“จะบ้าเหรอคะ! ไม่อยากคุยกับคุณแล้ว..พูดไปก็เสียเวลาเปล่า ฉันจะไปเก็บข้าวของ พอแค่นี้ จบเรื่องเสียที” จบประโยคหญิงสาวก็เปิดประตูห้องเตรียมเข้าไปด้านในไม่สนใจอีกฝ่ายจะว่ายังไงอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ต้องชะงักค้างไว้ เมื่อมือใหญ่คว้าประตูห้องไว้ได้ทันก่อนที่จะถูกปิด“โอเค ถ้าอย่างนั้นผมจะได้ไปเก็บของบ้าง ดีเหมือนกันไปอยู่ที่กรุงเทพก็ดี จะได้ไปให้ห่างจากแก้วกล้าไว้ ผมไม่ไว้ใจหมอนั่นเลย..ให้ตายเถอะ” ดูเหมือนว่าหล่อนกับเจ้านายจะคิดกันไปคนละเรื่องเสียแล้ว..มันยังไงกันล่ะทีนี้ เรื่องที่กำลังถกเถียงกันอยู่นี่ไปเกี่ยวอะไรกับคุณแก้วกล้ากันเล่า“ไม่เกี่ยวกับคุณนี่คะ ฉันลาออกจากหน้าที่เลขาของคุณแล้ว ฉันจะไปตามทางของฉัน เจ้านายก็ส่วนเจ้านายสิคะ!”“ใครอนุญาตให้คุณลาออกไม่ทราบจอมขวัญ ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนทั้งนั้นแหละ คุณยังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์เลยนะอย่าลืม แล้วอีกอย่าง ถ้าหากคุณกลับไปแล้ว คนที่โน่นเขาจะคิดยังไง ในเมื่อคุณมาทำงานอยู่กับผมแค่เดือนกว่า ๆ ก็หอบกระเป๋าหนีกลับเสียแล้ว คิดดูให้ดี ๆ นะ พวกเขารู้จักและสนิทสนมกับคุณมากกว่าผม เผลอ ๆ อาจคิดไปในแง่ลบมากกว่าบวก ซึ่งมันจะเสียทั้งคุณทั้งผม.. แต่สำหรับผมไม่
หลังจากที่ตกลงสงบศึกเสร็จสิ้นแล้ว มัฆวัฒน์ก็พาหญิงสาวเข้าตัวเมืองเพื่อจับจ่ายซื้อของที่จำเป็นอย่างที่เขาบอกไว้แต่แรก หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้น เมื่อได้มายังศูนย์การค้าใหญ่ ๆ ในตัวเมือง ลำพังเดินดูของทั่วไปน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก แต่พอเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ตนี่ซิ เจ้านายหล่อนก็ทำตัวราวกับเป็นคู่สามีภรรยากันก็ไม่ปาน จะหยิบจับ ซื้ออะไรก็ต้องหันมาถามความเห็นก่อน แถมยังเข็นรถใส่ของท่าทางทะมัดทะแมงดูเหมือนว่าทำแบบนี้เป็นประจำอย่างนั้นแหละกลับมาจากซื้อของที่แทบเหมามาเกือบทั้งห้าง เล่นเอาหล่อนแทบไม่อยากทำอะไรเอาซะเลย เขาไม่เหนื่อยเลยหรือยังไงกันนะ พอมาถึงก็หิ้วของเข้าบ้านอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยดูเหมือนจะมีความสุขด้วยซ้ำ เป็นหล่อนเสียอีกที่ออกอาการร่อแร่ รู้สึกเหนื่อยล้าเต็มทน เลยต้องขอตัวเข้ามาพักเสียก่อน ส่วนตัวเจ้านายก็จัดการกับข้าวของที่ซื้อมาราวกับจะไม่ออกไปไหนอีกเป็นปีเมื่อเข้ามาในห้องพักได้ ก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง พลางมองข้าวของส่วนที่เป็นของตัวเอง แอบอมยิ้มออกมาไม่ได้ คนอะไรบอกว่าไม่เอา ๆ ไม่มีตังค์ ยังจะดันทุรัง ทู่ซี้ให้หล่อนซื้อจนได้ อ้างว่าเป็นโบนัสสิ้นปีล่วงหน้า มีหรือ คนอย่างนางส
