รชตจอดรถไว้ริมกำแพงบ้านของแพรพิไล ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นรถยนต์ของหญิงสาวยังคงจอดไว้หน้าบ้านเหมือนเมื่อตอนที่เขาออกไปตอนกลางดึก ก็แสดงว่าเธอยังไม่ได้ออกไปไหน แพรพิไลบอกเขาว่าวันนี้จะทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ ป่านนี้เจ้าตัวคงกำลังหัวฟูอยู่กับการปัดกวาดเช็ดถูบ้านเป็นแน่ เพราะเขาโทร. หาหลายครั้งแล้วแต่เธอก็ไม่รับสาย
ชายหนุ่มสาวเท้าไปยืนที่หน้าประตูรั้ว คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกว่าภายในบ้านเงียบผิดปกติ ตามหลักแล้วเขาควรจะได้ยินเสียงโทรทัศน์หรือเสียงเพลงดังออกมาจากบ้านบ้างแต่นี่กลับไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลย
“ตกลงอยู่หรือไม่อยู่เนี่ย” พูดพลางเพ่งมองเข้าไปในบ้านอีกครั้งก่อนก้มลงมองกุญแจที่คล้องไว้จากด้านใน จะกดออดก็ไม่ได้เพราะออดเสียยังไม่ได้ซ่อม สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาหญิงสาวเจ้าของบ้านอีกครั้ง ทว่าก็ยังไม่มีคนรับสายเหมือนเดิม
เอาไงดี...
รชตเริ่มร้อนใจ ยิ่งนึกถึงเรื่องที่คุยกับสารวัตรจุมพลก็ยิ่งเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับเธอหรือเปล่า คิดได้ดังนั้นเขาก็มองซ้ายมองขวา จากนั้นก็เริ่มลงมือปีนรั้ว!
&nbs
“พี่ขอดูคลิปนั่นหน่อย แพรบอกว่าคนบงการเบื้องหลังก็อยู่ในคลิปนั่นด้วยใช่ไหม”เขาคิดว่าบิดาของแพรพิไลคงตามเรื่องสมาคมหน้ากากเช่นกัน และน่าจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรหลายอย่างด้วย และที่สำคัญคงรู้แล้วว่าใครคือผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังแพรพิไลเปิดคลิปวิดีโอที่ว่า “พี่อาร์ตลองช่วยแพรดูหน่อยค่ะ เพราะเท่าที่แพรดู แพรไม่เห็นว่าคุณพ่อจะถ่ายใครมาเป็นพิเศษเลย” หญิงสาวลุกขึ้นไปหยิบเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้าง ๆในห้องพักขนาดห้าสิบตารางเมตรย่านใจกลางเมือง ชายสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังลุกลี้ลุกลนยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ บนพื้นห้องมีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัววางระเกะระกะ แต่ผู้เป็นเจ้าของกลับไม่ได้สนใจเท่าไรนัก ที่เขาสนใจมีเพียงเอกสารสำคัญและของมีค่าที่สู้อุตส่าห์แลกมาด้วยแรงกายและความเสี่ยง เพราะอย่างน้อยสร้อยแหวนนาฬิการาคาแพงเหล่านี้ก็สามารถนำไปจำนำหรือขายต่อได้ในวันที่เขาสิ้นไร้ไม้ตอกชาคริตดูนาฬิกาข้อมือแล้วเม้มปากแน่น อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัด ซึ่งจะมีคนพาเขาหนีไปกบดานที่ประเทศเพื่อนบ้านสักระยะหนึ่ง เพื่อรอจนกว่าเ
