาราได้สบายๆเลยน่ะเนี่ย^_^”เสียงเอ่ยชมฉันดังกึกก้องไปทั่วทั้งหน้างานพร้อมกับเสียงร้องต้อนรับท่านนายกด้วยความดีใจของชาวเมืองนี้ ฉันจึงก้มหน้าลงเพื่อหลบแสงแฟลชจากกล้องราคาแพงที่พากันรุมถ่ายรูปฉัน “สวัสดีครับทุกๆท่าน”เมื่อท่านมิซานเดินลงมาจากรถแล้วเขาก็ก้มหัวพร้อมกับเอ่ยคำทักทายชาวเมืองเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ฉันจึงโค้งตัวทำตามท่านมิซานและเขาก็เดินนำหน้าฉันเข้าไปในงานโดยมีฉันเดินตามหลังท่านไปอย่างเงียบๆโดยตลอดทางจะได้ยินเสียงปรบมือและเสียงโห่ไชโยของชาวเมืองนับพันที่ยืนและนั่งรอตามจุดเดินพรมแดงเหมือนฉันเป็นดาราจริงๆเลยน่ะเนี่ย มีการเดินพรมแดงด้วย น่าขำสิ้นดี “ท่านมิซาน มิยาชิตะ ยินดีต้อนรับสู่การเมืองเต็มตัวครับ”เสียงทักทายที่ฟังดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่เอ่ยทักท่านมิซานในขณะที่เขาเดินเข้ามาภายในตัวของอาคารแล้ว “ขอบคุณท่านโมโมจิ ที่ให้การต้อนรับผมในครั้งนี้^_^”ท่านมิซานเอ่ยด้วยนำ้เสียงเป็นมิตรและโค้งตัวให้กับชายวัยกลางคนรุ่นราวคราวเดียวกันกับท่านมิซาน “นี่คุณอาโมโมจิ ส่วนนี่ลูกสาวคนเดียวของผมครับ ซาโยโกะ”ท่านมิซานเอ่ยแนะนำฉันให้ท่านโมโมจิได้รู้จักและเขาก็แนะนำท่านโมโมจิให้ฉันได้รู้จักเช่นกัน ฉันก็โค้งตัวให้ความเคารพท่านโมโมจิอย่างนอบน้อม “ท่านมิซานท่านโมโมจิ^_^”เสียงของคนมาใหม่เอ่ยขึ้นด้วยนำ้เสียงร่าเริงแจ่มใส ทั้งสองท่านก็ต่างพากันมองไปยังผู้มาเยือนใหม่ก็พบกับชายวัยกลางคนอีกสองคนที่เดินคู่มาพร้อมกันทั้งสองแต่งตัวคล้ายกันเหมือนคู่แฝด ทั้งคู่มองหน้าเกรงขามและน่าเกรงกลัวเพราะข้างหลังของพวกเขามีบอดี้การ์ดนับสิบคนเดินตามหลังพวกเขามา “ท่านเคนโด้ ท่านซาโอะสองตระกูลผู้ยิ่งใหญ่^_^”อาโมโมจิเอ่ยทักทายผู้ชายสองคนนั้นพร้อมกับเดินเข้าไปหาพวกเขา โดยมีคุณพ่อของฉันที่เดินตามหลังอาโมโมจิไปด้วย “สวัสดีท่านทั้งสอง เป็นเกียรติอย่างมากที่พวกท่านมาให้ความต้อนรับผม^_^”ท่านมิซานโค้งตัวให้ทั้งสองท่านอย่างดีใจ ฉันจึงต้องโค้งตัวให้ท่านทั้งสองตามที่ท่านมิซานทำ “นี่คงเป็นหนูซาโยโกะจัง?”ท่านหนึ่งในคนที่แต่งตัวฝาแฝดเอ่ยพร้อมกับผายมือมาที่ฉัน“อ้อใช่ครับท่าน”ท่านมิซานหันมายิ้มให้ฉันพร้อมกับตอบคนนั้นไป “ตอนนั้นเจอยังเล็กอยู่เลย พอเจออีกทีโตเป็นสาวสวยซะแล้ว^_^” “ขอบคุณครับท่านซาโอะ” “เดี๋ยวอาจะแนะนำลูกชายอาให้หนูโยโกะจังได้รู้จักนะ” “ไม่ดี”ฉันกำลังจะตอบปฏิเสธท่านซาโอะไปแต่ก็ไม่ทันเพราะเขาหันหลังไปมองหาใครสักคนแล้ว “ไหนซาโนะ?”ท่านซาโอะหันไปถามชายชุดดำที่ยืนกุมมือทั้งสองไว้ด้านหน้าด้วยความเรียบร้อย “ไปคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกครับนายใหญ่เดี๋ยวนายน้อยคงจะตามเข้ามา”ชายชุดดำตอบท่านซาโอะไป ฉันเมื่อได้ฟังแบบนั้นก็แอบถอนหายใจออกมา เพราะฉันไม่ชอบการจับคู่ของผู้ใหญ่เป็นที่สุด มันโบราณคร่ำครึเกิ๊น “งั้นเดี๋ยวไว้ค่อยไปแนะนำที่โต๊ะทานอาหารก็ได้เนอะ”ท่านซาโอะหันมาบอกฉันกับท่านมิซาน ท่านมิซานก็หันมายิ้มให้ฉัน ฉันจึงต้องจำใจยิ้มให้เขาไปเพราะเดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันไม่ทำตัวดีๆ “เชิญข้างในดีกว่าครับท่านเคนโด้ท่านซาโอะ”ท่านมิซานเอ่ยชักชวนท่านทั้งสองด้วยความเคารพท่านทั้งสองก็หันมองหน้ากันและหันมาพยักหน้าให้ท่านมิซานและออกตัวเดินนำหน้าท่านมิซานไปโดนมีชายชุดดำเดินประกบข้างหลังไปติดๆยังกับมาเฟียเลย “ช้าอีกแล้วนะคะริว!”เสียงหวานที่พยายามจะทำให้เสี
