วันรุ่งขึ้น เจคพาพี่เหมยมาเดินเล่นในห้างหรูใจกลางเมือง บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น ทุกอย่างดูสบาย ๆ ไม่มีความเร่งรีบ พี่เหมยยิ้มแย้มอย่างสดใสตลอดทาง ขณะที่มือของเธอถูกเจคจับไว้เบา ๆ ความอบอุ่นจากสัมผัสของเขาทำให้เธอรู้สึกสบายใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นเจคเองก็มีท่าทีผ่อนคลายและดูแลเธอเป็นพิเศษ เขาหยอกล้อและพูดคุยกับพี่เหมยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รอยยิ้มอบอุ่นของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบสดใสขึ้น เจคไม่ได้แค่พาเธอมาเดินเล่น แต่เขาใส่ใจในทุกการกระทำ ตั้งแต่การจับมือ ไปจนถึงการเลือกของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาคิดว่าเธอจะชอบทุกครั้งที่พี่เหมยยิ้ม เจคจะยิ้มตอบกลับอย่างอ่อนโยน ราวกับว่าการได้เห็นเธอมีความสุขคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขา การใช้เวลาด้วยกันในวันนี้ทำให้พี่เหมยเชื่อมั่นในตัวเขามากขึ้น ความอบอุ่นที่เจคส่งผ่านทางสายตาและการกระทำ ทำให้พี่เหมยยิ่งรู้สึกว่าเธอได้เจอคนที่เธอไว้ใจและพึ่งพาได้อย่างแท้จริงเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงธนาคาร เจคไม่ได้แสดงอาการเร่งรีบ เขาหันมามองพี่เหมยด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“ถ้าคุณไม่สะดวกตอนนี้ เราจะไปทำอย่างอื่นก่อนก็ได้นะครับ”พี่เหมยมองเขาด้วยความซาบซ
เช้าวันจันทร์ พี่เหมยเดินเข้ามาที่ออฟฟิศด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม อารมณ์ดีจนพนักงานหลายคนต้องหันมามอง เธอทักทายทุกคนที่เดินผ่านด้วยความสดใสและเบิกบาน ราวกับว่าโลกทั้งใบเป็นสีชมพู“สวัสดีจ้ะทุกคน! ทำงานกันให้เต็มที่นะ” พี่เหมยพูดเสียงใส ขณะเดินผ่านโต๊ะพนักงานบางคนพนักงานทุกคนต่างพากันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ เพราะปกติพี่เหมยเป็นคนที่เรียบร้อย สุขุม และไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาแบบนี้แพรที่นั่งอยู่ข้างเนยกระซิบเบาๆ“พี่เหมยกินยาลืมเขย่าขวดปะวะ?”เนยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะกระซิบตอบ“ไม่รู้ดิ อารมณ์ดีอะไรเบอร์นั้น สงสัยจะโดนเจคหลอกจนเคลิ้มแน่เลย”“หรือว่าเมื่อคืนนี้พี่เหมยไปเดทกับคุณเจคอีก?” แพรแซวต่อด้วยแววตาล้อเลียนเนยยิ้มมุมปากพร้อมพยักหน้า“ชัวร์ ยิ้มหน้าบานซะขนาดนั้นคงไม่ใช่แค่เดทธรรมดาแล้วล่ะ” เธอพูดพลางทำท่าทางเลียนแบบการยิ้มของพี่เหมยแพรหัวเราะขำกับท่าทางของเนย“แหม ถ้าแบบนั้นจริง พี่เหมยก็คงจะไม่พลาดแล้วล่ะสิ”ทั้งสองคนหัวเราะกันเบาๆ แต่ในใจของเนยกลับไม่ค่อยสบายใจนัก เธอยังคงกังวลเรื่องเจคกับแผนการที่เขากำลังทำกับพี่เหมย แม้ว่าเธอจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพี่เหมย แต่ดูเหมือนเจคจะยังคงหลอกล่อแ