‘เข็มขัดลูกเสือมั้ง’เมื่อได้ยินเขายอกย้อนมาอย่างกวนประสาท แพรพิไลก็ทำหน้ายู่ใส่‘พี่อาร์ต! ยังจะอุตส่าห์กวนอีกนะ แพรหมายถึงว่าเอามาให้แพรดูทำไม’ เธอไม่กล้ายื่นมือออกไปรับ เพราะไม่แน่ใจว่าเขาซื้อมาให้เธอ หรือซื้อให้คนอื่นแล้วแค่เอามาให้เธอดูเพื่อขอความเห็นเฉยๆ‘พี่ไม่ได้เอามาให้แพรดู แต่ซื้อมาให้แพรใส่ต่างหากละ พี่จะใส่ให้แพรนั่งนิ่ง ๆ นะเดี๋ยวตกต้นไม้’ เขาไม่รอให้เธอตอบรับหรือปฏิเสธ รีบยื่นมือไปที่ท้ายทอยของสาวน้อยตรงหน้าเพื่อสวมสร้อยให้ทันที ติดตะขอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ผละออกมาดูของขวัญที่ตนอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบจากเงินรายเดือนไปซื้อมาให้‘นึกยังไงถึงซื้อมาให้แพรล่ะ พี่ไม่ได้ล้อเล้นใช่ไหม’ แม้สร้อยเงินเส้นนี้จะถูกสวมอยู่ที่คอ แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่กล้าทึกทักเอาเองว่าเขาซื้อมาให้อยู่ดีก็ใครจะเชื่อเล่าว่าหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนจะซื้อของขวัญมาให้เด็กมัธยมต้นอย่างเธอ‘เดือนหน้าพวกเราก็ต้องสอบปลายภาคและปิดเทอมใหญ่กันแล้วนะ พี่ก็ต้องไปในเรียนมหา’ลัย แพรก็ขึ้นม.ปลาย แล้ว เราอาจไม่ค่อยได้เจอก
“ใครหรือคะ พี่อาร์ตดูจากตรงไหน” แพรพิไลถามรชตที่กำลังใช้เมาส์คลิกเพื่อเล่นคลิปย้อนกลับไปอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะตอบอะไร โทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็แผดเสียงดังขึ้นจนเธอถึงกับสะดุ้งแพรพิไลเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาดูชื่อคนโทร. เข้า เนื่องจากว่าโทรศัพท์เครื่องนี้จะใช้เฉพาะลูกค้าที่มาติดต่อกับสำนักงานนักสืบเท่านั้น พอเห็นชื่อของคนที่โทร. มา ตาคู่สวยก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมกับรีบกดรับสายทันที“สวัสดีค่ะคุณวิษณุ” ปกติแล้วลูกค้ารายนี้มักจะโทร. เข้าไปที่สำนักงานมากกว่า แต่คราวนี้กลับโทร. เข้าเครื่องของเธอโดยตรง แสดงว่าน่าจะมีเรื่องด่วนอะไรสักอย่างเป็นแน่“คุณแพรครับ เมื่อคืนน้องสาวของผมพยายามกรีดข้อมือเพื่อฆ่าตัวตาย” คำบอกเล่าจากปลายสายทำให้แพรพิไลถึงกับอ้าปากค้าง“แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าคะ คุณวิษณุช่วยเล่ารายละเอียดให้แพรฟังหน่อยได้ไหม” น้องสาวของวิษณุยังไม่เสียชีวิตแน่นอน คนที่บ้านน่าจะช่วยชีวิตไว้ได้ทันเวลา วิษณุถึงได้โทร. หาเธอเวลานี้“ตอนนี้ปลอดภัยแล
“หึ ๆ ผมล้อเล่นครับ แต่ผมพูดจริง ๆ นะเรื่องที่ไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ ผมคิดว่าเราน่าจะเข้ากันได้ดีเชียวละถ้าหากคุณแพรยอมรับพิจารณาผมบ้าง...เอาเป็นว่าถ้าวันไหนคุณแพรว่างก็สละเวลามาดินเนอร์กับเพื่อนอย่างผมสักมื้อนะครับ”“ยินดีค่ะคุณเบนซ์ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่วันนี้ไปไม่ได้จริงๆ” แพรพิไลลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอกที่เขาจะวางสาย เพราะตอนนี้หัวใจเธอโลดแล่นไปอยู่กับเม็มโมรีการ์ดที่ซุกซ่อนเอาไว้นานแล้วนั่นต่างหาก“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้เสมอ ไม่รบกวนแล้วดีกว่า