“คนไทย?”“ก็ใช่น่ะสิ เห็นเป็นคนญี่ปุ่นเหรอไง ถามแปลกๆ!”ฉันพูดใส่อารมณ์กับเขาและพูดเสียงเข้มให้ดูน่ากลัว“ใครจ้างเธอมาให้ฆ่าฉัน”เขาไม่ได้ขยับตัวแต่เอ่ยถามฉันกลับมาด้วยความสงสัย“เอ่อออ”ฉันอ้ำๆอึ้งๆไม่รู้จะบอกว่าใคร เพราะไม่มีใครจ้างฉันให้มาฆ่าหมอนี่นี่น่า“มันจ้างเธอมาเท่าไหร่?”เขาถามฉันกลับมาพร้อมกับทำท่าทางขยับ ฉันจึงรัดคอเขาให้แน่นขึ้น“โอ้ว ฉันจะหายใจไม่ออกอยู่แล้วเนี่ย!”เขาโวยวายใส่ฉัน“อย่าแตะตัวฉัน!!”ฉันก็โวยใส่เขาทันทีที่มือหนาของเขากำลังจะจับโดนแขนของฉัน และฉันก็ตกใจเผลอปล่อยมือจากคอเขาเพราะฉันกลัวการแตะเนื้อต้องตัวเป็นที่สุดพรึบ“แฮ่กๆๆๆเกือบตายหายใจไม่ออก”เขาบ่นขึ้นและเขาก็จับชายคอเสื้อของเขาให้คลายคอลงฉันจึงรีบใช้มือปัดตามแขนของตัวเองและถูไปมาจนรู้สึกเจ็บแสบ“อะไรจะขนาดนั้นแม่คุณ!”เขาหันมามองการกระทำของฉัน แต่ฉันก็ยังไม่เลิกใช้มือถูไปกับต้นแขนของตัวเอง ท่าทางที่ฉันเป็นมันแสดงออกได้เลยว่าฉันรังเกียจเขามาก“ผมไม่ได้สกปรกซกมกโสโครกขนาดนั้น!”เขาเดินมาประชิดร่างฉันอย่างไว ฉันก็ถอยหลังหนีเขาอย่างไวเช่นกันตามสัญชาตญาณพรึบ“โอ้ย!”ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจและเจ็บปวดเมื่อแผ่นหลังของ
“อ่ะ....ก็ได้แต่ผมไม่มีเงินสดนะแต่ผมจะเซ็นเช็คให้คุณแทน”เขาบอกฉันมาแต่นำ้เสียงของเขาไม่ได้แสดงออกว่ากลัวอะไรเลย“ไม่!”ฉันบอกเขาไปทันควัน กว่าฉันจะเอาเช็คไปขึ้นเงินมีหวังโดนลูกน้องของท่านมิซานจับได้ซะก่อน“อะไรของคุณอีกเนี่ย?”เขาทำน้ำหงุดหงิดใส่ฉัน“ฉันกำลังจะหนีนะคุณ ไม่มีเวลาเอาเช็คของคุณไปขึ้นเงินหรอก!”ฉันโวยใส่เขา“เออจริงด้วย งั้นเอาไงดี?”เขาพูดและเงียบไปสักพักเหมือนเขากำลังจะใช้ความคิด ฉันก็ยืนนิ่งมือยังคงถือรองเท้าส้นตึกจ่อไปที่หน้าของเขาอย่างไม่ลดละ“เอางี้ ผมมีเงินติดตัวอยู่แค่ไม่กี่เยนแต่เงินสดจำนวนที่คุณพูดถึงอยู่ในรถผม เดี๋ยวผมจะเดินไปเอาให้คุณ”เขาบอกฉันหลังจากที่เขาเงียบไปสักพักหนึ่ง“ก็ได้ แต่ถ้านายคิดตุกติกล่ะก็...นายตาย!”“นี่ก็ขู่จังเว้ย!!”เขาโวยใส่หูฉัน หูฉันแทบแตกน่ะไอ้บ้า!!!“ฉันไม่ได้ขู่แต่ฉันทำจริงแน่!”ถ้ามันเป็นปืนจริงๆนะแต่นี่มันเป็นปืนปลอมไง ถ้าหมอนี่รู้ว่าฉันเอาส้นของรองเท้ามาแกล้งทำเป็นปืนเพื่อขู่เขาล่ะก็มีหวังเขาฆ่าฉันทิ้งแน่“อ่ะๆถ้าคุณไม่เชื่อใจผมคุณก็เดินตามผมไปแค่นั้นเอง”“ก็ได้ งั้นนายก็เดินนำไป!”“เค”เขาตอบฉันสั้นๆและถอยหลังห่างจากฉันไป ฉันก็เดินตามเขา
