“เนย!!”ทันทีที่เห็นเนยและเบียร์เดินเข้ามาพร้อมผ้าห่มคลุมร่างกาย แพรกับเจี๊ยบโผเข้ากอดเนยทันทีที่“ไม่บาดเจ็บใช่มั้ย? เป็นห่วงแทบแย่” แพรเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไร สบายมาก” เนยยิ้มให้เพื่อนทั้งสองเพื่อให้พวกเธอสบายใจเจ้าหน้าที่ป่าไม้เดินเข้ามาเสริมพร้อมกับเอ่ยชม“คุณตัดสินใจได้ดีมากเลยนะครับ ที่ขึ้นไปหลบบนหอคอยสังเกตการณ์ เพราะหมีตัวนั้นเป็นอันตรายมาก”เนยพยักหน้ารับ ก่อนถามต่อ“แล้วตอนนี้ล่ะคะ?”“จับได้เรียบร้อยแล้วครับ ทุกอย่างปลอดภัย ไม่ต้องเป็นห่วง” เจ้าหน้าที่ตอบพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้เบียร์ที่ยืนข้างๆ คิ้วกระตุกไม่พอใจเล็กน้อย“ขอบคุณมากนะคะที่ไปช่วย” เนยยิ้มตอบให้เจ้าหน้าที่ ทำให้เบียร์ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดขึ้น“รีบไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องเข้าฐานอีก” เบียร์บอกเสียงห้วน ขณะที่มองหน้าเธออย่างจริงจัง“เออใช่! ไปๆ เนย กลับห้องกัน” แพรรีบพาเนยกลับเข้าห้องพักทันทีเช้าวันรุ่งขึ้น เนยที่นอนไม่หลับเพราะความรู้สึกว้าวุ่นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเบียร์เมื่อวาน ทำให้เธอตื่นตั้งแต่ตี 5 และตัดสินใจลงไปที่ฟิตเนสของศูนย์ฝึกเพื่อซ้อมชกและเตะกระสอบทราย
เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนต้องไปรวมตัวกันที่ลานกว้างด้านหน้า เบียร์เดินมาถึงและสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นเนยในชุดที่ดูมิดชิดกว่าเดิม เขาเผลอยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจโดยไม่รู้ตัว ในสองวันที่ผ่านมา เนยมักจะสวมเสื้อที่เปิดเนินอกขาวสวย และเขารู้สึกไม่พอใจนักเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ในฐานกิจกรรมมองเธอบ่อยครั้ง“ไง วันนี้แต่งตัวแปลกๆ นะ” เบียร์ถามยิ้มๆ ขณะเดินเข้ามาหาเนยเนยปรายตามองเขาอย่างจงใจ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้เธอมั่นใจทันทีว่าเจ้าตัวรู้อยู่แล้ว“ก็เพราะใครล่ะ” เธอกดเสียงต่ำ มองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ“หืม?” เบียร์เลิกคิ้ว ยังคงทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ แต่รอยยิ้มมุมปากของเขานั้น ฟ้องให้รู้ว่าเขาตั้งใจแค่ไหน"ฝากไว้ก่อนเหอะ" เนยพึมพำเบียร์ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเนยพูดพึมพำกับตัวเอง แต่ยังคงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้“พูดแบบนี้แปลว่าจะมีเซอร์ไพรส์สินะ?” เขายักคิ้วอย่างเจ้าเล่ห์เนยหรี่ตามองเขา“นายคงไม่อยากรู้หรอกว่าฉันจะทำอะไร”“จริงเหรอ? แต่ฉันก็ชอบลุ้นนะ” เบียร์พูดต่อด้วยน้ำเสียงกวนๆ“นายนี่มัน” เนยตั้งท่าจะด่า“ไปกันเถอะ เตรียมลุยได้แล้ว” เบียร์ตัดบทพร้อมกับคว้าแขนเธอไปรวมกับคนอื่นฐานที่ 1: สไลเดอร์โฟมเช้าวันสุ
