วันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วนัก ใกล้จะสิ้นปีแล้ว หลังจากกลับมาที่หัวหินคราวนั้นหล่อนก็ต้องมาจัดเตรียมงานเลี้ยงให้กับพนักงาน ซึ่งถูกจัดขึ้นทุกปี และปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่ว่า งานจะจัดที่รีสอร์ตหัวหินนี่สิ..เล่นเอาหล่อนต้องทำทั้งงานราษฎร์ งานหลวงกันเลยทีเดียวเหนื่อยจนแทบไม่มีแรงที่จะออกไปเดินเล่นริมชายหาด เหมือนอย่างแต่ก่อน ที่จอมขวัญชอบออกไปรับลมชมวิวตอนพระอาทิตย์ตกดินหลังเลิกงาน หรือไม่ก็วันหยุด ส่วนเจ้านายจอมเฮี้ยบ ยิ่งแล้วใหญ่ เมื่อเข้าสู่โหมดผู้บริหารเมื่อไหร่ เป็นอันไม่สนใจใครทั้งสิ้นเขาเป็นคนเอาจริงเอาจังกับเรื่องต่าง ๆ มาก โดยเฉพาะเรื่องงานถ้างานไม่เสร็จ ก็อย่าหวังว่าจะลุกไปไหน บางวันออกไปทำงานแต่เช้าโดยไม่รอหล่อน บางวันก็นอนที่สำนักงาน ช่วงนี้เขาต้องติดต่อกับลูกค้า ติดต่อกับฝ่ายโน้นฝ่ายนี้มากขึ้น เพราะรีสอร์ตใกล้เสร็จสมบูรณ์เต็มทีแล้ว คราวนี้จึงถือโอกาสจัดเลี้ยงฉลองที่โครงการใกล้เสร็จสิ้นเสียทีเดียวพร้อมกันเลยมัฆวัฒน์ก้าวเข้ามาในตัวบ้านพักเมื่อตอนสองทุ่มเศษ นัยน์ตาของเขาพร่ามัว และรู้สึกปวดที่ขมับตุบ ๆ เหมือนจะมีไข้ อาจเป็นเพราะเมื่อตอนกลางวัน เขาออกไปดูโครงการกับลูกค้า ท่ามกลางแสง
จอมขวัญถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อแกะกระดุมเม็ดสุดท้ายได้ กว่าจะเสร็จภารกิจก็เล่นเอา หัวใจแทบหยุดเต้นไปเลยทีเดียวเหลือก็แต่ด้านหลังหล่อนต้องพลิกตะแคงตัวคนร่างใหญ่ เพื่อถอดเสื้อออก และขณะที่หญิงสาวกำลังออกแรงโน้มไหล่ของเขาให้พลิกอยู่นั้นพลันต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินเสียง งัวเงียจากคนที่หลับไม่รู้เรื่องก่อนหน้า“ผมไม่สบายอยู่นะคุณ” เสียงทุ้มต่ำทำให้คนที่พยายามพลิกตัวให้อย่างทุลักทุเล ตัวแข็งทื่อไปถนัดใจ แต่เมื่อก้มลงมองใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้แดงก่ำเพราะพิษไข้ ก็เห็นเขายังคงหลับตาสนิท เสียงหายใจก็สม่ำเสมอเหมือนเดิม พลอยทำให้หล่อน ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกอีกรอบ“สงสัยคงละเมอ”“ใครบอกว่าละเมอ” คราวนี้เสียงงัวเงียเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น มีแต่เสียงทุ้ม ๆ เข้มงวดตอบกลับมา เล่นเอาหญิงสาวแทบตั้งตัวไม่ทัน เมื่ออยู่ในท่าที่ล่อแหลมน่าดู ตอนนี้ตัวหล่อนเหมือนนอนเกยอยู่บนตัวของอีกฝ่าย แถมลำแขนเล็กเรียวก็โอบรอบหัวไหล่ของชายหนุ่มอยู่ตาต่อตาประสานกันแน่วนิ่ง อย่างไม่มีใครทันได้พูดอะไรออกมา“นี่..คุณให้โอกาสผมหน่อยสิครับ ให้ผมหายดีก่อนนะ..ถ้าให้ทำตอนนี้น่ะ คงดีไม่ดีแน่ คุณอาจจะติดไข้จากผมก็ได้นะ”"