“ให้จูบจริงดิ?”เขาทำหน้าทะเล้นถามฉัน ฉันก็มองหน้าเขา “ไม่จริง!!”ฉันตอบเขาไปและในจังหวะนั้นฉันก็จัดการใช้เข่าของฉันเตะเข้าไปที่ของสงวนของเขาเต็มๆเลย แน่นดีจริงๆเอ้ยไม่ใช่ล่ะ!!! โพล๊ะ แหวกกกก “โอ้ยยยยยย!”เสียงร้องโอดโอยของเขาพร้อมกับร่างสูงที่ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างคนที่หมดแรง หน้าตาเหยเกของเขาบ่งบอกได้ว่าเขาเจ็บและจุกมากเพียงใดแต่ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเขาจะดึงอะไรขาดไปเพราะฉันได้ยินเสียง “ทีหลังอย่ามาทำทะลึ่งกับฉันอีก ฉันไม่ชอบ!!”ฉันชี้หน้าเขาพลางใส่อารมณ์ในน้ำเสียง เขาก็เงยหน้าเหยเกของเขาขึ้นมามองฉันและเขาก็ค่อยๆเบิกตาทั้งสองข้างของเขาโตขึ้นเรื่อยๆเหมือนคนที่ตกตะลึงเห็นเข้ากับอะไรสักอย่าง “ขาว” “ใหญ่” “ชมพู”นายนั้นพูดออกมาด้วยนำ้เสียงแผ่วเบาพลางทำหน้าเคลิ้มฝันและเขาก็กลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่ ฉันก็มองตามสายตาของอีตานั้นมาเรื่อยๆจนมาสะดุดเข้ากับหน้าอกที่ใหญ่โตมโหฬารของตัวเองและฉันก็อ้าปากค้างออกมาด้วยความตกใจ พรึบ “ไอ้บ้า!ไอ้โรคจิต!!” “ไอ้ลามก!!” “ไอ้ไอ้ไอ้!!”ฉันรีบชายเกาะอกขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองและร้องตะโกนด่าเขาไปด้วย เขาที่เหมือนเพิ่งตื่นจากภวังค์หลังจากที่จดจ้อง
“ผมขอโทษ”เขาเอ่ยขอโทษฉันด้วยนำ้เสียงที่รู้สึกผิดจริงๆ“ไม่เป็นไรหรอก”ฉันบอกเขาพลางอย่างไม่สนใจ ถ้ามันคิดจะปล้ำฉันน่ะ ฉันจะกระทืบน้องชายมันให้สูญพันธุ์ไปเลยคอยดู“ไม่เป็นไร?”เขามองหน้าฉันอย่างไม่อยากเชื่อ“แล้วทำไมล่ะ หรือว่านายอยากให้ฉันโกรธนาย”“ก็ไม่อ่ะ ผมมีศัตรูก็เยอะพอตัวอยู่แล้วอยากจะหาพันธมิตรบ้าง”เขาบอกฉันพลางเอนแผ่นหลังพิงเข้ากับพนักเก้าอี้ตัวเดียวกับฉัน นำ้เสียงของเขาฟังดูเหนื่อยๆ“นายไม่มีเพื่อนหรือไง?”“ไม่อ่ะ แล้วคุณล่ะ?”เขาตอบฉันและถามฉันกลับเขาเหลือบตามามองหน้าฉัน ฉันก็มองหน้าเขาและยิ้มขำๆออกมา“มีสิ เพื่อนฉันเยอะแยะแต่ไม่ได้อยู่ที่นี้”“เออจริงสินะ คุณเป็นคนไทยนี้น่า”“ใช่แล้วคุณล่ะ?เป็นลูกครึ่งเหรอ?”“เปล่าหรอก พ่อแม่ผมก็เป็นคนญี่ปุ่นทั้งคู่แต่พอดีพ่อผมมีภรรยาลองเพราะท่านอยากมีลูกสาวและท่านก็ไปมีภรรยาเป็นคนไทยผมจึงมีน้องสาวเป็นคนไทยแต่ธุรกิจของผมมันอันตรายเกินไปน่ะที่จะพาน้องสาวมาอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยกันผมเลยต้องไปญี่ปุ่นกลับไทยอยู่บ่อยๆเลยทำให้ผมพูดภาษาไทยได้คล่อง”เขาบอกฉันมาเหมือนเขาอยากจะระบายความในใจกับใครสักคน“แต่ชีวิตคุณก็น่าจะมีความสุขมากไม่ใช่เหรอ?”“ก็ใช่น่ะ แต่
ตึกๆๆๆๆๆ“นายจะพาฉันวิ่งไปถึงไหนเนี่ย!!”ฉันโวยด้วยความเหนื่อยพลางสะบัดข้อมือที่ตาบ้านั้นจับให้หลุดออก“จนกว่าจะพ้นไอ้คนพวกนั้น”เขาไม่ได้หันหน้ามาแต่เขาตะโกนตอบฉัน“แล้วทำไมเราไม่หยุดสู้กับพวกมันเลยเล่า จะวิ่งให้เหนื่อยทำไม!!”ฉันก็โวยใส่เขาไปอีกเพราะที่ที่เราสองคนไม่สิ อีตาบ้านี่พาฉันวิ่งมามันห่างไกลจากบ้านของชาวเมืองมามากแล้วน่ะ และสองข้างทางก็เป็นป่ารกล้างด้วย บรรยากาศก็มืดวังเวงพิกลๆ“พูดยังกับตัวเองต่อสู้เป็นอย่างงั้นแหละ!”“ฉันโค่นนายล้มภายในห้านาทีได้ล่ะกัน!”พรึบ ตุ๊บ“โอ้ย!”ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อใบหน้าของฉันกระเเทกเข้ากับแผ่นหลังของอีตาบ้านี่เข้าอย่างจัง“คุณพูดจริงเหรอ?”เขาเอ่ยถามฉันด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยเชื่อในคำพูดของฉันสักเท่าไหร่“ที่นายหยุดวิ่งก็เพราะสนใจเรื่องนี้น่ะเหรอ?”ฉันยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากตัวเองด้วยความเจ็บ อีตาบ้านี่นึกจะหยุดก็หยุด ทั้งที่ฉันตะโกนแหกปากให้เขาหยุดมาตั้งนาน รู้งี้พูดตั้งแต่นายบ้านี่ออกตัววิ่งก็ดี“ก็ใช่ ผมคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆแบบคุณรูปร่างเปราะบางไม่น่าจะล้มผู้ชายอย่างผมได้”“แล้วไอ้ผู้ชายอย่างคุณเนี่ย มันขั้นเทพขนาดไหนกัน?”ฉันยกแขนขึ้นมากอดอกพ
“คุณฉันกำลังจะตายแล้ว”ฉันเหลือบตาไปมองอีตาหน้าหล่อรอยสักเต็มต้นคอและหน้าอกด้วยสายตาเศร้าๆเขาก็มองมาที่ฉันแววตาของเขาสื่อถึงความห่วงใย“มันยังไม่ได้เอามีดกรีดคอคุณเลยน่ะ คุณจะตายแล้วเหรอ?”เขาเอ่ยถามฉันพลางขมวดคิ้วจนจะผูกกันเป็นปม“มันใช่เวลามากวนไหม ฉันจะตายเพราะกลิ่นตัวกับกลิ่นปากมันเนี่ย เหม็นชิบอ๊าย!!”ฉันเอ่ยเสร็จพร้อมกับย่นจมูกและทำท่าพะอืดพะอมจะอ้วกเต็มทน“อ้าวเหรอ เห้ยมึงก็บอกมาว่าต้องการยัยตัวคุณหนูนี่ไปทำอะไร?”เขาเอ่ยถามไอ้กล้ามโตบึกบึนที่โอบร่างฉันไว้ด้วยสายตาจริงจัง“กูบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องของมึง!”มันตอบนายนั้นไป“คุณไม่ต้อถามมันมากแล้ว ฉันเหม็นจนจะไม่อยากหายใจอยู่แล้วเนี่ย!!”ฉันตะโกนแหกปากบอกหมอนั้นไปเฉือก“โอ้ย!”ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บ เมื่อรู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบที่แล่นลงไปลนลำคอของฉันและความเย็นของปลายมีดที่คมกริบ“เห้ย!มึงฆ่ามันไม่ได้น่ะเว้ย เดี๋ยวมึงก็โดนนายฆ่าตายหรอก!!”เสียงเพื่อนของมันอีกคนเอ่ยขึ้นด้วยนำ้เสียงตกใจ “เห้ยคุณ!!”ตานั้นเอ่ยเรียกฉันพลางทำสีหน้าตกใจ ฉันก็มองเขาพลางเบะปากเหมือนจะร้องไห้ “เจ็บเหรอ?”เขาเอ่ยถามฉัน“เปล่า”ฉันก็ตอบเขาไป เขาก็ยิ่งขมวดคิ้วงุนงง
“เป็นอะไรอ่ะคุณ?”เขารีบเดินเข้ามาหาฉันพลางเอ่ยถามฉันด้วยความตกใจ “ฉันกำลังจะเป็นลม”ฉันบอกเขาไปด้วยนำ้เสียงและสายตาที่อิดโรย “เห้ย!เมื่อกี้เห็นยังเก่งอยู่เลยนะ!!” “แต่ฉันเจ็บแผลมากเกินไป”ฉันบอกเขาไปตามความจริง “เจ็บแผล?”เขามองฉันด้วยสายตาแปลกใจและสงสัยเขามองสำรวจร่างกายฉันเพื่อหาบาดแผลที่ฉันบอก “ผมไม่เห็นบาดแผลของคุณตรงอื่นนอกจากที่คอ”เขาบอกฉันมาพลางทรุดตัวลงนั่งยองๆตรงหน้าฉัน “ฉันรู้สึกเจ็บที่ตรงนี้”ฉันเอ่ยบอกเขาไปพลางใช้มืออีกข้างจับชายเสื้อสูทของเขาให้พ้นออกไปจากไหล่ข้างขวาของฉัน “เลือด!”ทันทีที่ชายเสื้อสูทหลุดออกจากไหล่ออกฉันก็ปรากฏรอยเลือดสดมากมายไหลออกมาจากหัวไหล่ฉัน “คุณโดนยิงที่ไหล่?”เขายื่นมือไปจับแขนฉันเพื่อดูบาดแผล “คงเป็นตอนที่ฉันเล่นท่าเยอะไปหน่อย จนลืมระวังตัวพวกมันยิงสวนกลับมา”ฉันบอกเขาไปและหันหน้าหนีบาดแผลตัวเอง “เอ้า!” “ฉันเจ็บฮืฮๆๆๆๆ”ฉันปล่อยโฮนำ้ตาไหลออกมา เกิดมาไม่เคยโดนยิงเลย เจ็บอะไรขนาดนี้ “เห้ย!คุณ” “ฮืฮๆๆๆ” “ทำไมผู้หญิงมันอ่อนแอขนาดนี้ว่ะเนี่ย!!”เขาบ่นอุบด้วยความหงุดหงิดและเขาก็ลุกขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตตัวสีชาวของตัวเองออกมาจนเผยให้เห็นแผงอกสุดเซ็กซี่ข
