ด้านล่างของฟลอร์เต้นรำ เสียงดนตรีดังกระหึ่ม เนยเต้นอย่างเป็นธรรมชาติและสนุกสนานกับเจคทุกจังหวะของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ยากจะต้านทาน จนกระทั่งเพลงเปลี่ยนเป็นแนวสโลว์ เนยไม่ลังเลที่จะยกแขนขึ้นโอบรอบคอของเจค ดวงตาของเธอพราวระยับ แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์และยั่วยวน ริมฝีปากบางยิ้มอย่างเชิญชวนเจคที่เคยเจอผู้หญิงมาเยอะ ยังต้องใจสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เสน่ห์ของเนยมันเกินต้านทาน เขาไม่เคยพบใครที่มีอำนาจดึงดูดใจได้มากเท่านี้มาก่อน ทุกสัมผัสและการเคลื่อนไหวของเธอทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปได้ ความใกล้ชิดนี้กำลังทำให้เขาสูญเสียการควบคุมตัวเองทีละน้อย“คุณเนย...” เจคเอ่ยเบาๆ แต่เหมือนติดอยู่ในความรู้สึกที่หลงใหล ขณะที่เนยเพียงยิ้มและยืนใกล้เขายิ่งขึ้นเนยยังคงโอบรอบคอของเจคเต้นไปตามจังหวะเพลงสโลว์ ดวงตาเป็นประกายพราวเย้ายวน เสน่ห์ของเธอทำให้เจคหลงใหลจนแทบลืมตัว ขณะที่เนยใช้โอกาสนี้ดึงข้อมูลบางอย่างออกจากเขาอย่างแยบยล“คุณเจค... คุณเดินทางไปหลายประเทศบ่อยๆ แบบนี้ คงเหนื่อยน่าดูนะคะ” เนยพูดเสียงนุ่ม พลางโน้มตัวเข้าใกล้ ทำให้เจคได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเธอ“ใช่ครับ” เจคพยักหน้า ดวงตาของเขาจับจ้องเนยเ
เย็นวันศุกร์ขณะที่เนยกำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน แพรก็ชะโงกหน้าเข้ามา พร้อมถามด้วยความตื่นเต้น“วันนี้ไปอีคลิปส์อีกปะ?” แพรยังติดใจผับของเคนไม่หาย“วันนี้ไม่แน่ใจเลย ไม่รู้เลยว่าพี่เหมยนัดกับนายเจคที่ไหน” เนยตอบขณะเก็บของลงกระเป๋า“แล้วเมื่อวานได้อะไรมั่งปะ?” แพรที่รู้เรื่องพี่เหมยอาจโดนเจคหลอก ถามด้วยความอยากรู้เนยนิ่งไปครู่หนึ่ง“ก็... ยังไม่แน่ใจ ต้องลองคุยกับเฮียก่อนน่ะ”แพรถอนหายใจแรง “โห! เธออุตส่าหลอกล่อขนาดนั้น ไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยเหรอ”ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“ใครหลอกล่อใครนะ?”ทั้งสองสาวสะดุ้งพร้อมกัน แพรรีบหันไปมองเบียร์ที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ไม่ไกล แววตาเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“อึ๋ย! เอ่อ...ฉันนึกได้ว่ามีธุระด่วน ไปก่อนนะ!” แพรรีบชิ่งทันที“อ้าว! เทกันงี้เลยเรอะ” เนยร้องตามเพื่อน ก่อนจะหันมายิ้มแหยๆ ให้เบียร์“หืม?ใครหลอกใคร?” เบียร์เลิกคิ้วมองเธออย่างคาดโทษ สายตาของเขาจับจ้องร่างบางอย่างไม่ละความสงสัย“อ๊ะ...อึ๊...อ๊า...ช้าหน่อย...อ๊า”เสียงครางหวานของเนยสั่นสะท้าน ทุกการเคลื่อนไหวของเบียร์ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกจุดไฟไปทั้งร่าง เขาเร่งจังหวะขึ้นเรื่