เย็นวันนั้น เจคพาพี่เหมยไปดินเนอร์อีกครั้งที่ร้านอาหารหรูใจกลางเมือง บรรยากาศอบอวลไปด้วยแสงเทียนและดนตรีแจ๊ซเบา ๆ ทำให้ทุกอย่างดูโรแมนติกอย่างสมบูรณ์แบบหลังจากทานอาหารกันเสร็จ เจคยิ้มอ่อนโยนให้พี่เหมย ขณะที่พวกเขานั่งจิบไวน์กันอยู่ที่โต๊ะ“คุณเหมย...” เจคเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล“ผมมีข่าวดีเกี่ยวกับโครงการที่เราลงทุนไปคราวก่อนครับ ตอนนี้ผมได้รับการติดต่อจากพาร์ทเนอร์ฝั่งยุโรปมา พวกเขาเสนอให้เราร่วมลงทุนเพิ่มอีกเล็กน้อย เพื่อขยายโครงการ ซึ่งมันจะทำให้เรามีกำไรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเลยทีเดียว”พี่เหมยหยุดนิ่งไปชั่วครู่ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความสนใจ แต่ก็ยังมีความลังเลอยู่เล็กน้อย“อีกเหรอคะ? ฉันเพิ่งลงทุนไปไม่กี่วันเอง”เจคยิ้มบางๆ พลางจับมือของพี่เหมยเบาๆ สัมผัสของเขาทำให้พี่เหมยรู้สึกอุ่นใจ“ผมเข้าใจครับ แต่คิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีมากจริงๆ ผมไม่อยากให้คุณพลาดโอกาสสำคัญแบบนี้ แต่ถ้าคุณยังไม่พร้อม เรารอได้ครับ”พี่เหมยยิ้มอย่างอายๆ“แล้ว...ถ้าฉันจะลงทุนเพิ่มล่ะคะ ควรทำยังไงดี?”“ถ้าคุณเหมยสะดวก” เจคยิ้มอ่อนโยน“จ่ายเป็นเช็คก็น่าจะง่ายที่สุดนะครับ เพราะไม่ต้องโอนเงินทันที คุณสามารถเตรีย
หลังจากที่พี่เหมยจ่ายเช็คจำนวน 5 ล้านบาทให้เจคไปแล้ว เธอก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ทุกอย่างดูปกติดีจนกระทั่งเธอเริ่มติดต่อเจคไม่ได้ โทรศัพท์ที่เธอโทรหาเขาไม่เคยมีคนรับ ข้อความที่เธอส่งไปก็ไม่เคยได้รับการตอบกลับจากเจคอีกเลย ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นในใจพี่เหมยทีละน้อย เธอพยายามจะบอกตัวเองว่าเขาอาจจะติดงานหรือยุ่งอยู่กับธุรกิจตามที่เคยบอกไว้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป การที่เธอไม่สามารถติดต่อเขาได้ทำให้ความกังวลนั้นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว“ทำไมติดต่อไม่ได้เลยนะ...” พี่เหมยพึมพำกับตัวเองขณะกดโทรหาเจคเป็นครั้งที่สิบของวัน แต่ปลายสายกลับมีเพียงเสียงสัญญาณที่ไม่มีใครตอบรับ เธอนั่งอยู่ในห้องทำงาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน ไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไรต่อไปดี เธอไม่อยากยอมรับว่าตัวเองอาจจะถูกหลอก แต่น้ำเสียงอ่อนโยนและท่าทางมั่นใจของเจคเมื่อครั้งที่คุยกันยังคงติดอยู่ในหัวของเธอ คำพูดที่เขาบอกว่าทุกอย่างจะไปได้สวยและการลงทุนครั้งนี้จะทำให้เธอร่ำรวยขึ้นมากยังคงก้องอยู่ในใจในขณะเดียวกัน ทางฝั่งเนย เธอไม่ได้ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ การค้นพบข้อมูลจากเบียร์เกี่ยวกับเส้นทางการเงินของเ