คนพูดประโยคแข็งกระด้างดูถูก เมื่อครู่รีบผละออกไปทันที เมื่อมัฆวัฒน์เดินตามมาถึงรถ จอมขวัญให้นึกหมั่นไส้ทายาทเจ้าของโรงแรมขึ้นมาติดหมัด พลางเม้มปากเข้าหากันแน่น นี่ถ้าหากว่าเจ้านายหันมาสนใจหล่อน เกินขอบเขตระหว่างเจ้านายกับลูกน้องจริง ๆเมื่อไหร่ล่ะก็ เธอนั่นแหละแม่แพทซี่ที่รัก ฉันจะเขี่ยเธอให้พ้นทางเป็นคนแรกเลยคอยดู..จอมขวัญฉุนจัด รู้สึกโมโหสุดขีด พลางนึกในใจว่าตัวเธอเองนี่ก็ร้ายไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย ที่สามารถคิดออกมาได้ว่าจะเปิดศึกชิงชายกับยายแพทอะไรนั่น... แน่ล่ะว่าคุณภัทราจะต้องก้าวขึ้นไปนั่งในตอนหน้าคู่กับคนขับอย่างแน่นอน ท่าทางหล่อนราวกับต้องการอวดตัวว่าคุ้นเคยกับการนั่งรถกับชายหนุ่มเป็นอย่างดี เสียงพูดคุยกันระหว่างสองคนที่นั่งตอนหน้าช่างสั่นสะเทือนระบบประสาทหล่อนดีแท้ โดยเฉพาะแม่แพทซี่ ทำอย่างกับจะอวดอ้างว่าสนิทสนมกับเจ้านายหล่อนเสียเหลือเกิน จอมขวัญแอบเบะปากอย่างนึกหมั่นไส้เป็นรอบที่ร้อยรถซี อาร์ วี คันใหญ่วิ่งเข้าตัวเมืองหัวหิน มาจอดอยู่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่โตมโหฬารที่คงกินเนื้อที่ไปกว่าสิบไร่ได้กระมัง นี่ขนาดมองจากด้านนอกยังดูโอ่อ่าสมราคาเจ้าของโรงแรมใหญ่เสียจริง ๆ นึกว่าภั
หล่อนคงกลืนอะไรไม่ลงแน่ ๆ ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา ให้เป็นขี้ปากชาวบ้านเปล่า ๆ มีที่ไหนกัน ที่เลขาต๊อกต๋อยมานั่งร่วมโต๊ะกับผู้บริหารระดับสูงอย่างนี้..พอเดินตามบุรุษทั้งคู่ มาได้สักพัก ยังไม่ถึงห้องอาหาร จอมขวัญจึงถือโอกาส เมื่อคุณมงคล หยุดทักทายกับคนอื่นอยู่“คุณมัฆวัฒน์คะ”“หือม์..มีอะไรหรือ..เห็นทำท่าลุกลี้ลุกลนตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”“คือ..ฉันขอไปนั่งทานรวมกับกลุ่มอื่นดีกว่านะคะ”“แล้วทำไม?ไม่อยากไปทานกับผม หรือกับคุณลุงอย่างนั้นหรือ ก็เห็นสนิทสนมกันดีอยู่นี่”“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เอ่อ..คือฉันเกรงใจ แล้วอีกอย่าง มันไม่เหมาะนี่คะที่เลขาจะไปนั่งร่วมโต๊ะกับเจ้านาย” จอมขวัญพยายามใช้เหตุผล แกมวิงวอน“ก็ไปบอกคุณลุงเอาเองสิ” ยังไม่ได้พูดอะไรต่อ คุณมงคลก็หันมาเห็นเจ้านายหนุ่มทำเป็นบุ้ยบ้ายไปทางญาติผู้ใหญ่ของเขาพอดี“มีอะไรหรือถึงทำท่าซีเรียสกันอย่างนั้น”“ก็เลขาของผมน่ะสิครับคุณลุงจะไม่ยอมไปนั่งทานข้าวกับเรา” อ๊ะ! คนบ้าทำไมพูดออกไปแบบนั้นเล่า อยากบิดให้เนื้อเขียวนัก คนพูดทำเป็นนิ่งเฉย..ต่างจากหญิงสาวที่หัวใจแทบวาย..หน้าซีดสลับกับมีสีระเรื่อด้วยความกระดากอาย จากสายตาคนที่ผ่านโลกมามากกว่า ผู้บริหา
“ไม่ได้วิ่งซะหน่อย แล้วก็ไม่ได้หิวมากมายขนาดนั้นด้วยค่ะ” เดินขึ้นมาจนถึงชั้นที่ห้า เล่นเอาหอบฮักเลยทีเดียว ผิดกับเขาที่เดินตามขึ้นมาอย่างสบายใจเฉิบ แถมในมือยังถือของ ไม่แสดงอาการเหนื่อยหอบเหมือนอย่างหล่อนเลยสักนิด“ต้องไปออกกำลังกายบ้างแล้วนะคุณน่ะ.. ดูสิ เดินขึ้นบันไดแค่ห้าชั้นก็หอบแฮ่ก ๆ แล้ว” ร่างสูงมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ขณะที่หล่อนกำลังควานหากุญแจเพื่อไขเข้าไปยังห้องพัก จอมขวัญหน้าแดงขึ้นมาดื้อ ๆ เมื่อได้ยินเสียงทุ้ม ดังอยู่ด้านหลัง แถมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ โชยมาเตะเข้าที่จมูก จะยืนห่างๆ หน่อยไม่ได้หรือไงนะ..