ไว้วันหน้าจะโทร. มาชวนใหม่นะครับ”หญิงสาวบอกลาเขาก่อนกดวางสาย จากนั้นก็ก้มลงไปใต้โต๊ะทำงานแล้วใช้มือคลำไปบนพื้นไม้ปาร์เกต์ช้า ๆ จนกระทั่งรู้สึกสะดุดมือเพราะรอยต่อของไม้ไม่เสมอกัน เธอจึงยิ้มออกมาพลางใช้นิ้วกดลงไปที่มุมของไม้แผ่นนั้นเบา ๆไม้ปาร์เกต์แผ่นนั้นเผยอขึ้นมาจนสามารถดึงออกมาได้ เธอล้วงมือเข้าไปหยิบกล่องเหล็กขนาดเท่ากล่องดินสอออกมาจากในนั้นแล้วเปิดฝาออกเพื่อดูของที่อยู่ข้างในเม็มโมรีการ์ดมากมายใส่อยู่ในถุงซิปล็อกถุงละหนึ่งอัน มีปากกาเคมีสีน้ำเงินเขียนกำก
“จมไม่ลงว่างั้นเถอะ”“มันไม่ใช่แค่จมไม่ลงหรอก แต่พี่คิดว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นนะ” ชายหนุ่มชี้ให้เธอดูชาร์ตรายชื่อบริษัทต่าง ๆ บนหน้าจอแล้วพูดต่อ“สุกำพลค้ายา แน่นอนว่าเม็ดเงินที่ได้มันมหาศาล แพรคิดดูก็แล้วกันว่าแค่ไอ้น้ำสีชมพูนั่นแก้วเดียวแพรต้องจ่ายไปตั้งเท่าไร แล้วแต่ละคืนมีคนเข้าไปที่สมาคมหน้ากากกี่คน และแต่ละคนดื่มน้ำนั่นเข้าไปคนละกี่แก้ว ถึงแม้จะเปิดแค่เดือนละหกวัน แต่ในหนึ่งวันนั่นพี่คิดว่าเขาฟาดไปเป็นล้านนะ แล้วเขาไม่ได้ขายแค่วันที่มีปาร์ตีเท่านั้น แต่เขาซื้อขายกันนอกรอบด้วยเพราะมันคือยาเสพติด คนที่ติดไปแล้วเลิกไม่ได้ก็ต้องดิ้นรนหาเสพเพราะคงรอให้ถึงวันที่จัดปาร์ตีไม่ไหวหรอก จริงไหม” รชตเลื่อนเมาส์ลงมาเพื่อให้เห็นรายชื่อทั้งหมดของผู้ที่อยู่หลังม่านก่อนพูดขึ้นอีก“การที่จู่ ๆ ก็มีรายได้มหาศาล มีเงินในบัญชีมากมายมันย่อมต้องน่าสงสัยอยู่แล้วว่าเงินเหล่านี้มาจากไหน อย่างน้อยหากสรรพากรถามขึ้นมาแล้วเขาบอกไม่ได้ว่าเป็นรายได้จากธุรกิจอะไรเขาก็แย่น่ะสิ เพราะฉะนั้นสุกำพลก็เลยต้องทำธุรกิจหลายอย่างมารองรับเงินตรงนี้ จ้างคนมาแต่
แพรพิไลฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอเอียงคอเล็กน้อยพร้อมถามคำถามที่ทำให้คนฟังอดยิ้มไม่ได้“สารวัตรรู้ล่วงหน้าใช่ไหมคะว่าเมื่อคืนต้องคว้าน้ำเหลว ถึงได้เตรียมการเอาไว้รอบคอบขนาดนี้”“ความจริงแล้วพี่พลแค่สงสัยน่ะ เพราะการบุกเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงแต่ละแห่งมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะสามารถปิดข่าวให้เงียบได้ มันน่าจะมีเล็ดลอดออกไปบ้างก็เลยเตรียมวางแผนกันไว้กับทีมปปส.”หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะใช้เมาส์คลิกไปที่ไฟล์วิดีโอเพื่อเล่นคลิปที่อยู่ในเม็มโมรีการ์ดอันที่สอง เพราะอยากรู้ว่าในช่วงสิบกว่านาทีหลังจากนั้นมีอะไรซ่อนไว้หรือไม่ ดังนั้นเธอจึงข้ามไปที่นาทีที่สี่สิบ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและก็เป็นอย่างที่เธอสงสัย เพราะหลังจากคลิปเป็นสีดำเพียงแค่นาทีกว่า ๆ ภาพก็ตัดมาที่บิดาของเธอซึ่งตั้งกล้องให้หันมาหาตัวเองแพรพิไลสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่แสนรักแสนคิดถึง กระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีจนต้องเม้มปากไว้แน่นเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นรชตรั้งตัวหญิงสาวให้ทรุดตัวนั่งลงบนตัก สองแขนโอบกอดร่างเล็กที่สั่นเล็ก