เมืองเวียนนา ออสเตรียเมื่อพวกเนย เคน เบียร์ และฮิโร่เดินทางมาถึงเมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย บรรยากาศของเมืองที่เงียบสงบ แต่แฝงไปด้วยความงดงามจากสถาปัตยกรรมโบราณ ตัดกับความทันสมัยในตัวเมือง ทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยหลังจากผ่านการเดินทางยาวนาน ทั้งหมดก็ตรงไปยังโรงแรมสุดหรูชื่อว่า ‘โฮเทล ไคเซอร์ฮอฟ เวียน’ (Hotel Kaiserhof Wien) เป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเวียนนา มีการตกแต่งสไตล์คลาสสิกผสมผสานความทันสมัย ให้บรรยากาศเงียบสงบและหรูหรา พร้อมวิวที่งดงามของเมืองเวียนนา“โรงแรมนี้ดูดีมากเลยนะ” เบียร์พึมพำออกมาขณะที่ก้าวเข้ามาในล็อบบี้สุดหรู สายตาเขามองไปรอบๆ สไตล์การตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างความโมเดิร์นและคลาสสิก ทุกอย่างดูเรียบหรู แต่แฝงไปด้วยความเงียบสงบที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย“ก็น่าจะหรูอยู่แล้ว นายคิดว่าใครจัดการให้?” เคนหันไปพูดอย่างติดตลก สายตายังมองไปที่แผนกต้อนรับเมื่อพวกเขาเช็กอินเสร็จเรียบร้อย พนักงานได้จัดห้องพักหรูหราสองห้อง โดยเบียร์กับเนยพักห้องหนึ่ง ส่วนเคนกับฮิโร่พักอีกห้อง“คืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้เรามีงานใหญ่” เคนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เหลือบมองไป
ในขณะเดียวกันที่ไทยเนนั่งหน้าแล็ปทอปภายในห้องนั่งเล่นที่บ้าน ข้างๆ เขา คือ แพรที่กำลังมองหน้าจอของเนอย่างตั้งใจ“นายแฮกได้แล้วใช่มั้ย?” แพรถาม“อีกแปป...” เนพึมพำเนจดจ่ออยู่หน้าแล็ปท็อป คิ้วขมวดเป็นปมขณะที่เขาเร่งมือพิมพ์โค้ดต่างๆ บนคีย์บอร์ด ความสามารถในการแฮกของเขาไม่ธรรมดา หลังจากพยายามดักจับสัญญาณโทรศัพท์มือถือของเจคมาหลายชั่วโมง ในที่สุดเขาก็เจอสัญญาณที่ตามหา“ได้แล้ว... สัญญาณโทรศัพท์ของเจคแสดงว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพเลยนี่” เนยิ้มเล็กน้อย เมื่อเห็นข้อมูลขึ้นบนหน้าจอ“ไหนดูหน่อย” แพรรีบชะโงกเข้ามาดูใกล้ๆ“เขาอยู่ที่ย่านธุรกิจแถวนี้เอง แต่อาจจะมีการตั้งค่าให้เบอร์หลอกตำแหน่งเอาไว้ เดี๋ยวฉันต้องหาทางเจาะให้ลึกลงไปอีกหน่อย” เนพูดอย่างมีสมาธิ ก่อนจะพิมพ์รหัสชุดใหม่ลงไปในโปรแกรมแพรมองหน้าเนด้วยความกังวล“เราต้องรีบหาตัวเขา ก่อนที่เขาจะหนีไปเหมือนคราวก่อน”เนพยักหน้า ก่อนจะเร่งมือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม“ได้เรื่องละ…เขาน่าจะอยู่ที่โรงแรม ‘ออเรียนทอล พาร์ค’ เดี๋ยวฉันจะเจาะระบบกล้องวงจรปิดของโรงแรมด้วย” เนบอกชื่อโรงแรมหลังจากเจาะข้อมูลได้สำเร็จ“ดีเลย งั้นเราไปกัน” แพรตอบพร้อมกับหยิบก
