เช้าวันหนึ่งขณะที่พี่เหมยกำลังนั่งดื่มกาแฟในห้องทำงานอย่างอารมณ์ดี เพราะตอนเย็นเธอมีนัดทานข้าวกับเจค ขณะที่เลื่อนดูโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ข้อความจากเจคก็เด้งขึ้นมา“เหมยครับ วันนี้ผมมีข่าวดีจะบอก”พี่เหมยยิ้มทันทีเมื่อเห็นข้อความนี้ เธอกดเข้าไปอ่านและตอบกลับด้วยความตื่นเต้น“ข่าวดีอะไรเหรอคะ?”“โปรเจกต์การลงทุนที่ผมทำอยู่ มันสำเร็จไปได้ด้วยดี ผมเลยอยากแบ่งปันโอกาสนี้กับคุณ... แต่มีเรื่องนิดหน่อย ต้องการเงินลงทุนเพิ่มอีกนิดเพื่อขยายธุรกิจ แต่ผมอยากให้คุณมีส่วนร่วม คุณสนใจมั้ย?" ข้อความของเจคดูสุภาพและน่าเชื่อถือเหมือนเคยพี่เหมยอ่านแล้วเริ่มคิด แม้จะมีความกังวลเล็กน้อย แต่ด้วยความเชื่อใจที่มีต่อเจค เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกดีๆ ที่เขามอบให้ได้นอกจากเขาจะเป็นคนอบอุ่นและน่ารักแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขายังเป็นไปด้วยดีมาตลอดหลายเดือน“เท่าไหร่เหรอคะ?” พี่เหมยพิมพ์ตอบไป พร้อมใจเต้นแรง“แค่ 500,000 บาทครับ ผมจะดูแลเรื่องทุกอย่างเอง คุณแค่ร่วมลงทุนเล็กน้อยและนั่งรอรับกำไรได้เลย”พี่เหมยรู้สึกลังเลเล็กน้อย เงินจำนวนนี้ไม่ใช่น้อย แต่เจคเป็นคนที่เธอเชื่อใจ และเขาดูประสบความสำเร็จในธุรกิจอยู่แล้ว
บรรยากาศภายในผับอีคลิปส์ ลักซ์ เล้าจน์ คึกคักกว่าปกติ เสียงเพลงจังหวะหนัก ๆ กระหึ่มไปทั่ว พร้อมกับแสงไฟสลัวสีม่วงที่สะท้อนกับผนังกระจกทำให้ที่นี่ดูหรูหราและน่าหลงใหล ผู้คนต่างสนุกสนานไปกับการดื่มและเต้นรำ เนยเดินนำพี่เหมยและเพื่อนๆ เดินผ่านฝูงชนเข้าไปหาเคนที่ยืนรออยู่ด้านใน“เฮีย นี่เพื่อนหนูค่ะ” เนยพูดพลางยิ้มสดใส แนะนำเพื่อนทุกคนให้เคนรู้จักเคนที่ยืนอยู่ตรงบาร์ในลุคเท่ห์และดุดัน หันมามองพร้อมกับยิ้มรับอย่างเป็นมิตร “สวัสดีครับ”เนยยิ้มหวานแล้วแนะนำพี่เหมยทันที “นี่พี่เหมย หัวหน้าหนูเอง” เคนยกยิ้มมุมปากอย่างสุภาพ “โอ้ ขอบคุณที่ดูแลยัยหนูให้ผมนะครับ” เขาหันไปทักทายพี่เหมยด้วยท่าทางเป็นกันเองจากนั้นเนยหันไปทางเจคที่ดูตื่นเต้นกับบรรยากาศของผับอีคลิปส์ “ส่วนนี่แฟนพี่เหมยค่ะ คุณเจค”เจคยิ้มก่อนจะยื่นมือออกไปทักทายเคน “สวัสดีครับ ผับของคุณดูดีมากเลย” เขาพูดอย่างประทับใจเคนยิ้มรับ ก่อนจะยื่นมือออกไปจับมือกับเจค “ขอบคุณสำหรับคำชมครับ” เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ แต่ขณะที่ปล่อยมือ สายตาของเคนก็เหลือบไปเห็น รอยสักรูปดาวสีขาวบนพื้นดำ ที่ข้อมือด้านในของเจค เขามองอย่างรวดเร็วแต่จดจำได้ทันทีว่
