‘เข็มขัดลูกเสือมั้ง’
เมื่อได้ยินเขายอกย้อนมาอย่างกวนประสาท แพรพิไลก็ทำหน้ายู่ใส่
‘พี่อาร์ต! ยังจะอุตส่าห์กวนอีกนะ แพรหมายถึงว่าเอามาให้แพรดูทำไม’ เธอไม่กล้ายื่นมือออกไปรับ เพราะไม่แน่ใจว่าเขาซื้อมาให้เธอ หรือซื้อให้คนอื่นแล้วแค่เอามาให้เธอดูเพื่อขอความเห็นเฉยๆ
‘พี่ไม่ได้เอามาให้แพรดู แต่ซื้อมาให้แพรใส่ต่างหากละ พี่จะใส่ให้แพรนั่งนิ่ง ๆ นะเดี๋ยวตกต้นไม้’ เขาไม่รอให้เธอตอบรับหรือปฏิเสธ รีบยื่นมือไปที่ท้ายทอยของสาวน้อยตรงหน้าเพื่อสวมสร้อยให้ทันที ติดตะขอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ผละออกมาดูของขวัญที่ตนอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบจากเงินรายเดือนไปซื้อมาให้
‘นึกยังไงถึงซื้อมาให้แพรล่ะ พี่ไม่ได้ล้อเล้นใช่ไหม’ แม้สร้อยเงินเส้นนี้จะถูกสวมอยู่ที่คอ แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่กล้าทึกทักเอาเองว่าเขาซื้อมาให้อยู่ดี
ก็ใครจะเชื่อเล่าว่าหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนจะซื้อของขวัญมาให้เด็กมัธยมต้นอย่างเธอ
‘เดือนหน้าพวกเราก็ต้องสอบปลายภาคและปิดเทอมใหญ่กันแล้วนะ พี่ก็ต้องไปในเรียนมหา’ลัย แพรก็ขึ้นม.ปลาย แล้ว เราอาจไม่ค่อยได้เจอก
เสียงเพลงจังหวะร้อนแรงบรรเลงไปอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการแสดงแสนวาบหวิวบนเวที แพรพิไลกลืนน้ำลายอึกใหญ่พลางลอบเบือนหน้าหนีคู่หญิงชายที่กำลังทำการ ‘โชว์’ อย่างเร่าร้อนตามจังหวะเพลง เธอจะเรียกสิ่งที่อยู่บนเวทีว่าความอุบาทว์ดีหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ เธอไม่อาจเรียกมันว่าศิลปะได้เลย และที่สำคัญ สถานที่แห่งนี้น่ากลัวเกินไป อาหารและเครื่องดื่มของที่นี่ หรือแม้กระทั่งสมาชิกที่เข้ามาร่วมสังสรรค์ล้วนอันตรายด้วยกันทั้งหมด เธอไม่กล้าแสดงตัวเป็นจุดเด่นมากนักจึงได้แต่คอยหลบเลี่ยงอยู่ในมุมมืดเพียงลำพังและคอยเฝ้าสังเกตทุกคนที่อยู่ที่นี่ “คุณไม่ควรมาที่นี่”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลังส่งผลให้แพรพิไลสะดุ้งวาบ ครั้นพอหันไปมองก็เห็นเพียงหน้ากากสีดำที่ทางสมาคมบังคับให้สวมเท่านั้น แต่ริมฝีปากสีเข้มและเสียงนั่นช่างคุ้นตาคุ้นหูเธอเหลือเกิน“คุณ...” แพรพิไลพูดได้เพียงเท่านั้นเพราะไม่กล้าเอ่ยออกไปตรง ๆ ว่าใช่คนที่กำลังสงสัยอยู่หรือเปล่า จะมองรูปร่างของเขาก็ไม่สามารถมองได้ เพราะชุดคลุมสีดำยาวกรอมเท้ากับหน้ากากนั้นปิดบังทุกสิ่งทุกอย่างไว้จนหมดสิ้น แม้กระทั่งรูปร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มคนหนึ่งที
