ราวกับฟู่เย่เฉินกำลังฟังนิทานอยู่ เขาฟังแล้วมีสีหน้ามึนงงและประหลาดใจ “งั้นอาของผมป่วยทางจิตจริง ๆ เหรอ?” ฟู่ฮั่นคิ้วขมวดและถอนหายใจ “ความเจ็บป่วยทางจิตมีทั้งเล็กน้อยและรุนแรง ถึงแม้ว่าตอนนั้นอาของแกจะป่วยจริง แต่เขาก็ไม่เคยมีอาการกำเริบอีกในภายหลัง ไม่อย่างนั้นเขาจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ได้ยังไง?” “เขาประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่เขาไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักเลย ฉินอันอันหย่ากับเขาและเธอคลอดลูกหลายคนแต่ไม่ให้ลูกกับเขาเลย พ่อคิดว่าพวกเขาไม่มีความรักต่อกันเลยงั้นเหรอ? ไม่แน่ฉินอันอันอาจรู้อาการป่วยของเขา ดังนั้นเลยไม่อยู่กับเขาไงล่ะครับ!” ฟู่เย่เฉินเดา ฟู่ฮั่นฟังคำพูดเขาแล้วมีท่าทางครุ่นคิด “พ่อครับ ตอนนี้เราไม่เหลืออะไรแล้ว เหมือนสุภาษิตที่ว่า คนเท้าเปล่าไม่กลัวที่จะสวมรองเท้า ถึงเราจะอยู่ฝั่งถังเฉียวเซิน แล้วฟู่สือถิงจะทำอะไรเราได้? ผมไม่ทรัพย์สินอะไรให้เขายึดได้อีกแล้ว!” ฟู่เย่เฉินโกรธจนมีความคิดชั่วร้ายผุดขึ้น “ผมจำเป็นต้องร่วมมือกับถังเฉียวเซิน” ฟู่ฮั่นยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วดื่มจนหมดภายในอึกเดียว “แกบอกเรื่องนี้กับถังเฉียวเซินแล้วยังไงต่อ?” ฟู่ฮั่นขมวดคิ้วแล้วพูด
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นหมายเลขจากข้อความที่ไม่รู้จัก เขาเปิดดูข้อความ ทันใดนั้นเนื้อหาก็ปรากฏขึ้น : อิ๋นอิ๋นจากไปแล้ว ผมทำตามคำขอของเธอ นำเถ้ากระดูกของเธอโปรยลงทะเล ผมขอโทษจริง ๆ ที่สร้างความเจ็บปวดให้คุณ ขอโทษนะครับ ผมจะสละทุกอย่างที่มีในประเทศเป็นการชดใช้ : เว่ยเจินเขากัดฟันแน่น ดวงตาเปียกชุ่มความพยายามทั้งหมดที่เขาทำในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเพื่อสงบอารมณ์ไร้ประโยชน์หลังจากเห็นข้อความนี้!อิ๋นอิ๋นตายแล้ว เธอตายไปแล้วจริง ๆ! เพื่อช่วยจื่อชิว เธอถึงกับยอมสละชีวิตของตัวเอง! เขาปกป้องเธออย่างดีมานานหลายปี ไม่ใช่ให้เธอเป็นถุงเลือดของคนอื่น! กระดูกข้อนิ้วที่จับโทรศัพท์ของเขาเริ่มซีดขาว หลังจากแสงหน้าจอโทรศัพท์มืดลง เขาก็ให้สว่างอีกครั้ง เขาไม่ต้องการยอมรับข่าวร้ายนี้ แต่ข้อความนี้ช่างชัดเจนและทิ่มแทงสายตาเหลือเกิน ประเทศบี หลังจากฉินอันอันกับลูกตั้งหลักได้เรียบร้อยแล้ว เธอก็โทรหาครอบครัวของอวิ๋นโม่ และหวังว่าจะได้พบเขาโดยเร็วที่สุด สมาชิกครอบครัวอวิ๋นโม่บอกว่า เธอสามารถมาพบเขาที่บ้านได้ตลอดเวลา ถ้าเธอมีเวลา ดังนั้นเธอจึงมอบเด็กให้กับป้าจาง แล้วไปบ้านของตระกูลอวิ๋
เธอรู้สึกเสมอว่าอวิ๋นโม่และพ่อของอวิ๋นโม่กับอิ๋นอิ๋นและฟู่สือถิงมีความเชื่อมโยงกันบางอย่าง การเชื่อมโยงนี้ ไม่ใช่การเชื่อมโยงทางสังคม แต่เป็นการเชื่อมโยงทางการแพทย์ เธอสะดุ้งตกใจกับความคิดที่เกิดขึ้นของตัวเอง! ช่วงนี้เธอเหนื่อยเกินไปใช่ไหม? ทำไมเธอถึงคิดฟุ้งซ่านแบบนี้? ประเทศเอและประเทศบีอยู่ห่างกันมากขนาดนี้ ถึงแม้ว่าพ่อของอวิ๋นโม่มาจากประเทศเอ แตก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับตระกูลฟู่ ตระกูลฟู่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยในประเทศเอซึ่งยากที่คนธรรมดาจะเข้าถึงได้ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลที่เศรษฐีจะซับซ้อน แต่ถ้ามีเรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวายจริง ๆ เธอที่อยู่ข้างกายฟู่สือถิงมานานน่าจะได้ยินอะไรบ้าง นอกเหนือจากเรื่องของอิ๋นอิ๋นแล้ว เธอไม่เคยได้ยินเรื่องอื่นเลย รถขับมาจอดที่วิลล่าแล้ว เธอเปิดประตูแล้วลงจากรถ เมื่อเธอลงจากรถ ก็เห็นร่างสวยงามที่ประตู “อันอัน!” ร่างงามนั้นเอ่ยทักทายทันทีที่เห็นเธอ เสียงคุ้นเคยดังขึ้น รอยยิ้มปรากฏบนหน้าฉินอันอัน เป็นหลีเสี่ยวเถียน หลังจากหลีเสี่ยวเถียนออกจากโรงพยาบาล เธอก็มาที่ประเทศบีกับพ่อแม่ของเธอ ครั้งนี้ฉินอันอันพาจื่อชิวมาประเ
ตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาต่อสาธารณะเขาไม่อยากให้เธอถูกรบกวนจากโลกภายนอก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทำแบบนี้ แม้แต่ฉินอันอันก็ยังไม่เข้าใจ เธอรู้สึกว่าเขารังเกียจไอคิวต่ำของอิ๋นอิ๋น ดังนั้นเขาจึงซ่อนเธอเอาไว้ ไม่ให้คนอื่นรู้ เขาไม่เคยรังเกียจอิ๋นอิ๋นเลย ถ้าเขารังเกียจอิ๋นอิ๋นแม้แต่นิดเดียว อิ๋นอิ๋นอาจตายไปนานแล้ว ตอนนี้อิ๋นอิ๋นไม่อยู่แล้ว เขาไม่ต้องกังวลว่ามีคนรบกวนเธอหรือทำร้ายเธออีกต่อไป หลังจากตัดสินใจจัดงานศพให้อิ๋นอิ๋น เขาก็เริ่มจัดการขั้นตอนทั้งหมดด้วยตัวเองหลังจากข่าวแพร่กระจายออกไป เสี่ยวหานจึงบอกไมค์ว่าเขาอยากไปงานศพอิ๋นอิ๋น ไมค์โทรหาโจวจื่ออี้ทันทีและสอบถามว่าเขาไปได้ไหม “เจ้านายของผมเป็นคนร่างรายชื่อแขก ในนั้นไม่มีชื่อคุณกับเสี่ยวหาน” โจวจื่ออี้พูดอย่างลำบากใจ ไมค์เลิกคิ้วหนาขึ้น “งั้นมีฉินอันอันไหม? ถ้ามีฉินอันอัน ผมกับเสี่ยวหานจะไปในนามฉินอันอัน” “ไม่มี” โจวจื่ออี้ตอบอย่างตรงไปตรงมา “เขาเชิญเฉพาะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทและลูกค้าบางรายที่เขาร่วมงานด้วยมาหลายปีเท่านั้น... เขาไม่ได้เชิญฉินอันอัน และไม่ได้เชิญเพื่อนร่วมชั้นหรื
“ไม่ได้ยินเรื่องศพเลยนะ ทำไมเหรอ? เธอคงไม่ได้อยากรักษาอิ๋นอิ๋นให้เธอฟื้นคืนชีพกลับมาหรอกนะ?” ไมค์พูดอย่างพิสดารพันลึก ฉินอันอันปวดขมับทันที “ไมค์ ฉันแค่ถามเฉย ๆ ถ้าฉันมีความสามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ บนโลกนี้ก็จะไม่มีใครที่ตายจริง ๆ นายไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวเหรอ?” ไมค์ “อ้อ ฉันไม่ได้ยินว่าเว่ยเจินกลับมานะ น่าจะไม่มีศพหรือเปล่า? แต่ฟู่สือถิงน่าจะได้รับข่าวว่าอิ๋นอิ๋นตายแล้ว ถ้าไม่ได้ข่าว เขาไม่มีทางจัดงานศพให้อิ๋นอิ๋นเด็ดขาด” “อืม” “เธอไม่กลับมาจริงเหรอ? ที่จริงตอนนี้จื่อชิวยังเล็กมาก เธอให้พี่เลี้ยงดูแลลูกแล้วกลับมาก็ได้นี่นา” ไมค์หวังว่าเธอจะกลับมาแล้วไปงานศพอิ๋นอิ๋นด้วยกัน ไม่ว่าความสัมพันธ์กับฟู่สือถิงจะเป็นยังไง แต่พวกเขากับอิ๋นอิ๋นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด “ฉันรู้สึกละอายต่ออิ๋นอิ๋น” ฉินอันอันพูดเสียงแหบแห้งแล้วเธอพูดความคิดที่แท้จริงของเธอว่า “ถ้าฉันรู้ความคิดของเธอล่วงหน้า ฉันไม่มีทางยอมให้เธอทำแบบนี้แน่นอน ฉันรู้สึกว่าฉันเหมือนคนโรคจิตนิดหน่อย ฉันเจอคนไข้ที่ประเทศบีที่มีอาการป่วยเหมือนอิ๋นอิ๋น ฉันไม่เพียงแต่คิดว่าเขาหน้าตาเหมือนอิ๋นอิ๋น เพราะว่าเขามีกรุ๊
“เขาบอกว่าเขามีจุดอ่อนของคุณในมือ แต่เขาจะไม่เอามันออกมาใช้ในตอนนี้ เพราะเขาจะใช้มันในช่วงเวลาสำคัญ” หวังหว่านจือพูดเร็วอย่างมาก “แต่ฉันไม่รู้ว่าช่วงเวลาสำคัญที่เขาพูดถึงคือเมื่อไหร่นะ ถังเฉียวเซินคนนี้ฉลาดมาก ฉันเองก็รู้จักเขาได้ไม่นานแล้วฉันก็ไม่ได้ไว้ใจเขามากนัก แต่ตอนนี้ฉันร่วมมือกับเขาได้อย่างราบรื่นมาก ถ้าคุณให้เวลาฉันอีกสักหน่อย ฉันต้องคิดวิธีช่วยคุณเอากล่องใบนั้นกลับคืนมาได้อย่างแน่นอน” ฟู่สือถิงหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “คุณรู้แล้วว่าในกล่องนั้นมีบางอย่างที่ใช้ควบคุมผมได้ ถ้าคุณได้กล่องนั้นมาแล้วคุณจะคืนผมได้ยังไง?” หวังหว่านจือตกตะลึงทันใดนั้นหัวสมองเธอก็ว่างเปล่า นี่เธอพิ่งพูดอะไรไป? ทำไมถึงรู้สึกว่าฟู่สือถิงกำลังยั่วยุเธอ? “ผมแค่อยากแน่ใจว่ากล่องใบนั้นอยู่ในมือของถังเฉียวเซินเท่านั้นเอง ในเมื่อมันอยู่ในมือเขา งั้นคุณก็ไม่มีประโยชน์สำหรับผมแล้ว” ฟู่สือถิงพูดทีละคำอย่างเย็นชา “หวังหว่านจือ ผมรู้ดีว่าคุณวางแผนอะไรอยู่ในใจ” แค่หวังหว่านจือได้ยินเสียงของเขา ก็รู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นแล้ว “ฟู่สือถิง! ฉันไม่ได้วางแผนอะไรเลย! ฉันจะกล้าคิดร้ายใส่คุณได้ยังไง? ศัตรูของฉันแต
ในชีวิตของเขา เขาเกลียดการถูกข่มขู่มากที่สุด ถังเฉียวเซินมีจุดอ่อนของเขาอยู่ในมือ แต่กลับไม่ยอมลงมือเสียที จะรอจนถึงช่วงเวลาสำคัญงั้นหรือ? หึ ฟู่สือถิงไมมีวันยอมมอบโอกาสนี้ให้ถังเฉียวเซิน ในเมื่อถังเฉียวเซินไม่ทำอะไรเสียที งั้นก็ให้เขาถือกล่องนั้นไปพร้อมกับการทำลายล้างเสียเลยแล้วกัน! แม้ว่าเปลวเพลิงคืนนี้จะไม่ฆ่าเขา แต่บ้านของเขาจะถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่านรถพยาบาลแผดเสียงดังก้องในค่ำคืนอันเงียบสงบ ในสตาร์ริเวอร์วิลล่า เสี่ยวหานถูกปลุกให้ตื่น เขาเห็นแสงสีแดงจากด้านนอก รู้สึกประหลาดใจมาก เขาปีนลงจากเตียงแล้วเดินท่ามกลางความมืดไปจนถึงประตูห้อง เปิดประตูออก ก่อนเดินไปทางห้องของไมค์ไมค์เพิ่งผล็อยหลับไปไม่นานและกำลังหลับสนิท ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ยินสิ่งใดเกิดขึ้นจากภายนอก“ท้องฟ้าข้างนอกเป็นสีแดง” เสี่ยวหานชี้ให้ไมค์ดูด้านนอกหน้าต่าง ไมค์เอื้อมมือมาขยี้ตา หลังจากที่เขาเห็นสถานการณ์นอกหน้าต่างอย่างชัดเจน เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาตรวจสอบข่าว“เกิดเพลิงไหม้ในอาคารที่พักอาศัยใจกลางเมือง” ไมค์หาว “ไม่รู้ว่าอะไรระเบิดถึงได้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่”หลังจากที่เสี่ยวหานรู้สาเหตุแล้
ไมค์พิมพ์ข้อความสั้น ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ส่งไป แล้วก็แอบถ่ายรูปของฟู่สือถิงส่งตามไปด้วย ตอนนี้ที่ประเทศบีเป็นเวลาสี่ทุ่ม ฉินอันอันเพิ่งเข้านอน แต่ยังไม่หลับ หลังจากเห็นข้อความที่ไมค์ส่งมาแล้ว เธอพยายามคิดหาเหตุผลว่าทำไมฟู่สือถิงถึงทำเช่นนี้ แต่เธอขาด จินตนาการและไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ฟู่สือถิงลงมือโจมตีพี่น้องตระกูลถังกะทันหันแบบนี้ถ้าหากต้องการคิดบัญชีกับถังเชี่ยนเรื่องคลอดก่อนกำหนด แล้วทำไมบ้านของถังเฉียวเซินถึงเกิดไฟไหม้ได้ล่ะ และทำไมถึงเลือกเวลานี้? ดูเหมือนว่าระหว่างเขากับพี่น้องตระกูลถัง คงยังมีเรื่องอื่นอีก ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธออาจจะถามอย่างกระตือรือร้นว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา แต่ตอนนี้ เธอไม่มีแรงมากขนาดนั้นแล้วลูกสามคน แทบจะใช้พลังงานของเธอไปเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ พลังงานที่ยังเหลืออีกเล็กน้อย เธอใช้มันในการรักษาอวิ๋นโม่ เธอได้ตกลงกับตระกูลอวิ๋นแล้วว่าหลังเทศกาลตรุษจีน เธอจะทำการผ่าตัดครั้งแรกให้อวิ๋นโม่หลังจากการผ่าตัดครั้งแรกแล้วถึงจะทำการพิจารณาจากผลลัพธ์ของการรักษาว่าจะทำการผ่าตัดครั้งที่สองหรือไม่ ไมค์เห็นว่าเธอไม่ตอบกลับ ดังนั้นจึงถ่ายรูปเด็กสองค