“ว๊า! เสียดายจัง..เสมอกันจนได้ นึกว่าเจ้านายเราจะชนะขาดเสียแล้ว” เสียงใครคนใดคนหนึ่งพูดขึ้นมาลอย ๆ ข้างหูหล่อน ทำให้จอมขวัญหันกลับไปมอง อยากจะบอกคน คนนั้นนักว่า เป็นเพราะเขาไม่สบายหรอกถึงแพ้ในยกนี้น่ะ ฮึ..
“เอาล่ะครับ ยกที่สามเป็นยกตัดสินว่าใครแพ้ใครชนะ คู่ต่อสู้พร้อมแล้วนะครับ เริ่มเลยนะครับ ไป!” สิ้นเสียงกรรมการกำมะลอ คู่ต่อสู้ทั้งสองที่มีร่างกาย และหน่วยก้านใกล้เคียงกัน ก็ออกแรงต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย เมื่อสังเกตจากสายตาที่ดูจริงจังของทั้งสองฝ่ายแล้ว
มัฆวัฒน์ เหลือบสายตามามองที่หญิงสาวแวบหนึ่งก็เห็นแววตา ที่แสดงออกถึง ความห่วงใยและให้กำลังใจ ทำให้เขามีกำลังฮึดสู้ขึ้นมา จากที่เมื่อครู่แรงแผ่วลงไป เหมือนจะยอมแพ้ ไม่ได้! เขาจะแพ้แก้วกล้าไม่ได้! ถ้าเขาแพ้ในเกมกีฬา ก็เท่ากับแพ้ในเรื่องอื่นด้วย มัฆวัฒน์สังเกตเห็นที่แก้วกล้าจงใจ ที่จะสัมผัสมือเล็กบอบบางที่เขาหวงแหนนักหนานั่น เหมือนกับจะประกาศสงครามในเชิงรักกับเขา ทำให้อารมณ์ดี ๆ เมื่อตอนเช้าถูกเปลี่ยนให้เป็นแรงหึงหวง ปะปนกับแรงโทสะ ที่แก้วกล้าบังอาจคิดจะลบเหลี่ยมกับคนอย่างเขา
และแล้วเสียง
“ไม่มีอะไรหรอก..ก็เรื่องของลูกผู้ชายเท่านั้นเอง คุณไม่ต้องรู้หรอก เฮ้อ! ชักหิวแล้วสิไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ..ที่รัก”“ฮึ! ใครเป็นที่รักคุณ..ขี้ตู่เอาเองทุกที”“อ้าว! ก็คุณไง..ที่รักของผม” ไม่ทันขาดคำคนตัวสูงก็ทำเป็นจะโน้มหน้าลงมาหอมที่แก้มใส แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหล่อนจะรู้ตัวเสียแล้ว เมื่อสะบัดตัวหลุดออกจากวงแขนที่เพียงแค่โอบไว้หลวม ๆ ขณะเดินกลับเข้าไปยังบ้านพัก“แน่จริงก็จับให้ได้สิ ฮ่ะๆ” จอมขวัญเผลอหัวเราะ ปากกว้างออกไปอย่างลืมตัว เยาะเย้ยคนตัวสูงที่ตอนนี้ สงสัยจะหมดแรงจากการเล่นเกมเมื่อสักครู่ วิ่งเหยาะ ๆ ตามไม่ทันหล่อนเสียแล้ว ฮึ่ม!ฝากไว้ก่อนเถอะนะ แม่สาวน้อย จับได้เมื่อไหร่ล่ะก็ น่าดู..ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูดังอยู่สองครั้งพร้อมกัน จอมขวัญที่ง่วงจนตาแทบจะปิด ทำเป็นอิดออดไม่อยากจะลุกไปเปิดเอาเสียเลย พลางพลิกตัวไปอีกด้านหยิบหมอน ใบเล็กข้างตัวมาปิดหูไว้เสียอย่างนั้น แต่ก็จำต้องลุกออกไปด้วยความง่วงงุน เพราะดูเหมือนว่าคนที่เคาะจะไม่ยอมลดละเสียแล้ว หลังจากที่เคาะสองครั้งติด ก็เริ่มถี่ขึ้นเรื่