เมื่อไขกุญแจได้ด้วยมือที่สั่นเทา ก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เมื่อจะได้ไม่ต้องทนยืนให้เขาอยู่ใกล้ชิด อย่างไม่ยอมหลบไปไหน ตั้งแต่มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องแล้ว เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเอ่ยออกมาทันที“น่าอยู่จัง..คุณจัดห้องเองเหรอ?” ร่างสูงหันมาถาม หลังจากที่เดินสำรวจภายในห้องของหล่อนเรียบร้อยแล้ว“ก็แต่งเติมหลังจากที่พี่ชายไม่อยู่แล้ว เท่านั้นเองค่ะ” ที่จริงแล้ว ส่วนใหญ่แล้วเป็นฝีมือพี่ชายหล่อน ที่ตกแต่งห้องนี้ ห้องชุดที่ไม่หรูหราอะไรมากมายเท
“ไล่จังนะ..อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้หรือไง ยังไม่อยากกลับเลย” จอมขวัญหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบแล้วเมื่อได้ยินเสียงเว้าวอน พร้อมกับแววตาระยิบระยับนั่นเข้า เลยแกล้งมองออกไปนอกตัวตึก ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อน“ฉันง่วงแล้ว..อยากพักผ่อน” ใช้ไม้นี้แหละ ลองดูซิเขาจะว่ายังไง“ก็ไปนอนสิ เดี๋ยวยังไงถ้าผมกลับ จะล็อกห้องไว้ให้ก็แล้วกัน” หญิงสาวหันขวับมามองเขาตาวาว ทำตาขุ่นเคืองใส่คนเรื่องมาก ที่ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมกลับเสียที“เอาล่ะ ๆ ล้อเล่นน่ะ..กลับก็ได้” จากนั้นชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงร่วมร้อยแปดสิบเซนติเมตร บิดขี้เกียจไปมาอยู่เป็นครู่ก่อนจะเดินย้อนเข้าไปในห้องพัก จอมขวัญจำต้องเดินออกมาส่งเขาตามมารยาท ชายหนุ่มหยุดยืนหน้าประตูห้อง คิดว่าเขาจะเปิดประตูออกไป..หากเขากลับหันมาเผชิญหน้ากับหล่อน ที่มัวแต่เดินตามคนตัวสูงมาอย่างกระชั้นชิดทำให้เบรกแทบไม่ทัน จึงชนเข้ากับแผงอกกว้างแข็งแรงเข้าเต็ม ๆ“ อุ๊ย!..” ชายหนุ่มตระคองกอดร่างเล็กนุ่มนิ่มได้ทันควันก่อนที่หล่อนจะหงายหลังล้มลงไป พลางใช้นิ้วเรียว แตะเข้าที่คางหล่อน บังคับให้เงยขึ้นมาสบตากันจังๆ“ กลัวอะไรหรือ..จอมขวัญ?”สีหน้าไม่ได้บ่งบอกว่าล้อเล่นเหมือนอย่างเคย
วันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วนัก ใกล้จะสิ้นปีแล้ว หลังจากกลับมาที่หัวหินคราวนั้นหล่อนก็ต้องมาจัดเตรียมงานเลี้ยงให้กับพนักงาน ซึ่งถูกจัดขึ้นทุกปี และปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่ว่า งานจะจัดที่รีสอร์ตหัวหินนี่สิ..เล่นเอาหล่อนต้องทำทั้งงานราษฎร์ งานหลวงกันเลยทีเดียวเหนื่อยจนแทบไม่มีแรงที่จะออกไปเดินเล่นริมชายหาด เหมือนอย่างแต่ก่อน ที่จอมขวัญชอบออกไปรับลมชมวิวตอนพระอาทิตย์ตกดินหลังเลิกงาน หรือไม่ก็วันหยุด ส่วนเจ้านายจอมเฮี้ยบ ยิ่งแล้วใหญ่ เมื่อเข้าสู่โหมดผู้บริหารเมื่อไหร่ เป็นอันไม่สนใจใครทั้งสิ้นเขาเป็นคนเอาจริงเอาจังกับเรื่องต่าง ๆ มาก โดยเฉพาะเรื่องงานถ้างานไม่เสร็จ ก็อย่าหวังว่าจะลุกไปไหน บางวันออกไปทำงานแต่เช้าโดยไม่รอหล่อน บางวันก็นอนที่สำนักงาน ช่วงนี้เขาต้องติดต่อกับลูกค้า ติดต่อกับฝ่ายโน้นฝ่ายนี้มากขึ้น เพราะรีสอร์ตใกล้เสร็จสมบูรณ์เต็มทีแล้ว คราวนี้จึงถือโอกาสจัดเลี้ยงฉลองที่โครงการใกล้เสร็จสิ้นเสียทีเดียวพร้อมกันเลยมัฆวัฒน์ก้าวเข้ามาในตัวบ้านพักเมื่อตอนสองทุ่มเศษ นัยน์ตาของเขาพร่ามัว และรู้สึกปวดที่ขมับตุบ ๆ เหมือนจะมีไข้ อาจเป็นเพราะเมื่อตอนกลางวัน เขาออกไปดูโครงการกับลูกค้า ท่ามกลางแสง
จอมขวัญถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อแกะกระดุมเม็ดสุดท้ายได้ กว่าจะเสร็จภารกิจก็เล่นเอา หัวใจแทบหยุดเต้นไปเลยทีเดียวเหลือก็แต่ด้านหลังหล่อนต้องพลิกตะแคงตัวคนร่างใหญ่ เพื่อถอดเสื้อออก และขณะที่หญิงสาวกำลังออกแรงโน้มไหล่ของเขาให้พลิกอยู่นั้นพลันต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินเสียง งัวเงียจากคนที่หลับไม่รู้เรื่องก่อนหน้า“ผมไม่สบายอยู่นะคุณ” เสียงทุ้มต่ำทำให้คนที่พยายามพลิกตัวให้อย่างทุลักทุเล ตัวแข็งทื่อไปถนัดใจ แต่เมื่อก้มลงมองใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้แดงก่ำเพราะพิษไข้ ก็เห็นเขายังคงหลับตาสนิท เสียงหายใจก็สม่ำเสมอเหมือนเดิม พลอยทำให้หล่อน ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกอีกรอบ“สงสัยคงละเมอ”“ใครบอกว่าละเมอ” คราวนี้เสียงงัวเงียเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น มีแต่เสียงทุ้ม ๆ เข้มงวดตอบกลับมา เล่นเอาหญิงสาวแทบตั้งตัวไม่ทัน เมื่ออยู่ในท่าที่ล่อแหลมน่าดู ตอนนี้ตัวหล่อนเหมือนนอนเกยอยู่บนตัวของอีกฝ่าย แถมลำแขนเล็กเรียวก็โอบรอบหัวไหล่ของชายหนุ่มอยู่ตาต่อตาประสานกันแน่วนิ่ง อย่างไม่มีใครทันได้พูดอะไรออกมา“นี่..คุณให้โอกาสผมหน่อยสิครับ ให้ผมหายดีก่อนนะ..ถ้าให้ทำตอนนี้น่ะ คงดีไม่ดีแน่ คุณอาจจะติดไข้จากผมก็ได้นะ”"
เสียงเปิดและปิดประตูอย่างแผ่วเบา สักพักเตียงอีกฝั่งก็ยวบลงช้า ๆ ตามด้วยมือใหญ่เรียวยาวค่อยๆ สอดมาใต้หมอนเอื้อมมาคว้าไหล่บอบบางของเมียสาวที่ตอนนี้นอนหันหลังให้ พลางออกแรงแกมบังคับให้พลิกมาทางเขาอย่างเบามือ“จะรีบนอนไปไหนล่ะครับ ฮึ” เสียงพึมพำ ทำให้หล่อนลืมตาขึ้นมามอง พร้อมกับส่งสายตาขุ่นขวางกลับไปให้“ง่วงแล้ว..คนจะนอนมาปลุกทำไมเนี่ย ทำไมไม่ไปนอนกับคนอื่นโน่น” ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ อย่างเป็นสุข กลับจ้องมองตอบดวงตาเขียวปั๊ดที่ส่งมาอย่างไม่เกรงกลัว“งอนหรือนี่ คุณหึงผมใช่ไหม ดีใจจัง นึกว่ามีแต่ผมเท่านั้นที่คอยแต่จะหึงหวงคุณอยู่ฝ่ายเดียว” ไม่พูดเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียอยู่แถวข้างแก้ม และเลยไปตามซอกคอขาวละมุน ลมหายใจอุ่นร้อนจากปลายจมูกโด่งทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างสูงค่อย ๆ ดันตัวเองให้แนบชิดกับร่างเล็กน่ากอดให้เอนนอนราบลงไปกับเตียงนอนหนานุ่มช้าเนิบอย่างใจเย็น“คุณ..