ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่คาดคิดว่าฟู่สือถิงจะอยู่ข้าง ๆ เธอ ดังนั้นเธอจึงตกตะลึงไปพักหนึ่งฉินอันอันก็ใจเย็นลงเช่นกัน : คุณบอกว่าคุณเป็นลูกพี่ลูกน้องของถังเชี่ยน ทำไมฉันต้องเชื่อคุณด้วย?ลูกพี่ลูกน้องของถังเชี่ยน : ฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องของถังเชี่ยน! ฉันชื่อจางจื่ออิ๋ง ถ้าไม่เชื่อก็โทรไปถามลูกพี่ลูกน้องฉันได้เลย! เธอมีเบอร์ลูกพี่ลูกน้องของฉันไหม?ฉินอันอัน : ไม่มี ส่งเบอร์ของเธอมาให้ฉันสิฉินอันอันมีเบอร์โทรของถังเชี่ยน แต่เธอพูดแบบนี้เพราะเธออยากรู้ว่าอีกฝ่ายโกหกหรือไม่ลูกพี่ลูกน้องของถังเชี่ยนส่งหมายเลขมาชุดหนึ่งหลังจากตรวจสอบแล้ว ฉินอันอันยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายรู้จักถังเชี่ยนจริง ๆจู่ ๆ หัวใจของฉินอันอันก็เย็นเยียบลงถ้าเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของ ถังเชี่ยนจริง ๆ สิ่งที่เธอพูดอาจเป็นเรื่องจริงใช่รึเปล่า?เธอรู้สึกเวียนหัวทันที และขมับของเธอก็ปวดขึ้นมา!ฟู่สือถิงอยู่กับเธอและลูก ๆ ทุกวัน เขากับถังเชี่ยนไม่มีปฏิสัมพันธ์อะไรต่อกันเลย แล้วจู่ ๆ เขาจะมาแต่งงานกับถังเชี่ยนได้อย่างไร?หากเขาจะแต่งงานกับถังเชี่ยน ตอนนี้เขาควรจะอยู่ข้างกายถังเชี่ยนไปแล้วถึงจะถูก!ถังเชี่ยน... ถังเชี่ยนเสียโ
จริงอยู่ที่ว่าบริษัทหลักทรัพย์ซิ่นเหอเป็นบริษัทที่ร่ำรวย แต่บริษัทของเธอก็ไม่ใช่บริษัทเส็งเคร็ง! ถ้าฟู่สือถิงให้ความสำคัญกับเรื่องผลประโยชน์เป็นอันดับแรก เขาคงไม่ใช้จ่ายเงินจำนวนมากกับเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับเธอมากมายขนาดนั้น เธอเชื่อว่า ถ้าเขาอยากทำ เขาก็จะไปทำความรู้จักกับเศรษฐินีระดับโลกเพื่อก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแน่นอน แต่เขาไม่เคยทำ และตอนนี้ยิ่งไม่มีเหตุผลที่เขาจะขายตัวเองเพื่อบริษัทหลักทรัพย์ซิ่นเหอ เธอรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่ามีบางอย่างที่น่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเธอจึงเช็ดน้ำตาและวางแผนที่จะหาโอกาสพูดคุยกับฟู่สือถิง เมื่อเธอตื่นขึ้นมาเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ฟู่สือถิงลุกขึ้น เขาก็ยืนอยู่ข้างเตียงและมองลงไปที่ใบหน้าที่กำลังหลับใหลของฉินอันอันเขาอยากปลุกเธอ แต่เขาก็ทำใจไม่ได้ วันนี้เขาต้องกลับประเทศแล้ว ถังเฉียวเซินส่งข้อความถึงเขาโดยบอกว่าตระกูลถังได้เตรียมงานแต่งงานทั้งหมดแล้วและเตือนว่าถ้าเขาไม่เปิดเผยข่าวการแต่งงานต่อสาธารณะ ตระกูลถังก็จะเปิดเผยเรื่องนี้เองเขาไม่ยอมให้ตระกูลถังเปิดเผยต่อสาธารณะแน่ถ้าหากฉินอันอันได