“งั้นปล่อยก่อนนะคะ..เดี๋ยวจะไปอุ่นข้าวต้มมาให้ใหม่ ป่านนี้คงเย็นชืดไปหมดแล้ว” หญิงสาวลองดึงมือออกอีกครั้ง ก็ถูกปล่อยเป็นอิสระอย่างง่ายดาย หล่อนจึงรีบเดินไปเอาชามข้าวต้มที่หัวเตียง ซึ่งตอนนี้เย็นชืดไปแล้ว เพื่อนำออกไปอุ่นในครัว สักพักข้าวต้มอุ่น ๆ ก็ส่งกลิ่นหอมฉุย เตะเข้าที่จมูก ทำให้หล่อนนึกอยากกินขึ้นมาบ้าง เลยตักส่วนที่เหลือใส่ชามมาเผื่อตัวเองด้วยอีกหนึ่งชาม“อะไรกัน..อย่าบอกนะว่าคุณจะให้ผมกินทั้งสองชามนี่เลย”“บ้าสิ..เอ่อ..เปล่าซะหน่อย ฉันจะกินเองต่างหาก..เห็นมันน่ากินดี”“อืมห์..ดีจังขนาดไม่สบาย ยังมีคนมากินข้าวเป็นเพื่อนอีก คุณนี่ใจดีจังเลย”“ไม่ต้องมาเฉไฉ ไปเรื่องอื่นเลย กินเข้าไปซะดี ๆ อย่าดูถูกฝีมือการทำข้าวต้มของฉันสิคะ อุตส่าห์ทำสูตรเดียวกับที่คุณเคยทำให้ทานแล้วนะเนี่ย”“โอ๊ะ..โอ๋..ไม่ต้องน้อยใจไปเลยครับ..ที่ยังไม่ได้ตักข้าวน่าอร่อยขึ้นมากิน ก็เพราะว่ามือผมน่ะสิ..มันไม่ค่อยมีแรงเอาเสียเลย” จอมขวัญเหลือบตาขึ้นไปมองคนป่วยที่เรื่องมาก อย่างมันเขี้ยว ฮึ.. จะมาทำเป็นอ้อนให้หล่อนป้อนข้าวให้ล่ะสิ เหมือนนางเอกป้อนให้พระเอกอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีทาง มือไม่ได้เจ็บซะหน่อย.. คิดแล้วก็ไม่นำ
“น่านะ..เห็นใจคนไข้ที่น่าสงสารหน่อยเถอะนะครับ..รับรองว่าจะไม่ทำอะไร ไปมากกว่า..การนอนเฉย ๆ สาบาน" หญิงสาวต้องก้มหน้าซ่อนยิ้มไว้อย่างยากลำบากเมื่อได้ยินคำสาบาน แถมด้วยท่าตะเบ๊ะแบบทหารจำเป็นของเขา อ๊ะ..เอาก็เอา คิดเสียว่าตอบแทนที่เขาก็เคยดูแลหล่อนอยู่ เมื่อตอนที่ไม่สบายก็แล้วกัน เขาคงไม่กล้าทำอะไรหล่อนหรอกมั้ง..ก็สาบานแล้วนี่. เมื่อหญิงสาวล้มตัวลงนอนเคียงข้างกับเขาแล้วก็หันหลังให้แทบทันที ซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำไว้ไม่ให้เขาได้เห็น“อย่าเพิ่งหลับก่อนคนไข้นะ” ชายหนุ่มชะโงกหน้ามามองที่ร่างเล็กอย่างเอ็นดู พลางเอามือเท้าคางในท่านอนตะแคง เมื่อเจ้าหล่อนเอาแต่นอนหันหลังให้ไม่พูดไม่จา ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ฮึ.. นอนซะชิดขอบเตียงเชียว คิดเหรอว่าอยู่แค่นั้นเขาจะทำอะไรหล่อนไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลสักแค่ไหน หากว่าเขาจะทำจริง ๆ หล่อนก็ไม่พ้นเงื้อมมือเขาไปได้หรอกถ้าไม่อยากถนอมน้ำใจหล่อน สู้รอคอยคืนวันที่หล่อนยินยอมเขาแต่โดยดีไม่ดีกว่าหรือดูเหมือนว่า คนที่สบายดี ไม่ได้ป่วยไข้อะไร จะหลับอย่างเป็นจริงเป็นจังไปเสียแล้ว ดูจากใบหน้าและเสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอนั่น แสดงว่าหล่อนหลับไปแล้วจริง ๆ หลับลึกเสียด้วย คนไข
“ เออ..จอม มีชุดจะไปงานเย็นนี้หรือยังล่ะถ้าไม่มี จะให้ยืมพี่เอามาเผื่อสองชุดแน่ะ”“ มีแล้วค่ะ ขาดก็แต่คนแต่งหน้าให้ จอมแต่งหน้า ไม่ค่อยเก่งเสียด้วยสิ”“ จะยากอะไร เดี๋ยวสักห้าโมงพี่ กับสุ จะเข้ามาช่วยแต่งหน้าให้ก็แล้วกันนะ เอาเป็นว่าค่อยเจอกันห้าโมงนะ”หลังสองสาวรุ่นพี่ไปแล้ว จอมขวัญแอบถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน เฮ้อ..ชุดเหรอ..นึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนที่เขาพาหล่อนไปชอปปิ้งในห้างสรรพสินค้าเมื่อเดือนก่อนนู้น น่าจะใช้ได้นะ ก็เขาเป็นคนเลือกให้หล่อนเอง บอกว่า 'คุณเอาชุดนี้แหละ ถ้าใส่แล้วคงหวานไปทั้งตัวแน่' จอมขวัญยกชุดที่ว่าขึ้นมาดู เลยหน้าแดงขึ้นมาเสียเฉย ๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของคนให้ พี่ปาและพี่สุเข้ามาที่บ้านพักของหล่อนตามเวลาที่นัดไว้พอดิบพอดี ทั้งสองสาวจัดการ แปลงโฉมหน้าที่ไม่เคยโดนเครื่องสำอางกับเขาเลยซักครั้ง อย่างมากก็แค่ ปัดแก้มนิด ๆหน่อย ๆ ตามประสา“ โอ้โห! ไม่นึกเลยว่าพี่จะแปลงโฉมคนขี้เหร่ให้ออกมาสวยได้ขนาดนี้นะเนี่ย เธอต้องขอบใจพี่แล้วนะ ที่สามารถทำให้หน้าตาธรรมดา ๆ กลายเป็นนางงามในชั่วข้ามคืนได้น่ะ”“ นี่ ๆ ให้มันน้อย ๆ หน่อยยัยสุ หน้าน้องเขาน่ะดีอยู่แล้ว เพียงแค่แต่งนิดเติมหน่
ฉับพลันทันใดนั้นเอง หัวใจของหล่อนก็กระตุกวูบไปเสียหนึ่งที เมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างสูงคุ้นตา เขาสวมสูทสีเข้มเข้ามาในงานพร้อมด้วยผู้หญิงสาวที่สวยเอามาก ๆ เมื่อหล่อนอยู่ในชุดราตรีสีแดงสด ช่างขับผิวขาวเนียนละเอียดนั้นให้ดูผุดผ่องเป็นยองใย เสียเหลือเกิน ภาพหนุ่มหล่อ สาวสวยที่เดินควงแขนกัน เข้ามาในงานของทั้งสอง ทำให้เป็นที่สะดุดตา และเรียกจุดสนใจให้แก่ผู้ร่วมงานได้เป็นอย่างดี ทำเอาสาวๆ ที่มีคู่ควงมาแล้วยังอดรู้สึกอิจฉาในความหล่อเหลาของบอสใหญ่ไม่ได้ เช่นเดียวกับหล่อนที่ตอนนี้ รู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจ เมื่อเห็นภาพบาดตาบาดใจของทั้งคู่ ที่เดินควงแขนกันเข้ามาในงาน หยุดแวะทักทายคนโน้นคนนี้ บ้างตามมารยาท ฮึ!..ที่แท้การหายตัวไปตั้งแต่เมื่อตอนสายของเจ้านาย ก็เพราะไปรับแม่แพทซี่อะไรนั่นอยู่ล่ะสิ ทำไมต้องควงมาเยาะเย้ยกันขนาดนี้ด้วย มันเจ็บนะ มันเจ็บที่ใจนี่ คนใจร้าย.. ยิ่งคิดก็ยิ่งเหมือนตอกย้ำตัวเอง ให้น้อยเนื้อต่ำใจนัก เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาทำกับหล่อน ที่ผ่านมา เขาคงไม่ได้คิดอะไรกับหล่อนจริง ๆ จัง ๆ คงเป็นแค่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว เมื่อได้ใกล้ชิดกับอิสตรี หรือเพื่อตอบสนองความต้องการทา
จอมขวัญจึงกระเถิบหนีโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นว่าเขาขยับเข้ามาใกล้เกินไป ยังไม่วายคนที่ก่อกวนความสงบสุขหล่อน ก็ขยับตามมาอย่างย่ามใจ หญิงสาวจึงตัดสินใจลุกขึ้น แต่ก็ต้องซวนเซ เกือบหัวคะมำตกลงไปในสระน้ำแล้ว ถ้าไม่ได้ลำแขนแข็งแรงของเขาช่วยจับไว้ พร้อมกับรวบร่างบอบบางเข้าหาอกกว้างของเขาแนบแน่น“เอ๊ะ! ปล่อยฉานน้า..คนบ้า”“นี่คุณดื่มเหล้าด้วยหรือเนี่ย?” มัฆวัฒน์ ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวหล่อน อือ..อย่างกับตกถังเหล้ามายังไงยังงั้นเลย..