เอ่อ..คุณมาร์คคะ คือว่า..จอม”“อะไรอีกครับที่รัก จะหาข้ออ้างอะไรอีก เมื่อสองสามวันก่อนคุณก็บอกว่าเป็นรอบเดือน แล้วคราวนี้คุณจะบอกว่าเป็นอะไรอีกครับ..ฮึ” จอมขวัญแทบจมลงไปกับเตียงนอนหนานุ่ม เมื่อร่างที่ใหญ่กว่าทิ้งตัว
แม้ในใจจะรู้สึกโล่ง แต่อีกใจหนึ่งกลับอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เท้าบางจึงเดินออกมาหาที่ห้องนั่งเล่นด้านนอก เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย ร่างสูงนอนเหยียดยาวทอดกายไปกับโซฟา เปิดทีวีค้างไว้ คงหลับไปแล้ว ฮึ..รอไม่ไหวล่ะสิ คงเพลียจากงานเมื่อกลางวันที่เขาต้องรับบทหนักกว่าหล่อนมากก็ไหนจะคอยต้อนรับญาติ ๆ ทางมารดาเขา ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และไหนจะเพื่อนฝูงสมัยเรียน เพื่อนร่วมธุรกิจอีก จอมขวัญนั่งลงกับพื้นข้างโซฟาที่มีคนตัวสูงนอนอย่างสบายใจ พลางยื่นปลายนิ้วไปเขี่ยตรงต้นแขน กะว่าจะปลุกให้เข้าไปนอนที่เตียงนอนเสียหน่อย เพราะดูจากที่เขานอนอยู่คงไม่สบายเท่าใดนัก“อืมม์..ไม่ต้องมาสะกิดเลย คืนนี้ยกให้ ผมไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วง่วง..” พูดจบเจ้าบ่าวก็ลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซกลับมาล้มตัวลงนอนที่เตียงกว้างด้านในอย่างงอน ๆ จอมขวัญย่นจมูก อย่างนึกหมั่นไส้ แลบลิ้นแถมไปให้ด้วย เฮอะ..ผู้ชายอะไรงอนก็เป็นด้วยตลกชะมัด แต่ก็น่ารักไปอีกแบบเมื่อคนอย่างเขาทำ ฮิ ๆ หญิงสาวก้าวขึ้นเตียงนอนใหญ่หนานุ่ม อย่างแผ่วเบา ด้วยเกรงว่าคนข้าง ๆ จะตื่น ก่อนจะตะแคงมองสามีที่น่ารักยิ่งนักเมื่อยามหลับ โน้มใบหน้าบางใส ไปจุ๊บราตรีสวัสดิ์ ให้
งานวิวาห์ระหว่าง นายมัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกล นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงกับเลขาสาวนางสาวจอมขวัญ มงคลเกียรติ ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงเมืองหลวง เป็นวันที่ทั้งสองรอคอยว่าจะให้มีวันนี้ นับตั้งแต่ผ่านช่วงปีใหม่มาแล้วร่วมสองเดือน ซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าว บ่นอิดออดว่าทำไมฤกษ์ที่มารดาเจ้าสาวหาให้ ถึงได้ล่าช้านัก ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาต้องทรมานขนาดไหนที่ต้องทนรอให้ถึงวันนี้อย่างใจจดใจจ่อเพียงใด“วันนี้คุณสวยจัง” เจ้าบ่าวกระซิบข้างใบหูเล็กของเจ้าสาว อย่างเอาใจ เมื่อทั้งหล่อนและเขาออกมายืนต้อนรับแขกเหรื่อหน้าประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ที่ถูกจัดขึ้นอย่างวิจิตร ตระการตา เจ้าสาวของเขาอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าขาวใส ที่ตอนนี้ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางบางเบา เท่านั้นก็ช่วยให้หล่อนสวยใสไร้ที่ติจนเขาต้องเอ่ยปากชมออกมา“ไม่ต้องมาพูดเอาใจหรอกน่า..