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น รู้สึกถึงความระบมทั่วร่างกาย ความเหนื่อยล้าจากค่ำคืนที่ผ่านมายังหลงเหลืออยู่ เธอขยับตัวเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกถึงอ้อมแขนแข็งแรงของเบียร์ที่กอดรัดเธอไว้แน่น ร่างของเธอยังคงอบอุ่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของเบียร์ดังขึ้นใกล้ๆ หู เขาก้มลงมองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา“เธอเป็นไงมั่ง?”เนยกัดริมฝีปากเบาๆ พลางพยายามหลบสายตา แต่ไม่อาจซ่อนความเขินอายและความระบมในร่างกายได้“ฉัน...ปวดตัวไปหมดเลย...” เธอพึมพำออกมาเสียงเบา ร่างกายยังคงอ่อนล้าจากค่ำคืนที่หนักหน่วงเบียร์ยิ้มกว้างกว่าเดิม“ก็เธอทำให้ฉันหึงเอง... ก็ต้องลงโทษซะหน่อย” เขาพูดพลางก้มลงจูบที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เนยหน้าแดงจัด พยายามเบือนหน้าหลบ“แต่นายก็...ไม่ต้องโหดขนาดนั้นก็ได้...” เธอพึมพำเบาๆ ด้วยความเขิน“ฉันยังไม่ได้ใช้แรงเต็มที่เลยนะ” เบียร์กระซิบข้างหูเธอพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เสียงพร่า สายตาของเขายังเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ขณะที่เขายังคงกอดเธอไว้แน่น ร่างกายทั้งสองแนบชิดกั
ทันใดนั้น เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือของเนยก็ดังขึ้น หญิงสาวหันไปมอง ก่อนจะลุกจากตักของเบียร์แล้วเดินไปหยิบมันขึ้นมาดู ข้อความจากเคนปรากฏบนหน้าจอ‘ยัยหนู คืนนี้ผับแฟนธอมเวล (Phantom Veil) จะส่งของเถื่อน’ ข้อความจากเคนบ่งบอกถึงงานคืนนี้ที่เธอต้องทำ‘โอเค เฮีย คืนนี้เจอกัน’ เนยพิมพ์ตอบกลับทันที ก่อนจะหันไปมองเบียร์ที่จ้องเธออยู่อย่างสงสัย“คืนนี้นายไปกะฉันดิ” เนยยิ้มหวานเดินเข้าไปหาเบียร์และนั่งคร่อมลงบนตัก พลางยกแขนโอบรอบคอของเขา ใบหน้าของเธอใกล้จนแทบสัมผัสกัน แววตาเต็มไปด้วยความยั่วยวนเบียร์มองเธอด้วยรอยยิ้มมุมปาก เขารู้ทันความเจ้าเล่ห์ของเนยทุกครั้ง มือหนาค่อยๆ โอบเอวเธอไว้แน่น ก่อนจะดึงเธอเข้ามาใกล้มากขึ้น“เธอนี่มัน...” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ พลางใช้จมูกซุกไซร้ไปตามแก้มนวลเนียน“มีแผนอะไรอีกล่ะ?” เขากระซิบถาม พลางขยับจมูกไปสัมผัสที่ข้างหูของเธอ ทำให้เธอสะท้านไปทั้งร่าง“ก็แค่...อยากให้นายรู้จักฉัน” เนยตอบพร้อมรอยยิ้มยั่ว แววตาของเธอพราวระยับ มือของเธอลูบไล้ไปตามต้นคอของเขาเบาๆ ก่อนจะยื่นริมฝีปากเข้าไปใกล้ปากของเขา ทิ้งระยะห่างเพียงเล็กน้อยเหมือนกำลังจะจูบ แต่ก็หยุดไว้แค่นั้น ท