เบียร์เริ่มทำการโอนเงินครั้งละนิดจากบัญชีของแก๊งไวท์สตาร์เข้าสู่บัญชีปลอมที่เขาสร้างขึ้น“ตอนนี้เราจะเริ่มดูดเงินของพวกมันออกมา ฉันจะทำให้มันดูเหมือนธุรกรรมปกติ ไม่มีอะไรผิดปกติ” เบียร์กล่าวเงินจำนวนมหาศาลเริ่มไหลเข้าสู่บัญชีปลอมที่เบียร์สร้างขึ้น โดยที่พวกแก๊งไวท์สตาร์ไม่ทันได้รู้ตัว เบียร์แบ่งการโอนเงินออกเป็นหลายครั้ง เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตและสร้างความสงสัย“เงินเริ่มไหลเข้ามาในบัญชีปลอมแล้ว” เบียร์รายงานเสียงเย็น“สวย” เนยยิ้มพอใจ ขณะที่ดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงรายการธุรกรรมที่ถูกปลอมขึ้นมา“ต่อไปฉันจะสร้างร่องรอยปลอมให้พวกมันตามไป” เบียร์กล่าว เขาพิมพ์คำสั่งลงบนคีย์บอร์ดเพื่อสร้างเส้นทางการโอนเงินปลอมเบียร์สร้างร่องรอยปลอมของเส้นทางการเงิน โดยทำให้ดูเหมือนเงินถูกโอนออกจากบัญชีของแก๊งไวท์สตาร์ไปยังบัญชีในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบัญชีในสวิตเซอร์แลนด์ เกาะเคย์แมน หรือธนาคารอื่นๆ ที่มีความลับสูง เขาจัดการกระจายเงินออกไปตามเส้นทางปลอมหลายสาย เพื่อให้พวกมันต้องตามหาเงินที่หายไป“ร่องรอยปลอมสร้างเสร็จแล้ว ทีนี้ก็ปล่อยให้พวกมันตามหาเงินที่ไม่เคยมีจริงต่อไป” เบียร์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
บรรยากาศในตึกของแก๊งไวท์สตาร์เงียบสงัดเกินไป มันคือความเงียบที่เต็มไปด้วยอันตราย ขณะที่เนย ฮิโร่ และเคน เดินลึกเข้าไปเรื่อย ๆ หยดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากของพวกเขา“พวกเรากำลังจะถึงห้องควบคุมแล้ว” เคนกระซิบเบา ๆ ผ่านหูฟัง เบียร์ที่คอยมอนิเตอร์สถานการณ์จากในรถตู้ตอบกลับมาทันที“โอเค ฉันเห็นนายอยู่ในแผนที่ ตอนนี้มีกล้องอยู่หน้าอีกห้องหนึ่ง ฉันจะปิดให้” เบียร์พิมพ์คำสั่งอย่างรวดเร็ว เสียงคีย์บอร์ดดังไม่หยุด จนกล้องวงจรปิดที่ควบคุมทางเดินในตึกหยุดทำงานในไม่กี่วินาทีต่อมา“ไปได้” เสียงของเบียร์บอกผ่านหูฟังเคนหันมาพยักหน้าให้เนยกับฮิโร่ ก่อนที่พวกเขาจะบุกตรงไปยังประตูห้องควบคุม เนยหยุดยืนชิดกำแพง เธอเอามือแตะประตูเบา ๆ ฟังเสียงภายในห้อง“มีคนอยู่ข้างใน...อย่างน้อยสามคน” เนยกระซิบให้ทุกคนในทีมฟัง ฮิโร่พยักหน้าเงียบ ๆ เคนยกมือขึ้นแล้วส่งสัญญาณให้ฮิโร่เตรียมพร้อม“ฮิโร่ บุกจากขวา ฉันจะเข้าจากซ้าย ยัยหนูคุมกลาง ถ้าเห็นอเล็กซ์ จัดการให้เร็วที่สุด เข้าใจไหม?” เคนสั่งการด้วยเสียงจริงจังเนยพยักหน้ารับ ก่อนจะเตรียมพร้อม เธอหายใจลึก ๆ เพื่อทำใจให้สงบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