ชายหนุ่มสูดลมหายใจเพื่อทดสอบว่าหล่อนเมาขนาดไหน เขาคงไม่รู้หรอกว่า หล่อนกินเหล้าเข้าไปหลายขนานเลย ทั้งเบียร์ ทั้งบรั่นดียี่ห้อแพง ๆ ทั้งแชมเปญ หล่อนชิมจนหมด โดยไม่รู้ว่ามันจะมีผลอย่างไรบ้างหลังจากที่ดื่มเข้าไปแล้ว ปรากฏว่า หล่อนเมาแอ๋ เลยต้องมานั่งสงบสติอารมณ์อยู่ตรงนี้ ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกกะว่าจะเข้าไปนอนให้มันหายเวียนหัว แถมยังรู้สึกพะอืดพะอมอย่างไรพิกล“เมามากขนาดนี้แล้วจะมานั่ง ทำไมใกล้ ๆ กับสระน้ำ เดี๋ยวก็หัวคะมำ ตกน้ำตกท่า ลงไปหรอก ไป..เข้าบ้านดีกว่า”“ม่าย..อาว..จา..กินต่อ..อาวหล้าวมา..อาหร่อยจางเลย”“พอแล้ว..ไม่ต้องพูดมากเลย กลับเข้าห้องได้แล้ว” ชายหนุ่มตัดสินใจ อุ
หัวใจที่เต้นสม่ำเสมอ เป็นจังหวะคล้ายได้ผ่อนคลาย มัฆวัฒน์ เพียงแค่ทอดสายตามองอย่างเดียวเท่านั้น ก็ให้ความพอใจได้ในระดับหนึ่ง“ อือ..” เสียงละเมอที่ฟังไม่ค่อยได้ใจความนัก และ..อย่างอดใจไม่ไหวอีกต่อไป ชายหนุ่มจึงหยุดเสียงเหล่านั้นด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวของเขา จนริมฝีปากบางเย็นเฉียบ ค่อยอุ่นขึ้นเพียงแค่จูบ ชายหนุ่มเอนหลังลงนอนพร้อมกับกระชับอ้อมแขน โอบร่างแน่งน้อยเข้ามาซบกับอกกว้าง เขาสูดลมหายใจดอมดมเส้นผมที่หอมกลิ่นแชมพู ถึงแม้จะปะปนไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์บ้างก็ตาม มันกลับทำให้กลิ่นนั้น น่าหลงใหลเป็นทวีคูณ และกลิ่นนั้นเองที่กล่อมให้เขาหลับไปพร้อม ๆ กับหล่อน..เช้าของวันใหม่ ร่างบอบบางควานหาผ้าห่มนวมผืนหนาเข้ากับตัวเมื่อรู้สึกถึงความเย็น และก็ได้กลิ่นอายของใครก็ไม่รู้บนเตียง กลิ่นของใครอย่างนั้นหรือ คล้ายโคโลญจ์ผู้ชาย แล้วจู่ ๆ เรื่องเมื่อคืนก็ผุดขึ้นมาในสมอง จำได้ว่าหล่อนดื่มเข้าไปแบบไม่น้อยเลย ดื่มเข้าไปทั้ง ๆ ที่มันขมแสนขม ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยดื่มมาก่อน จนไม่รู้ว่าตัวเองไปฟุบอยู่ตรงไหน จอมขวัญพยายามหลับตาเพื่อนึกให้ออกว่าหล่อนเข้ามานอนได้อย่างไร ดวงตากลมโตหลับลง อย่างต้องการขับไล่ความฟุ้งซ่าน
เสียงเปิดและปิดประตูอย่างแผ่วเบา สักพักเตียงอีกฝั่งก็ยวบลงช้า ๆ ตามด้วยมือใหญ่เรียวยาวค่อยๆ สอดมาใต้หมอนเอื้อมมาคว้าไหล่บอบบางของเมียสาวที่ตอนนี้นอนหันหลังให้ พลางออกแรงแกมบังคับให้พลิกมาทางเขาอย่างเบามือ“จะรีบนอนไปไหนล่ะครับ ฮึ” เสียงพึมพำ ทำให้หล่อนลืมตาขึ้นมามอง พร้อมกับส่งสายตาขุ่นขวางกลับไปให้“ง่วงแล้ว..คนจะนอนมาปลุกทำไมเนี่ย ทำไมไม่ไปนอนกับคนอื่นโน่น” ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ อย่างเป็นสุข กลับจ้องมองตอบดวงตาเขียวปั๊ดที่ส่งมาอย่างไม่เกรงกลัว“งอนหรือนี่ คุณหึงผมใช่ไหม ดีใจจัง นึกว่ามีแต่ผมเท่านั้นที่คอยแต่จะหึงหวงคุณอยู่ฝ่ายเดียว” ไม่พูดเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียอยู่แถวข้างแก้ม และเลยไปตามซอกคอขาวละมุน ลมหายใจอุ่นร้อนจากปลายจมูกโด่งทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างสูงค่อย ๆ ดันตัวเองให้แนบชิดกับร่างเล็กน่ากอดให้เอนนอนราบลงไปกับเตียงนอนหนานุ่มช้าเนิบอย่างใจเย็น“คุณ..เอ่อ..คุณมาร์คคะ คือว่า..จอม”“อะไรอีกครับที่รัก จะหาข้ออ้างอะไรอีก เมื่อสองสามวันก่อนคุณก็บอกว่าเป็นรอบเดือน แล้วคราวนี้คุณจะบอกว่าเป็นอะไรอีกครับ..ฮึ” จอมขวัญแทบจมลงไปกับเตียงนอนหนานุ่ม เมื่อร่างที่ใหญ่กว่าทิ้งตัว