ขณะเดียวกันทางด้านเจคกำลังเตรียมแผนการขั้นต่อไปเพื่อหลอกสกายลาร์ หรือพี่เหมย ให้หลงเชื่อในธุรกิจที่เขาสร้างขึ้นมาปกปิดการหลอกลวงของเขาเย็นวันนั้น เจคและพี่เหมยนัดเจอกันที่ร้านอาหารหรูใจกลางเมือง Crescendo Fine Dining ซึ่งเป็นร้านอาหารประกอบไปด้วยอาหารสไตล์ตะวันตกและอาหารฟิวชั่น โดยเน้นใช้วัตถุดิบชั้นดีจากทั่วโลก เช่น สเต๊กเนื้อวากิว อาหารทะเลสดใหม่ ฟัวกราส์ และของหวานสุดพิเศษ รสชาติถูกสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน และการจัดจานสวยงามราวกับงานศิลปะบรรยากาศของร้านอบอุ่น โรแมนติก แสงไฟอ่อน ๆ ทำให้ทุกอย่างดูราบรื่นและสงบ เธอมาถึงที่ร้านด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพราะคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะได้อยู่กับคนที่เธอเชื่อใจที่สุดเมื่อพี่เหมยมาถึง เจคยืนขึ้นจากโต๊ะ ส่งยิ้มให้เธออย่างอบอุ่น ก่อนดึงเก้าอี้ให้เธอนั่ง“คุณเหมย สวยจังวันนี้” เขาชมพลางมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประทับใจ“ขอบคุณค่ะ” พี่เหมยหน้าแดงเล็กน้อย“ที่คุณเจคนัดวันนี้ มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ?”เจคหัวเราะเบาๆ พลางนั่งลง“จริงๆ ผมแค่คิดถึงคุณ อยากทานมื้อค่ำด้วยกัน... แต่ก็มีอีกเรื่องที่ผมอยากพูดถึงด้วย”พี่เหมยมอง
ด้านหน้าผับ แฟนธอม เวล รถตู้สีดำหลายคันจอดอยู่ในมุมอับสายตาผู้คน ท่ามกลางความมืดและบรรยากาศเงียบงันที่เต็มไปด้วยความระแวดระวัง ภายในรถตู้คันหนึ่ง เนยกำลังนั่งอยู่กับอุปกรณ์เจาะระบบทางไซเบอร์ บรรยากาศเงียบสงัด มีเพียงเสียงนิ้วมือของเนที่กำลังพิมพ์คีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว เพื่อเจาะระบบรักษาความปลอดภัยของผับเบียร์นั่งอยู่ข้างๆ เนย สายตาเหลือบมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง คืนนี้เนยมาในลุคที่พร้อมบู๊เต็มที่ เธอสวมเสื้อเกราะหนังสีดำที่แนบลำตัวพอดี รูปร่างโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยเสื้อแจ็กเก็ตหนังสีน้ำตาลเข้มที่มีซิปหลายจุด กางเกงยีนส์ทรงสกินนี่สีเข้มที่ยืดหยุ่นและทนทาน ทำให้เธอเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว รองเท้าบูทหุ้มข้อสีดำติดซิปข้าง เสริมพื้นหนาและมั่นคง พร้อมลุยทุกสถานการณ์ผมของเนยถูกรวบเป็นหางม้าอย่างทะมัดทะแมง ไม่ให้เกะกะระหว่างปฏิบัติการ ใบหน้าของเธอแต่งเบาๆ แต่คมเข้ม โดยเฉพาะดวงตาที่แต่งด้วยเฉดสีเข้ม ทำให้เธอดูเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นยิ่งขึ้นเนยยิ้มมุมปากก่อนจะสอดแขนเข้ามาใกล้ พลางเอาคางเกยไหล่ของเบียร์อย่างเป็นธรรมชาติ“ตื่นเต้นปะ?” เธอกระซิบเสียงเบา แววตาของเธอเป็นประกายเย้ายวน“ถ้าได้แอบทำ
