“เฮ้อ!” จอมขวัญถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่แท้ก็เจ้านายหล่อนนั่นเอง น้ำเสียงแหบ ฟังดูแปร่งปร่า อย่างไรพิกลอยู่เหมือนคนเป็นหวัด“ไปทานข้าวมาค่ะ”“ไปกับใคร?”“จะไปกับใครทำไมต้องคอยรายงานคุณด้วยหรือคะเจ้านาย” เมื่อได้ยินคำถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวของอีกฝ่ายทำให้ลูกน้องถึงกับฉุนกึกขึ้นมาไม่ได้ เขาเป็นเจ้านายหล่อนนะ ไม่ได้เป็นผู้ปกครองเสียหน่อย ที่จะต้องให้รายงานทุกอย่าง ว่าไปไหนมาไหนกับใคร ไปทำอะไรมาบ้าง“ผมเคยบอกคุณว่าแก้วกล้าอาจจะมีคนของเขาอยู่แล้ว” เอ๊ะ! นี่แสดงว่าเขาเห็นหล่อนเดินมากับแก้วกล้า แล้วจะมาถามทำไม ว่าไปไหนกับใคร“แล้วทำไมเหรอคะ ก็ในเมื่อเขายังไม่ได้แสดงออกมาว่าเขามีเจ้าของแล้ว ฉันก็มีสิทธิ์ไม่ใช่หรือคะ?” จอมขวัญสังเกตเห็นว่าเขาเลิกคิ้วดกหนาขึ้นสูง พร้อมกันนั้นก็ขมวดเข้าหากัน ตามด้วยแววตาตัดพ้อ แกมเยาะหยัน และอย่างไม่ทันตั้งตัวมือใหญ่ทั้งสองข้าง ก็คว้าหมับเข้าที่ไหล่บอบบางออกแรงบีบเบา ๆ แล้วพูดกับหล่อน“ทำไมจอมขวัญ ฮึ..ทำไมทีกับผม คุณถึงทำตัวเหินห่าง ระวังตัวไม่เข้าใกล้ อยู่ไกลเท่าไหร่ยิ่งดี แต่กับแก้วกล้าคุณหัวเราะได้ แล้วก็ยิ้มให้อย่างมีความสุข หึ..รังเกียจผมมากนักห
ชายหนุ่มปรารภคนเดียวในใจ ภายในห้องพักส่วนตัว พลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทั้ง ๆ ที่รู้สึกเหมือนจะไม่สบายอย่างไรอย่างนั้น แต่ก็พยายามฝืนตัวเองเพื่อจะลุกไปอาบน้ำอาบท่า เผื่อว่าบางทีจะดีขึ้น อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์นั่นแน่ ซึ่งเขาก็ห่างหายไม่ได้ดื่มหนักอย่างนี้มานาน แต่ก็ดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่กล้าที่จะทำอะไรอย่างเมื่อคืนลงไปแน่..มัฆวัฒน์ นึกขอบคุณน้ำเมาที่ทำให้เขารู้ซึ้งถึงหัวใจตัวเอง เขาเพียรหาคำตอบมานาน ว่าทำไมต้องคอยเป็นห่วงเป็นใย คอยเอาอกเอาใจ และคอยหวงเวลาที่เห็นหล่อนไปกับใครคนอื่น ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเอามากมายขนาดนี้ มีผู้หญิงสวยฐานะทางการเงินและสังคมมากกว่าเจ้าหล่อนเยอะแยะ ทำไมเขาไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่มาสนใจกับสาวน้อยแสนซื่อคนนั้น หน้าตาก็ธรรมดา หรือจะเป็นเพราะแววตาสดใสไร้เดียงสานั่น และริมฝีปากบางที่เขารู้แต่เพียงผู้เดียวว่าหวานปานใด มันทำให้เขาหลงจนหัวปักหัวปำอย่างนี้ อยากเป็นเจ้าของ อยากจับจองไว้ไม่ให้ใครหน้าไหนมาเข้าใกล้แม้แต่ปลายเส้นผมด้วยซ้ำรัก..รักสินะ..ที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ ..จะไม่รอช้าอีกต่อไปแล้ว ..เมื่อได้ข้อสรุปในใจแล้ว มัฆวัฒน์ ถึงกับปณิธานกับต