“ว่าไงนะคะ ลาออกงั้นหรือ” แพรพิไลถามชายหนุ่มตรงหน้าเสียงแหบแห้ง รู้สึกเรี่ยวแรงหดหายทันทีเมื่อนักสืบมือดีของสำนักงานมายื่นใบลาออก“คุณแพรต้องเข้าใจผมด้วยนะครับ ลูกผมยังเล็ก ผมเองก็ต้องกินต้องใช้” คนพูดถอนหายใจแผ่ว หลุบตาลงต่ำเหมือนไม่กล้าสู้หน้าแพรพิไลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนพยักหน้าขึ้นลงช้า ๆ ยอมรับแต่โดยดี“แพรเข้าใจค่ะ ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่เคยช่วยงานคุณพ่อมาตั้งหลายปี” หญิงสาวส่งยิ้มฝืดเฝื่อนไปให้สีหน้าละอายใจผุดขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นชายหนุ่มก็ขอตัวออกไปจากห้องทันทีแพรพิไลไม่คิดโทษใครทั้งสิ้น รู้ดีว่าการที่เธอเข้ามาบริหารสำนักงานนักสืบไพศาลแทนบิดาที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อหกเดือนก่อนเป็นเหตุให้นักสืบหลายคนไม่เชื่อในฝีมือ และต่างพากันคิดว่าเธอกำลังพาสำนักงานนักสืบแห่งนี้ล่มจมลง ดังนั้นในช่วงหกเดือนนี้จึงมีนักสืบคนเก่าคนแก่ฝีมือดีที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับบิดาพากันตบเท้าลาออกกันเป็นแถวจะโทษพวกเขาที่ทอดทิ้งเธอก็ไม่ได้ เพราะในช่วงหกเดือนนี้แทบไม่มีงานผ่านเข้ามาเลยด้วยซ้ำ จะมีก็แต่งานติดตามบุคคล คดีชู้สาวเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง ในเมื่อไม่มีงานเข้า รายได้
“สามีภรรยาคู่หนึ่ง ถ้าอยู่ด้วยกันมาสักพักแล้วอีกฝ่ายเปลี่ยนไป สาเหตุมันก็มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ”เขาโน้มตัวไปข้างหน้า เท้าแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะก่อนพูดต่อ“จริงอยู่ว่าภรรยาผมเธอชอบการเข้าสังคมและการสังสรรค์มาก แต่ทุกครั้งเธอมักกลับบ้านเป็นเวลาเสมอ หรือไม่ก็อัปเดตสเตตัสของตัวเองในอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กตลอดเวลาว่าตอนนี้กำลังทำอะไร แต่มาช่วงสองสามเดือนให้หลังนี้ดูเหมือนพฤติกรรมตรงนี้ของเธอจะเปลี่ยนไป ช่วงกลางวันเธอก็อัปเดตเป็นปกติ และถ้าเป็นตอนกลางคืนเธอแทบไม่แตะโซเชียลเลย ผมคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเธอกำลังอยู่กับคนอื่น”สุกำพลหยิบนามบัตรจากกระเป๋าสตางค์ยื่นส่งมาตรงหน้านักสืบสาว“ผมสังเกตว่าเธอเปลี่ยนไปตั้งแต่เริ่มเข้าสังคมของที่นี่ครับ”แพรพิไลกวาดตามองรายละเอียดบนนามบัตรใบนั้นอย่างรวดเร็วก่อนส่งต่อให้จิรายุ“คลับเฮรา...ถ้าจำไม่ผิดที่นี่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานนี่คะ ค่าเมมเบอร์แพงมากด้วย”“ใช่ครับ เพราะค่าเมมเบอร์แพง สมาชิกที่นี่จึงมีแต่ไฮโซชื่อดังของเมืองไทยไปรวมตัวกัน อีกทั้งการเต้นลีลาศก็เริ่มเป็นที่นิยมในหมู่สาวสังคมและหนุ่มกระเป๋าหนัก ผมสืบมาได้ว่าภรรยาของผมเธอจะไปที่นี่ประมาณอาทิตย์ละ
แพรพิไลกลับห้องทำงานแล้วหยิบเอกสารข้อมูลของครองขวัญ ภรรยาของสุกำพลออกมานั่งศึกษา เพื่อดูว่านอกจากคลับแห่งนี้แล้ว เจ้าตัวยังไปที่ไหนอีกบ้างในแต่ละวัน เพราะเท่าที่ผู้ว่าจ้างบอกมา ครองขวัญไม่ได้ทำงานอะไร เงินที่ใช้จ่ายอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นเงินของสุกำพลทุกบาททุกสตางค์สิ่งแรกที่แพรพิไลทำนั่นคือการสะกดรอยตามครองขวัญเพื่อดูว่าในแต่ละวันเจ้าตัวทำอะไรและพบปะใครบ้างในวันแรกนั้นกิจกรรมของครองขวัญมีเพียงทำผมที่ร้านเสริมสวย นวดหน้าที่สปา และรับประทานอาหารในภัตตาคารของโรงแรม ตกกลางคืนก็นั่งดื่มกับกลุ่มเพื่อนไฮโซในร้านอาหารกึ่งผับที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง กว่าจะกลับเข้าคฤหาสน์หัสวิจิตรอีกครั้งก็ปาเข้าไปตีสามสรุปได้ว่าวันนี้เธอยังไม่เห็นชายหนุ่มที่เข้าข่ายว่าจะเป็นชู้รักของครองขวัญแม้แต่คนเดียว“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”แพรพิไลทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหมดแรงหลังจากที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เหลือบมองนาฬิกาที่หัวเตียงแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองบางครั้งเธอก็ไม่เข้าใจพวกสาวไฮโซเหล่านี้สักเท่าไร ในแต่ละวันเวลาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่หมดไปกับเรื่องไร้สาระ ทว่าพอคิดในมุมกลับ บางทีพวกเขาเหล่านั้นอาจจะกำลังเบื่อช
สถานที่ด้านในเป็นอย่างที่แพรพิไลคาดเดาเอาไว้แต่แรก ผนังและเสาแต่ละเสาทำเลียนแบบวังของฟาโรห์ มีโซฟาสีแดงตั้งเป็นกลุ่ม ๆ โต๊ะใครโต๊ะมัน มีฉากกั้นซึ่งเป็นบานพับลายฉลุรูปอักษรอียิปต์โบราณแบ่งความเป็นส่วนตัวไว้ และสามารถพับเก็บได้หากสองโต๊ะต้องการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน ตรงกลางเป็นลานกว้างสำหรับเป็นฟลอร์เต้นรำ มีแชนเดอเลียร์คริสตัลห้อยระย้าอยู่ด้านบน แสงระยิบระยับของมันส่งให้บรรยากาศรอบด้านดูหรูหราราวกับได้ย้อนยุคไปงานเลี้ยงสมัยเมื่อหนึ่งพันปีก่อนพนักงานสาวในชุดผ้าฝ้ายสีงาช้างเลียนแบบมาจากนางกำนัลของฟาโรห์ผายมือเชื้อเชิญให้แพรพิไลเดินไปนั่งที่โต๊ะมุมหนึ่ง หญิงสาวสังเกตว่าที่นี่แยกโซนกันอย่างชัดเจนระหว่างกลุ่มที่มากันหลายคนกับผู้ที่มาเดี่ยวหรือมาเป็นคู่หญิงสาวค่อนข้างพอใจกับพื้นที่ของตนเอง เพราะมันทำให้เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ ดังนั้นหลังจากสั่งเครื่องดื่มเสร็จเรียบร้อยเธอจึงมองหาเป้าหมายอย่างครองขวัญทันทีชุดสีแดงสดของครองขวัญ เมื่อมาอยู่ใต้แชนเดอเลียร์อันใหญ่ก็ยิ่งดูระยิบระยับงดงามจับตา หล่อนกำลังโยกย้ายส่ายสะโพกในดนตรีจังหวะแทงโก้อยู่กลางฟลอร์กับชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง แพรพิไลจึงรีบ
“รชตครับ เรียกผมอาร์ตก็ได้”เธอหันมามองเขาก่อนพยักหน้าขึ้นลงไปมา“ค่ะคุณอาร์ต แล้วเจอกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่อุตส่าห์สอน” แพรพิไลโค้งขอบคุณเขาอย่างสุภาพชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแล้วปล่อยให้เธอเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม ขณะที่หัวใจของเขากลับห่อเหี่ยวแปลกๆเธอจดจำเขาไม่ได้เลยหรือนี่......‘ขโมย!’