ช่วงสายของวันอาทิตย์เบียร์กำลังนั่งอยู่หน้าแล็ปทอป มือพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดด้วยความรวดเร็วและตั้งใจ ทักษะของแฮกเกอร์ที่เขามีถูกใช้ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับรอยสักรูปดาวสีขาวบนพื้นดำ ซึ่งดูเหมือนจะมีความเกี่ยวข้องกับบางแก๊งที่เนยสงสัย“ได้ไรมั่ง?” เนยถามขึ้น ขณะที่เดินเข้ามาหาเขาในชุดเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของเบียร์ เธอปล่อยเสื้อให้ดูหลวมและไม่ได้ติดกระดุมบน ทำให้เห็นเนินอกขาวรำไร ดึงดูดสายตาของเบียร์ทันทีเบียร์เหลือบตามองเธอ รู้สึกใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ แต่พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง “มาดูเองสิ” เขาพูดพร้อมกับดึงตัวเนยมานั่งลงบนตักของเขาเนยเลื่อนสายตามองหน้าจอแล็ปทอปที่เต็มไปด้วยข้อมูลและภาพต่างๆ ที่เบียร์ค้นเจอ “นี่ไง ฉันเจอข้อมูลเกี่ยวกับรอยสักนี้แล้ว” เบียร์พูดขณะชี้ไปที่ภาพบนหน้าจอ เป็นข้อมูลที่เขาขุดมาได้จากแหล่งข่าวใต้ดินเกี่ยวกับแก๊งที่ชื่อ ไวท์สตาร์ กลุ่มอาชญากรระดับนานาชาติที่ขึ้นชื่อเรื่องการหลอกลวงในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการฟอกเงินและโรแมนซ์สแกม“รอยสักรูปดาวสีขาวบนพื้นดำ เป็นสัญลักษณ์ของแก๊งไวท์สตาร์” เบียร์อธิบายเสียงทุ้ม ขณะเดียวกันเขาก็ใช้จมูกไซร้ไปตามซอกคอขาวของเนย ฝ่ามือใหญ่ล้วง
สิ้นเดือนเป็นช่วงที่วุ่นวายมาก แต่ครั้งนี้เนยไม่ต้องปวดหัวกับคอมพิวเตอร์ที่ชอบรวนอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอมีแล็ปทอปใหม่ที่เพิ่งซื้อมา เนยเรียกรายงานยอดขายของเธอประจำเดือนออกมาอย่างราบรื่น เพื่อเตรียมทำพรีเซนต์สำหรับการประชุมกับผู้บริหารในสัปดาห์ถัดไปขณะที่เธอกำลังพิมพ์งานอย่างขะมักเขม้น เสียงทุ้มต่ำคุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “เครื่องใหม่เป็นไงมั่ง?” เนยหันไปมองทันที เจอใบหน้าที่คุ้นเคยของเบียร์ พร้อมรอยยิ้มประจำตัว เธออดยิ้มตอบไม่ได้ “ดีมากเลย งานลื่นไหลมาก”“ดีใจด้วย” เบียร์พูดพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน ดวงตาของเขามองแล็ปทอปใหม่ของเธออย่างพอใจ “ไม่ต้องมาปวดหัวกับเครื่องเก่าอีกแล้วใช่มั้ย?”“ใช่เลย” เนยหัวเราะเบา ๆ พลางหันกลับมาที่จอ เธอรู้สึกโล่งใจที่ปัญหาเดิมๆ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เก่าไม่กลับมากวนใจเธออีก“หวานกันจังนะ มดเดินตามมาหมดรังละมั้ย?” แพรชะโงกหน้าแซวคู่เบียร์กับเนย พร้อมยิ้มขี้เล่น“พี่แพร อย่าแซวพี่เนยสิคะ” ที่เดินมาพร้อมกับบีหัวเราะคิกคัก“แต่หนูว่า คู่ที่หวานกว่าพี่เนยต้องเป็นพี่เหมยมากกว่าอีกค่ะ” เจี๊ยบที่เดินมาพร้อมกับบีหัวเราะคิกคัก“หืม? พี่เหมยอะนะ?” แพรหันขวับไปถามด้วย