ยังไง ๆ ก็รับผิดชอบในตัวคุณอยู่แล้วล่ะค่ะ” จอมขวัญตอบกลับไป พลางยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ แถมแลบลิ้นแบบเด็ก ๆ ส่งไปให้เจ้าบ่าวของหล่อน ที่วันนี้เขาก็ดูหล่อสมาร์ตกว่าใคร ๆ ในงานเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเวลาธรรมดา เขาก็ดูดีไม่มีที่ติอยู่แล้ว“แน่นอน
บ่อยครั้งเข้าต้นน้ำถึงกับร้องครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อหญิงสาวเริ่มตอบสนองเขาอย่างเต็มใจ ลำแขนเรียวเล็กเลื่อนขึ้นมาโอบรอบคอแข็งแรงของเขาไว้อย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยวเมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก ล้อมดาวถึงกับหายใจหอบเล็กน้อย ก้มหน้ามุดเข้าไปหาความอบอุ่นในอ้อมอกเขาอย่างเอียงอาย ไม่พูดไม่จา“ ดูเหมือนว่า เราจะเกิดมาคู่กันเสียแล้วสิ..คุณว่าไหม”“ บ้าน่ะสิ คนบ้า! พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ”“ อ๋อ..อยากให้ถึงที่บ้านเร็ว ๆ จะได้ฟ้องทุกคนงั้นสิ คราวนี้ถ้าคุณไม่ฟ้องจริง ๆ ผมจะเป็นฝ่ายบอกกับทุกคนเองเลยเป็นไง ว่าเรารู้สึกยังไงต่อกัน” “ อี๋..ใครไปมีความรู้สึกอะไรกับคุณกันล่ะแล้วก็ห้ามบอกเรื่อง..เรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด!”“ อะไรนะเรื่องจูบนี่น่ะหรือ ที่ห้ามบอกฮ่า ๆ”“ นี่คุณ!ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ” หญิงสาวตวาดแว๊ดใส่ชายหนุ่มใบหน้าแดงก่ำด้วยความขัดเขินปนขุ่นเคืองเป็นกำลัง ต้นน้ำหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหล่อนนัก ดวงหน้าขาวใสที่ออกเป็นสีแดงจาง ๆ แล้วตอนนี้ พร้อมด้วยการค้อน แสดงความเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด มันช่างถูกใจนัก สงสัยว่าเขาจะต้องไปเกี่ยวดองกับตระกูลไฮโซอีกคนเสียแล้วสิ เฮ้อ!“
แสงแดดยามเช้าส่งลงมายังสวนผลไม้ ทำให้บรรยากาศตอนนี้ช่างรื่นรมย์เหลือเกิน ล้อมดาวชอบบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติอย่างนี้ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หญิงสาวออกมาช่วยคนงานเก็บผลส้มอย่างเพลิดเพลิน จนไม่รู้ว่าได้เดินลึกเข้าไปในไร่อย่างไม่รู้ตัว พลางเขย่งเท้าเพื่อที่จะปลิดผลส้มที่อยู่สูงเกินมือจะเอื้อมถึง จึงมองหาบันไดที่คนงานเขามักจะใช้กันเมื่อเก็บลูกที่อยู่สูงขึ้นไป“ ทำอะไรน่ะ! เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก!” เพราะเสียงเข้มดุนั้นทีเดียวเล่นเอาเธอสะดุ้งตกใจ และไม่ทันตั้งตัวขณะที่ล้อมดาว ก้มลงไปมองยังเสียงเข้มดุคล้ายรำคาญเต็มทน สาวต่างถิ่นจึงตัดสินใจก้าวขาลงมา แต่กลับก้าวพลาด ทำให้ร่างของหล่อนร่วงจากบันไดทันที!“ ว๊ายยย!!” ตุ๊บ!! “ โอ้ย!..”“ เฮ้ย! ว่าแล้วเชียวต้องเป็นแบบนี้พูดยังไม่ทันขาดคำเลย โธ่เอ๊ย!ลุกไหวไหมล่ะทีนี้”“ ไม่ต้องมายุ่งเลยคนใจร้าย เมื่อไหร่จะหยุดแกล้งฉันเสียที ที่ผ่านมายังไม่พอใจอีกหรือ” คนอะไร ไม่อยากมองหน้าเลย ใบหน้าที่ดุดัน นัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจ ทั้งปาก ทั้งจมูก หล่อนเกลียดนัก ทำไมจะต้องมาเจอคนอย่างเขาด้วยนะ แล้วทำไมต้องมายุ่มย่ามกับหล่อนด้วยไม่เข้าใจเลยจริง ๆ“ พูดอะไรของคุณเนี่ย
“ คุณเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง นี่อย่าบอกนะว่า..คุณจะมาแก้แค้นเรื่องเมื่อวาน แล้วที่..ที่คุณทำกับฉันเมื่อวานยังไม่พอใจอีกเหรอ คน..คนไม่ดี..คนพาล ออกไปนะ ออกไป! ฉันเกลียดคุณ คนบ้า! ฮือ ๆ ฉันจะฟ้องทุกคนเลยคอยดู ฮือ ๆ ที่คุณกล้าทำกับฉันแบบนี้ ฮือ ๆ”เมื่อได้สติหญิงสาวก็กระโดดผลุงลงจากเตียง วิ่งไปหลบชิดกำแพงห้อง ราวกับว่ามันจะช่วยหล่อนได้กระนั้น พลางชี้หน้าด่าคนที่บังอาจเข้ามาในห้องที่หล่อนนอนอยู่ พูดไปร้องไห้ไป อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้นน้ำลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองจ้องไปยังหญิงสาวที่บัดนี้ตัวสั่นงันงกอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ปากก็พร่ำว่าเขา พูดไปร้องไห้ไปอย่างกับเด็ก เอะอะก็จะฟ้องคนโน้นคนนี้ ก็เอาสิ ลองดูว่าจะทำอย่างที่พูดได้หรือเปล่า“ ก็เอาสิ ฟ้องก็ฟ้องเลย คราวนี้ล่ะเขาจะได้รู้กัน ว่าเราน่ะ..มีความลับต่อกันอยู่หึ ๆ” ชายหนุ่มกอดอก พูดเนิบ ๆ อย่างใจเย็น มองตอบกลับไปยังใบหน้าขาวสะอาดที่บัดนี้เปื้อนไปด้วยน้ำตา อย่างท้าทาย ก่อนจะเดินออกจากห้องมาหน้าตาเฉย หากในใจกลับอดรู้สึกสงสารเจ้าของใบหน้าที่ดูหวาดระแวง วิตกกังวล ใบหน้าอ่อนใสค่อนข้างแดงก่ำจะเพราะพิษไข้ หรือจากที่โ
บนโต๊ะอาหารมื้อเช้าของวันใหม่ สมาชิกในครอบครัว นั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร จะขาดก็แต่ล้อมดาวที่ไม่ยอมออกมาทานข้าว ผู้เป็นมารดารู้สึกแปลกใจนักเมื่อไม่เห็นเพื่อนของลูกสาวมาร่วมโต๊ะอาหารในเช้านี้“ อ้าว! หนูจอม เพื่อนเราเขาไม่ทานข้าวด้วยกันเหรอลูก ไม่สบายหรือเปล่าเมื่อวานตอนเย็น แม่เห็นหน้าซีด ๆ อยู่”“ จอมถามแล้วค่ะแม่ ล้อมเขาบอกว่าไม่ค่อยหิว เมื่อคืนบ่นว่านอนไม่หลับด้วย รู้สึกมึนหัวนิดหน่อย สงสัยยังปรับตัวไม่ทัน ก็เลยขอนอนต่อ นี่ก็กะว่าจะเอาข้าวต้มไปให้เขาทานเสียหน่อย”“ อืม อย่างนั้นเหรอจ๊ะ สงสัยคงแปลกที่ แถมยังเปลี่ยนเวลากะทันหัน ถือยาไปเผื่อด้วยก็แล้วกันนะลูก”“ ค่ะแม่ แหม..รู้สึกว่าแม่เราเนี่ยเอาใจใส่ยัยคุณหนูล้อมเป็นพิเศษเลยนะเนี่ย” ปากพูดไป แต่สายตากลับหันมามองตาพี่ชาย เหมือนต้องการสื่อความหมายอะไรบางอย่างกับต้นน้ำมากกว่า ทางด้านพี่ชายหลบตาน้องสาวรีบเสใบหน้าไปอีกทาง ทำเป็นไม่สนใจกับสายตาจ้องจับพิรุธของผู้เป็นน้องสาวที่ส่งมาอย่างมีเลศนัยนั่น แต่ใจก็อดนึกไปถึงหญิงสาวที่แอบหลบอยู่ในห้องไม่ให้เห็นหน้าตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว หึ..หลบได้หลบไป อยากรู้นัก จะทำแบบนี้ไปได้สักกี่น้ำ ยัง