แม้ในใจจะรู้สึกโล่ง แต่อีกใจหนึ่งกลับอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เท้าบางจึงเดินออกมาหาที่ห้องนั่งเล่นด้านนอก เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย ร่างสูงนอนเหยียดยาวทอดกายไปกับโซฟา เปิดทีวีค้างไว้ คงหลับไปแล้ว ฮึ..รอไม่ไหวล่ะสิ คงเพลียจากงานเมื่อกลางวันที่เขาต้องรับบทหนักกว่าหล่อนมากก็ไหนจะคอยต้อนรับญาติ ๆ ทางมารดาเขา ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และไหนจะเพื่อนฝูงสมัยเรียน เพื่อนร่วมธุรกิจอีก จอมขวัญนั่งลงกับพื้นข้างโซฟาที่มีคนตัวสูงนอนอย่างสบายใจ พลางยื่นปลายนิ้วไปเขี่ยตรงต้นแขน กะว่าจะปลุกให้เข้าไปนอนที่เตียงนอนเสียหน่อย เพราะดูจากที่เขานอนอยู่คงไม่สบายเท่าใดนัก“อืมม์..ไม่ต้องมาสะกิดเลย คืนนี้ยกให้ ผมไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วง่วง..” พูดจบเจ้าบ่าวก็ลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซกลับมาล้มตัวลงนอนที่เตียงกว้างด้านในอย่างงอน ๆ จอมขวัญย่นจมูก อย่างนึกหมั่นไส้ แลบลิ้นแถมไปให้ด้วย เฮอะ..ผู้ชายอะไรงอนก็เป็นด้วยตลกชะมัด แต่ก็น่ารักไปอีกแบบเมื่อคนอย่างเขาทำ ฮิ ๆ หญิงสาวก้าวขึ้นเตียงนอนใหญ่หนานุ่ม อย่างแผ่วเบา ด้วยเกรงว่าคนข้าง ๆ จะตื่น ก่อนจะตะแคงมองสามีที่น่ารักยิ่งนักเมื่อยามหลับ โน้มใบหน้าบางใส ไปจุ๊บราตรีสวัสดิ์ ให้
งานวิวาห์ระหว่าง นายมัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกล นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงกับเลขาสาวนางสาวจอมขวัญ มงคลเกียรติ ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงเมืองหลวง เป็นวันที่ทั้งสองรอคอยว่าจะให้มีวันนี้ นับตั้งแต่ผ่านช่วงปีใหม่มาแล้วร่วมสองเดือน ซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าว บ่นอิดออดว่าทำไมฤกษ์ที่มารดาเจ้าสาวหาให้ ถึงได้ล่าช้านัก ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาต้องทรมานขนาดไหนที่ต้องทนรอให้ถึงวันนี้อย่างใจจดใจจ่อเพียงใด“วันนี้คุณสวยจัง” เจ้าบ่าวกระซิบข้างใบหูเล็กของเจ้าสาว อย่างเอาใจ เมื่อทั้งหล่อนและเขาออกมายืนต้อนรับแขกเหรื่อหน้าประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ที่ถูกจัดขึ้นอย่างวิจิตร ตระการตา เจ้าสาวของเขาอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าขาวใส ที่ตอนนี้ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางบางเบา เท่านั้นก็ช่วยให้หล่อนสวยใสไร้ที่ติจนเขาต้องเอ่ยปากชมออกมา“ไม่ต้องมาพูดเอาใจหรอกน่า..