จอมขวัญรู้สึกว่าแก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าวขึ้นมาแทบจะทันที และมันคงแดงไปถึงไหนต่อไหนไปแล้วแน่ ๆ นี่เธอน่าจะโกรธเขาและแสดงออกว่าไม่พอใจอย่างที่ควรจะเป็นไม่ใช่หรือ แต่แล้วทำไมถึงยืนทื่อ บื้อใบ้อยู่อย่างนี้ ยังมีหน้าปล่อยให้เขากกกอดได้สบายใจเฉิบ อย่างนี้อยู่อีกล่ะ ดิ้นสิ..ขยับออกห่างจากอกอุ่น ๆ นี่สิ นิ่งอยู่ทำไมจอมขวัญ เธอไม่อายคนที่เขาอาจจะเดินผ่านไปผ่านมาบ้างหรือ? จิตใต้สำนึกมันสั่งให้หล่อนทำแต่ทำไมมันยากนักล่ะ ทำไมขยับตัวไม่ได้เลย.. หน้าเขากับหล่อนอยู่ห่างแค่คืบ จนรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกัน และไม่ทันที่จะพูดอะไรออกไปใบหน้าหล่อเหลานั่นก็ค่อย ๆ ก้มลงมาที่แก้มบางใสของหล่อนอย่างฉกฉวยโอกาส“อ๊าย..อย่านะ เดี๋ยวคนมาเห็นเข้านะคะ”“อ๋อ..ที่แท้ก็อายนี่เอง ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปในบ้านกันดีกว่านะ”“งั้นก็ปล่อยก่อนสิคะ ถ้าอยู่อย่างนี้จะเดินไปได้ยังไง” จอมขวัญใช้ไม้อ่อนเข้าว่า เมื่อไม่มีทีท่าว่าอีกฝ่ายจะยอมคลายอ้อมแขนง่าย ๆ พลางเอามือทั้งสองข้างยันอกแข็ง ๆ เอาไว้หวังว่ามันจะช่วยกั้นไม่ให้ร่างกายบางส่วนของหล่อนแนบชิดกับเขาให้มากที่สุด หลังจากที่โดน พลิกร่างให้หันมาเผชิญหน้ากันจังๆ แล้ว“ไม่เห็นต้องเด
“จะบ้าเหรอคะ! ไม่อยากคุยกับคุณแล้ว..พูดไปก็เสียเวลาเปล่า ฉันจะไปเก็บข้าวของ พอแค่นี้ จบเรื่องเสียที” จบประโยคหญิงสาวก็เปิดประตูห้องเตรียมเข้าไปด้านในไม่สนใจอีกฝ่ายจะว่ายังไงอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ต้องชะงักค้างไว้ เมื่อมือใหญ่คว้าประตูห้องไว้ได้ทันก่อนที่จะถูกปิด“โอเค ถ้าอย่างนั้นผมจะได้ไปเก็บของบ้าง ดีเหมือนกันไปอยู่ที่กรุงเทพก็ดี จะได้ไปให้ห่างจากแก้วกล้าไว้ ผมไม่ไว้ใจหมอนั่นเลย..ให้ตายเถอะ” ดูเหมือนว่าหล่อนกับเจ้านายจะคิดกันไปคนละเรื่องเสียแล้ว..มันยังไงกันล่ะทีนี้ เรื่องที่กำลังถกเถียงกันอยู่นี่ไปเกี่ยวอะไรกับคุณแก้วกล้ากันเล่า“ไม่เกี่ยวกับคุณนี่คะ ฉันลาออกจากหน้าที่เลขาของคุณแล้ว ฉันจะไปตามทางของฉัน เจ้านายก็ส่วนเจ้านายสิคะ!”“ใครอนุญาตให้คุณลาออกไม่ทราบจอมขวัญ ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนทั้งนั้นแหละ คุณยังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์เลยนะอย่าลืม แล้วอีกอย่าง ถ้าหากคุณกลับไปแล้ว คนที่โน่นเขาจะคิดยังไง ในเมื่อคุณมาทำงานอยู่กับผมแค่เดือนกว่า ๆ ก็หอบกระเป๋าหนีกลับเสียแล้ว คิดดูให้ดี ๆ นะ พวกเขารู้จักและสนิทสนมกับคุณมากกว่าผม เผลอ ๆ อาจคิดไปในแง่ลบมากกว่าบวก ซึ่งมันจะเสียทั้งคุณทั้งผม.. แต่สำหรับผมไม่
หลังจากที่ตกลงสงบศึกเสร็จสิ้นแล้ว มัฆวัฒน์ก็พาหญิงสาวเข้าตัวเมืองเพื่อจับจ่ายซื้อของที่จำเป็นอย่างที่เขาบอกไว้แต่แรก หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้น เมื่อได้มายังศูนย์การค้าใหญ่ ๆ ในตัวเมือง ลำพังเดินดูของทั่วไปน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก แต่พอเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ตนี่ซิ เจ้านายหล่อนก็ทำตัวราวกับเป็นคู่สามีภรรยากันก็ไม่ปาน จะหยิบจับ ซื้ออะไรก็ต้องหันมาถามความเห็นก่อน แถมยังเข็นรถใส่ของท่าทางทะมัดทะแมงดูเหมือนว่าทำแบบนี้เป็นประจำอย่างนั้นแหละกลับมาจากซื้อของที่แทบเหมามาเกือบทั้งห้าง เล่นเอาหล่อนแทบไม่อยากทำอะไรเอาซะเลย เขาไม่เหนื่อยเลยหรือยังไงกันนะ พอมาถึงก็หิ้วของเข้าบ้านอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยดูเหมือนจะมีความสุขด้วยซ้ำ เป็นหล่อนเสียอีกที่ออกอาการร่อแร่ รู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทน เลยต้องขอตัวเข้ามาพักเสียก่อน ส่วนตัวเจ้านายก็จัดการกับข้าวของที่ซื้อมาราวกับจะไม่ออกไปไหนอีกเป็นปีเมื่อเข้ามาในห้องพักได้ ก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง พลางมองข้าวของส่วนที่เป็นของตัวเอง แอบอมยิ้มออกมาไม่ได้ คนอะไรบอกว่าไม่เอา ๆ ไม่มีตังค์ ยังจะดันทุรัง ทู่ซี้ให้หล่อนซื้อจนได้ อ้างว่าเป็นโบนัสสิ้นปีล่วงหน้า มีหรือ คนอย่างนางส
คนพูดประโยคแข็งกระด้างดูถูก เมื่อครู่รีบผละออกไปทันที เมื่อมัฆวัฒน์เดินตามมาถึงรถ จอมขวัญให้นึกหมั่นไส้ทายาทเจ้าของโรงแรมขึ้นมาติดหมัด พลางเม้มปากเข้าหากันแน่น นี่ถ้าหากว่าเจ้านายหันมาสนใจหล่อน เกินขอบเขตระหว่างเจ้านายกับลูกน้องจริง ๆเมื่อไหร่ล่ะก็ เธอนั่นแหละแม่แพทซี่ที่รัก ฉันจะเขี่ยเธอให้พ้นทางเป็นคนแรกเลยคอยดู..จอมขวัญฉุนจัด รู้สึกโมโหสุดขีด พลางนึกในใจว่าตัวเธอเองนี่ก็ร้ายไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย ที่สามารถคิดออกมาได้ว่าจะเปิดศึกชิงชายกับยายแพทอะไรนั่น... แน่ล่ะว่าคุณภัทราจะต้องก้าวขึ้นไปนั่งในตอนหน้าคู่กับคนขับอย่างแน่นอน ท่าทางหล่อนราวกับต้องการอวดตัวว่าคุ้นเคยกับการนั่งรถกับชายหนุ่มเป็นอย่างดี เสียงพูดคุยกันระหว่างสองคนที่นั่งตอนหน้าช่างสั่นสะเทือนระบบประสาทหล่อนดีแท้ โดยเฉพาะแม่แพทซี่ ทำอย่างกับจะอวดอ้างว่าสนิทสนมกับเจ้านายหล่อนเสียเหลือเกิน จอมขวัญแอบเบะปากอย่างนึกหมั่นไส้เป็นรอบที่ร้อยรถซี อาร์ วี คันใหญ่วิ่งเข้าตัวเมืองหัวหิน มาจอดอยู่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่โตมโหฬารที่คงกินเนื้อที่ไปกว่าสิบไร่ได้กระมัง นี่ขนาดมองจากด้านนอกยังดูโอ่อ่าสมราคาเจ้าของโรงแรมใหญ่เสียจริง ๆ นึกว่าภั
หล่อนคงกลืนอะไรไม่ลงแน่ ๆ ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา ให้เป็นขี้ปากชาวบ้านเปล่า ๆ มีที่ไหนกัน ที่เลขาต๊อกต๋อยมานั่งร่วมโต๊ะกับผู้บริหารระดับสูงอย่างนี้..พอเดินตามบุรุษทั้งคู่ มาได้สักพัก ยังไม่ถึงห้องอาหาร จอมขวัญจึงถือโอกาส เมื่อคุณมงคล หยุดทักทายกับคนอื่นอยู่“คุณมัฆวัฒน์คะ”“หือม์..มีอะไรหรือ..เห็นทำท่าลุกลี้ลุกลนตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”“คือ..ฉันขอไปนั่งทานรวมกับกลุ่มอื่นดีกว่านะคะ”“แล้วทำไม?ไม่อยากไปทานกับผม หรือกับคุณลุงอย่างนั้นหรือ ก็เห็นสนิทสนมกันดีอยู่นี่”“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เอ่อ..