“ ทำไมต้องบอกด้วยล่ะคะ คุณก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี” หญิงสาวยังบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมตอบแต่โดยดี“ อยากได้ยินจากปากคุณมากกว่า น่านะ.. บอกผมมาสักครั้งหนึ่งเถอะนะ คนดี ไม่อย่างนั้นจะจูบอวดชาวบ้านเขาเดี๋ยวนี้เลยเป็นไง”“ รัก..สิคะ ถ้าไม่..รัก..ไม่ยอมตกลงแต่งด้วยหรอก” จอมขวัญรีบตอบกลับไปทันทีด้วยเกรงว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ“ อืมม์..ชื่นใจจัง..งั้น..ให้รางวัลแก่เด็กดีหน่อยเป็นไร” ไม่พูดเปล่าร่างสูงก็โน้มหน้าลงมาหมายตาไว้ที่ปากเล็กจิ้มลิ้มนั้น แต่ก็พลาดเมื่อเจ้าหล่อนดิ้น หลุดไปเสียก่อน หนีไปได้อีกแล้วนะ หลบได้หลบไป แต่งเมื่อไหร่ล่ะก็..น่าดูเมื่อได้หลับเต็มอิ่มแล้ว ก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาเป็นกำลัง ล้อมดาวบิดขี้เกียจ อ้าปากหาวเต็มที่เมื่ออยู่ในห้องพักเพียงลำพัง ไปไหนกันหมดนะ บนบ้านก็ว่างเปล่า อ้อ! ลืมไป ยัยจอมจุ้นกับพี่ชายหล่อนบอกว่าจะออกไปสวนส้มนี่นา ล้อมดาวยืนงงอยู่เป็นครู่เมื่อค่อย ๆ ลำดับเหตุการณ์ ก่อนที่จะหลับสนิทเพราะเพลียจากการเดินทาง หญิงสาวที่สวมเพียงเสื้อกล้ามสีขาวสะอาดตา เน้นทรวดทรงองเอว เป็นอย่างดี เพราะแจ๊กเก็ตตัวโปรดถูกถอดเก็บไว้ในห้องแล้ว แปลกแฮะหน้านี้เป็นฤดูหนาวไม่ใช่หรือ แต่ทำ
สงสัยคนบ้านนี้เขาได้รับการอบรมสั่งสอนมาดีมากเลยนะถึงไหว้ได้อย่างงดงามทั้งพี่ทั้งน้อง กิริยาก็น่ารักน่ามอง ผู้เป็นมารดาลอบมองสำรวจหญิงสาวหน้าตาสะสวยหมดจดแลดูเกลี้ยงเกลาผู้นี้อย่างนึกเอ็นดู หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี ผู้อาวุโสทั้งสองก็ชักชวนให้เก็บสัมภาระ ซึ่งเจ้าของบ้านได้จัดแจงพาไปยังห้องพัก แม้ว่าบ้านจะดูไม่ใหญ่โต เหมือนกับบ้านคนรวยร้อยล้านพันล้าน แต่ภายในก็แลดูกว้างขวางน่าอยู่ จัดพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว ซึ่งล้อมดาวขอนอนกับจอมขวัญเพื่อที่ว่าจะได้นอนคุยกันให้ฉ่ำปอดไปเลย จอมขวัญก็รีบตอบรับแทบจะทันที ส่วนว่าที่เจ้าบ่าวของหล่อนกลับทำหน้ายักษ์ใส่ราวกับไม่พอใจกระนั้น แต่จอมขวัญไม่สนใจทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวไปเสีย เมื่อเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วหัวหน้าครอบครัวก็ให้ออกมาร่วมรับประทานอาหาร โดยวันนี้สามพ่อครัวช่วยกันทำอาหารคนละอย่างสองอย่าง อวดฝีมือกันเต็มที่“ เป็นไงบ้างจ๊ะบ้านป้า พออยู่ได้ไหม” ผู้เป็นป้าหันมาถามล้อมดาว อย่างให้ความสนใจจนออกนอกหน้า ทำไมแม่ต้องไปสนใจยัยเด็กขี้วีน คนนี้ด้วยนะ แถมยังซุ่มซ่ามอีกต่างหาก ต้นน้ำนึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว“ สบายมากค่ะ ล้อมไม่เรื่อ