“หึ!ผู้ชายแบบผมไม่ได้มีไว้ให้พวกผู้หญิงเลือกแต่มันอยู่ที่ผมจะเลือกใครต่างหากล่ะ”“เลือกใครก็ได้ที่ไม่ใช่ฉัน!!”ฉันว่าพลางจับจ้องนัยสาสีดำของเขาเขาก็จ้องฉันกลับมาเราจ้องตากันอย่างเนิ่นนานโดยที่ไม่มีใครละสายตาออกไปจากกัน“คุณจะเอาแบบนั้นจริงๆเหรอ…ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่หวั่นไหวเวลาอยู่ใกล้ๆผม”เสียงกระเส่าของมิซาโนะคร่ำครวญอยู่ข้างๆหูฉัน“คนนั้นคือฉันย่ะ!!เพราะฉันไม่หวั่นไหวกับนายเลยสักนิ๊ด”ฉันโกหกนิดนึง ไม่หวั่นไหวบ้าอะไรล่ะใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเวลาที่อยู่ใกล้ๆเขาเนี่ย“แล้ววันหนึ่งคุณจะเสียใจที่คุณไม่ให้ผมเลือกคุณ…เพราะคุณไม่มีสิทธิ์เลือกผม^_^”“ฉันไม่เสียใจหรอกย่ะ!!”ฉันว่าพลางกัดฟันกรอดๆเพราะหมั่นไส้ความมั่นหน้าของอีตาบ้านี่ อีตาซาโนะก็ทำลอยหน้าลอยตาพูดล้อเลียนฉัน ไอ้บ้านี่!มันกวน!“นายมีอะไรดีหนักหนาที่จะทำให้ฉันเสียใจถ้านายไม่เลือกฉันน่ะ?”ฉันถามเขาออกไปทำให้มิซาโนะกระตุกยิ้มมุมปากขึ้นเเละขยับใบหน้าลงมาหาฉันทำให้ฉันรีบเบือนหน้าหนีเพราะกลัวว่าจะโดนเขาจูบ“เพราะลีลาบนเตียงของผมเร้าร้อนมาก^_^”เขาไม่ว่าเปล่าพลางใช้ฟันขบเม้มที่ติ่งหูของฉันเบาๆอี๋สกปรกที่สุด!!“อี๋ๆๆทุเรศ!”ฉันร้องโวยวายพลา
คฤหาสน์ ซานโต้ห้องนอนมิซาโนะ22:30น.“อื้อออออ”ฉันครวญครางขึ้นอีกครั้งเมื่อรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก หรือว่าฉันกำลังโดนผีอำ?“อื้อ”ฉันร้องในลำคอพลางขยับตัวแต่ก็ขยับไม่ได้พอลืมตามาก็มองไม่เห็นอะไรเพราะรอบๆข้างมันมืดไปหมด ฉันจับได้ว่าฉันนอนดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนที่นอนที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของและเผลอหลับไป ใช่ฉันหลับแต่ตอนนี้ฉันตื่นแล้ว“อื้อออออ”ฉันดิ้นอีกครั้งแต่ดูเหมือนยิ่งฉันดิ้น ร่างของฉันก็ยิ่งโดนรัดแรงขึ้นแต่เอ๊ะ รัดอย่างงั้นเหรองั้นแสดงว่าฉันไม่ได้โดนผีอำน่ะสิ“อย่าดิ้นได้ไหมคุณ…ผมง่วง”เสียงงัวเงียของซาโนะดังกระซิบที่ข้างหูฉันพร้อมกับแรงกดเบาๆที่แก้มของฉันทำให้ฉันเองที่ก็ง่วงๆสะลึมๆอยู่ก็ตามตื่นทันที ไอ้บ้านี้มันแต๊ะอั๋งฉันอีกแล้วน่ะเว้ยเฮ้ย ครั้งนี้ต้นฝนคนนี้จะไม่ยอม!!!พรึบ ตุ๊บ“โอ้ยยยยยยยย”เสียงร้องโหยหวนของมิซาโนะดังลั่นเมื่อฉันใช้เท้าทั้งสองข้างถีบร่างของอีตาซาโนะให้ออกไปจากตัวฉันอย่างแรงจนทำให้ร่างสูงโปร่งของมิซาโนะตกลงไปจากที่นอนพรึบ“ไอ้บ้า!!!คุณเอาแต่แต๊ะอั๋งฉันจนทำให้ฉันไม่มีค่าอะไรแล้วเนี่ย!!”ฉันเปิดไฟหัวเตียงและโวยใส่เขาทันที ซาโนะที่มีอาการงัวเงียๆอยู่ก็เอาม