คือฉันเกรงใจ แล้วอีกอย่าง มันไม่เหมาะนี่คะที่เลขาจะไปนั่งร่วมโต๊ะกับเจ้านาย” จอมขวัญพยายามใช้เหตุผล แกมวิงวอน“ก็ไปบอกคุณลุงเอาเองสิ” ยังไม่ได้พูดอะไรต่อ คุณมงคลก็หันมาเห็นเจ้านายหนุ่มทำเป็นบุ้ยบ้ายไปทางญาติผู้ใหญ่ของเขาพอดี“มีอะไรหรือถึงทำท่าซีเรียสกันอย่างนั้น”“ก็เลขาของผมน่ะสิครับคุณลุงจะไม่ยอมไปนั่งทานข้าวกับเรา” อ๊ะ! คนบ้าทำไมพูดออกไปแบบนั้นเล่า อยากบิดให้เนื้อเขียวนัก คนพูดทำเป็นนิ่งเฉย..ต่างจากหญิงสาวที่หัวใจแทบวาย..หน้าซีดสลับกับมีสีระเรื่อด้วยความกระดากอาย จากสายตาคนที่ผ่านโลกมามากกว่า ผู้บริหา
“ไม่ได้วิ่งซะหน่อย แล้วก็ไม่ได้หิวมากมายขนาดนั้นด้วยค่ะ” เดินขึ้นมาจนถึงชั้นที่ห้า เล่นเอาหอบฮักเลยทีเดียว ผิดกับเขาที่เดินตามขึ้นมาอย่างสบายใจเฉิบ แถมในมือยังถือของ ไม่แสดงอาการเหนื่อยหอบเหมือนอย่างหล่อนเลยสักนิด“ต้องไปออกกำลังกายบ้างแล้วนะคุณน่ะ.. ดูสิ เดินขึ้นบันไดแค่ห้าชั้นก็หอบแฮ่ก ๆ แล้ว” ร่างสูงมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ขณะที่หล่อนกำลังควานหากุญแจเพื่อไขเข้าไปยังห้องพัก จอมขวัญหน้าแดงขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อได้ยินเสียงทุ้ม ดังอยู่ด้านหลัง แถมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ โชยมาเตะเข้าที่จมูก จะยืนห่างๆ หน่อยไม่ได้หรือไงนะ..เมื่อไขกุญแจได้ด้วยมือที่สั่นเทา ก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เมื่อจะได้ไม่ต้องทนยืนให้เขาอยู่ใกล้ชิด อย่างไม่ยอมหลบไปไหน ตั้งแต่มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องแล้ว เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเอ่ยออกมาทันที“น่าอยู่จัง..คุณจัดห้องเองเหรอ?” ร่างสูงหันมาถาม หลังจากที่เดินสำรวจภายในห้องของหล่อนเรียบร้อยแล้ว“ก็แต่งเติมหลังจากที่พี่ชายไม่อยู่แล้ว เท่านั้นเองค่ะ” ที่จริงแล้ว ส่วนใหญ่แล้วเป็นฝีมือพี่ชายหล่อน ที่ตกแต่งห้องนี้ ห้องชุดที่ไม่หรูหราอะไรมากมายเท
เสียงเปิดและปิดประตูอย่างแผ่วเบา สักพักเตียงอีกฝั่งก็ยวบลงช้า ๆ ตามด้วยมือใหญ่เรียวยาวค่อยๆ สอดมาใต้หมอนเอื้อมมาคว้าไหล่บอบบางของเมียสาวที่ตอนนี้นอนหันหลังให้ พลางออกแรงแกมบังคับให้พลิกมาทางเขาอย่างเบามือ“จะรีบนอนไปไหนล่ะครับ ฮึ” เสียงพึมพำ ทำให้หล่อนลืมตาขึ้นมามอง พร้อมกับส่งสายตาขุ่นขวางกลับไปให้“ง่วงแล้ว..คนจะนอนมาปลุกทำไมเนี่ย ทำไมไม่ไปนอนกับคนอื่นโน่น” ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ อย่างเป็นสุข กลับจ้องมองตอบดวงตาเขียวปั๊ดที่ส่งมาอย่างไม่เกรงกลัว“งอนหรือนี่ คุณหึงผมใช่ไหม ดีใจจัง นึกว่ามีแต่ผมเท่านั้นที่คอยแต่จะหึงหวงคุณอยู่ฝ่ายเดียว” ไม่พูดเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียอยู่แถวข้างแก้ม และเลยไปตามซอกคอขาวละมุน ลมหายใจอุ่นร้อนจากปลายจมูกโด่งทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างสูงค่อย ๆ ดันตัวเองให้แนบชิดกับร่างเล็กน่ากอดให้เอนนอนราบลงไปกับเตียงนอนหนานุ่มช้าเนิบอย่างใจเย็น“คุณ..