ยังไง ๆ ก็รับผิดชอบในตัวคุณอยู่แล้วล่ะค่ะ” จอมขวัญตอบกลับไป พลางยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ แถมแลบลิ้นแบบเด็ก ๆ ส่งไปให้เจ้าบ่าวของหล่อน ที่วันนี้เขาก็ดูหล่อสมาร์ตกว่าใคร ๆ ในงานเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเวลาธรรมดา เขาก็ดูดีไม่มีที่ติอยู่แล้ว“แน่นอน
บ่อยครั้งเข้าต้นน้ำถึงกับร้องครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อหญิงสาวเริ่มตอบสนองเขาอย่างเต็มใจ ลำแขนเรียวเล็กเลื่อนขึ้นมาโอบรอบคอแข็งแรงของเขาไว้อย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยวเมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก ล้อมดาวถึงกับหายใจหอบเล็กน้อย ก้มหน้ามุดเข้าไปหาความอบอุ่นในอ้อมอกเขาอย่างเอียงอาย ไม่พูดไม่จา“ ดูเหมือนว่า เราจะเกิดมาคู่กันเสียแล้วสิ..คุณว่าไหม”“ บ้าน่ะสิ คนบ้า! พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ”“ อ๋อ..อยากให้ถึงที่บ้านเร็ว ๆ จะได้ฟ้องทุกคนงั้นสิ คราวนี้ถ้าคุณไม่ฟ้องจริง ๆ ผมจะเป็นฝ่ายบอกกับทุกคนเองเลยเป็นไง ว่าเรารู้สึกยังไงต่อกัน” “ อี๋..ใครไปมีความรู้สึกอะไรกับคุณกันล่ะแล้วก็ห้ามบอกเรื่อง..เรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด!”“ อะไรนะเรื่องจูบนี่น่ะหรือ ที่ห้ามบอกฮ่า ๆ”“ นี่คุณ!ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ” หญิงสาวตวาดแว๊ดใส่ชายหนุ่มใบหน้าแดงก่ำด้วยความขัดเขินปนขุ่นเคืองเป็นกำลัง ต้นน้ำหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหล่อนนัก ดวงหน้าขาวใสที่ออกเป็นสีแดงจาง ๆ แล้วตอนนี้ พร้อมด้วยการค้อน แสดงความเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด มันช่างถูกใจนัก สงสัยว่าเขาจะต้องไปเกี่ยวดองกับตระกูลไฮโซอีกคนเสียแล้วสิ เฮ้อ!“
แสงแดดยามเช้าส่งลงมายังสวนผลไม้ ทำให้บรรยากาศตอนนี้ช่างรื่นรมย์เหลือเกิน ล้อมดาวชอบบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติอย่างนี้ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หญิงสาวออกมาช่วยคนงานเก็บผลส้มอย่างเพลิดเพลิน จนไม่รู้ว่าได้เดินลึกเข้าไปในไร่อย่างไม่รู้ตัว พลางเขย่งเท้าเพื่อที่จะปลิดผลส้มที่อยู่สูงเกินมือจะเอื้อมถึง จึงมองหาบันไดที่คนงานเขามักจะใช้กันเมื่อเก็บลูกที่อยู่สูงขึ้นไป“ ทำอะไรน่ะ! เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก!” เพราะเสียงเข้มดุนั้นทีเดียวเล่นเอาเธอสะดุ้งตกใจ และไม่ทันตั้งตัวขณะที่ล้อมดาว ก้มลงไปมองยังเสียงเข้มดุคล้ายรำคาญเต็มทน สาวต่างถิ่นจึงตัดสินใจก้าวขาลงมา แต่กลับก้าวพลาด ทำให้ร่างของหล่อนร่วงจากบันไดทันที!“ ว๊ายยย!!” ตุ๊บ!! “ โอ้ย!..”“ เฮ้ย! ว่าแล้วเชียวต้องเป็นแบบนี้พูดยังไม่ทันขาดคำเลย โธ่เอ๊ย!ลุกไหวไหมล่ะทีนี้”“ ไม่ต้องมายุ่งเลยคนใจร้าย เมื่อไหร่จะหยุดแกล้งฉันเสียที ที่ผ่านมายังไม่พอใจอีกหรือ” คนอะไร ไม่อยากมองหน้าเลย ใบหน้าที่ดุดัน นัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจ ทั้งปาก ทั้งจมูก หล่อนเกลียดนัก ทำไมจะต้องมาเจอคนอย่างเขาด้วยนะ แล้วทำไมต้องมายุ่มย่ามกับหล่อนด้วยไม่เข้าใจเลยจริง ๆ“ พูดอะไรของคุณเนี่ย
“ คุณเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง นี่อย่าบอกนะว่า..คุณจะมาแก้แค้นเรื่องเมื่อวาน แล้วที่..ที่คุณทำกับฉันเมื่อวานยังไม่พอใจอีกเหรอ คน..คนไม่ดี..คนพาล ออกไปนะ ออกไป! ฉันเกลียดคุณ คนบ้า! ฮือ ๆ ฉันจะฟ้องทุกคนเลยคอยดู ฮือ ๆ ที่คุณกล้าทำกับฉันแบบนี้ ฮือ ๆ”เมื่อได้สติหญิงสาวก็กระโดดผลุงลงจากเตียง วิ่งไปหลบชิดกำแพงห้อง ราวกับว่ามันจะช่วยหล่อนได้กระนั้น พลางชี้หน้าด่าคนที่บังอาจเข้ามาในห้องที่หล่อนนอนอยู่ พูดไปร้องไห้ไป อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้นน้ำลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองจ้องไปยังหญิงสาวที่บัดนี้ตัวสั่นงันงกอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ปากก็พร่ำว่าเขา พูดไปร้องไห้ไปอย่างกับเด็ก เอะอะก็จะฟ้องคนโน้นคนนี้ ก็เอาสิ ลองดูว่าจะทำอย่างที่พูดได้หรือเปล่า“ ก็เอาสิ ฟ้องก็ฟ้องเลย คราวนี้ล่ะเขาจะได้รู้กัน ว่าเราน่ะ..มีความลับต่อกันอยู่หึ ๆ” ชายหนุ่มกอดอก พูดเนิบ ๆ อย่างใจเย็น มองตอบกลับไปยังใบหน้าขาวสะอาดที่บัดนี้เปื้อนไปด้วยน้ำตา อย่างท้าทาย ก่อนจะเดินออกจากห้องมาหน้าตาเฉย หากในใจกลับอดรู้สึกสงสารเจ้าของใบหน้าที่ดูหวาดระแวง วิตกกังวล ใบหน้าอ่อนใสค่อนข้างแดงก่ำจะเพราะพิษไข้ หรือจากที่โ
บนโต๊ะอาหารมื้อเช้าของวันใหม่ สมาชิกในครอบครัว นั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร จะขาดก็แต่ล้อมดาวที่ไม่ยอมออกมาทานข้าว ผู้เป็นมารดารู้สึกแปลกใจนักเมื่อไม่เห็นเพื่อนของลูกสาวมาร่วมโต๊ะอาหารในเช้านี้“ อ้าว! หนูจอม เพื่อนเราเขาไม่ทานข้าวด้วยกันเหรอลูก ไม่สบายหรือเปล่าเมื่อวานตอนเย็น แม่เห็นหน้าซีด ๆ อยู่”“ จอมถามแล้วค่ะแม่ ล้อมเขาบอกว่าไม่ค่อยหิว เมื่อคืนบ่นว่านอนไม่หลับด้วย รู้สึกมึนหัวนิดหน่อย สงสัยยังปรับตัวไม่ทัน ก็เลยขอนอนต่อ นี่ก็กะว่าจะเอาข้าวต้มไปให้เขาทานเสียหน่อย”“ อืม อย่างนั้นเหรอจ๊ะ สงสัยคงแปลกที่ แถมยังเปลี่ยนเวลากะทันหัน ถือยาไปเผื่อด้วยก็แล้วกันนะลูก”“ ค่ะแม่ แหม..รู้สึกว่าแม่เราเนี่ยเอาใจใส่ยัยคุณหนูล้อมเป็นพิเศษเลยนะเนี่ย” ปากพูดไป แต่สายตากลับหันมามองตาพี่ชาย เหมือนต้องการสื่อความหมายอะไรบางอย่างกับต้นน้ำมากกว่า ทางด้านพี่ชายหลบตาน้องสาวรีบเสใบหน้าไปอีกทาง ทำเป็นไม่สนใจกับสายตาจ้องจับพิรุธของผู้เป็นน้องสาวที่ส่งมาอย่างมีเลศนัยนั่น แต่ใจก็อดนึกไปถึงหญิงสาวที่แอบหลบอยู่ในห้องไม่ให้เห็นหน้าตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว หึ..หลบได้หลบไป อยากรู้นัก จะทำแบบนี้ไปได้สักกี่น้ำ ยัง