ด้านล่างของฟลอร์เต้นรำ เสียงดนตรีดังกระหึ่ม เนยเต้นอย่างเป็นธรรมชาติและสนุกสนานกับเจคทุกจังหวะของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ยากจะต้านทาน จนกระทั่งเพลงเปลี่ยนเป็นแนวสโลว์ เนยไม่ลังเลที่จะยกแขนขึ้นโอบรอบคอของเจค ดวงตาของเธอพราวระยับ แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์และยั่วยวน ริมฝีปากบางยิ้มอย่างเชิญชวนเจคที่เคยเจอผู้หญิงมาเยอะ ยังต้องใจสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เสน่ห์ของเนยมันเกินต้านทาน เขาไม่เคยพบใครที่มีอำนาจดึงดูดใจได้มากเท่านี้มาก่อน ทุกสัมผัสและการเคลื่อนไหวของเธอทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปได้ ความใกล้ชิดนี้กำลังทำให้เขาสูญเสียการควบคุมตัวเองทีละน้อย“คุณเนย...” เจคเอ่ยเบาๆ แต่เหมือนติดอยู่ในความรู้สึกที่หลงใหล ขณะที่เนยเพียงยิ้มและยืนใกล้เขายิ่งขึ้นเนยยังคงโอบรอบคอของเจคเต้นไปตามจังหวะเพลงสโลว์ ดวงตาเป็นประกายพราวเย้ายวน เสน่ห์ของเธอทำให้เจคหลงใหลจนแทบลืมตัว ขณะที่เนยใช้โอกาสนี้ดึงข้อมูลบางอย่างออกจากเขาอย่างแยบยล“คุณเจค... คุณเดินทางไปหลายประเทศบ่อยๆ แบบนี้ คงเหนื่อยน่าดูนะคะ” เนยพูดเสียงนุ่ม พลางโน้มตัวเข้าใกล้ ทำให้เจคได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเธอ“ใช่ครับ” เจคพยักหน้า ดวงตาของเขาจับจ้องเนยเ
เย็นวันศุกร์ขณะที่เนยกำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน แพรก็ชะโงกหน้าเข้ามา พร้อมถามด้วยความตื่นเต้น“วันนี้ไปอีคลิปส์อีกปะ?” แพรยังติดใจผับของเคนไม่หาย“วันนี้ไม่แน่ใจเลย ไม่รู้เลยว่าพี่เหมยนัดกับนายเจคที่ไหน” เนยตอบขณะเก็บของลงกระเป๋า“แล้วเมื่อวานได้อะไรมั่งปะ?” แพรที่รู้เรื่องพี่เหมยอาจโดนเจคหลอก ถามด้วยความอยากรู้เนยนิ่งไปครู่หนึ่ง“ก็... ยังไม่แน่ใจ ต้องลองคุยกับเฮียก่อนน่ะ”แพรถอนหายใจแรง “โห! เธออุตส่าหลอกล่อขนาดนั้น ไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยเหรอ”ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“ใครหลอกล่อใครนะ?”ทั้งสองสาวสะดุ้งพร้อมกัน แพรรีบหันไปมองเบียร์ที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ไม่ไกล แววตาเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“อึ๋ย! เอ่อ...ฉันนึกได้ว่ามีธุระด่วน ไปก่อนนะ!” แพรรีบชิ่งทันที“อ้าว! เทกันงี้เลยเรอะ” เนยร้องตามเพื่อน ก่อนจะหันมายิ้มแหยๆ ให้เบียร์“หืม?ใครหลอกใคร?” เบียร์เลิกคิ้วมองเธออย่างคาดโทษ สายตาของเขาจับจ้องร่างบางอย่างไม่ละความสงสัย“อ๊ะ...อึ๊...อ๊า...ช้าหน่อย...อ๊า”เสียงครางหวานของเนยสั่นสะท้าน ทุกการเคลื่อนไหวของเบียร์ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกจุดไฟไปทั้งร่าง เขาเร่งจังหวะขึ้นเรื