เสียงเล็ก ๆ ใส ๆ ของเด็กหญิงคนหนึ่งปลุกให้เขาตื่นจากความหลับใหลทันที เขาก้มลงมองที่โคนต้นไม้ เห็นเพียงเด็กหญิงผมเปียในชุดพละกำลังปีนป่ายขึ้นมาทางเขาอย่างคล่องแคล่วราวกับลิงเขาย่นหัวคิ้วเข้าหากัน ตามองร่างผอมบางของเด็กหญิงที่ปีนขึ้นมานั่งอยู่บนกิ่งไม้ตรงข้ามกับเขาได้เป็นผลสำเร็จ ครั้นพอเธอนั่งได้นิ่งดีแล้ว เจ้าตัวก็ตวัดตามองเขาอย่างขุ่นเคือง‘เป็นถึงพี่มอหกแล้วทำไมริอ่านเป็นขโมย’ ไม่พูดเปล่า เธอกลับชี้หน้าเขาด้วย...กล้าไม่เบา‘นี่ยายเปี๊ยก พี่ไปขโมยของเราตั้งแต่เมื่อไร’ เขาพูดกลั้วหัวเราะ ในขณะที่คนกล่าวหาเขาทำหน้าตายแบมือออกข้างตัวแล้ววาดเป็นรูปครึ่งวงกลม&lsqu
แพรพิไลพยายามลอบมองครองขวัญว่าเจ้าตัวมีปฏิสัมพันธ์กับใครบ้าง แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไร สายตาของเธอจึงมักตามติดรชตอยู่หลายครั้ง และเกือบทุกครั้งเขาก็มักมองเธออยู่ก่อนแล้วด้วยหญิงสาวไม่มีโอกาสรู้เลยว่ารชตนั้นพยายามบ่ายเบี่ยงครองขวัญกับอรอินอยู่หลายครั้งเพราะเขาอยากมาอยู่ใกล้กับเธอมากกว่า แต่สาวไฟแรงทั้งสองก็เกาะหนึบยิ่งกว่าปลิง ทุกครั้งที่เพลงจบแล้วเขาทำท่าจะผละออก อีกฝ่ายก็จะกอดเขาแน่นจนเนื้อตัวแทบจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกัน...แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นแพรพิไล เธอจะกอดเขาไว้ทั้งคืนเขาก็ไม่ว่าในที่สุดเพลงก็จบลงเสียที เขาต้องหันไปส่งสัญญาณให้กริชกับปารุส ผู้ช่วยของเขาให้เข้ามาช่วย หนึ่งในนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับค้อมศีรษะให้เล็กน้อยก่อนพูด“คุณอาร์ตครับ มีสายด่วนจากคุณโอมครับ”อา...น่าขึ้นเงินเดือนให้เสียจริง“ผมต้องขอตัวก่อนนะครับคุณอิน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ”เขาหันไปบอกกับอรอิน นักธุรกิจสาวไฟแรงสูงที่เคยเป็นคู่ขาของพชร พี่ชายเขากับภีมพล เพื่อนพี่ชายมาก่อน“หืม นานไหมคะ อินไม่อยากเต้นกับคนอื่นเลยนอกจากคุณอาร์ตคนเดียว&rdq
แพรพิไลนั่งนวดขมับเพื่อขับไล่อาการปวดศีรษะเพราะเมื่อคืนดื่มไปไม่น้อย วันนี้เธอยกหน้าที่ติดตามครองขวัญให้เจติยาไปทำแทนเนื่องจากว่าต้องรวบรวมภาพถ่ายและคลิปทั้งหมดที่ถ่ายได้มาเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ อีกทั้งต้องมาเซ็นเอกสารหลายฉบับที่เกี่ยวกับบริษัทด้วยเพราะตลอดสองวันที่เธอไม่อยู่ มีการว่าจ้างเกี่ยวกับคดีชู้สาวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคดี“ไม่คิดจะมีคดีอื่นบ้างเลยรึไงเนี่ย วัน ๆ มีแต่เรื่องติดตามชู้ เฮ้อ...”หญิงสาวเปิดลิ้นชักหยิบยาแก้ปวดขึ้นมาสองเม็ด จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับตาลง กะไว้ว่าจะพักสายตาสักครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยมานั่งดูรูปอีกครั้งหนึ่งใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มละลายใจของใครบางคนผุดวาบขึ้นมาในห้วงความคิด เมื่อคืนหลังจากที่โยนหินถามทางเรื่องเขาเป็นผู้ชายขายบริการไป คราแรกนึกว่ารชตจะปฏิเสธเสียงแข็ง แต่กลับกลายเป็นว่าเขายอมรับแต่โดยดี หนำซ้ำยังถามย้ำอยู่บ่อยครั้งด้วยว่าตกลงเธอจะรับอุปการะเขาหรือเปล่าข้าวสามมื้อกับเซ็กซ์ก่อนนอนทุกคืน...บ้าแล้ว! นี่เขาไม่คิดจะไปให้บริการผู้หญิงคนอื่นบ้างเลยหรือไร จู่ ๆ จะมาเกาะติดแต่
‘เข็มขัดลูกเสือมั้ง’เมื่อได้ยินเขายอกย้อนมาอย่างกวนประสาท แพรพิไลก็ทำหน้ายู่ใส่‘พี่อาร์ต! ยังจะอุตส่าห์กวนอีกนะ แพรหมายถึงว่าเอามาให้แพรดูทำไม’ เธอไม่กล้ายื่นมือออกไปรับ เพราะไม่แน่ใจว่าเขาซื้อมาให้เธอ หรือซื้อให้คนอื่นแล้วแค่เอามาให้เธอดูเพื่อขอความเห็นเฉยๆ‘พี่ไม่ได้เอามาให้แพรดู แต่ซื้อมาให้แพรใส่ต่างหากละ พี่จะใส่ให้แพรนั่งนิ่ง ๆ นะเดี๋ยวตกต้นไม้’ เขาไม่รอให้เธอตอบรับหรือปฏิเสธ รีบยื่นมือไปที่ท้ายทอยของสาวน้อยตรงหน้าเพื่อสวมสร้อยให้ทันที ติดตะขอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ผละออกมาดูของขวัญที่ตนอุตส่าห์เก็บหอมรอมริบจากเงินรายเดือนไปซื้อมาให้‘นึกยังไงถึงซื้อมาให้แพรล่ะ พี่ไม่ได้ล้อเล้นใช่ไหม’ แม้สร้อยเงินเส้นนี้จะถูกสวมอยู่ที่คอ แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่กล้าทึกทักเอาเองว่าเขาซื้อมาให้อยู่ดีก็ใครจะเชื่อเล่าว่าหนุ่มฮอตประจำโรงเรียนจะซื้อของขวัญมาให้เด็กมัธยมต้นอย่างเธอ‘เดือนหน้าพวกเราก็ต้องสอบปลายภาคและปิดเทอมใหญ่กันแล้วนะ พี่ก็ต้องไปในเรียนมหา’ลัย แพรก็ขึ้นม.ปลาย แล้ว เราอาจไม่ค่อยได้เจอก
“พี่ขอดูคลิปนั่นหน่อย แพรบอกว่าคนบงการเบื้องหลังก็อยู่ในคลิปนั่นด้วยใช่ไหม”เขาคิดว่าบิดาของแพรพิไลคงตามเรื่องสมาคมหน้ากากเช่นกัน และน่าจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังอะไรหลายอย่างด้วย และที่สำคัญคงรู้แล้วว่าใครคือผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังแพรพิไลเปิดคลิปวิดีโอที่ว่า “พี่อาร์ตลองช่วยแพรดูหน่อยค่ะ เพราะเท่าที่แพรดู แพรไม่เห็นว่าคุณพ่อจะถ่ายใครมาเป็นพิเศษเลย” หญิงสาวลุกขึ้นไปหยิบเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้าง ๆในห้องพักขนาดห้าสิบตารางเมตรย่านใจกลางเมือง ชายสูงโปร่งคนหนึ่งกำลังลุกลี้ลุกลนยัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ บนพื้นห้องมีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัววางระเกะระกะ แต่ผู้เป็นเจ้าของกลับไม่ได้สนใจเท่าไรนัก ที่เขาสนใจมีเพียงเอกสารสำคัญและของมีค่าที่สู้อุตส่าห์แลกมาด้วยแรงกายและความเสี่ยง เพราะอย่างน้อยสร้อยแหวนนาฬิการาคาแพงเหล่านี้ก็สามารถนำไปจำนำหรือขายต่อได้ในวันที่เขาสิ้นไร้ไม้ตอกชาคริตดูนาฬิกาข้อมือแล้วเม้มปากแน่น อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัด ซึ่งจะมีคนพาเขาหนีไปกบดานที่ประเทศเพื่อนบ้านสักระยะหนึ่ง เพื่อรอจนกว่าเ
รชตจอดรถไว้ริมกำแพงบ้านของแพรพิไล ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นรถยนต์ของหญิงสาวยังคงจอดไว้หน้าบ้านเหมือนเมื่อตอนที่เขาออกไปตอนกลางดึก ก็แสดงว่าเธอยังไม่ได้ออกไปไหน แพรพิไลบอกเขาว่าวันนี้จะทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ ป่านนี้เจ้าตัวคงกำลังหัวฟูอยู่กับการปัดกวาดเช็ดถูบ้านเป็นแน่ เพราะเขาโทร. หาหลายครั้งแล้วแต่เธอก็ไม่รับสายชายหนุ่มสาวเท้าไปยืนที่หน้าประตูรั้ว คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อรู้สึกว่าภายในบ้านเงียบผิดปกติ ตามหลักแล้วเขาควรจะได้ยินเสียงโทรทัศน์หรือเสียงเพลงดังออกมาจากบ้านบ้างแต่นี่กลับไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาเลย“ตกลงอยู่หรือไม่อยู่เนี่ย” พูดพลางเพ่งมองเข้าไปในบ้านอีกครั้งก่อนก้มลงมองกุญแจที่คล้องไว้จากด้านใน จะกดออดก็ไม่ได้เพราะออดเสียยังไม่ได้ซ่อม สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาหญิงสาวเจ้าของบ้านอีกครั้ง ทว่าก็ยังไม่มีคนรับสายเหมือนเดิมเอาไงดี...รชตเริ่มร้อนใจ ยิ่งนึกถึงเรื่องที่คุยกับสารวัตรจุมพลก็ยิ่งเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นกับเธอหรือเปล่า คิดได้ดังนั้นเขาก็มองซ้ายมองขวา จากนั้นก็เริ่มลงมือปีนรั้ว!&nbs
และที่น่าแปลกใจก็คือสมาชิกที่เข้าร่วมในลัทธินี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนในแวดวงสังคมชั้นสูงทั้งสิ้น กว่าฌอนจะไขคดีนี้จนติดตามมาถึงสถานที่บูชายัญได้นั้นต้องใช้เวลาเกือบปีเพราะอุปสรรคนานัปการที่คอยขัดขวางไม่ให้เขาสืบคดีได้สำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อุปสรรคเรื่องบุคคลผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลายแหล่ที่เป็นสมาชิกของลัทธินี้นั่นเองช่างคล้ายคลึงกับเรื่องสมาคมหน้ากากเหลือเกิน!หญิงสาวหยิบกระดาษขึ้นมาดูตัวเลขอีกครั้ง เมื่อเห็นตัวเลขที่เรียงกันสมองก็พลันคิดไปถึงเกมที่บิดาเคยสอนให้เล่นบ่อย ๆ เมื่อตอนเป็นเด็กเวลาที่เธอกลับจากโรงเรียนแล้วนั่งรอบิดาอยู่ที่สำนักงาน หลังจากทำการบ้านเสร็จแล้วไม่มีอะไรทำท่านจึงคิดเกมนี้ขึ้นมาให้เล่นฆ่าเวลาระหว่างรอเกมที่ว่านั่นก็คือเกมถอดรหัสตัวหนังสือจากตัวเลขในกระดาษตัวเลขแถวแรกคือเลขหน้าของหนังสือ ตัวเลขแถวที่สองคือลำดับของคำที่อยู่ในแต่ละบรรทัด เช่นแถวแรกคือเลขหนึ่งก็หมายถึงให้เปิดหน้าที่หนึ่ง ตัวเลขแถวที่สองคือสิบสามก็หมายถึงให้นับคำไปจนถึงคำที่สิบสาม ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะได้ประโยคหรือเนื้อหาที่ต้องการแพรพิไลเปิดหนังสือเล่มที่สอง ซึ่งเล
หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงแล้วบิดขี้เกียจไปมาอยู่สองสามครั้งก่อนจะพับผ้าห่มเก็บไว้ปลายเตียง หยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นมาปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเดินไปเปิดหน้าต่างรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเสียงข้อความจากโทรศัพท์ดังขึ้น แพรพิไลคลี่ยิ้มออกมาทันทีเพราะไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใครเป็นผู้ส่งมา ร่างโปร่งระหงเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอ่าน รอยยิ้มที่กว้างอยู่แล้วก็ยิ่งกว้างขึ้นกว่าเดิมอรุณสวัสดิ์ครับตัวแสบ อย่าลืมหาอะไรกินด้วยนะ พี่ไม่อยู่ไม่ใช่ว่านอนอุตุจนตะวันแยงก้นล่ะ“อะไรกัน ได้นอนบ้างรึยังละนั่น” เมื่อคืนรชตออกจากบ้านไปตอนเที่ยงคืนกว่า เธอเดาว่าป่านนี้เขาคงยังไม่ได้นอนเลยสักนิดกระมังหญิงสาววางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนเดินเข้าไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ วันนี้มีอะไรมากมายหลายอย่างที่ต้องทำ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการปัดฝุ่นทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ เพราะตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอกเธอก็ไม่เคยทำเลยสักครั้ง ป่านนี้บิดาที่อยู่บนสวรรค์คงกำลังนั่งบ่นลูกสาวจอมขี้เกียจอย่างเธอเป็นแน่แพรพิไลจัดการอาหารเช้าให้ตัวเองอย่างง่าย ๆ เพราะรชตสั่งนักสั่งหนาว่ามื้อเช้าสำคัญท
เสียงภาพยนตร์ต่างประเทศดังกระหึ่มอยู่ในห้องรับแขกโดยมีสองร่างกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน ทว่าคนที่จดจ่ออยู่กับหน้าจอสี่เหลี่ยมดูเหมือนจะเป็นชายหนุ่มเท่านั้น เพราะหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกันคอยแต่มองนาฬิกาอยู่ตลอด“คืนนี้มีมีตติงใช่ไหมคะพี่อาร์ต” แพรพิไลมองนาฬิกาติดผนัง สีหน้าแววตาคาดหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้ออกภาคสนามที่สมาคมหน้ากากอีกครั้ง“ใช่ และคืนนี้เขาจะบุกค้นที่นั่นแล้วด้วย อยู่บ้านเฉย ๆ ไปนั่นแหละดีแล้ว อย่าซ่าให้มากนักเลย” พูดจบรชตก็ล้มตัวลงหนอนหนุนตักนิ่ม ๆ ของหญิงสาวพร้อมกับคว้าแขนของเธอมากอดเอาไว้แน่น“แพรยังไม่ได้พูดสักหน่อยว่าอยากจะไป ก็แค่ถามเท่านั้นเอง”แพรพิไลโอดเสียงอ่อยก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ ๆ รชตก็กัดต้นขาเธอเบา ๆ “พี่อาร์ต! ทำอะไรน่ะ”“ลงโทษคนปากไม่ตรงกับใจ แล้วการที่นั่งมองนาฬิกาตลอดเวลาจนหนังแทบไม่ได้ดูนั่นยังจะเรียกว่าไม่คิดอยากไปรึไงยายตัวแสบ” เขาดีดหน้าผากเธอเบา ๆ ก่อนพูดขึ้นว่า“คืนนี้พี่จะนอนเฝ้าแพรทั้งคืนเลย”แ
“อย่ามาเหมายกเข่งกันแบบนี้สิ” ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือพลางพูด“พี่จะเข้าไปออฟฟิศสักหน่อย แล้วก็คงเลยไปที่คลับด้วยเลยทีเดียว จะพยายามไม่กลับดึกมากนะ”รชตมองหน้าเธอครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจจะให้เธอติดตามเขาไปด้วย เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่กล้าทิ้งเธอไว้ที่นี่ตามลำพัง แม้ว่าทางตำรวจจะส่งเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลให้ก็ตาม แต่กระนั้นเขาก็ไม่อยากวางใจ“พี่ว่าแพรไปกับพี่ดีกว่า พี่จะแนะนำพี่ชายกับพี่สะใภ้ให้รู้จักด้วย”แพรพิไลส่ายหน้าหวือ เพราะเธอมีแผนอยู่ในใจแล้ว“อย่าเพิ่งดีกว่าค่ะ วันนี้แพรกะว่าจะเข้าไปที่สำนักงานเหมือนกัน เอาเป็นว่าแพรจะอยู่รอพี่สำนักงานดีกว่า”“ตามใจ”หญิงสาววิ่งขึ้นไปหยิบกระเป๋าสะพายซึ่งในนั้นมีฮาร์ดดิสก์ที่รชตคืนมาให้ เพื่อพกติดตัวไปด้วยตลอดเวลา เพราะกลัวว่ามันจะถูกขโมยไป อีกทั้งกะว่าจะนำข้อมูลในนี้ก๊อปปี้สำรองไว้อีกชุดหนึ่งแล้วฝากให้รชตเก็บเอาไว้รชตเดินเข้ามาในคลับเฮราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มดังเช่นทุกครั้ง ลูกค้าวีไอพีส่วนใหญ่ซึ่งพอเห็นเ
“อ้าว คุณรุสไปแล้วหรือ ตื่นเช้าจังแฮะ”หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เมื่อเปิดประตูบ้านแล้วไม่เห็นรองเท้าของปารุสถอดไว้ที่หน้าประตู อีกทั้งรั้วบ้านไม่มีกุญแจคล้องไว้ เพราะปารุสนำมาวางไว้ให้บนโต๊ะในห้องรับแขกแล้ว เขาล็อกแค่ประตูบ้านให้ก่อนออกไปจากที่นี่แพรพิไลเดินย้อนกลับเข้าไปในครัวเพื่อหุงข้าวและทำอาหารง่าย ๆ ไว้อย่างไข่เจียวหมูสับกับแกงจืดเต้าหู้ เพราะเป็นอาหารที่ทำง่ายและเสร็จเร็วที่สุดไม่เกินหนึ่งชั่วโมงอาหารทุกอย่างก็เสร็จสิ้นและถูกวางเตรียมไว้บนโต๊ะกินข้าว แพรพิไลมองอาหารง่าย ๆ พื้น ๆ ที่นานทีปีหนจะทำกินเองสักครั้งหนึ่งด้วยสายตาภาคภูมิใจ เพราะตั้งแต่ใช้ชีวิตตัวคนเดียวเธอก็ใช้บริการร้านข้าวราดแกงหรือร้านอาหารตามสั่งทั่วไปมาตลอดทว่าพอมีรชตมาอยู่ร่วมบ้าน แม้จะแค่ชั่วคราวแต่เธอก็ไม่อยากให้เขามองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หาความเป็นแม่บ้านแม่เรือนไม่ได้ พอเห็นผลงานที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก็ให้รู้สึกปลื้มใจที่ถึงแม้จะเป็นอาหารพื้น ๆ ทั่วไป แต่รสชาติก็จัดว่าอร่อยไม่แพ้ร้านอาหารที่เธอไปกินเป็นประจำเลยทีเดียว“น่ากินจังที่รัก” เสียงทุ้มคุ
หญิงสาวเสียบเครื่องอ่านเม็มโมรีการ์ดเข้ากับโน้ตบุ๊กก่อนเป็นอันดับแรก เพราะอยากเห็นหน้าคนที่ลอบเข้ามาขโมยของในบ้าน จากนั้นก็เปิดโปรแกรมสำหรับดูภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกได้จากโทรศัพท์มือถือไม่นานนัก สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาก็คือผู้ชายสามคนที่มีความสูงไล่เลี่ยกัน ทั้งสามคนนั้นสวมเสื้อกับกางเกงสีดำเหมือนกันหมด รวมทั้งหมวกไหมพรมที่สวมปิดหน้าและถุงมือสีดำด้วยเช่นกัน“ดูนี่สิแพร” รชตชี้ให้ดูชายคนหนึ่งซึ่งทันทีที่เข้ามาในห้องก็ตรงดิ่งมายังโต๊ะทำงานทันทีโดยไม่แวะตรงจุดอื่น ขณะที่อีกสองคนเข้าไปรื้อค้นเอกสารแบบลวก ๆ แล้วเอามาโยนลงบนพื้นเหมือนต้องการเก็บงำร่องรอยอย่างที่คาดไว้ตั้งแต่แรกหัวคิ้วของแพรพิไลขมวดเป็นปมเมื่อดูภาพที่บันทึกไว้ได้ แสดงให้เห็นแล้วว่าคนกลุ่มนี้รู้จักบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าบิดาของเธอเก็บของสำคัญไว้ที่ไหน“คนพวกนี้รู้จักกับคุณพ่อของแพร และที่สำคัญก็คือต้องเคยมาบ้านหลังนี้แน่นอน แพรมั่นใจ” หญิงสาวหยุดพูดไปเมื่อภาพที่บันทึกไว้มาถึงตอนที่คนร้ายงัดลิ้นชักและเอาโน้ตบุ๊กออกมาได้สำเร็จจากนั้นหนึ่งในสามคนร้าย