“หาแจกันหรือ อยู่นี่ไง ผมหยิบให้เองสูงอย่างนี้จะหยิบถึงเหรอ เดี๋ยวก็หล่นใส่ตัว ได้หัวร้างค่างแตกพอดี คราวหน้าคราวหลัง อยากได้อะไรให้บอกผมก่อนนะ ห้ามทำอะไรที่เสี่ยงให้ตัวเองเจ็บตัวเด็ดขาด” โอ้โห! เป็นชุดเลย นี่ขนาดยังไม่แต่งนะเนี่ย ยังเจ้ากี้เจ้าการขนาดนี้ ถ้าแต่งแล้วมิกลายเป็นผู้ปกครองหล่อนไปอีกคนหรือ“อ้าว! แล้วนั่นจะไปไหนน่ะ คุณยังไม่ให้คำตอบกับผมเลยนะ”“ก็จะไปหายาแก้หวัดให้คุณน่ะสิคะ ก็ไหนบอกว่าหาไม่เจอไม่ใช่เหรอ รอแป๊บหนึ่งนะคะ จอมหายาให้ค่ะ” จอมขวัญรีบบอกออกไปอย่างขัดเขิน เสพูดไปเรื่องอื่นเสียอย่างนั้น หญิงสาวแสร้งเดินไปเปิดดูกล่องยาที่เคยหยิบเป็นประจำ หากหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ หรือว่าหมดแล้ว แต่เอ.. ก็คราวที่แล้วยังมีเหลืออีกตั้งครึ่งแผงนี่นา หรือว่าจะ..อยู่ในห้องเขาจอมขวัญทำเป็นลังเล เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า ยาที่เหลือน่าจะอยู่ในห้องนอนเขา หากไม่กล้าที่จะเข้าไปหยิบมาให้ พอเหลือบแลมองหาคนตัวสูงที่ยังง่วนอยู่กับการจัดช่อกุหลาบใส่แจกันอยู่อย่างขะมักเขม้น หญิงสาวจึงรีบฉวยโอกาสวิ่งรี่เข้าไปในห้องของชายหนุ่ม เพื่อหยิบยาออกมาให้เขา
“ตัวคุณสั่นไปหมดแล้ว เป็นไข้หรือเปล่านี่” เมื่อถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ก็แกล้งแหย่หล่อนเล่น ๆ“คนขี้โกง” เสียงพึมพำเอ่ยออกมาเบา ๆ ก้มหน้างุด กำปั้นน้อย ๆ ทุบมาที่หน้าอกเขาเสียหนึ่งที ไม่แรงนัก“ไม่ได้โกงสักหน่อย ผมทำตามที่หัวใจมันเรียกร้องต่างหากล่ะ” จมูกโด่งสวยเป็นสันเฝ้าดอมดมเส้นผมยาวเหยียดตรง ช่างหอมไปทั้งตัวอะไรเช่นนี้ มันเย้ายวนเสียจนทำเอาเขาแทบคลั่ง มัฆวัฒน์ดันร่างที่เอาแต่ก้มงุด ๆ เชยคางให้มาสบตากับเขาอย่างจริงจัง ไม่วายดวงหน้าใส ยังเสมองไปทางอื่นร่ำไปชายหนุ่มอมยิ้มกับใบหน้าแดงระเรื่อ พลางยกนิ้วเรียวเล็กขึ้นมาจูบเสียทีหนึ่ง จอมขวัญสะดุ้งเฮือก ด้วยความตกใจ เมื่อสังเกตเห็นว่านิ้วนางข้างซ้ายหล่อนมีอะไรแปลกปลอม มาอยู่บนนิ้วตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ เขาทำได้อย่างไรกัน เขาใส่แหวนเพชรเม็ดงามนั่นเข้าไปในมือหล่อนตอนไหน จอมขวัญเงยหน้ามองเขาอย่างงงงวย ปนขวยเขิน“คุณมีเจ้าของแล้วนะ” ชายหนุ่มเอ่ยออกมาจากหัวใจ ตามด้วยแววตาที่ฉายความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม ส่งผลให้หญิงสาวพูดไม่ออก ได้แต่ก้มหน้า อมยิ้มอย่างมี
“เอาล่ะ..รีบกลับกันดีกว่าลูก เดี๋ยวไปกินข้าว แล้วก็จะได้พักผ่อนกันไป เดินทางมาเหนื่อย ๆ นะ” ผู้เป็นแม่ เดินนำออกไปก่อน หากยังไม่ทันที่จะก้าวขา เดินตามมารดาออกไป ก็โดนฉุดรั้งแขนไว้เบา ๆ จากคนตัวสูงข้างตัว“คราวหลัง อย่าทำเป็นลืมผม อย่างนี้อีกนะ” ง่ะ..แค่นี้ก็น้อยใจด้วย..หึงแม้กระทั่งแม่เลยหรือไง คนบ้า!เดินทางจากสนามบินมาถึงบ้านใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง โดยที่คนขับกลายเป็นคนต่างถิ่น ที่ทำตัวไม่เหมือนคนต่างถิ่นเอาเสียเลย จากท่าทางที่เขาขับรถอย่างคล่องแคล่ว ราวกับว่าเคยมาแล้วอย่างนั้น เพียงแค่บอกเส้นทางหลัก ๆ ก็สามารถพาทั้งหล่อนและแม่มาถึงบ้านได้อย่างปลอดภัย“มากันแล้วหรือลูก” ผู้เป็นบิดาเอ่ยทักลูกสาวก่อนจะปรายตามองคนแปลกหน้าอีกคนหนึ่งที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ข้างกายลูกสาว“คิดถึงพ่อที่สุดเลยค่ะ” หญิงสาวกระโดดเข้าไปกอดบิดา ราวกับเด็กที่จากผู้ปกครองไปนาน นานทีจะได้กลับมาเจอหน้ากันสักครั้งหนึ่ง“อ้าว! แล้วนี่จะไม่แนะนำพ่อหนุ่มคนนั้น ให้พ่อรู้จักบ้างเหรอฮึ” ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจดีแล้วว่า บุรุษหน
“จริงเหรอคะ! ทำไมไม่เห็นยัยเพื่อนรักโทรมาบอกบ้างเลย ยายล้อมนะยายล้อม เห็นเพื่อนคนนี้ ไม่สำคัญแล้วใช่ไหม”“อย่าเพิ่งงอนไปเลย ผมเองแหล่ะ ที่เป็นคนบอก ไม่ให้ยัยล้อมโทรไปหาคุณเอง จะได้เซอร์ไพรส์คุณไงครับ แต่ก็คงไม่แล้วล่ะ..เพราะคุณรู้เสียแล้วนี่”เครื่องบินร่อนลงสู่รันเวย์ประมาณเกือบ ๆ เก้าโมง หญิงสาวหน้าตาสะสวย ดูหมดจดตั้งแต่ศีรษะ จรดปลายเท้า ด้วยรูปร่างบอบบาง หากใครเดินผ่านไป ผ่านมา เป็นต้องเหลียวหลัง กลับมามองหล่อนเป็นตาเดียวแน่ ด้วยความสวยใส และจากการแต่งตัวออกจะเปรี้ยวนิด ๆ แลดูทะมัดทะแมงล้อมดาว ก้องกังวาลไกล อยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวธรรมดา ๆ เน้นรัดรูปอวดทรวดทรง สวมทับด้วยแจ็คเก็ตสีน้ำตาลอ่อน กับกางเกงยีนสีเข้มที่เน้น รูปทรงส่วนเว้าส่วนโค้งถนัดตา ผิวขาวผ่องเนียนละเอียด ผมยาวสลวยที่ถูกดัดให้เป็นลอน ถูกหมวกแก๊ปสีขาวปิดทับไว้ และบางส่วนถูกปล่อยให้สยายไปตามแผ่นหลัง ท่าทางมาดมั่น ความสวยเปรี้ยวอมหวานของเธอ สร้างเสน่ห์ให้กับตัวเองโดยที่เจ้าตัวไม่รู้หญิงสาวพยายามชะเง้อชะแง้มองหาพี่ชาย บอกว่าจะมารับพร้อมกับเพื่อนรัก ว่าที่พี่สะใภ้
สงสัยคนบ้านนี้เขาได้รับการอบรมสั่งสอนมาดีมากเลยนะถึงไหว้ได้อย่างงดงามทั้งพี่ทั้งน้อง กิริยาก็น่ารักน่ามอง ผู้เป็นมารดาลอบมองสำรวจหญิงสาวหน้าตาสะสวยหมดจดแลดูเกลี้ยงเกลาผู้นี้อย่างนึกเอ็นดู หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี ผู้อาวุโสทั้งสองก็ชักชวนให้เก็บสัมภาระ ซึ่งเจ้าของบ้านได้จัดแจงพาไปยังห้องพัก แม้ว่าบ้านจะดูไม่ใหญ่โต เหมือนกับบ้านคนรวยร้อยล้านพันล้าน แต่ภายในก็แลดูกว้างขวางน่าอยู่ จัดพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว ซึ่งล้อมดาวขอนอนกับจอมขวัญเพื่อที่ว่าจะได้นอนคุยกันให้ฉ่ำปอดไปเลย จอมขวัญก็รีบตอบรับแทบจะทันที ส่วนว่าที่เจ้าบ่าวของหล่อนกลับทำหน้ายักษ์ใส่ราวกับไม่พอใจกระนั้น แต่จอมขวัญไม่สนใจทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวไปเสีย เมื่อเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วหัวหน้าครอบครัวก็ให้ออกมาร่วมรับประทานอาหาร โดยวันนี้สามพ่อครัวช่วยกันทำอาหารคนละอย่างสองอย่าง อวดฝีมือกันเต็มที่“ เป็นไงบ้างจ๊ะบ้านป้า พออยู่ได้ไหม” ผู้เป็นป้าหันมาถามล้อมดาว อย่างให้ความสนใจจนออกนอกหน้า ทำไมแม่ต้องไปสนใจยัยเด็กขี้วีน คนนี้ด้วยนะ แถมยังซุ่มซ่ามอีกต่างหาก ต้นน้ำน
บนโต๊ะอาหารมื้อเช้าของวันใหม่ สมาชิกในครอบครัว นั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหาร จะขาดก็แต่ล้อมดาวที่ไม่ยอมออกมาทานข้าว ผู้เป็นมารดารู้สึกแปลกใจนักเมื่อไม่เห็นเพื่อนของลูกสาวมาร่วมโต๊ะอาหารในเช้านี้“ อ้าว! หนูจอม เพื่อนเราเขาไม่ทานข้าวด้วยกันเหรอลูก ไม่สบายหรือเปล่าเมื่อวานตอนเย็น แม่เห็นหน้าซีด ๆ อยู่”“ จอมถามแล้วค่ะแม่ ล้อมเขาบอกว่าไม่ค่อยหิว เมื่อคืนบ่นว่านอนไม่หลับด้วย รู้สึกมึนหัวนิดหน่อย สงสัยยังปรับตัวไม่ทัน ก็เลยขอนอนต่อ นี่ก็กะว่าจะเอาข้าวต้มไปให้เขาทานเสียหน่อย”“ อืม อย่างนั้นเหรอจ๊ะ สงสัยคงแปลกที่ แถมยังเปลี่ยนเวลากะทันหัน ถือยาไปเผื่อด้วยก็แล้วกันนะลูก”“ ค่ะแม่ แหม..รู้สึกว่าแม่เราเนี่ยเอาใจใส่ยัยคุณหนูล้อมเป็นพิเศษเลยนะเนี่ย” ปากพูดไป แต่สายตากลับหันมามองตาพี่ชาย เหมือนต้องการสื่อความหมายอะไรบางอย่างกับต้นน้ำมากกว่า ทางด้านพี่ชายหลบตาน้องสาวรีบเสใบหน้าไปอีกทาง ทำเป็นไม่สนใจกับสายตาจ้องจับพิรุธของผู้เป็นน้องสาวที่ส่งมาอย่างมีเลศนัยนั่น แต่ใจก็อดนึกไปถึงหญิงสาวที่แอบหลบอยู่ในห้องไม่ให้เห็นหน้าตั้งแ
“ คุณเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง นี่อย่าบอกนะว่า..คุณจะมาแก้แค้นเรื่องเมื่อวาน แล้วที่..ที่คุณทำกับฉันเมื่อวานยังไม่พอใจอีกเหรอ คน..คนไม่ดี..คนพาล ออกไปนะ ออกไป! ฉันเกลียดคุณ คนบ้า! ฮือ ๆ ฉันจะฟ้องทุกคนเลยคอยดู ฮือ ๆ ที่คุณกล้าทำกับฉันแบบนี้ ฮือ ๆ”เมื่อได้สติหญิงสาวก็กระโดดผลุงลงจากเตียง วิ่งไปหลบชิดกำแพงห้อง ราวกับว่ามันจะช่วยหล่อนได้กระนั้น พลางชี้หน้าด่าคนที่บังอาจเข้ามาในห้องที่หล่อนนอนอยู่ พูดไปร้องไห้ไป อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้นน้ำลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองจ้องไปยังหญิงสาวที่บัดนี้ตัวสั่นงันงกอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ปากก็พร่ำว่าเขา พูดไปร้องไห้ไปอย่างกับเด็ก เอะอะก็จะฟ้องคนโน้นคนนี้ ก็เอาสิ ลองดูว่าจะทำอย่างที่พูดได้หรือเปล่า“ ก็เอาสิ ฟ้องก็ฟ้องเลย คราวนี้ล่ะเขาจะได้รู้กัน ว่าเราน่ะ..มีความลับต่อกันอยู่หึ ๆ” ชายหนุ่มกอดอก พูดเนิบ ๆ อย่างใจเย็น มองตอบกลับไปยังใบหน้าขาวสะอาดที่บัดนี้เปื้อนไปด้วยน้ำตา อย่างท้าทาย ก่อนจะเดินออกจากห้องมาหน้าตาเฉย หากในใจกลับอดรู้สึกสงสารเจ้าของใบหน้าที่ดูหวาดระแวง วิตกกั