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น รู้สึกถึงความระบมทั่วร่างกาย ความเหนื่อยล้าจากค่ำคืนที่ผ่านมายังหลงเหลืออยู่ เธอขยับตัวเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกถึงอ้อมแขนแข็งแรงของเบียร์ที่กอดรัดเธอไว้แน่น ร่างของเธอยังคงอบอุ่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของเบียร์ดังขึ้นใกล้ๆ หู เขาก้มลงมองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา“เธอเป็นไงมั่ง?”เนยกัดริมฝีปากเบาๆ พลางพยายามหลบสายตา แต่ไม่อาจซ่อนความเขินอายและความระบมในร่างกายได้“ฉัน...ปวดตัวไปหมดเลย...” เธอพึมพำออกมาเสียงเบา ร่างกายยังคงอ่อนล้าจากค่ำคืนที่หนักหน่วงเบียร์ยิ้มกว้างกว่าเดิม“ก็เธอทำให้ฉันหึงเอง... ก็ต้องลงโทษซะหน่อย” เขาพูดพลางก้มลงจูบที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เนยหน้าแดงจัด พยายามเบือนหน้าหลบ“แต่นายก็...ไม่ต้องโหดขนาดนั้นก็ได้...” เธอพึมพำเบาๆ ด้วยความเขิน“ฉันยังไม่ได้ใช้แรงเต็มที่เลยนะ” เบียร์กระซิบข้างหูเธอพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เสียงพร่า สายตาของเขายังเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ขณะที่เขายังคงกอดเธอไว้แน่น ร่างกายทั้งสองแนบชิดกั
ทันใดนั้น เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือของเนยก็ดังขึ้น หญิงสาวหันไปมอง ก่อนจะลุกจากตักของเบียร์แล้วเดินไปหยิบมันขึ้นมาดู ข้อความจากเคนปรากฏบนหน้าจอ‘ยัยหนู คืนนี้ผับแฟนธอมเวล (Phantom Veil) จะส่งของเถื่อน’ ข้อความจากเคนบ่งบอกถึงงานคืนนี้ที่เธอต้องทำ‘โอเค เฮีย คืนนี้เจอกัน’ เนยพิมพ์ตอบกลับทันที ก่อนจะหันไปมองเบียร์ที่จ้องเธออยู่อย่างสงสัย“คืนนี้นายไปกะฉันดิ” เนยยิ้มหวานเดินเข้าไปหาเบียร์และนั่งคร่อมลงบนตัก พลางยกแขนโอบรอบคอของเขา ใบหน้าของเธอใกล้จนแทบสัมผัสกัน แววตาเต็มไปด้วยความยั่วยวนเบียร์มองเธอด้วยรอยยิ้มมุมปาก เขารู้ทันความเจ้าเล่ห์ของเนยทุกครั้ง มือหนาค่อยๆ โอบเอวเธอไว้แน่น ก่อนจะดึงเธอเข้ามาใกล้มากขึ้น“เธอนี่มัน...” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ พลางใช้จมูกซุกไซร้ไปตามแก้มนวลเนียน“มีแผนอะไรอีกล่ะ?” เขากระซิบถาม พลางขยับจมูกไปสัมผัสที่ข้างหูของเธอ ทำให้เธอสะท้านไปทั้งร่าง“ก็แค่...อยากให้นายรู้จักฉัน” เนยตอบพร้อมรอยยิ้มยั่ว แววตาของเธอพราวระยับ มือของเธอลูบไล้ไปตามต้นคอของเขาเบาๆ ก่อนจะยื่นริมฝีปากเข้าไปใกล้ปากของเขา ทิ้งระยะห่างเพียงเล็กน้อยเหมือนกำลังจะจูบ แต่ก็หยุดไว้แค่นั้น