“ผมรีบเคลียร์งานหนิครับ หิวไส้จะขาดแล้ว”ซาโนะพูดบอกคุณป้าไปด้วยนำ้เสียงออดอ้อน ทำให้ฉันที่ในปากยังคาบช้อนอยู่ต้องหันไปมองซาโนะที่ตัวโตยังกะควายยังอ้อนแม่เหมือนเด็กๆอยู่อีก“มองไร?”ซาโนะที่รู้ได้ว่ามีฉันกำลังนั่งมองอยู่ก็หันหน้ามามองหน้าฉันและเอ่ยถามฉันมาด้วยน้ำเสียงเเข็งๆเพื่อกลบเกลื่อนความอายน่ะสิ“ทานข้าวเถอะลูก”คุณป้ารีบห้ามทัพทันทีเมื่อฉันไม่ตอบซาโนะแต่กลับยักคิ้วให้เขาอย่างกวนๆทำให้ซาโนะไม่พอใจ“ครับ^_^”ว๊ายเจอลูกแหง่เพิ่มอีกหนึ่งอัตรา^_^คนนั้นคือมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ที่มีนามว่า มิซาโนะ ซานโต้“คริๆๆ”ฉันแอบขำทำให้ซาโนะที่นั่งอยู่ข้างๆเอาเท้าเขามาเขี่ยเท้าฉันอย่างแรงทำให้ฉันแทบจะสำลักข้าวในปากขวับฉันหันไปจะเอาเรื่องซาโนะแต่เขากลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ลอยหน้าลอยตาเคี้ยวข้าวตุ้ยๆเหมือนเด็กสายตาของเขาก็จดจ้องไปที่แม่ของเขา อีตาบ้านี้มันกวน!!“มหาวิทยาลัยเป็นยังไงบ้างหนูโยโกะ โอเคไหม?”เสียงของคุณลุงซาโอะที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยถามฉันขึ้นหลังจากที่ท่านไม่ได้พูดอะไรเอาแต่นั่งยิ้มมองสองแม่ลูกนั้นออดอ้อนกัน“ก็..”ฉันที่กำลังจะบอกคุณลุงแต่ก็โดนมิซาโนะเอ่ยตัดหน้าฉันไปอย่างไว“เธอจะไปรู้ได้ยังไงกัน
คฤหาสน์ซานโต้….ต้นฝน ซาโยะโกะจัง…..“อื้อออ”ฉันบิดตัวไปมาแล้วค่อยๆลืมตาขึ้นมองไปรอบๆก็พบกับห้องนอนขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งเป็นโทนสีดำสลับขาวมีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ?”เสียงนุ่มท่าทางใจดีของใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นทำให้ฉันหันไปมองเสียงนั้นอย่างไว ก็พบกับหญิงสาวอายุน่าจะเลขห้าแล้วน่ะ เธอกำลังยืนยิ้มให้ฉันอยู่ด้วยท่าทางใจดี“ค่ะ”ฉันตอบเขาไปพลางทำหน้าสงสัยและดูเหมือนเธอจะเข้าใจสีหน้าของฉันน่ะ“ป้าเป็นแม่ของซาโนะน่ะจ๊ะหนูโยโกะ^_^”เธอเอ่ยกลับมาด้วยท่าทางยิ้มแย้มและเป็นมิตร แม่ของซาโนะอย่างนั้นเหรอ“สวัสดีค่ะ^_^”ฉันรีบยกมือไหว้เพื่อสวัสดีเธอแต่เธอก็ยกมือขึ้นมารับไหว้ฉันด้วยท่าทางเก้ๆกังๆน่ะ อ๋อใช่สิเธอเป็นคนญี่ปุ่นหนิหนา เมื่อนึกได้ยังงั้นฉันก็สบัดตัวลุกขึ้นยืนและโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อทำการทักทายแบบคนญี่ปุ่น“こんにちは(คนนิจิวะ)”ฉันเอ่ยทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่นเธอไป“こんにちは(คนนิจิวะ)”เธอเองก็โค้งตัวเล็กน้อยและทักทายฉันกลับมาเป็นภาษาญี่ปุ่นเช่นกัน“หนูโยโกะทำตัวสบายๆเลยจ๊ะไม่ต้องเกร็งนะ”แม่ของซาโนะเอ่ยขึ้นพลางเดินเข้ามาหาฉันใบหน้าของเธอเต็ทไปด้วยรอยยิ้มที่ใจดีทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย“หิวรึยั
เอี๊ยดฉันมาจอดหน้าตึกอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งและสอดส่องสายตามองเข้าไปก็พบกับร่างสูงที่คุ้นตาของใครคนหนึ่งกำลังทำหน้าตาเคร่งเครียดเอามือเท้าเอวเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมที่คอสามเม็ดโชว์รอยสักที่คอเท่ๆของเขาสวมกางเกงผ้าเตื้อดีสีดำทับในอย่างเท่เขายืนอยู่ตรงหน้าชายกลุ่มของชายชุดดำที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังของอีตานั้นโดยสายตาของพวกเขามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วงปนความเครียดแค้นและยังมีชายชุดดำยืนประกบข้างซาโนะอีกนับสิบคนและที่ทำให้ฉันสะดุดตามากที่สุดก็คือ กลุ่มชายชุดดำอีกกลุ่มหนึ่งจำนวนห้าคนกำลังพากันรุมกระทืบผู้ชายในชุดสูทสีแดงที่นอนอยู่บนพื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย“อีตานักเลงเอ้ย!