คฤหาสน์แบล็ควอล์ค ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลของภูเขาในยุโรปตะวันตก รายล้อมด้วยป่าเขียวชอุ่มและทะเลสาบที่ดูสงบเยือกเย็น แต่อบอวลด้วยบรรยากาศที่แฝงความมืดมนและอันตราย ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบคฤหาสน์นี้พร้อมจะกลืนกินผู้ที่ไม่ควรย่างกรายเข้ามาตัวคฤหาสน์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิกที่ทั้งใหญ่โตและโอ่อ่า ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่หลายเอเคอร์ กำแพงสูงล้อมรอบเพื่อป้องกันการบุกรุก ขณะที่ระบบรักษาความปลอดภัยถูกจัดการอย่างแน่นหนา ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่ทุกซอกมุม ระบบเซ็นเซอร์ และหน่วยทหารรับจ้างที่คอยลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง คฤหาสน์แห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นที่หลบซ่อนของสมาชิกแก๊ง แบล็ควอล์ค แต่ยังเป็นเหมือนด่านสุดท้ายสำหรับคนที่ถูกจับตามองหรือผู้ที่ถูกหักหลังด้านในคฤหาสน์ การตกแต่งเต็มไปด้วยความหรูหรา แต่กลับสร้างบรรยากาศกดดันและอึดอัด เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดเป็นไม้โอ๊คสีเข้มที่มีลายสลักซับซ้อน ผนังปกคลุมด้วยผ้าม่านหนาหนัก โคมไฟระย้าทองเหลืองเก่าแก่ห้อยอยู่จากเพดานสูง ซึ่งแสงจากโคมไฟนั้นส่องสลัว เผยให้เห็นความเคร่งขรึมของสถานที่ห้องประชุมลับตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินของคฤหาสน์ ถูกสร้างขึ้นจากอิฐแ
เช้าวันหนึ่งขณะที่พี่เหมยกำลังนั่งดื่มกาแฟในห้องทำงานอย่างอารมณ์ดี เพราะตอนเย็นเธอมีนัดทานข้าวกับเจค ขณะที่เลื่อนดูโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ข้อความจากเจคก็เด้งขึ้นมา“เหมยครับ วันนี้ผมมีข่าวดีจะบอก”พี่เหมยยิ้มทันทีเมื่อเห็นข้อความนี้ เธอกดเข้าไปอ่านและตอบกลับด้วยความตื่นเต้น“ข่าวดีอะไรเหรอคะ?”“โปรเจกต์การลงทุนที่ผมทำอยู่ มันสำเร็จไปได้ด้วยดี ผมเลยอยากแบ่งปันโอกาสนี้กับคุณ... แต่มีเรื่องนิดหน่อย ต้องการเงินลงทุนเพิ่มอีกนิดเพื่อขยายธุรกิจ แต่ผมอยากให้คุณมีส่วนร่วม คุณสนใจมั้ย?" ข้อความของเจคดูสุภาพและน่าเชื่อถือเหมือนเคยพี่เหมยอ่านแล้วเริ่มคิด แม้จะมีความกังวลเล็กน้อย แต่ด้วยความเชื่อใจที่มีต่อเจค เธอก็ไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกดีๆ ที่เขามอบให้ได้นอกจากเขาจะเป็นคนอบอุ่นและน่ารักแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขายังเป็นไปด้วยดีมาตลอดหลายเดือน“เท่าไหร่เหรอคะ?” พี่เหมยพิมพ์ตอบไป พร้อมใจเต้นแรง“แค่ 500,000 บาทครับ ผมจะดูแลเรื่องทุกอย่างเอง คุณแค่ร่วมลงทุนเล็กน้อยและนั่งรอรับกำไรได้เลย”พี่เหมยรู้สึกลังเลเล็กน้อย เงินจำนวนนี้ไม่ใช่น้อย แต่เจคเป็นคนที่เธอเชื่อใจ และเขาดูประสบความสำเร็จในธุรกิจอยู่แล้ว
บรรยากาศภายในผับอีคลิปส์ ลักซ์ เล้าจน์ คึกคักกว่าปกติ เสียงเพลงจังหวะหนัก ๆ กระหึ่มไปทั่ว พร้อมกับแสงไฟสลัวสีม่วงที่สะท้อนกับผนังกระจกทำให้ที่นี่ดูหรูหราและน่าหลงใหล ผู้คนต่างสนุกสนานไปกับการดื่มและเต้นรำ เนยเดินนำพี่เหมยและเพื่อนๆ เดินผ่านฝูงชนเข้าไปหาเคนที่ยืนรออยู่ด้านใน“เฮีย นี่เพื่อนหนูค่ะ” เนยพูดพลางยิ้มสดใส แนะนำเพื่อนทุกคนให้เคนรู้จักเคนที่ยืนอยู่ตรงบาร์ในลุคเท่ห์และดุดัน หันมามองพร้อมกับยิ้มรับอย่างเป็นมิตร “สวัสดีครับ”เนยยิ้มหวานแล้วแนะนำพี่เหมยทันที “นี่พี่เหมย หัวหน้าหนูเอง” เคนยกยิ้มมุมปากอย่างสุภาพ “โอ้ ขอบคุณที่ดูแลยัยหนูให้ผมนะครับ” เขาหันไปทักทายพี่เหมยด้วยท่าทางเป็นกันเองจากนั้นเนยหันไปทางเจคที่ดูตื่นเต้นกับบรรยากาศของผับอีคลิปส์ “ส่วนนี่แฟนพี่เหมยค่ะ คุณเจค”เจคยิ้มก่อนจะยื่นมือออกไปทักทายเคน “สวัสดีครับ ผับของคุณดูดีมากเลย” เขาพูดอย่างประทับใจเคนยิ้มรับ ก่อนจะยื่นมือออกไปจับมือกับเจค “ขอบคุณสำหรับคำชมครับ” เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ แต่ขณะที่ปล่อยมือ สายตาของเคนก็เหลือบไปเห็น รอยสักรูปดาวสีขาวบนพื้นดำ ที่ข้อมือด้านในของเจค เขามองอย่างรวดเร็วแต่จดจำได้ทันทีว่
ด้านล่างของฟลอร์เต้นรำ เสียงดนตรีดังกระหึ่ม เนยเต้นอย่างเป็นธรรมชาติและสนุกสนานกับเจคทุกจังหวะของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ยากจะต้านทาน จนกระทั่งเพลงเปลี่ยนเป็นแนวสโลว์ เนยไม่ลังเลที่จะยกแขนขึ้นโอบรอบคอของเจค ดวงตาของเธอพราวระยับ แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์และยั่วยวน ริมฝีปากบางยิ้มอย่างเชิญชวนเจคที่เคยเจอผู้หญิงมาเยอะ ยังต้องใจสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เสน่ห์ของเนยมันเกินต้านทาน เขาไม่เคยพบใครที่มีอำนาจดึงดูดใจได้มากเท่านี้มาก่อน ทุกสัมผัสและการเคลื่อนไหวของเธอทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปได้ ความใกล้ชิดนี้กำลังทำให้เขาสูญเสียการควบคุมตัวเองทีละน้อย“คุณเนย...” เจคเอ่ยเบาๆ แต่เหมือนติดอยู่ในความรู้สึกที่หลงใหล ขณะที่เนยเพียงยิ้มและยืนใกล้เขายิ่งขึ้นเนยยังคงโอบรอบคอของเจคเต้นไปตามจังหวะเพลงสโลว์ ดวงตาเป็นประกายพราวเย้ายวน เสน่ห์ของเธอทำให้เจคหลงใหลจนแทบลืมตัว ขณะที่เนยใช้โอกาสนี้ดึงข้อมูลบางอย่างออกจากเขาอย่างแยบยล“คุณเจค... คุณเดินทางไปหลายประเทศบ่อยๆ แบบนี้ คงเหนื่อยน่าดูนะคะ” เนยพูดเสียงนุ่ม พลางโน้มตัวเข้าใกล้ ทำให้เจคได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของเธอ“ใช่ครับ” เจคพยักหน้า ดวงตาของเขาจับจ้องเนยเ