ฐานที่ 3: ปีนกำแพงบัดดี้หลังจากผ่านฐานคีบลูกโป่งมาได้อย่างราบรื่น เนยและเบียร์เดินต่อไปยังฐานถัดไป — ปีนกำแพงบัดดี้ ฐานนี้ต้องใช้ทั้งความแข็งแรงและความสามัคคีเป็นพิเศษ ทั้งสองคนต้องช่วยกันปีนกำแพงไม้สูงชัน โดยมีบัดดี้คนหนึ่งช่วยดันอีกคนขึ้นไปก่อน และเมื่อคนแรกปีนถึงด้านบนแล้ว จะต้องดึงบัดดี้ของตัวเองขึ้นมาด้วยเชือกที่เตรียมไว้เนยยืนมองกำแพงไม้สูงตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองเบียร์ด้วยความกังวลเล็กน้อย“นายดันฉันไหวไหมเนี่ย?” เนยถามล้อ ๆ แต่ในใจแอบจริงจัง“ไหวอยู่แล้ว แต่เธอล่ะ จะดึงฉันขึ้นไหวหรือเปล่า?” เบียร์ยิ้มขำ พร้อมยักคิ้วกวน ๆเนยหรี่ตามอง ก่อนจะถกแขนเสื้อขึ้นอย่างท้าทาย“ลองดูสิ ฉันจะดึงนายขึ้นไปเอง”เบียร์หัวเราะเบา ๆ “โอเค แต่ถ้าดึงไม่ไหวก็อย่าปล่อยฉันตกลงมาล่ะ” เขาเตรียมตัวหมอบลงเพื่อช่วยดันเนยขึ้นเนยปีนขึ้นไปอย่างระมัดระวัง เบียร์ช่วยดันเท้าเธอขึ้นไปตามขั้น แม้กำแพงจะสูงชัน แต่เนยก็เกาะขึ้นไปอย่างมั่นคง จนในที่สุดเธอก็ถึงขอบด้านบน เมื่อเธอมั่นคงอยู่บนกำแพงแล้ว เนยก็ยื่นมือกลับลงมา พร้อมกับเชือกที่ผูกไว้เพื่อดึงเบียร์ขึ้น“จับให้ดีนะ ฉันไม่ยอมปล่อยนายตกลงไปหรอก” เนยพูดจริงจัง ข
หลังจากที่ทุกคนผ่านฐานกิจกรรมทั้งหมดครบถ้วน พนักงานต่างทยอยกลับมารวมตัวกันที่ลานกว้างด้านหน้า พี่โจและพี่หญิงเดินขึ้นไปบนเวทีที่เตรียมไว้ ก่อนจะประกาศกิจกรรมพิเศษสำหรับค่ำคืนนี้“ขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่สามารถผ่านกิจกรรมในสามวันนี้ไปได้อย่างยอดเยี่ยมนะครับ!” พี่โจเริ่มต้นกล่าวด้วยรอยยิ้มและเสียงดังฟังชัด พนักงานทุกคนต่างส่งเสียงเฮแสดงความดีใจและความภูมิใจที่สามารถทำได้สำเร็จ“และเพื่อเป็นการฉลองค่ำคืนนี้ให้สนุกสนานยิ่งขึ้น เราจะมีกิจกรรมแคมป์ไฟและบาร์บีคิวด้านหน้านะคะ!” พี่หญิงเสริมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำให้บรรยากาศรอบลานกว้างเต็มไปด้วยเสียงเชียร์และเสียงปรบมือ“เราจะเริ่มงานกันตั้งแต่ประมาณหนึ่งทุ่มเป็นต้นไป ทุกคนสามารถเตรียมตัวให้พร้อม และมาสนุกกันได้เลยนะครับ” พี่โจกล่าวทิ้งท้าย“บาร์บีคิวฟรีพร้อมกับแคมป์ไฟมันจะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกล่ะ” แพรพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ขณะเดินไปพร้อมกับเนยและเจี๊ยบ“ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก แค่เตรียมท้องไว้กินก็พอ” เนยตอบพลางยิ้มกว้าง“ใช่เลย! หนูจะกินให้เต็มที่เลย” เจี๊ยบเสริมพนักงานทุกคนต่างกลับไปที่ห้องพักของตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับค่ำคืนแห่งการเฉลิ