เขามองใบหน้าที่ดื้อดึงของเธอก็แน่ใจแล้วว่าเธอต้องรู้เรื่องของเขากับถังเชี่ยนแล้ว ตอนที่พวกเขาออกไปเที่ยวเมื่อวาน เธอยังดีมากอยู่เลย ถ้าเธอรู้เรื่องเมื่อวานนี้ เธอคงไม่พาเขาไปถ่ายรูปครอบครัวอย่างมีความสุข ดูเหมือนหลังจากที่เขาหลับจะมีคนพูดอะไรบางอย่างกับเธอ“งั้นผมค่อยไปพรุ่งนี้แล้วกัน” เขาไม่รู้จะตอบคำถามของเธอยังไงทำได้เพียงตามน้ำไป เขายอมไปพรุ่งนี้แต่ไม่อยากบอกเธอรายละเอียดว่าเขาจะกลับไปทำอะไร เธอปล่อยมือเขาโดยที่สายตายังมองเขาอยู่แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ฟู่สือถิง คุณคบกับถังเชี่ยนตั้งแต่เมื่อไหร่?” เขาตอบตามจริง “ผมไม่ได้เจอเธอนานแล้ว” ความหมายอีกนัยหนึ่งก็คือเขาไม่ได้คบกับเธอ “โอ้…หลังจากที่เธอได้รับบาดเจ็บ คุณไม่ได้เจอเธอเลยเหรอ?” “ไม่เลย” เขาหลุบศีรษะลงเล็กน้อย การจ้องมองของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนได้รับการลงโทษที่รุนแรงที่สุด “งั้นคุณชอบเธอหรือเปล่า? เคยชอบเธอไหมทั้งเมื่อก่อนและตอนนี้? คุณตอบฉันสิ!” มือของเธอจับผ้าห่มไว้แน่น แต่กลับไม่สามารถควบคุมตัวที่สั่นเทาเล็กน้อยได้ “ไม่เคย” เสียงของเขาคมชัดและเด็ดขาด เขาไม่เคยชอบถังเชี่ยน แม้แต่ก่อนที่เขาจะพบเธอก็ไม่เค
ลูกสาวจะผิดหวังขนาดไหนหากรู้ว่าพ่อของเธอกำลังจะกลับไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่น! และถ้าเสี่ยวหานรู้เรื่องนี้จะต้องเกลียดเขายิ่งขึ้นแน่นอนเขาทำสิ่งนี้เพื่อผลประโยชน์จริงเหรอ? แต่ถ้าไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์แล้วทำเพื่ออะไร? เขาให้คำตอบจากปากของเขาแล้วว่าเขาไม่ได้รักถังเชี่ยน เงินสำคัญกว่าความรักของพวกเขาและลูก ๆ ทั้งสามคนเลยเหรอ? เธอไม่เข้าใจการเลือกของฟู่สือถิง เห็น ๆ อยู่ว่าเขาสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง และหาได้มากด้วย บริษัทของเธอเองก็ทำเงินมาตลอด เขาต้องการเงินมากเท่าไหร่ถึงจะพอใจ? น้ำตาไหลออกมาจากหางตาของเธอจนหมอนเปียกโชก ด้านนอกประตูไม่มีเสียงอะไรแล้ว เธอพลิกตัวมองเพดานแล้วร้องไห้เงียบ ๆ ที่ชั้นล่าง หลังจากกินข้าวเช้าแล้ว ฟู่สือถิงอุ้มจื่อชิวไว้ในอ้อมแขน จื่อชิวลืมตาสีดำโตจ้องหน้าพ่อเงียบ ๆ ไม่รู้ว่าในหัวเล็ก ๆ กำลังคิดอะไร ฟู่สือถิงมองหน้าลูกชายพร้อมรอยยิ้ม ในใจกลับคิดว่า ‘ตอนนี้พ่อกอดหนูไว้ แต่ไม่รู้ว่าจะได้กอดอีกครั้งเมื่อไหร่’ “คุณผู้ชาย เที่ยวบินของคุณกี่โมงเหรอคะ? ดิฉันจะไปจัดกระเป๋าให้ก่อน!” ป้าจางกล่าว ฟู่สือถิงคิดถึงฉินอันอันที่กำลังร้องไห้อยู่ในห้องและรีบต