“ช่วงกลางวันพี่แทบไม่ต้องเข้าออฟฟิศของครอบครัว เพราะพี่ชายของพี่เป็นคนดูแลรับผิดชอบอยู่ แต่คลับเฮราคือความรับผิดชอบของพี่เต็ม ๆ พี่ถึงต้องเข้าไปเกือบทุกคืนยกเว้นคืนที่ติดธุระจริง ๆ แล้วคืนนี้แพรก็ต้องไปที่คลับกับพี่ด้วย จะว่าไป เราไม่ได้เต้นรำด้วยกันนานแล้วนะ ลืมหมดรึยังว่าเต้นยังไง”“คงต้องรบกวนให้ครูช่วยเตือนความจำแล้วละค่ะ” หญิงสาวยิ้มมุมปากพลางเปิดลิ้นชักหาแฟลชไดรฟ์มาใส่ข้อมูลให้เขา เพราะเม็มโมรีการ์ดต้นฉบับต้องนำไปเก็บซ่อนไว้ที่เดิมเพื่อความปลอดภัย“ได้สิ เดี๋ยวพี่จะเปิดคอร์สติวเข้มแบบตัวต่อตัวเลยละ ยังไงเราก็ต้องตัวติดกันอย่างนี้ไปอีกนาน”หญิงสาวหันไปย่นจมูกใส่เมื่อรู้ว่าต้องตัวติดกับเขาไปไหนไปกันทุกที่ราวกับปาท่องโก๋ แต่แม้จะถูกตามติดทุกฝีก้าวราวกับเงาตามตัว เธอก็ไม่รู้สึกรำคาญเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยยามได้อยู่ใกล้ และเชื่อมั่นว่าตราบใดที่มีรชตอยู่ข้างกาย เธอจะไม่มีวันได้รับอันตรายใด ๆ แม้แต่ปลายเส้นผม“ถ้าอย่างนั้นแพรขอไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ พี่อาร์ตดึงแฟลชไดรฟ์อันนี้เก็บไปได้เลยนะถ
“ไอ้เรื่องขี้ตู่พี่คงสู้แพรไม่ได้ ตำแหน่งนี้พี่ยกให้แพรคนเดียวเลย”เขาพูดกลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงวีรกรรมตอนเด็กของแพรพิไลที่มักคิดเองเออเองไปเสียทุกเรื่องแพรพิไลหันไปแยกเขี้ยวใส่เขาก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารตรงหน้าต่อ กระทั่งได้กลิ่นกาแฟลอยกรุ่นอยู่ในห้องจึงเงยหน้าขึ้นมองเจติยาที่อุตส่าห์ชงกาแฟมาเผื่อเธอด้วย“จริงสิพี่แพร น้องก้อยเขาขอทำงานประจำที่นี่เลยได้ไหม เพราะตอนนี้น้องเรียนใกล้จบแล้ว” เจติยาพูดถึงพนักงานบัญชีที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่แพรพิไลได้ฟังอย่างนั้นก็รีบพยักหน้าให้ทันที“ได้สิ ดีเลยพี่จะได้ไม่ต้องรับสมัครคนใหม่ ขี้เกียจอธิบายงานใหม่ด้วยเพราะมันเสียเวลา ถ้าก้อยอยากทำประจำพี่ก็ยินดีนะ ส่วนเรื่องเงินเดือน เอาไว้สอบเสร็จแล้วค่อยมาคุยกันอีกที”เจติยาพยักหน้ารับคำแล้วเดินออกจากห้องไป พอดีกับที่โทรศัพท์ของรชตส่งเสียงร้องขึ้น“ครับพี่พล” เขาฟังปลายสายพูดครู่หนึ่งก่อนตอบออกไป“ได้ครับพี่ ผมเอาไปให้พี่ตอนนี้เลยก็ได้ครับไม่มีปัญหา เพราะคืนนี้ผมก็ต้องเข้าไปที่คลับ คงไม่ว่าง