เย็นวันศุกร์ขณะที่เนยกำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน แพรก็ชะโงกหน้าเข้ามา พร้อมถามด้วยความตื่นเต้น“วันนี้ไปอีคลิปส์อีกปะ?” แพรยังติดใจผับของเคนไม่หาย“วันนี้ไม่แน่ใจเลย ไม่รู้เลยว่าพี่เหมยนัดกับนายเจคที่ไหน” เนยตอบขณะเก็บของลงกระเป๋า“แล้วเมื่อวานได้อะไรมั่งปะ?” แพรที่รู้เรื่องพี่เหมยอาจโดนเจคหลอก ถามด้วยความอยากรู้เนยนิ่งไปครู่หนึ่ง“ก็... ยังไม่แน่ใจ ต้องลองคุยกับเฮียก่อนน่ะ”แพรถอนหายใจแรง “โห! เธออุตส่าหลอกล่อขนาดนั้น ไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยเหรอ”ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“ใครหลอกล่อใครนะ?”ทั้งสองสาวสะดุ้งพร้อมกัน แพรรีบหันไปมองเบียร์ที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ไม่ไกล แววตาเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“อึ๋ย! เอ่อ...ฉันนึกได้ว่ามีธุระด่วน ไปก่อนนะ!” แพรรีบชิ่งทันที“อ้าว! เทกันงี้เลยเรอะ” เนยร้องตามเพื่อน ก่อนจะหันมายิ้มแหยๆ ให้เบียร์“หืม?ใครหลอกใคร?” เบียร์เลิกคิ้วมองเธออย่างคาดโทษ สายตาของเขาจับจ้องร่างบางอย่างไม่ละความสงสัย“อ๊ะ...อึ๊...อ๊า...ช้าหน่อย...อ๊า”เสียงครางหวานของเนยสั่นสะท้าน ทุกการเคลื่อนไหวของเบียร์ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกจุดไฟไปทั้งร่าง เขาเร่งจังหวะขึ้นเรื
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น รู้สึกถึงความระบมทั่วร่างกาย ความเหนื่อยล้าจากค่ำคืนที่ผ่านมายังหลงเหลืออยู่ เธอขยับตัวเล็กน้อย แต่กลับรู้สึกถึงอ้อมแขนแข็งแรงของเบียร์ที่กอดรัดเธอไว้แน่น ร่างของเธอยังคงอบอุ่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของเบียร์ดังขึ้นใกล้ๆ หู เขาก้มลงมองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา“เธอเป็นไงมั่ง?”เนยกัดริมฝีปากเบาๆ พลางพยายามหลบสายตา แต่ไม่อาจซ่อนความเขินอายและความระบมในร่างกายได้“ฉัน...ปวดตัวไปหมดเลย...” เธอพึมพำออกมาเสียงเบา ร่างกายยังคงอ่อนล้าจากค่ำคืนที่หนักหน่วงเบียร์ยิ้มกว้างกว่าเดิม“ก็เธอทำให้ฉันหึงเอง... ก็ต้องลงโทษซะหน่อย” เขาพูดพลางก้มลงจูบที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เนยหน้าแดงจัด พยายามเบือนหน้าหลบ“แต่นายก็...ไม่ต้องโหดขนาดนั้นก็ได้...” เธอพึมพำเบาๆ ด้วยความเขิน“ฉันยังไม่ได้ใช้แรงเต็มที่เลยนะ” เบียร์กระซิบข้างหูเธอพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เสียงพร่า สายตาของเขายังเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ขณะที่เขายังคงกอดเธอไว้แน่น ร่างกายทั้งสองแนบชิดกั