“ ทำไมต้องบอกด้วยล่ะคะ คุณก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดี” หญิงสาวยังบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมตอบแต่โดยดี“ อยากได้ยินจากปากคุณมากกว่า น่านะ.. บอกผมมาสักครั้งหนึ่งเถอะนะ คนดี ไม่อย่างนั้นจะจูบอวดชาวบ้านเขาเดี๋ยวนี้เลยเป็นไง”“ รัก..สิคะ ถ้าไม่..รัก..ไม่ยอมตกลงแต่งด้วยหรอก” จอมขวัญรีบตอบกลับไปทันทีด้วยเกรงว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ“ อืมม์..ชื่นใจจัง..งั้น..ให้รางวัลแก่เด็กดีหน่อยเป็นไร” ไม่พูดเปล่าร่างสูงก็โน้มหน้าลงมาหมายตาไว้ที่ปากเล็กจิ้มลิ้มนั้น แต่ก็พลาดเมื่อเจ้าหล่อนดิ้น หลุดไปเสียก่อน หนีไปได้อีกแล้วนะ หลบได้หลบไป แต่งเมื่อไหร่ล่ะก็..น่าดูเมื่อได้หลับเต็มอิ่มแล้ว ก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาเป็นกำลัง ล้อมดาวบิดขี้เกียจ อ้าปากหาวเต็มที่เมื่ออยู่ในห้องพักเพียงลำพัง ไปไหนกันหมดนะ บนบ้านก็ว่างเปล่า อ้อ! ลืมไป ยัยจอมจุ้นกับพี่ชายหล่อนบอกว่าจะออกไปสวนส้มนี่นา ล้อมดาวยืนงงอยู่เป็นครู่เมื่อค่อย ๆ ลำดับเหตุการณ์ ก่อนที่จะหลับสนิทเพราะเพลียจากการเดินทาง หญิงสาวที่สวมเพียงเสื้อกล้ามสีขาวสะอาดตา เน้นทรวดทรงองเอว เป็นอย่างดี เพราะแจ๊กเก็ตตัวโปรดถูกถอดเก็บไว้ในห้องแล้ว แปลกแฮะหน้านี้เป็นฤดูหนาวไม่ใช่หรือ แต่ทำ
สงสัยคนบ้านนี้เขาได้รับการอบรมสั่งสอนมาดีมากเลยนะถึงไหว้ได้อย่างงดงามทั้งพี่ทั้งน้อง กิริยาก็น่ารักน่ามอง ผู้เป็นมารดาลอบมองสำรวจหญิงสาวหน้าตาสะสวยหมดจดแลดูเกลี้ยงเกลาผู้นี้อย่างนึกเอ็นดู หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี ผู้อาวุโสทั้งสองก็ชักชวนให้เก็บสัมภาระ ซึ่งเจ้าของบ้านได้จัดแจงพาไปยังห้องพัก แม้ว่าบ้านจะดูไม่ใหญ่โต เหมือนกับบ้านคนรวยร้อยล้านพันล้าน แต่ภายในก็แลดูกว้างขวางน่าอยู่ จัดพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว ซึ่งล้อมดาวขอนอนกับจอมขวัญเพื่อที่ว่าจะได้นอนคุยกันให้ฉ่ำปอดไปเลย จอมขวัญก็รีบตอบรับแทบจะทันที ส่วนว่าที่เจ้าบ่าวของหล่อนกลับทำหน้ายักษ์ใส่ราวกับไม่พอใจกระนั้น แต่จอมขวัญไม่สนใจทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวไปเสีย เมื่อเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วหัวหน้าครอบครัวก็ให้ออกมาร่วมรับประทานอาหาร โดยวันนี้สามพ่อครัวช่วยกันทำอาหารคนละอย่างสองอย่าง อวดฝีมือกันเต็มที่“ เป็นไงบ้างจ๊ะบ้านป้า พออยู่ได้ไหม” ผู้เป็นป้าหันมาถามล้อมดาว อย่างให้ความสนใจจนออกนอกหน้า ทำไมแม่ต้องไปสนใจยัยเด็กขี้วีน คนนี้ด้วยนะ แถมยังซุ่มซ่ามอีกต่างหาก ต้นน้ำนึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว“ สบายมากค่ะ ล้อมไม่เรื่อ