บรรยากาศในร้านอาหาร Bistro 88 นั้นอบอุ่นและเป็นกันเอง เสียงดนตรีแจ๊สเบาๆ ลอยมาเข้าหู ขณะที่เบียร์นั่งรอเนยอยู่ที่โต๊ะติดกระจก เขามองดูเมนูอาหารพลางยิ้มเมื่อคิดถึงตอนที่ได้เจอเธอไม่นานนัก เนยก็ก้าวเข้ามาในร้าน ชุดเดรสสีครีมอ่อนของเธอตัดกับผิวขาวเนียน ยิ่งทำให้เธอดูโดดเด่นในสายตาของเบียร์ รอยยิ้มที่ส่งมาทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นอย่างอัตโนมัติ“มานานยัง?” เนยถามพลางหย่อนตัวนั่งลงตรงข้าม“ไม่เท่าไหร่ รอนานได้กว่านี้ ถ้าเป็นเธอ” เบียร์พูดยิ้มๆ แววตาของเขาแสดงถึงความสุขที่ได้เจอเธอจริงๆเนยหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบเมนูขึ้นมาดู “พูดแบบนี้เดี๋ยวได้สั่งอาหารแพงๆ ซะเลย”“เอาสิ ฉันเลี้ยงไหว” เบียร์ตอบยิ้มๆ ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ ทำให้เนยหน้าแดงขึ้นมาทันที“วันนี้คอมพังอีกปะ?” เบียร์แซวขำๆ“ก็พังตลอดแหละ เมื่อไหร่จะได้เปลี่ยนสักที” เนยบ่นพึมพำ“เธอก็อย่าทุบมันบ่อยดิ มือหนักแบบนั้นเดี๋ยวไม่มีคอมใช้” เบียร์หัวเราะเบาๆ“พูดมากน่า” เนยย่นจมูกใส่เขา ทั้งสองคุยเล่นกันเรื่อยๆ เรื่องงานและชีวิตประจำวัน จนอาหารมาเสิร์ฟ“อร่อยเหมือนเดิม” เนยพูดพลางชิมสปาเกตตี้คำแรก“ดีใจที่เธอชอบ” เบียร์ยิ้ม แต่ในใจเขายังมีเรื่
วันหยุด เบียร์พาเนยมาที่โรงหนังแห่งหนึ่งในย่านหรูของเมือง หลังจากที่ทั้งคู่กินข้าวด้วยกันเรียบร้อยแล้ว“นายพาฉันมาดูหนังเนี่ยนะ” เนยพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจพลางมองไปรอบๆ“ก็มาเดท กินข้าว ดูหนังไง” เบียร์ยิ้มบางๆ พลางจองตั๋วผ่านแอปพลิเคชัน“ดูเรื่องอะไรล่ะ?” เนยถามพร้อมทั้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จอมือถือของเบียร์“เรื่อง Secret Love in the City” เบียร์ตอบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์“หืม...หนังรักเหรอ?” เนยเลิกคิ้วถามด้วยความประหลาดใจ“ก็เธอชอบไม่ใช่เหรอ?” เบียร์ตอบพร้อมส่งสายตาหวานให้เธอเนยทำเป็นเบ้ปาก แต่หัวใจกลับเต้นแรงเมื่อเห็นรอยยิ้มและสายตาของเขา เธอยอมให้เขาลากเธอเข้ามาในโรงหนังอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเมื่อหนังเริ่ม ทั้งคู่ก็นั่งข้างกันที่ที่นั่งริมสุด เบียร์ยื่นป๊อปคอร์นให้เนย แต่เธอกลับหัวเราะเบาๆ แล้วกระซิบ“ฉันไม่ได้อยากกินป๊อปคอร์น แค่อยากนั่งข้างนายแค่นั้น”เบียร์หันมามองเธอ ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองเธอราวกับกำลังจะจูบเธอในทันที“เธอนี่น่ารักจริงๆ” เขาพูดพลางจับมือเธอเบาๆ กุมไว้ตลอดทั้งเรื่องหนังดำเนินไปเป็นเรื่องราวของคู่รักสองคนที่บังเอิญเจอกันในเมืองใหญ่และพัฒนาความสัมพันธ์จากคนแปลกหน้