วันรุ่งขึ้น เจคพาพี่เหมยมาเดินเล่นในห้างหรูใจกลางเมือง บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น ทุกอย่างดูสบาย ๆ ไม่มีความเร่งรีบ พี่เหมยยิ้มแย้มอย่างสดใสตลอดทาง ขณะที่มือของเธอถูกเจคจับไว้เบา ๆ ความอบอุ่นจากสัมผัสของเขาทำให้เธอรู้สึกสบายใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นเจคเองก็มีท่าทีผ่อนคลายและดูแลเธอเป็นพิเศษ เขาหยอกล้อและพูดคุยกับพี่เหมยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รอยยิ้มอบอุ่นของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบสดใสขึ้น เจคไม่ได้แค่พาเธอมาเดินเล่น แต่เขาใส่ใจในทุกการกระทำ ตั้งแต่การจับมือ ไปจนถึงการเลือกของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาคิดว่าเธอจะชอบทุกครั้งที่พี่เหมยยิ้ม เจคจะยิ้มตอบกลับอย่างอ่อนโยน ราวกับว่าการได้เห็นเธอมีความสุขคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขา การใช้เวลาด้วยกันในวันนี้ทำให้พี่เหมยเชื่อมั่นในตัวเขามากขึ้น ความอบอุ่นที่เจคส่งผ่านทางสายตาและการกระทำ ทำให้พี่เหมยยิ่งรู้สึกว่าเธอได้เจอคนที่เธอไว้ใจและพึ่งพาได้อย่างแท้จริงเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงธนาคาร เจคไม่ได้แสดงอาการเร่งรีบ เขาหันมามองพี่เหมยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“ถ้าคุณไม่สะดวกตอนนี้ เราจะไปทำอย่างอื่นก่อนก็ได้นะครับ”พี่เหมยมองเขาด้วยความซาบซ
เช้าวันจันทร์ พี่เหมยเดินเข้ามาที่ออฟฟิศด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม อารมณ์ดีจนพนักงานหลายคนต้องหันมามอง เธอทักทายทุกคนที่เดินผ่านด้วยความสดใสและเบิกบาน ราวกับว่าโลกทั้งใบเป็นสีชมพู“สวัสดีจ้ะทุกคน! ทำงานกันให้เต็มที่นะ” พี่เหมยพูดเสียงใส ขณะเดินผ่านโต๊ะพนักงานบางคนพนักงานทุกคนต่างพากันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ เพราะปกติพี่เหมยเป็นคนที่เรียบร้อย สุขุม และไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาแบบนี้แพรที่นั่งอยู่ข้างเนยกระซิบเบาๆ“พี่เหมยกินยาลืมเขย่าขวดปะวะ?”เนยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกระซิบตอบ“ไม่รู้ดิ อารมณ์ดีอะไรเบอร์นั้น สงสัยจะโดนเจคหลอกจนเคลิ้มแน่เลย”“หรือว่าเมื่อคืนนี้พี่เหมยไปเดทกับคุณเจคอีก?” แพรแซวต่อด้วยแววตาล้อเลียนเนยยิ้มมุมปากพร้อมพยักหน้า“ชัวร์ ยิ้มหน้าบานซะขนาดนั้นคงไม่ใช่แค่เดทธรรมดาแล้วล่ะ” เธอพูดพลางทำท่าทางเลียนแบบการยิ้มของพี่เหมยแพรหัวเราะขำกับท่าทางของเนย“แหม ถ้าแบบนั้นจริง พี่เหมยก็คงจะไม่พลาดแล้วล่ะสิ”ทั้งสองคนหัวเราะกันเบาๆ แต่ในใจของเนยกลับไม่ค่อยสบายใจนัก เธอยังคงกังวลเรื่องเจคกับแผนการที่เขากำลังทำกับพี่เหมย แม้ว่าเธอจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพี่เหมย แต่ดูเหมือนเจคจะยังคงหลอกล่อแ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