เช้าวันรุ่งขึ้น เป็นวันสุดท้ายพนักงานทุกคนต่างเตรียมตัวเก็บกระเป๋าและรอรถบัสมารับกลับ เนยและแพรจัดการเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะเดินมาที่ลานกว้างหน้าศูนย์ฝึกอบรม ซึ่งมีพนักงานคนอื่น ๆ มารออยู่ก่อนแล้ว อากาศเช้าวันนี้สดชื่น ลมเย็นพัดโชย ทำให้ความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมหลายวันที่ผ่านมาบรรเทาลงไปบ้างเสียงพี่โจดังขึ้นพร้อมกับเสียงไมโครโฟนเบา ๆ “ขอให้ทุกคนมารวมตัวกันหน่อยครับ เราจะประกาศผลคะแนนรวมของกิจกรรม Outing ครั้งนี้แล้วนะครับ!”เนยและเบียร์ที่ยืนรออยู่ด้วยกัน หันมองหน้ากันเล็กน้อย เบียร์ยกยิ้มกวนๆ“คิดว่าเราจะชนะไหม?”เนยกลอกตาเบาๆ“ก็หวังว่าชนะนะ ไม่งั้นฉันเสียแรงเปล่าเลยล่ะ”พี่หญิงยืนข้าง ๆ พี่โจ เริ่มประกาศด้วยรอยยิ้ม“และทีมที่ได้อันดับหนึ่งในกิจกรรม Outing ครั้งนี้ ได้คะแนนสูงสุดจากการผ่านทุกฐานและทำงานเป็นทีมอย่างยอดเยี่ยมก็คือ…”เสียงของพนักงานทุกคนเงียบลง รอฟังผลประกาศอย่างตื่นเต้น“ทีมของคุณอมลวัทน์และคุณมนสิชค่ะ!”พี่หญิงประกาศด้วยน้ำเสียงสดใสเสียงปรบมือดังขึ้นทั่วบริเวณ ทุกคนหันไปมองที่เนยและเบียร์ที่ยืนอยู่ เนยยิ้มออกมาเล็กน้อย ขณะที่เบียร์ยกมือขึ้นยิ้มร้าย ๆ พร้อมก
คืนนั้น เมื่อเนยกลับถึงบ้าน ขณะที่เธอกำลังนั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับแผนสำหรับวันศุกร์ จู่ๆ แอพ Chatzy ที่เธอใช้คุยกับชายหนุ่มนิรนามก็เด้งแจ้งเตือนขึ้นมาว่าเขาออนไลน์ เนยยิ้มออกมาอย่างลืมตัว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเริ่มบทสนทนากับเขาอีกครั้งB u T T e R: “ไง นายเป็นไงบ้าง เรื่องสารภาพรักน่ะ สาวข้างบ้านว่าไง?”พี่ชายที่แสนดี: “ไม่รู้สิ ตอนนี้ฉันไม่ได้คิดถึงสาวข้างบ้านแล้วอะ”B u T T e R: “หมายความว่าไงอะ? นายเลิกชอบสาวข้างบ้านละหรอ?”พี่ชายที่แสนดี: “ก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอก แต่คนที่ฉันอยากสารภาพไม่ใช่เธอแล้วอะ”B u T T e R: “มันก็ไม่ต่างกันนิ นายก็ต้องลองสารภาพอยู่ดีอะ?”พี่ชายที่แสนดี: “ฉันไม่รู้จะเริ่มยังไง”B u T T e R: “ทำตามหัวใจสิ ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไง ลองเริ่มจากคำง่ายๆ ว่า ‘ชอบ’ ก่อนก็ได้”พี่ชายที่แสนดี: “เธอพูดเหมือนมันง่ายเลยนะ”B u T T e R: “บางทีมันก็ง่ายจริงๆ ถ้าคนที่เราชอบเขารอคำนี้อยู่แล้ว”เนยพิมพ์ไปด้วยรอยยิ้ม แม้จะไม่ได้เห็นหน้าเขา แต่เธอกลับรู้สึกใกล้ชิดและเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มในแชทอย่างน่าประหลาดพี่ชายที่แสนดี: “เธอพูดแบบนี้ ทำให้ฉันคิดถึงคนที่อยู่ใกล้ตัวมากเลย”B u T
คอนโดของเบียร์หลังจากที่เนยชวนทุกคนไปผับ ‘มิสทิค เฮเว่น’ เบียร์เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ การที่เธอดูเหมือนจะมีแผนอะไรบางอย่างที่ไม่ได้บอกใครทำให้เขาสงสัย เบียร์จึงตัดสินใจค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับผับนี้ในอินเทอร์เน็ตเขาพบว่ามิสทิค เฮเว่นเป็นผับหรูในย่านกลางเมือง ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นหรูหรา มีบรรยากาศครึกครื้นและเป็นที่นิยม แต่เมื่อค้นข้อมูลลึกลงไป เบียร์เจอข่าวลือและรีวิวที่ไม่น่าพอใจ หลายคนพูดถึงการใช้สารเสพติดในผับ โดยเฉพาะยายูโฟเรีย-เอ็กซ์ (Euphoria-X) ยาที่มีฤทธิ์กระตุ้นอารมณ์ทางเพศและถูกมอมยาโดยไม่รู้ตัวความไม่สบายใจเริ่มก่อตัว เบียร์พบว่าเคยมีการบุกค้นผับนี้หลายครั้ง แต่ก็ยังมีเรื่องราวไม่ดีถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่อง“มันอันตรายเกินไป...” เขาพึมพำกับตัวเอง ขณะเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในใจ เบียร์รู้ว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้เนยไปที่นั่นโดยไม่รู้ถึงความเสี่ยงนี้ได้“เธอกำลังวางแผนอะไรอยู่...เนย” เบียร์ครุ่นคิดหลังจากค้นหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับผับมิสทิค เฮเว่น เบียร์รู้สึกว่าข้อมูลที่ได้มายังไม่เพียงพอ ความไม่สบายใจทำให้เขาตัดสินใจใช้ทักษะแฮ็กเกอร์ที่ถนัด เจาะลึกหาข้อมูลเพิ่มเติมเขาเปิด
ขณะที่พวกเนยกำลังนั่งกิน ดื่ม และเต้นกันอยู่ในผับ บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงเพลงเร้าใจและแสงไฟสลัวที่เคลื่อนไหวไปตามจังหวะดนตรีกลุ่มของเนยดูเหมือนจะสนุกกับการเฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า สายตาของ คาร์ล เจ้าของผับที่ยืนอยู่บนโซนวีไอพี กำลังจับจ้องพวกเธออย่างเจ้าเล่ห์ โดยเฉพาะเนยที่ตกเป็นเป้าหมายของเขาในคืนนี้เจ้าของผับมีสทิค เฮเว่น เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบใช้ยายูโฟเรีย-เอ็กซ์ คือ “คาร์ลอส” หรือ คาร์ล เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูภูมิฐาน มีเสน่ห์และเป็นที่เคารพของพนักงานและผู้คนในวงการสถานบันเทิง แต่เบื้องหลังนั้น เขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบวางยาปลุกเซ็กส์ในผับของตัวเองเพื่อหาผลประโยชน์และควบคุมเหยื่อคาร์ลอสไม่ใช่แค่เจ้าของผับธรรมดา เขามีความรู้เรื่องยาและเคมีอย่างละเอียด และใช้ความรู้นี้ในการผสมยูโฟเรีย-เอ็กซ์ ยาปลุกเซ็กส์ชนิดแรงที่เขาแอบลอบใช้กับแขกบางคนที่มีจุดประสงค์พิเศษ เขามักเลือกเหยื่อที่เป็นคนร่ำรวยหรือผู้หญิงที่ดูโดดเด่นในผับ และทำงานร่วมกับบาร์เทนเดอร์ที่เป็นสายให้เขา ซึ่งบาร์เทนเดอร์คนสำคัญชื่อ “ริค” (Rick) คอยแอบลอบใส่ยาลงในเครื่องดื่มของเหยื่อคาร์ลอสควบคุ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