เด็กชายวัชร์ส่งเสียงทักทายผู้เป็นอาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างพลางกางแขนจะให้อุ้ม รชตจึงยื่นมือไปรับร่างป้อมของหลานชายมาอุ้มไว้“แพร นี่พี่โอม พี่ชายพี่เอง...นี่แพร ที่เคยเล่าให้ฟังน่ะ” รชตหันไปแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันแพรพิไลยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่อได้ยินที่เขาพูดว่าเคยเล่าเรื่องของเธอให้พี่ชายฟังด้วยพชรรับไหว้พลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร นัยน์ตาคมกริบลอบประเมินว่าที่น้องสะใภ้แล้วรู้สึกว่าแพรพิไลคนนี้มีบุคลิกเหมือนช่อมาลี ภรรยาของเขาอยู่มากเลยทีเดียวเหมือนที่ความมั่นใจ เหมือนที่ความกระตือรือร้นในแววตา และเหมือนที่ดูเป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่ค่อยได้จากนั้นทั้งหมดก็พากันเข้าไปในห้องรับแขก ซึ่งมีเพียงช่อมาลีนั่งอ่านนิตยสารรถยนต์อยู่เพียงลำพัง ครั้นพอเห็นว่ารชตพาคนรักมาถึงแล้วจึงปิดหนังสือแล้ววางไว้บนโต๊ะตามเดิมรชตแนะนำให้สองสาวรู้จักกัน ซึ่งทั้งแพรพิไลและช่อมาลีต่างรู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่ที่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค จากนั้นช่อมาลีก็เดินไปเรียกบิดามารดาของทั้งสองหนุ่มที่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่อีกห้องหนึ่งการทำคว
“ว่าแต่เป้าหมายเป็นใครล่ะ” รชตถามพลางมองไปรอบฟลอร์ ครั้นพอเห็นสายตาของแพรพิไลเขาก็เลิกคิ้วขึ้น“อย่าบอกนะว่าคือผู้หญิงที่เต้นรำกับพี่เมื่อกี้”“ใช่เลย คนนั้นนั่นแหละ” แพรพิไลยิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของเขาซึ่งทำเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา“อยากรู้ล่ะสิว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ชายหนุ่มกะพริบตาให้เธอข้างหนึ่ง ดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มจนคนมองเห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมืออยากเอามือไปปิดตาคู่นั้นไว้เสีย“อยากรู้สิ แต่พี่น่ะจะบอกแพรรึเปล่า”“บอกสิ แต่แพรน่ะยอมเอาตัวเข้าแลกรึเปล่า”แพรพิไลสะดุ้งเฮือกเมื่อแผ่นหลังเปล่าเปลือยสัมผัสกับที่นอนเย็นเฉียบ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้หญิงสาวกับรชตยังเต้นรำกันอยู่บนฟลอร์ที่คลับเฮรา ทว่าเวลานี้ร่างไร้อาภรณ์ของเธอกลับมานอนอยู่ใต้ร่างกำยำบนเตียงในห้องนอนของตัวเองเสียแล้วทุกอณูเนื้อกำลังถูกลมหายใจและริมฝีปากร้อนผ่าวไล่ประทับตีตราไปทั่วราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ มือทั้งสองข้างของเขาลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่ว
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสแขนกุดสีม่วงอเมทิสต์เยื้องย่างราวกับนางพญาเข้ามาในคลับเฮรา คลับลีลาศอันโด่งดังที่สุดในกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเต้นรำ เรือนร่างเย้ายวนและความสวยนั้นสะกดสายตาทุกคู่ไว้ได้อย่างง่ายดาย เธออมยิ้มเล็กน้อยระหว่างที่เดินไปยังโต๊ะวีไอพีที่อยู่ด้านในสุด นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบด้านด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ฟลอร์เต้นรำที่มีผีเสื้อราตรีหลายคู่กำลังเริงระบำกันท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องลงมาชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งตกเป็นเป้าสายตาของหญิงสาวผู้มาใหม่ทันที ปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังมองมาทางตนอย่างสนใจหญิงสาวหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรที่มารอรับออร์เดอร์ จากนั้นก็ทำทีเป็นไม่สนใจคนคู่นั้นอีก นิ้วมือเคาะโต๊ะเบา ๆ เป็นจังหวะตามเสียงเพลงที่กำลังเปิดอยู่ พลางหลับตาแล้วฮัมไปด้วยอย่างอารมณ์ดี“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับคุณผู้หญิง”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นตรงหน้าปลุกให้หญิงสาวต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ครั้นพอเห็นรอยยิ้มมุมปากของเขากับสายตาเชิญชวนคู่นั้น เธอก็ตอบออกไปอย่างไม่ลังเล
“เลว! อย่างน้อยก็เคยใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา เขาน่าจะนึกถึงเรื่องนี้บ้าง นี่อะไร...เหยียบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาจมดินแบบนี้เลยน่ะหรือ แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง พี่อาร์ตรู้ไหมคะ”“คุณพ่อคุณแม่ของคุณขวัญพาไปบำบัดน่ะ เพราะผลข้างเคียงของยาเสพติดพวกนี้ทำให้คนที่ไม่ได้เสพจะเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง...คุณขวัญเคยพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งแล้ว แต่คนในบ้านช่วยไว้ได้ทันเวลา”“แปลกนะคะ ถ้าไปรักษาตัวตอนที่พยายามฆ่าตัวตาย ทำไมไม่เห็นมีข่าวเล็ดลอดออกมาบ้างเลย”เธอจำได้ว่าตอนนั้นพยายามหาข่าวของครองขวัญจากหลาย ๆ ที่ว่าหายไปไหน เนื่องจากไม่เห็นอีกฝ่ายไปที่คลับเฮราติดกันหลายวันแล้ว แต่กลับไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง ข่าวที่ได้มาจึงค่อนข้างหลากหลายจนดูไม่น่าเชื่อถือ“ตระกูลของคุณขวัญเป็นตระกูลผู้ดีเก่ามีหน้ามีตาในสังคม เรื่องที่จะส่งลูกสาวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลน่ะลืมไปได้เลย เขาเรียกหมอไปรักษาที่บ้าน จ้างพยาบาลส่วนตัวมาเฝ้า เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็จะทำร้ายตัวเองอีก”“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าชีวิตพังเพราะผู้ชายคน
“แพรขอโทษ แพรไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่พี่อาร์ตนะ แต่แพรเป็นอะไรไม่รู้ แพรหงุดหงิดไปหมด มันรู้สึกอึดอัดในอกเหมือนจะระเบิดออกมาให้ได้ แพรอยากกรี๊ดออกมาดัง ๆ เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาจนอยากทำลายทิ้งให้หมด...แพรไม่อยากเป็นแบบนี้เลยพี่อาร์ต ทำยังไงดี ฮือ...”“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น มันเป็นผลข้างเคียงจากยาที่แพรดื่มเข้าไปน่ะ ไม่กี่วันก็หายแล้วแพร ทนหน่อยนะ ถ้าแพรอยากทำลายข้าวของ แพรมาทึ้งเสื้อผ้าพี่แทนก็ได้พี่ไม่ว่าหรอก แต่อย่าทำตอนที่หมอกับพยาบาลอยู่ก็พอ เดี๋ยวเป็นข่าว” รชตพูดหน้าตาเฉย ขณะที่คนฟังหัวเราะทั้งน้ำตาแพรพิไลพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงที่จนกระทั่งเริ่มผ่อนคลายลงจึงเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของศักดิ์อีกครั้ง“ตกลงแล้วพี่ศักดิ์ถูกบีบบังคับยังไงกันคะ”“สุกำพลจับตัวลูก ๆ ของพี่ศักดิ์ไว้เป็นตัวประกันน่ะ พี่ศักดิ์มีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคนใช่ไหมล่ะ มันจับเด็ก ๆ ไปอยู่ในความดูแลของสุกำพล เขาบอกว่าจะไม่ทำอะไรเด็กจนกว่าพี่ศักดิ์จะหาหลักฐานที่เหลือมาได้ จนครั้งสุดท้ายที่เขาเรียกใช้งานพี่ศักดิ์ก็คือตอนที่เขาพาตัวแพรไปให้
“ข่าวด่วน นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ แท้จริงแล้วคือมาเฟียยาเสพติด!”“นักธุรกิจชื่อดัง สุกำพล พัวพันคดียาเสพติด”ข่าวพาดหัวตัวโตของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพร้อมใจกันลงข่าวไฮโซหนุ่มเนื้อหอม นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของธุรกิจมากมาย รายการข่าวทางโทรทัศน์และวิทยุต่างนำเสนอข่าวนี้กันแทบทุกช่องจนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่คนต่างพูดถึงกันมากที่สุดในประเทศ แม้ว่าจะผ่านมาถึงสองวันแล้วก็ตามรชตหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นกดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่น เพราะเบื่อข่าวของสุกำพลเต็มที ยิ่งนานวันนักข่าว นักสืบออนไลน์ และนักสืบโซเชียลทั้งหลายต่างก็พากันขุดคุ้ยเรื่องของสุกำพลไม่หยุด บางคนก็แต่งเรื่องโกหก บางคนก็เป็นผู้เสียหาย บางรายก็ฟังเขาเล่ามา จนเวลานี้แทบไม่รู้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ“พี่อาร์ตเปลี่ยนช่องทำไม” น้ำเสียงราบเรียบของแพรพิไลทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองที่เตียงคนไข้“อ้าว...ตื่นนานรึยัง อยากกินอะไรไหม” เขาไม่ตอบคำถามของ
“คุณสุกำพล จนป่านนี้แล้วคุณคิดว่าจะหนีรอดหรือ ตอนนี้ทางออกทุกทางของที่นี่ตำรวจปิดล้อมไว้หมดแล้ว บรรดาสมาชิกที่พากันวิ่งออกไปนั่นก็ถูกควบคุมตัวไว้ทั้งหมด...ผมจะบอกอะไรให้นะ ป่านนี้ข้างในนั้นน่ะคงถูกตำรวจเคลียร์พื้นที่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหนีไม่พ้นหรอก”สารวัตรจุมพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ น้ำเสียงที่พูดไม่มีแววเยาะเย้ยอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหนักแน่นจริงจังเสียจนคนมองเริ่มสะท้านเก่ง ลูกน้องของสุกำพลมีสีหน้าเครียดจัด มือที่ถือปืนอยู่เริ่มลดต่ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งยอมวางปืนไว้บนพื้นแล้วยกมือขึ้นวางบนศีรษะแต่โดยดีนายตำรวจนายหนึ่งจึงรีบวิ่งเข้าไปนำปืนกระบอกนั้นมาเก็บไว้ ท่ามกลางเสียงตวาดกร้าวของสุกำพลที่หันไปข่มขู่และด่าทอลูกน้องอย่างสาดเสียเทเสีย ตำรวจอีกสองนายจึงเข้าไปควบคุมตัวทั้งสองคนไว้แล้วพาขึ้นไปด้านบนสารวัตรจุมพลไม่ได้เดินตามผู้ต้องหาไป แต่กลับเดินผ่านเข้าไปในสมาคมเพื่อหาตัวรชตกับพวกรชตวิ่งกลับเข้าไปในฮอลล์อีกครั้งโดยมีเสียงปืนไล่ยิงมาตามหลัง เขามั่นใจว่าตอนนี้ตำรวจน่าจะเข้าควบคุมทุกอย่างไว้ได้หมดแล้ว เพราะฟังจากเสี
สุกำพลยิ่งเดือดดาลเมื่ออะไร ๆ ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ผู้บุกรุกทั้งสองคนนี้นอกจากจะไม่กลัวปืนในมือของเขาแล้ว ยังมีทีท่าไม่ยอมทำตามคำสั่งราวกับคำขู่ของเขานั้นไม่ได้ผล...แต่เขาไม่มีเวลามาเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับพวกนี้แล้ว“ไปเอาตัวผู้หญิงมา” สุกำพลหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังชายหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งจึงเดินอาด ๆ เข้ามาหาแพรพิไลซึ่งทรุดตัวลงนั่งเอาหลังพิงกำแพงพร้อมกับเอาแขนโอบกอดตัวเองแน่นเหมือนทรมานกับอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวที่เป็นอยู่รชตตั้งท่าเตรียมรับไว้อยู่แล้ว เมื่อเห็นการ์ดร่างใหญ่ของสุกำพลเดินเข้ามาใกล้จึงออกหมัดชกไปเต็มแรงจนอีกฝ่ายเซถอยไปด้านหลังเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว อีกทั้งไม่คิดว่ารชตจะกล้าท้าทายด้วยการเป็นฝ่ายลงมือก่อน“มึง!” คนถูกต่อยคำรามลั่นอย่างเกรี้ยวกราด ทันทีที่ตั้งหลักได้ก็พุ่งตัวเข้าใส่รชตราวกับหมีตะปบเหยื่อรชตอาศัยความปราดเปรียวกว่าหลบหมัดลุ่น ๆ ของการ์ดร่างยักษ์ไปได้ด้วยความว่องไวปารุสจ้องเขม็งอยู่ที่ปืนสลับกับจ้องใบหน้าของสุกำพลอย่างไม่ให้คลาดสายตา การต่อยตีของรชตกับคนของสุกำพลนั้นเรียกคว
ปารุสสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ มีมือเย็นเฉียบของใครบางคนมาเกาะที่น่อง ครั้นพอก้มลงมองจึงรู้ว่าเป็นแพรพิไลซึ่งยังอยู่ในอาการเมายาไม่ได้สติ ชายหนุ่มรีบชักขากลับมาแล้วดันหญิงสาวอีกคนที่กำลังนั่งเกาะขาเขาอยู่เข้าไปหาแพรพิไลแทนอย่างน้อยก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน มันคงดีกว่าที่เจ้านายจะมาเห็นผู้หญิงของตัวเองกำลังนัวเนียกับเขา เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าจะถูกหักเงินเดือนไปทั้งปีหรือเปล่า“รีบออกไปกันเถอะ...อ้าวเฮ้ย!” รชตอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นผู้หญิงที่คลุกวงในอยู่กับปารุสเมื่อครู่มาตอแยแพรพิไล ชายหนุ่มรีบปรี่เข้าไปคว้าตัวแฟนสาวออกมากอดไว้แล้วหันไปพยักหน้ากับปารุส“เมื่อกี้ผมจุดไฟเผาผ้าม่าน อีกเดี๋ยวคนคงเริ่มสังเกตแล้วละ เราต้องอาศัยจังหวะนี้หลบหนีออกไป”พูดจบก็มองไปที่ด้านหลัง ควันไฟเริ่มหนาขึ้นจึงรีบประคองพาแพรพิไลเดินห่างออกมาจากจุดเกิดเหตุที่เขาเพิ่งใช้เทียนเผาผ้าม่านสีดำ เขาภาวนาให้มันลุกติดไฟเร็ว ๆ เพราะควันจะได้มากพอที่จะลอยขึ้นไปสัมผัสกับสัญญาณเตือนอัคคีภัยที่อยู่บนเพดาน และเมื่อถึงตอนนั้น ที่น