เมื่อมาถึงร้านซูชิเบียร์และเนยนั่งตรงข้ามกับไผ่และมะปรางที่พยายามจะฝืนยิ้มและเก็บอาการ ในขณะที่ไผ่เหลือบมองเนยเป็นระยะ สายตาเจ้าเล่ห์ของเขาบ่งบอกถึงความคิดไม่ดี แต่ก็ยังพยายามเล่นบทรุ่นพี่รหัสที่เป็นกันเองกับมะปรางต่อไป“พี่ไผ่ อยากกินอะไรคะ?”มะปรางถามเสียงหวานพยายามกลบเกลื่อนความไม่สบายใจในใจตัวเอง หลังจากเห็นเบียร์จูบเนยต่อหน้าต่อตา“แล้วแต่เธอสิ” ไผ่ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่เนยเป็นช่วงๆ อย่างไม่อาจห้ามได้เนยสังเกตเห็นไผ่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ และสิ่งที่ทำให้เธอต้องสะดุดตาคือรอยสักรูปนกสีแดงบินขึ้นจากเปลวไฟที่คอของเขา ในจังหวะที่เขาขยับตัวจนเสื้อเปิดเล็กน้อย สัญลักษณ์นี้ทำให้เนยรู้สึกคุ้นเคยอย่างแปลก ๆ แต่ก็ยังนึกไม่ออก เธอจึงเริ่มสงสัยและจับตาดูไผ่อย่างเงียบ ๆ โดยไม่บอกเบียร์เบียร์ที่สังเกตท่าทางของเนยก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ปกติ แต่เขายังคงสั่งซูชิให้เธออย่างรู้ใจ“ว่าแต่คุณเนยกับคุณเบียร์ทำงานอะไรกันเหรอครับ?” ไผ่ลองเทียบเคียงถามเพื่อหาโอกาสเข้าถึง“ผมทำงาน IT ส่วนยัยนี่เป็นเซลล์มือทอง” เบียร์บอกพลางล้อเลียนเนยอย่างอารมณ์ดี“อะไร ฉันก็แค่ทำงานปกตินั่น
ช่วงพักกลางวัน เนยที่นั่งรอระบบคอมพิวเตอร์ประมวลผลยอดขายประจำสัปดาห์ แต่ในใจกลับคิดถึงเรื่องสัญลักษณ์นกสีแดงที่เธอเห็น จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาเคน‘เฮีย เคยเห็นสัญลักษณ์รูปนกสีแดงมั้ย?’‘รูปร่างเป็นยังไง?’ เคนตอบกลับทันที‘นกสีแดงบินขึ้นจากเปลวไฟ’ เนยพิมพ์ไปสั้นๆ‘รอแป๊บ’ เคนพิมพ์กลับมาขณะที่เนยกำลังรอคำตอบจากเคน หน้าจอคอมของเธอก็ค้างไปเฉยๆ ไม่ตอบสนอง“จอเธอค้างแล้ว” เสียงคุ้นเคยของเบียร์ดังขึ้นจากข้างหลัง“เฮ้อ! เวร ยอดขายฉัน!” เนยบ่นเสียงดัง วางมือถือไว้ข้างๆ ก่อนจะเอามือตบหน้าจอเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด“ใจเย็น เดี๋ยวพังหมด” เบียร์หัวเราะเบาๆ พลางจับมือเธอไว้“นี่ เยลลี่ กินรอฉันซ่อมคอมไป” เขายัดถ้วยเยลลี่ใส่มือเธอ“ค่อยยังชั่วหน่อย” เนยยิ้ม พลางลุกขึ้นให้เบียร์นั่งแทนที่เธอ“ลองเปลี่ยนไปใช้แล็ปท็อปดีมั้ย? จะได้สะดวกเวลาเธอไปไหนมาไหน” เบียร์ถามขณะรีสตาร์ทเครื่องเพื่อเข้าไปแก้ไขใน BIOS“งั้นฉันต้องซื้อเองน่ะสิ” เนยทำหน้าเบื่อๆ“ก็ซื้อสิ เดี๋ยวฉันช่วยเลือก แล้วลงโปรแกรมให้ ทีนี้เธอก็สะดวกแล้ว” เบียร์พูดไปพลางยิ้ม“ต้องถามพี่เหมยก่อน” เนยกลอกตา“งั้นลองไปถามดูสิ” เบียร์บอกพลางหั
กรธวัช หรือ “พี่วิน” หัวหน้าแก๊ง เรดสปาร์ค เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้ม ผมสั้นสีดำและรอยสักรูปนกสีแดงบนต้นคอของเขา เป็นสัญลักษณ์ของแก๊งที่เขาสร้างขึ้น เขามักจะคุมการถ่ายคลิปเพื่อขายในตลาดมืด และใช้คลิปเหล่านั้นแบล็คเมลเหยื่อเพื่อข่มขู่ให้จ่ายเงิน“เหยื่อคนนี้มาจากมหาวิทยาลัย X สวยไม่เบา” บอยรายงานขณะที่เดินเข้ามาใกล้กรธวัชเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ที่เขากำลังตรวจสอบบางอย่าง “ดี งั้นรีบจัดการให้เร็ว อย่าให้เสียเวลา”ไผ่และบอยช่วยกันยกตัวมิ้นท์ลงจากรถแล้วพาเธอเข้าไปในห้องเล็กๆ ที่อยู่ด้านในโกดัง ที่ซึ่งมีอุปกรณ์บันทึกภาพตั้งเตรียมไว้อยู่แล้ว“วันนี้พี่วินจะถ่ายเองไหม?” ไผ่ถามพลางมองกรธวัชที่เดินเข้ามาใกล้กรธวัชหรี่ตามองเหยื่อที่นอนสลบอยู่ ก่อนจะยิ้มเยาะ“ไม่ต้อง เดี๋ยวให้ไอ้พวกนี้จัดการก็พอแล้ว เราแค่ต้องการคลิปไปขายกับพวกในตลาดมืด”ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของกรธวัชก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเมื่อเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นบนหน้าจอ“ฉันต้องไปจัดการเรื่องบางอย่างก่อน” กรธวัชบอกไผ่ “ได้ครับพี่วิน” ไผ่พยักหน้าอย่างมั่นใจในห้องมืดๆ ของโกดังลับย่านอุต
เบียร์นั่งมองข้อมูลบนหน้าจอด้วยความกังวล แม้จะได้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแก๊งเรดสปาร์คมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เขาต้องการข้อมูลที่มากกว่านี้ ข้อมูลที่จะสามารถช่วยให้เขาปกป้องเนยจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้สายตาของเขาเหลือบไปมองตู้เซฟที่อยู่ในมุมห้องอย่างลังเล พลันนึกถึงคนคนหนึ่งที่เขาไม่อยากติดต่อด้วยเท่าไหร่นัก“เฮ้อ...ต้องให้หมอนั่นช่วยจริงๆ เหรอเนี่ย” เบียร์ถอนหายใจยาว ก่อนตัดสินใจเดินไปที่ตู้เซฟ กดรหัสและหยิบโทรศัพท์ดาวเทียมออกมา เขากดโทรออกไปหาคนที่เขาเคยหวังว่าจะไม่ต้องพึ่งพาอีกเสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นไม่นาน ก่อนที่ปลายสายจะรับ“ไง ไม่คิดว่านายจะโทรมานะเนี่ย” เสียงจากปลายสายฟังดูเจ้าเล่ห์และแฝงด้วยความกวนประสาท“ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะต้องโทรหาคุณ" เบียร์พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย“แต่ฉันดีใจที่นายโทรมานะ มีอะไรล่ะ? คงไม่ใช่แค่อยากคุยเล่นแน่” ปลายสายถามกลับด้วยน้ำเสียงขี้เล่น แต่แฝงไปด้วยความจริงจัง“ผมอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งเรดสปาร์ค” เบียร์บอกจุดประสงค์ของเขาตรงๆปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น “เรื่องนี้ไม่ใช่เล่นๆ งั้นเราเจอกันดีกว่า จะได้ค