ป่าเถื่อนที่สุด!”ฉันสบถขึ้นพลางจ้องมองอีตานั้นที่เดินไปคร่อมร่างของชายคนนั้นและจับคอเสื้อเขาขึ้นมามองหน้าตัวเองชายคนนั้นก็เหมือนคนที่กำลังจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่และต่อมความเสือกก็เข้ามาทันที ฉันรีบเปิดประตูรถอย่างแผ่วเบาและรีบนั่งย่องๆให้เข้าไปใกล้คนพวกนั้นมากที่สุดเพื่อจะฟังบทสนทนาได้ชัดเจนขึ้น“แกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบการค้าผู้หญิง!!”ซาโนะตวาดเสียงดังอย่างดุดันใบหน้าของเขาแสดงถึงความโกรธมากๆใบหน้าที่เคยเป็นสีขาวอมชมพูบัดนี้ได
คฤหาสน์ มิยาชิตะ07:00น.ต้นฝน ซาโยโกะจัง... “ทำไมลูกถึงอยากอยู่ที่นี้แล้วล่ะ?”เสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจที่ต้องไม่แสดงออกมามากของท่านมิซานเอ่ยขึ้น ฉันที่กำลังก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่ก็ต้องเงยหน้ากลับไปมองเขา“ก็อยากอยู่แล้ว อยู่ที่นี้สบายดีไม่ต้องทำงาน”ฉันบอกเขาไปและก้มหน้ากินข้าวต่อเพื่อจะไปมหาลัย“อย่างงั้นเหรอลูก ดีแล้วที่หนูชอบพ่อจะได้หมดห่วง”ท่านมิซานเอ่ยขึ้นมาด้วยนำ้เสียงดีใจ “ฉันจะไม่หนีอีกแต่มีข้อแม้”ฉันว่าพลางวางช้อนกับส้อมและเงยหน้าขึ้นไปมองท่านมิซานที่เขาเอาแต่นั่งจ้องหน้าฉัน“ข้อแม้?….อะไรเหรอลูก?”ท่านมิซานเอ่ยถามฉันมาด้วยสีหน้ากังวลใจ ฉันก็จึงกรีดรอยยิ้ม“ฉันไม่เอาบอดี้การ์ดฉันต้องการความเป็นส่วนตัว ขอเงินและการติดต่อกับทุกคนได้เพราะคนอย่างฉันพูดคำไหนคำนั้นคือไม่หนีก็คือไม่หนีถ้าคุณไม่เชื่อคำพูดฉัน”ฉันเว้นระยะและจ้องหน้าเขาพร้อมกับกรีดรอยยิ้มที่ชั่วร้ายที่สุดให้เขาดู“ฉันจะหนีทุกอย่างเมื่อมีโอกาส”“โอเคลูก พ่อเชื่อคำหนูพ่อจะให้ทุกอย่างที่หนูต้องการ”เมื่อท่านนายกพูดเสร็จเขาก็ดีดนิ้วดังเป๊าแล้วสักพักก็มีบอดี้การ์ดชุดดำสามคนเดินถือถาดของอะไรมาก็ไม่รู้ ฉันก็มองมันอย่างสงสัย
คฤหาสน์ ซานโต้มิซาโนะ ซานโต้……“ลูกชาย^_^”เสียงร้องออกมาด้วยความดีใจของผู้หญิงที่ผมรัก ร้องทักผมพร้อมกับผมที่เดินเข้าไปสวมกอดท่านด้วยความคิดถึง“ลมอะไรหอบลูกมาเนี่ยซาโนะ?”แม่ของผมเอ่ยถามผมทันทีที่ท่านผละกอดไปจากผม ผมก็ยิ้มให้ท่าน เพราะตั้งแต่ปลายฟ้าแต่งงานกับไอ้ริวผมก็เข้าไปบริหารงานเองทุกอย่าง งานผมเยอะจนไม่มีเวลากลับบ้านมาหาแม่ของผม ครั้งสุดท้ายที่กลับมาก็เมื่อตอนที่ผมเจอยัยโยโกะครั้งแรกนั้นแหละ “ผมจะกลับมาอยู่ที่นี้แล้วครับ”“อ้าวทำไมล่ะ ทำไมลูกไม่ไปอยู่กับหนูซาโยโกะจังล่ะ?”แม่ผมร้อนใจถามผม ผมก็เอื้อมมือไปจับมือมาผมมากุมไว้ด้วยความเคารพรัก แม่คือผู้หญิงที่แกร่งที่สุดในสายตาผมผมรักท่าน“เธอกลับไปอยู่กับพ่อของเธอแล้วครับ”ผมตอบแม่ไปพลางเดินโอบเอวท่านไปยังห้องนั่งเล่นและพาท่านนั่งลงบนโซฟาตัวแพงและผมก็เอนตัวลงนอนตักแม่ของผม ท่านก็ยื่นมือมาลูบกลุ่มผมของผมอย่างแผ่วเบา“อ้าวหนูโยโกะเธอเข้าใจพ่อของเธอแล้วเหรอ?”“เปล่าหรอกครับแม่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆนะครับ”ผมบอกแม่ไปพลางจับมือท่านมาแนบกับแก้มของผมแม่ของผมก็ยิ้มขำ“ชอบหนูซาโยโกะเหรอลูก ถึงอยากจะเข้าใจเธอน่ะ?”“เปล่าน