เอ่อ..คุณมาร์คคะ คือว่า..จอม”“อะไรอีกครับที่รัก จะหาข้ออ้างอะไรอีก เมื่อสองสามวันก่อนคุณก็บอกว่าเป็นรอบเดือน แล้วคราวนี้คุณจะบอกว่าเป็นอะไรอีกครับ..ฮึ” จอมขวัญแทบจมลงไปกับเตียงนอนหนานุ่ม เมื่อร่างที่ใหญ่กว่าทิ้งตัว
แม้ในใจจะรู้สึกโล่ง แต่อีกใจหนึ่งกลับอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เท้าบางจึงเดินออกมาหาที่ห้องนั่งเล่นด้านนอก เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย ร่างสูงนอนเหยียดยาวทอดกายไปกับโซฟา เปิดทีวีค้างไว้ คงหลับไปแล้ว ฮึ..รอไม่ไหวล่ะสิ คงเพลียจากงานเมื่อกลางวันที่เขาต้องรับบทหนักกว่าหล่อนมากก็ไหนจะคอยต้อนรับญาติ ๆ ทางมารดาเขา ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และไหนจะเพื่อนฝูงสมัยเรียน เพื่อนร่วมธุรกิจอีก จอมขวัญนั่งลงกับพื้นข้างโซฟาที่มีคนตัวสูงนอนอย่างสบายใจ พลางยื่นปลายนิ้วไปเขี่ยตรงต้นแขน กะว่าจะปลุกให้เข้าไปนอนที่เตียงนอนเสียหน่อย เพราะดูจากที่เขานอนอยู่คงไม่สบายเท่าใดนัก“อืมม์..ไม่ต้องมาสะกิดเลย คืนนี้ยกให้ ผมไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วง่วง..” พูดจบเจ้าบ่าวก็ลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซกลับมาล้มตัวลงนอนที่เตียงกว้างด้านในอย่างงอน ๆ จอมขวัญย่นจมูก อย่างนึกหมั่นไส้ แลบลิ้นแถมไปให้ด้วย เฮอะ..ผู้ชายอะไรงอนก็เป็นด้วยตลกชะมัด แต่ก็น่ารักไปอีกแบบเมื่อคนอย่างเขาทำ ฮิ ๆ หญิงสาวก้าวขึ้นเตียงนอนใหญ่หนานุ่ม อย่างแผ่วเบา ด้วยเกรงว่าคนข้าง ๆ จะตื่น ก่อนจะตะแคงมองสามีที่น่ารักยิ่งนักเมื่อยามหลับ โน้มใบหน้าบางใส ไปจุ๊บราตรีสวัสดิ์ ให้
งานวิวาห์ระหว่าง นายมัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกล นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงกับเลขาสาวนางสาวจอมขวัญ มงคลเกียรติ ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงเมืองหลวง เป็นวันที่ทั้งสองรอคอยว่าจะให้มีวันนี้ นับตั้งแต่ผ่านช่วงปีใหม่มาแล้วร่วมสองเดือน ซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าว บ่นอิดออดว่าทำไมฤกษ์ที่มารดาเจ้าสาวหาให้ ถึงได้ล่าช้านัก ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาต้องทรมานขนาดไหนที่ต้องทนรอให้ถึงวันนี้อย่างใจจดใจจ่อเพียงใด“วันนี้คุณสวยจัง” เจ้าบ่าวกระซิบข้างใบหูเล็กของเจ้าสาว อย่างเอาใจ เมื่อทั้งหล่อนและเขาออกมายืนต้อนรับแขกเหรื่อหน้าประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ที่ถูกจัดขึ้นอย่างวิจิตร ตระการตา เจ้าสาวของเขาอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าขาวใส ที่ตอนนี้ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางบางเบา เท่านั้นก็ช่วยให้หล่อนสวยใสไร้ที่ติจนเขาต้องเอ่ยปากชมออกมา“ไม่ต้องมาพูดเอาใจหรอกน่า..ยังไง ๆ ก็รับผิดชอบในตัวคุณอยู่แล้วล่ะค่ะ” จอมขวัญตอบกลับไป พลางยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ แถมแลบลิ้นแบบเด็ก ๆ ส่งไปให้เจ้าบ่าวของหล่อน ที่วันนี้เขาก็ดูหล่อสมาร์ตกว่าใคร ๆ ในงานเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเวลาธรรมดา เขาก็ดูดีไม่มีที่ติอยู่แล้ว“แน่นอน
บ่อยครั้งเข้าต้นน้ำถึงกับร้องครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อหญิงสาวเริ่มตอบสนองเขาอย่างเต็มใจ ลำแขนเรียวเล็กเลื่อนขึ้นมาโอบรอบคอแข็งแรงของเขาไว้อย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยวเมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก ล้อมดาวถึงกับหายใจหอบเล็กน้อย ก้มหน้ามุดเข้าไปหาความอบอุ่นในอ้อมอกเขาอย่างเอียงอาย ไม่พูดไม่จา“ ดูเหมือนว่า เราจะเกิดมาคู่กันเสียแล้วสิ..คุณว่าไหม”“ บ้าน่ะสิ คนบ้า! พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ”“ อ๋อ..อยากให้ถึงที่บ้านเร็ว ๆ จะได้ฟ้องทุกคนงั้นสิ คราวนี้ถ้าคุณไม่ฟ้องจริง ๆ ผมจะเป็นฝ่ายบอกกับทุกคนเองเลยเป็นไง ว่าเรารู้สึกยังไงต่อกัน” “ อี๋..ใครไปมีความรู้สึกอะไรกับคุณกันล่ะแล้วก็ห้ามบอกเรื่อง..เรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด!”“ อะไรนะเรื่องจูบนี่น่ะหรือ ที่ห้ามบอกฮ่า ๆ”“ นี่คุณ!ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ” หญิงสาวตวาดแว๊ดใส่ชายหนุ่มใบหน้าแดงก่ำด้วยความขัดเขินปนขุ่นเคืองเป็นกำลัง ต้นน้ำหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหล่อนนัก ดวงหน้าขาวใสที่ออกเป็นสีแดงจาง ๆ แล้วตอนนี้ พร้อมด้วยการค้อน แสดงความเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด มันช่างถูกใจนัก สงสัยว่าเขาจะต้องไปเกี่ยวดองกับตระกูลไฮโซอีกคนเสียแล้วสิ เฮ้อ!“
แสงแดดยามเช้าส่งลงมายังสวนผลไม้ ทำให้บรรยากาศตอนนี้ช่างรื่นรมย์เหลือเกิน ล้อมดาวชอบบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติอย่างนี้ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หญิงสาวออกมาช่วยคนงานเก็บผลส้มอย่างเพลิดเพลิน จนไม่รู้ว่าได้เดินลึกเข้าไปในไร่อย่างไม่รู้ตัว พลางเขย่งเท้าเพื่อที่จะปลิดผลส้มที่อยู่สูงเกินมือจะเอื้อมถึง จึงมองหาบันไดที่คนงานเขามักจะใช้กันเมื่อเก็บลูกที่อยู่สูงขึ้นไป“ ทำอะไรน่ะ! เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก!” เพราะเสียงเข้มดุนั้นทีเดียวเล่นเอาเธอสะดุ้งตกใจ และไม่ทันตั้งตัวขณะที่ล้อมดาว ก้มลงไปมองยังเสียงเข้มดุคล้ายรำคาญเต็มทน สาวต่างถิ่นจึงตัดสินใจก้าวขาลงมา แต่กลับก้าวพลาด ทำให้ร่างของหล่อนร่วงจากบันไดทันที!“ ว๊ายยย!!” ตุ๊บ!! “ โอ้ย!..”“ เฮ้ย! ว่าแล้วเชียวต้องเป็นแบบนี้พูดยังไม่ทันขาดคำเลย โธ่เอ๊ย!ลุกไหวไหมล่ะทีนี้”“ ไม่ต้องมายุ่งเลยคนใจร้าย เมื่อไหร่จะหยุดแกล้งฉันเสียที ที่ผ่านมายังไม่พอใจอีกหรือ” คนอะไร ไม่อยากมองหน้าเลย ใบหน้าที่ดุดัน นัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจ ทั้งปาก ทั้งจมูก หล่อนเกลียดนัก ทำไมจะต้องมาเจอคนอย่างเขาด้วยนะ แล้วทำไมต้องมายุ่มย่ามกับหล่อนด้วยไม่เข้าใจเลยจริง ๆ“ พูดอะไรของคุณเนี่ย
“ คุณเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง นี่อย่าบอกนะว่า..คุณจะมาแก้แค้นเรื่องเมื่อวาน แล้วที่..ที่คุณทำกับฉันเมื่อวานยังไม่พอใจอีกเหรอ คน..คนไม่ดี..คนพาล ออกไปนะ ออกไป! ฉันเกลียดคุณ คนบ้า! ฮือ ๆ ฉันจะฟ้องทุกคนเลยคอยดู ฮือ ๆ ที่คุณกล้าทำกับฉันแบบนี้ ฮือ ๆ”เมื่อได้สติหญิงสาวก็กระโดดผลุงลงจากเตียง วิ่งไปหลบชิดกำแพงห้อง ราวกับว่ามันจะช่วยหล่อนได้กระนั้น พลางชี้หน้าด่าคนที่บังอาจเข้ามาในห้องที่หล่อนนอนอยู่ พูดไปร้องไห้ไป อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้นน้ำลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองจ้องไปยังหญิงสาวที่บัดนี้ตัวสั่นงันงกอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ปากก็พร่ำว่าเขา พูดไปร้องไห้ไปอย่างกับเด็ก เอะอะก็จะฟ้องคนโน้นคนนี้ ก็เอาสิ ลองดูว่าจะทำอย่างที่พูดได้หรือเปล่า“ ก็เอาสิ ฟ้องก็ฟ้องเลย คราวนี้ล่ะเขาจะได้รู้กัน ว่าเราน่ะ..มีความลับต่อกันอยู่หึ ๆ” ชายหนุ่มกอดอก พูดเนิบ ๆ อย่างใจเย็น มองตอบกลับไปยังใบหน้าขาวสะอาดที่บัดนี้เปื้อนไปด้วยน้ำตา อย่างท้าทาย ก่อนจะเดินออกจากห้องมาหน้าตาเฉย หากในใจกลับอดรู้สึกสงสารเจ้าของใบหน้าที่ดูหวาดระแวง วิตกกังวล ใบหน้าอ่อนใสค่อนข้างแดงก่ำจะเพราะพิษไข้ หรือจากที่โ
บนโต๊ะอาหารมื้อเช้าของวันใหม่ สมาชิกในครอบครัว นั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร จะขาดก็แต่ล้อมดาวที่ไม่ยอมออกมาทานข้าว ผู้เป็นมารดารู้สึกแปลกใจนักเมื่อไม่เห็นเพื่อนของลูกสาวมาร่วมโต๊ะอาหารในเช้านี้“ อ้าว! หนูจอม เพื่อนเราเขาไม่ทานข้าวด้วยกันเหรอลูก ไม่สบายหรือเปล่าเมื่อวานตอนเย็น แม่เห็นหน้าซีด ๆ อยู่”“ จอมถามแล้วค่ะแม่ ล้อมเขาบอกว่าไม่ค่อยหิว เมื่อคืนบ่นว่านอนไม่หลับด้วย รู้สึกมึนหัวนิดหน่อย สงสัยยังปรับตัวไม่ทัน ก็เลยขอนอนต่อ นี่ก็กะว่าจะเอาข้าวต้มไปให้เขาทานเสียหน่อย”“ อืม อย่างนั้นเหรอจ๊ะ สงสัยคงแปลกที่ แถมยังเปลี่ยนเวลากะทันหัน ถือยาไปเผื่อด้วยก็แล้วกันนะลูก”“ ค่ะแม่ แหม..รู้สึกว่าแม่เราเนี่ยเอาใจใส่ยัยคุณหนูล้อมเป็นพิเศษเลยนะเนี่ย” ปากพูดไป แต่สายตากลับหันมามองตาพี่ชาย เหมือนต้องการสื่อความหมายอะไรบางอย่างกับต้นน้ำมากกว่า ทางด้านพี่ชายหลบตาน้องสาวรีบเสใบหน้าไปอีกทาง ทำเป็นไม่สนใจกับสายตาจ้องจับพิรุธของผู้เป็นน้องสาวที่ส่งมาอย่างมีเลศนัยนั่น แต่ใจก็อดนึกไปถึงหญิงสาวที่แอบหลบอยู่ในห้องไม่ให้เห็นหน้าตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว หึ..หลบได้หลบไป อยากรู้นัก จะทำแบบนี้ไปได้สักกี่น้ำ ยัง
“ ทำไมต้องบอกด้วยล่ะคะ คุณก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี” หญิงสาวยังบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมตอบแต่โดยดี“ อยากได้ยินจากปากคุณมากกว่า น่านะ.. บอกผมมาสักครั้งหนึ่งเถอะนะ คนดี ไม่อย่างนั้นจะจูบอวดชาวบ้านเขาเดี๋ยวนี้เลยเป็นไง”“ รัก..สิคะ ถ้าไม่..รัก..ไม่ยอมตกลงแต่งด้วยหรอก” จอมขวัญรีบตอบกลับไปทันทีด้วยเกรงว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ“ อืมม์..ชื่นใจจัง..งั้น..ให้รางวัลแก่เด็กดีหน่อยเป็นไร” ไม่พูดเปล่าร่างสูงก็โน้มหน้าลงมาหมายตาไว้ที่ปากเล็กจิ้มลิ้มนั้น แต่ก็พลาดเมื่อเจ้าหล่อนดิ้น หลุดไปเสียก่อน หนีไปได้อีกแล้วนะ หลบได้หลบไป แต่งเมื่อไหร่ล่ะก็..น่าดูเมื่อได้หลับเต็มอิ่มแล้ว ก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาเป็นกำลัง ล้อมดาวบิดขี้เกียจ อ้าปากหาวเต็มที่เมื่ออยู่ในห้องพักเพียงลำพัง ไปไหนกันหมดนะ บนบ้านก็ว่างเปล่า อ้อ! ลืมไป ยัยจอมจุ้นกับพี่ชายหล่อนบอกว่าจะออกไปสวนส้มนี่นา ล้อมดาวยืนงงอยู่เป็นครู่เมื่อค่อย ๆ ลำดับเหตุการณ์ ก่อนที่จะหลับสนิทเพราะเพลียจากการเดินทาง หญิงสาวที่สวมเพียงเสื้อกล้ามสีขาวสะอาดตา เน้นทรวดทรงองเอว เป็นอย่างดี เพราะแจ๊กเก็ตตัวโปรดถูกถอดเก็บไว้ในห้องแล้ว แปลกแฮะหน้านี้เป็นฤดูหนาวไม่ใช่หรือ แต่ทำ
สงสัยคนบ้านนี้เขาได้รับการอบรมสั่งสอนมาดีมากเลยนะถึงไหว้ได้อย่างงดงามทั้งพี่ทั้งน้อง กิริยาก็น่ารักน่ามอง ผู้เป็นมารดาลอบมองสำรวจหญิงสาวหน้าตาสะสวยหมดจดแลดูเกลี้ยงเกลาผู้นี้อย่างนึกเอ็นดู หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี ผู้อาวุโสทั้งสองก็ชักชวนให้เก็บสัมภาระ ซึ่งเจ้าของบ้านได้จัดแจงพาไปยังห้องพัก แม้ว่าบ้านจะดูไม่ใหญ่โต เหมือนกับบ้านคนรวยร้อยล้านพันล้าน แต่ภายในก็แลดูกว้างขวางน่าอยู่ จัดพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว ซึ่งล้อมดาวขอนอนกับจอมขวัญเพื่อที่ว่าจะได้นอนคุยกันให้ฉ่ำปอดไปเลย จอมขวัญก็รีบตอบรับแทบจะทันที ส่วนว่าที่เจ้าบ่าวของหล่อนกลับทำหน้ายักษ์ใส่ราวกับไม่พอใจกระนั้น แต่จอมขวัญไม่สนใจทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวไปเสีย เมื่อเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วหัวหน้าครอบครัวก็ให้ออกมาร่วมรับประทานอาหาร โดยวันนี้สามพ่อครัวช่วยกันทำอาหารคนละอย่างสองอย่าง อวดฝีมือกันเต็มที่“ เป็นไงบ้างจ๊ะบ้านป้า พออยู่ได้ไหม” ผู้เป็นป้าหันมาถามล้อมดาว อย่างให้ความสนใจจนออกนอกหน้า ทำไมแม่ต้องไปสนใจยัยเด็กขี้วีน คนนี้ด้วยนะ แถมยังซุ่มซ่ามอีกต่างหาก ต้นน้ำนึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว“ สบายมากค่ะ ล้อมไม่เรื่อ