บ่ายวันหนึ่ง เบียร์ถูกเชิญมาที่ออฟฟิศลับของมิสเตอร์พี ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของตึกสำนักงานสูงกลางใจเมือง ตึกนี้ดูจากภายนอกเหมือนออฟฟิศทั่วไป แต่ชั้นบนสุดนั้นมีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา หน้าต่างปิดทึบ ประตูเหล็กหนาหนักติดตั้งระบบล็อกอัตโนมัติที่สามารถเปิดได้เฉพาะคนที่มีรหัสพิเศษเท่านั้น เมื่อเบียร์เข้ามาถึงที่ห้องลับของมิสเตอร์พี เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเงียบสงบ แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หลายจอที่เรียงรายอยู่ในห้อง ทำให้ห้องนั้นดูคล้ายศูนย์ควบคุมมากกว่าจะเป็นออฟฟิศทั่วไป“นั่งก่อนสิ” มิสเตอร์พีที่นั่งอยู่หลังโต๊ะไม้สั่ง เบียร์นั่งลงตรงหน้าเขาโดยไม่พูดอะไรมาก มิสเตอร์พียื่นเอกสารบางอย่างให้“นี่คือข้อมูลที่ฉันได้มาเกี่ยวกับแก๊งเรดสปาร์ค” มิสเตอร์พีพูดขณะเปิดภาพและข้อมูลต่างๆ ขึ้นมาบนจอหลายจอที่อยู่ตรงหน้าเบียร์ “พวกมันกำลังทำอะไรบางอย่างที่ผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง นอกจากการล่อลวงหญิงสาวแล้ว ยังมีการฟอกเงิน ขายคลิปลามก และค้ายาเสพติดอยู่เบื้องหลัง”เบียร์มองไปที่จอภาพ เห็นข้อมูลเกี่ยวกับแก๊งเรดสปาร์ค รูปของไผ่ บอย และเอกปรากฏขึ้นมา ชื่อพวกนี้คุ้นเคย เพราะเขาเพิ่งเจอไผ่เมื่อไม่กี่วันก่อน“
ที่บ้านของกรธวัชในยามเย็น แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องผ่านกระจกบานใหญ่ ทำให้บ้านดูอบอุ่นและสงบ มะปรางนั่งอยู่ที่โซฟา ข้างๆ พี่ชายสุดที่รักของเธอ กรธวัช หรือที่เธอเรียกเขาว่า ‘พี่กร’ ขณะที่กรธวัชกำลังนั่งอ่านเอกสารงานอยู่ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ส่วนมะปรางกำลังเล่นแชทกับเพื่อนร่วมคณะและรุ่นพี่รหัสของเธออย่างเพลิดเพลินอยู่ๆ ไผ่ รุ่นพี่รหัสของมะปรางก็ส่งข้อความผ่านแอปแชทมา ด้วยข้อความที่ดูเหมือนชวนกันไปงานสนุกๆ ทั่วไป‘มะปราง ศุกร์นี้มีงานรับน้องของคณะที่ผับ เดอะมิสท์ ไปด้วยนะ’มะปรางอ่านข้อความแล้วรู้สึกตื่นเต้น งานรับน้องกับรุ่นพี่คณะนิเทศฯ ที่เธอชื่นชมและเคารพ ฟังดูน่าสนุกและน่าตื่นเต้นมาก เธอไม่คิดอะไรมาก ตอบรับไปทันที‘โอเคค่ะพี่ไผ่ เจอกันวันศุกร์ค่ะ’มะปรางหันมามองพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วตัดสินใจบอกเขา“พี่กรขา...วันศุกร์นี้ปรางมีงานรับน้องนะคะ อาจกลับดึกหน่อย” มะปรางพูดเสียงอ่อนอ้อน พยายามไม่ให้ดูน่าสงสัยกรธวัช ชายหนุ่มผู้สุขุมและเยือกเย็น มองน้องสาวที่เขารักมากที่สุดในชีวิต เขามีใบหน้าจริงจังเสมอ และไม่เคยอ่อนข้อให้ใคร แต่สำหรับมะปราง เขามีความอ่อนโยนเสมอ“ใครไปมั่ง?” กรธวัชถามเสียงเข้มเล็ก
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