เธอไม่เคยเชื่อในโชคชะตาเลย ถึงแม้พระเจ้าต้องการยับยั้งเธอ เธอไม่มีทางยอมแพ้เธอเปิดประตูรถ ลมหนาวพัดมา เธอย่ำลงไปในหิมะอย่างไม่ลังเล! เธอวิ่งตะบึงไปทางสนามบิน! เธอต้องการข้อสรุป เธอไม่อยากให้เขาไปแบบนี้!ที่สนามบิน ในห้องรับรองวีไอพี ฟู่สือถิงยกข้อมือขึ้นดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ ตั๋วของเขาคือบ่ายโมง เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงก่อนเครื่องจะขึ้นเขายืนอยู่ข้างหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน มองดูหิมะตกหนักที่กำลังตกอยู่ข้างนอก หัวใจของเขาเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งหากมีวิธีอื่น เขาไม่มีทางทำเรื่องที่เป็นการทำร้ายเธอและลูกเด็ดขาดการโหดร้ายกับเธอและลูกคือการโหดร้ายกับตัวเอง มีแต่ทำให้เขาเจ็บปวดมากกว่าพวกเขาตอนนี้ในมือถังเฉียวเซินกำจุดอ่อนของเขาเอาไว้แล้วบังคับให้เขาแต่งงานกับถังเชี่ยน เขาไม่มีทางเลือก ถ้าหากเขาสดงละครในฉากนี้ได้ไม่ดี ในอนาคตก็จะเจ็บปวดไม่มีวันจบเขาไม่ต้องการให้ลูกทั้งสามของเขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากเรื่องอื้อฉาวของเขาและเขาไม่อยากให้ฉินอันอันรู้เรื่องนี้เช่นกันชื่อเสียงของเขาเสียหายได้ และเขาไม่สนสายตาของใครเลยก็ได้เช่นกัน แต่ว่าเขาใส่ใจฉินอันอัน ถ้าไม่มีฉินอ
หลังจากที่เธอพูดจบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เข้ามาเตือนฟู่สือถิงให้รีบขึ้นเครื่อง“อันอัน ผมต้องกลับไปแก้ไขเรื่องภายใน คุณให้เวลาผมหน่อยนะ…” “ไม่ให้! ถ้าฉันให้เวลาคุณ คุณจะไปแต่งงานกับถังเชี่ยน! ฟู่สือถิง ฉันยอมรับเรื่องที่คุณจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นไม่ได้! ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นถังเชี่ยนหรือใครก็ตาม! ถ้าเจ้าสาวไม่ใช่ฉัน ก็ไม่ได้!” เธอกัดฟันแล้วพูดว่า “ถ้าวันนี้คุณกล้าจากไปจากฉัน คุณไม่มีวันได้เจอฉันอีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเจอลูกเลย!” เมื่อขอร้องอย่างถ่อมตัวก็ไร้ผล เหลือเพียงต้องข่มขู่เขาเท่านั้น หากตระกูลถังใช้อะไรบางอย่างเพื่อข่มขู่เขาหรือชักจูงเขาได้ เธอก็อาจขู่เขาได้เหมือนกัน!เธอไม่เชื่อว่าเบี้ยที่เธอใช้ต่อรองจะแย่กว่าของตระกูลถัง ดวงตาของเขาแดงก่ำและในดวงตามีน้ำตาเอ่อล้น เขามองดูเธอด้วยสีหน้าเจ็บปวดเธอเห็นเขาจากพยายามทำใจให้สงบไปจนถึงน้ำตาคลอในชั่วพริบตาเดียว เธอไม่อยากบีบคั้นให้เขาร้องไห้ เธอไม่อยากทำให้เขาเดือดร้อนแบบนี้ แต่เธอทนไม่ได้ที่เขาแต่งงานกับถังเชี่ยน “ฟู่สือถิง ถ้าตอนนี้เปลี่ยนเป็นฉันจะไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น คุณใจร้ายขนาดนี้ไม่สนใจกันแบบนี้ไ