ยามเช้าวันจันทร์แรกของสัปดาห์ เส้นทางจราจรในกรุงเทพฯ ที่ปกติก็หนาแน่นอยู่แล้ว ยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่อมีอุบัติเหตุบนถนนสุขุมวิท เสียงดีเจรายงานข่าวจราจรผ่านวิทยุยิ่งทำให้หญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะหน้าถึงกับขมวดคิ้วด้วยความรำคาญใจ“จะติดอะไรนักหนานะ... ขอแค่ไปให้ถึงสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชก็เท่านั้นเอง” หญิงสาวบ่นออกมาเสียงเบา พลางก้มลงดูนาฬิกาข้อมือของเธอ ซึ่งบอกเวลา 7.30 น. เข้าไปแล้ว“บ่นเป็นคนแก่ไปได้ รถมันก็ติดแบบนี้ทุกวัน” ชายสูงอายุที่ทำหน้าที่ขับรถพูดล้อเลียนเบาๆ“แหม...เนยต้องรีบไปทำงานนะคะ เมื่อวานก็ไปสายทีนึงแล้ว ที่สำคัญคุณพ่อไม่ต้องทำงานแล้วนี่คะ” เนยตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดพ่อของเนยเป็นข้าราชการที่เพิ่งปลดเกษียณเมื่อปีที่ผ่านมา และในช่วงนี้เขามักมีเวลาว่างพอจะทำสิ่งต่างๆ ในชีวิต รวมถึงการขับรถไปส่งลูกสาวสุดที่รักที่สถานีรถไฟฟ้า ห่างจากบ้านไม่ถึง 5 กิโลเมตร แต่วันนี้การจราจรกลับหยุดนิ่งเนื่องจากมีเหตุคนปีนขึ้นไปบนอาคารที่ทำงานของสถานีตำรวจพระโขนง ทำให้มีผู้คนมุงดูและการจราจรติดขัดอย่างหนัก“โห...แบบนี้เนยไปทำงานไม่ทันแน่เลยค่ะ ขึ้นมอเตอร์ไซค์ดีกว่า” หญิงสาวเริ่มกังวลกับเวลาที่ว
ทันทีที่เนยเดินออกมา แพรที่รออยู่หน้าออฟฟิศรีบถามขึ้นทันที“เป็นไงบ้างเนย?”“ก็...ไม่มีอะไรนี่” เนยตอบอย่างไม่ใส่ใจ ยักไหล่เล็กน้อยพร้อมยิ้มกวนๆ ก่อนจะเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง“ไม่มีอะไร? ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่เหมยจะปล่อยเธอมาแบบไม่มีอะไร” แพรเดินตามเพื่อนสาวอย่างสงสัย“ทุกคนรู้ว่าพี่เหมยดุเหมือนสิงโต แกปล่อยเธอมาได้ยังไงเนี่ย?” แพรพูดด้วยสีหน้างุนงง เพราะพี่เหมยเป็นที่รู้จักในเรื่องความดุและการลงโทษพนักงานอย่างเคร่งครัด“คงเพราะ...ฉันดวงดีมั้ง” เนยตอบอย่างไม่ใส่ใจ พลางวางเอกสารบนโต๊ะและจัดของให้เข้าที่“เธอเนี่ยนะ ดวงดี?” แพรย้อนถามเสียงสูง พร้อมจ้องหน้าเนยเหมือนไม่อยากจะเชื่อ“เอาเป็นว่าฉันทำงานสำเร็จ ลูกค้าสมัครบัตรเครดิตกับฉัน นั่นก็คงเป็นเหตุผลที่พี่เหมยไม่ลงโทษฉันล่ะมั้ง” เนยพูดสั้นๆ ตัดบทอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ดีว่าแพรคงไม่หยุดถามหากเธอไม่ตอบให้ชัดเจน“พูดถึงเรื่องงาน ฉันได้ยินมาว่าผู้จัดการแบงก์สาขาเยาวราชยอมสมัครบัตรกับเธอแล้วจริงไหม?” แพรถามอย่างสงสัย“ใช่ ทำไมเหรอ?” เนยหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางออกมาเตรียมแต่งหน้า“ไม่อยากเชื่อเลย! เขาบอกเองว่าไม่เคยสนใจสมัครบัตรเครดิตกับบริ