คฤหาสน์ มิยาชิตะต้นฝน ซาโยโกะจัง...“คุณหนูคะ คุณหนูของมาม่าซัง^_^”เสียงร้องด้วยความดีใจของมาม่าซังเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นร่างของฉันเดินเข้ามาภายในบ้าน ฉันก็ยิ้มและอ้าแขนรอรับร่างของมาม่าซังที่วิ่งเข้ามาสวมกอดฉันด้วยความคิดถึงพรึบ“คุณหนูของมาม่าซัง คิดถึงจังเลยค่ะ^_^”มาม่าซังผละกอดออกจากฉันแล้วเอ่ยบอกฉันด้วยนำ้เสียงและแววตาที่จริงจัง“หนูก็คิดถึงมาม่าซังค่ะ^_^”ฉันเอ่ยบอกมาม่าซังกลับไปและในทันใดนั้นสายตาของฉันก็ไปสบเข้ากับดวงตาสีนำ้ตาลที่สั่นไหวเขากำลังมองมาที่ฉันและยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ใครคนนั้นก็คือท่านมิซานท่านนายกรัฐมนตรียังไงล่ะ“คุณหนูมาเที่ยวเหรอคะ?”มาม่าซังเอ่ยถามฉัน ฉันก็ละสายตามามองหน้ามาม่าซังและยิ้มกว้างขึ้น“เปล่าหรอกค่ะ หนูจะกลับมาอยู่ที่นี้และหนูก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”ฉันพูดออกมาด้วยนำ้เสียงเยือกเย็นและเเข็งกร้าว“ลูกหมายความว่ายังไงโยโกะ?”ท่านมิซานเอ่ยถามฉันด้วยนำ้เสียงสงสัยปนแปลกใจกับคำพูดของฉัน“ผมเอาคุณหนูโยโกะมาคืนท่านครับ”มิซาโนะที่เดินตามหลังฉันมาเอ่ยขึ้น ทำให้ท่านมิซานมีสีหน้าที่ตกใจหนักกว่าเดิม“หมายความว่ายังไงซาโนะ?”ท่านมิซานเอ่ยถามซาโนะซาโนะก็ค่อยๆเดินก้มศี
“ไม่น่ะ ถ้าคุณไม่ขัดใจผมหรือขัดคำสั่งผม”เขาตอบฉันมาพลางยักคิ้วข้างหนึ่งให้ฉัน ฉันก็จิ๊ปากใส่เขาและเอาแผ่นหลังพิงพนักที่นั่งและเอามือขึ้นมากอดอกและมองออกไปนอกเรือและได้ยินเสียงปืนดังถี่รัวแบบไม่มีหยุดพัก เหมือนเกาะนั้นกำลังเกิดสงครามกันอยู่“ที่คุณถูกทำร้ายเป็นแผนของแฟนพี่ปลายฟ้าเหรอคะ?”ฉันที่นึกขึ้นได้ก็รีบหันไปถามซาโนะแต่ในจังหวะนั้นฉันที่หันเร็วและซาโนะก็เกิดจะหันมาหาฉันอีกเหมือนกันทำให้ใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันและจมูกชนกันเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวฉันหยุดนิ่งไปเหมือนโดนหยุดเวลา ไม่มีอะไรขยับเคลื่อนไหวมีเพียงแค่ลมหายใจของฉันที่ผ่อนเข้าออกด้วยอาการแปลกๆเพราะหัวใจเต้นรัวเเเรงทำให้ลมหายใจติดขัด“จูบ”ฉันเบิกตาโตขึ้นทั้งสองข้างเมื่อมิซาโนะคนฉวนโอกาสขยับใบหน้าหล่อของเขาเข้ามาหาฉันพร้อมกับกดริมฝีปากนุ่มๆของเขาลงมาแนบชิดกับริมฝีปากของฉัน พรึบ“ไอ้คนฉวยโอกาส นายจูบฉันสี่ครั้งแล้วนะ!!”ฉันผลักร่างของซาโนะให้ออกไปจากฉันอย่างแรงจนร่างของเขาล้มลงไปอยู่บนพื้นเรือและฉันก็ลุกขึ้นยืนชี้หน้าว่าเขาพลางใช้มืออีกข้างถูริมฝีปากของตัวเองไปด้วย ลูกน้องของซาโนะรีบวิ่งเข้าไปพยุงร่างของผู้เป็นนายให้ลุกขึ้นยืน