ตอนเย็น ในที่สุดฉินอันอันก็เดินกลับมาถึงบ้าน วันนี้อากาศไม่ดี ท้องฟ้ามืดเร็วกว่าเดิมป้าจางตกใจมากเมื่อเห็นท่าทางที่ไร้วิญญาณและเปียกโชกของเธอ“อันอัน คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?” ป้าจางจับมือของเธอ “คุณทำใจไม่ได้ที่คุณผู้ชายไปแล้วเหรอคะ? คุณอย่าทำแบบนี้เลย คุณอยากกลับประเทศตอนไหนก็ได้!” ฉินอันอันส่ายหัว ถามเสียงแหบพร่า “เด็ก ๆ ล่ะคะ?” “จื่อชิวกำลังหลับค่ะ รุ่ยลากับเสี่ยวหานไปอาบน้ำแล้ว พวกเขาเพิ่งเล่นปั้นตุ๊กตาหิมะที่สนามหน้าบ้าน เสื้อผ้าเปียกหมดแล้ว” ป้าจางกล่าว “อันอัน ผมกับชุดของคุณเปียกหมดแล้ว คุณไปอาบน้ำอุ่นก่อนเถอะค่ะ! ให้ดิฉันช่วยไหมคะ?” เธอส่ายหน้าแล้วหมุนตัวเดินกลับไปทางห้อง ป้าจางเดินตามเธออย่างไม่สบายใจ“อีกอย่าง ต่อจากนี้อย่าพูดชื่อฟู่สือถิงต่อหน้าพวกเด็ก ๆ อีกนะคะ” เธอหยุดเดิน มองไปทางป้าจาง “ฉันเลิกกับเขาแล้วค่ะ ป้าจางกับป้าหงเป็นคนของเขา…” เธอพูดคำต่อไปออกมาไม่ไหว เธออยากขอให้ป้าจางกับป้าหงกลับไปอยู่กับฟู่สือถิง เธอเลิกกับฟู่สือถิงแล้ว ไม่สามารถใช้คนรับใช้ของเขาได้อีกต่อไป ป้าจางมีสีหน้าซีดเผือดและไม่อาจยอมรับผลลัพธ์นี้ได้ “อันอัน เรื่องนี้กะทันหันเกินไ
ตอนนี้เธอกำลังจะไปที่ห้องของฉินอันอันเพื่อเอากระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงออกมาให้ป้าหง พิจารณาแล้วว่าฉินอันอันต้องไม่อยากเห็นกระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงแน่นอน แทนที่จะถูกโยนทิ้ง สู้ให้ป้าหงเอาไปดีกว่า หลังจากที่ป้าจางเคาะประตู เธอก็เปิดประตูและเข้าไปในห้อง“อันอัน ดิฉันลาออกกับคุณผู้ชายแล้วนะคะ” ป้าจางเดินมาที่เตียงแล้วเห็นฉินอันอันนอนลืมตาอยู่จึงพูดต่อ “ดิฉันมาเอากระเป๋าเดินทางของคุณผู้ชายให้ป้าหงเอากลับไปด้วย” ฉินอันอันสีหน้าท่าทางซีดเซียว แต่ว่าน้ำเสียงนั้นหนักแน่น “ในเมื่อลาออกแล้ว ต่อจากนี้ป้าจางอย่าติดต่อกับเขาอีกและอย่าส่งรูปจื่อชิวให้เขาด้วยนะคะ” “ตกลงค่ะ” “ฉันเก็บข้าวของเขาเรียบร้อยแล้วค่ะ กระเป๋าเดินทางของเขาอยู่ข้างโต๊ะทำงาน” ฉินอันอันไข้ขึ้นเมื่อคืน เธอเห็นกระเป๋าเดินทางของฟู่สือถิงหลังจากที่ลุกขึ้นมากินยาลดไข้ เธอจึงเก็บข้าวของทั้งหมดของเขาใส่ลงไป“อันอัน สีหน้าคุณไม่ค่อยดี คุณนอนต่ออีกหน่อยเถอะค่ะ!” หลังจากที่ป้าจางพูดจบก็รีบลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องหลังจากส่งป้าหงไปแล้ว ป้าจางก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงกดหมายเลขของไมค์แล้วขอให้ไมค์โทรหาหลีเสี่ยวเถียนไมค์พู
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง