หลังจากที่เธอกลับไป เขากดหมายเลขโทรศัพท์ของคุณหมอประจำตระกูลอีกครั้ง “ผมไม่เป็นไร คุณไม่ต้องมาแล้ว” คุณหมองุนงงเล็กน้อย “คุณฟู่ ผมอยู่ระหว่างทางแล้ว ให้ผมตรวจดูสักหน่อยไหม?” เขาวางสาย เขายกมือขึ้นแล้วแตะอุณหภูมิบนหน้าผากของตัวเอง มันร้อนนิดหน่อย ก่อนฉินอันอันจะมา เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นไข้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สบายนิดหน่อย แต่ไม่ได้กระทบกับงานเขาเลย ทว่าหลังจากที่เธอมา ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งในร่างกายของเขาจะหมดลง เขานอนเหยียดบนเตียงทำอารมณ์ให้ว่าง ทว่าการพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งจบลงที่ความล้มเหลว เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาต้องการลืมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้ ใบหน้าเล็ก ๆ ของจื่อชิวก็จะโผล่ขึ้นมาในใจของเขาใบหน้าเล็ก ๆ และดวงตาที่สดใส แต่มีความอยากรู้อยากเห็นของจื่อชิวเปรียบเสมือนแสงพร่างพราวที่สามารถทะลุเมฆดำมืดและสลายหมอกควันได้เมื่อคุณหมอมาถึงคฤหาสน์ตระกูลฟู่ ฟู่สือถิงก็ผล็อยหลับไปแล้ว คุณหมอแตะหน้าผากของเขาแล้ว หลังจากพบว่าอุณหภูมิในร่างกายของเขาสูงเกินไป เขาหยิบเทอร์โมมิเตอร์ขึ้นมาทันทีแล้ววัดที่หน้าผากเขา บนหน้าจอแสดงชุดตัวเลข : 38.9 องศา โดยทั่วไป หาก
เพราะเด็กคนนี้เหมือนฟู่สือถิง ถ้าอิ๋นอิ๋นยังมีชีวิตอยู่แล้วเห็นจื่อชิว จะต้องรักจื่อชิวมากแน่นอน อิ๋นอิ๋นใจดีขนาดนั้น เธอจะทนเห็นความบาดหมางระหว่างพ่อลูกเพราะเธอได้ยังไง? หลังจากป้าหงพูดเรื่องนี้แล้วก็ออกจากห้องอาหารไปช้อนในมือของฟู่สือถิงตกลงไปในชามโจ๊ก วันนี้ฉินอันอันพาจื่อชิวไปประเทศบีแล้ว เธอไปอย่างเร่งด่วนขนาดนี้ ดูแล้วคงจะโกรธจริง ๆ เธอบอกเขาเมื่อคืนนี้ว่าเธอจะเลี้ยงจื่อชิวด้วยตัวเอง ดังนั้นเธอจึงพาลูกไปประเทศบี แบบนี้แล้วเขาจะได้ไม่เห็นและไม่รำคาญใจ เขาควรโล่งใจถึงจะถูก แต่ว่าทำไมเขารู้สึกไม่มีความสุขล่ะ? ความอยากไปตามหาเธอที่ประเทศบีโผล่ขึ้นมาในใจของเขาทันที! แต่ความคิดนี้ถูกกำจัดทิ้งอย่างรวดเร็ว เธอพาเด็กไปก็ดีเหมือนกัน แบบนี้เขาจะได้มีเวลามากพอที่จะสงบสติอารมณ์ที่สูญเสียการควบคุมของตัวเองได้ ......ฉินอันอันตัดสินใจที่จะพาจื่อชิวไปยังประเทศบีอย่างกะทันหันตอนนี้จื่อชิวค่อนข้างเด็กและไม่เหมาะสำหรับเที่ยวบินระยะไกลแต่เธอก็พลิกตัวไปมาทั้งคืน ดวงตาที่เย็นชาของฟู่สือถิงปรากฏขึ้นในใจของเธอตลอดเวลา เธอได้รับความอยุติธรรมได้ แต่เธอไม่อยากทำให้จื่อชิวได้ร
เพราะว่าเคยถูกสะกดรอยตามมาก่อน ดังนั้นเสี่ยวหานจึงเริ่มระมัดระวังตัว เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วโทรหาจิ้นซือเหนียน โทรศัพท์เครื่องนี้จิ้นซือเหนียนบมอบให้เขา มันออกแบบเฉพาะสำหรับเด็กที่มีหมายเลขส่วนตัวของจื้นซือเหนียนบันทึกไว้หลังจากที่เสี่ยวหานบอกจิ้นซือเหนียนเรื่องที่มีคนติดตามเขา จิ้นซือเหนียนก็ส่งบอดี้การ์ดไปรับเสี่ยวหานทันทีที่เขาลงจากรถรถสีดำเร่งความเร็วผ่านไปทันทีที่เขาลงจากรถ! เหมือนกับว่าแค่ผ่านมาระหว่างทางไม่ได้ติดตามอะไร“เธอมาคนเดียวเหรอ? ทำไมไม่เอาบอดี้การ์ดมาด้วย?” จิ้นซือเหนียนจับมือเขาแล้วพาเขาเข้าไปในตึก จิ้นซือเหนียนพาเสี่ยวหานเข้าไปที่ห้องฝึกซ้อมของบริษัท “ใกล้วันปีใหม่แล้ว ผมให้คุณลุงบอดี้การ์ดลาพักแล้วครับ” เสี่ยวหานตอบ “คุณแม่ของเธอกังวลแน่ถ้ารู้เรื่องนี้” จิ้นซือเหนียนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และพูดกับเขาว่า “คนที่ติดตามเธอต้องรู้ว่าตอนนี้เธอไม่มีบอดี้การ์ด ถึงกล้าขนาดนี้ ฉันจะส่งบอดี้การ์ดให้เธอสองคน ต้องไม่มีเรื่องผิดพลาดใด ๆ ก่อนที่เธอไปหาคุณแม่ที่ประเทศบี” เสี่ยวหานไม่ชอบให้บอดี้การ์ดติดตาม แต่เขาคิดว่าตอนนี้ แม่ดูแลน้องชายก็เหนื่อยมากแล้
เมื่อเห็นแสงอันมุ่งมั่นในดวงตาของรุ่ยลา เสี่ยวหานพูดออกมาสองคำ “สู้ ๆ นะ” อีกด้าน ฟู่เย่เฉินยืนอยู่ข้างหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานในห้องทำงานของเขา พร้อมกับมองดูแสงไฟนีออนที่ค่อย ๆ ส่องสว่างไปทั่วเมืองทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่คึกคักข้างนอกแสดงให้เห็นว่าชีวิตยามค่ำคืนเพิ่งเริ่มต้นถ้าเป็นเวลาปกติ เขาคงออกจากห้องทำงานไปหาความสนุกแล้ว แต่วันนี้ เขาไม่มีอารมณ์ เขาถูกอาแท้ ๆ ของตัวเองบีบให้ล้มละลาย และต้องจ่ายค่าปรับจำนวนมหาศาล ไม่ใช่ว่าเขาไม่เสียใจกับเรื่องโง่ ๆ ที่เขาทำ แต่ที่มากกว่านั้นคือความเกลียดชัง เขาอาศัยชื่อเสียงในฐานะหลานชายของฟู่สือถิง เอาชีวิตรอดมาได้อย่างราบรื่นจนถึงตอนนี้ แต่มันเป็นเรื่องง่ายดายมากที่ฟู่สือถิงจะบดขยี้เขาจนตาย หลายวันมานี้เขาเฝ้าดูพ่อของเขาโทรหาฟู่สือถิงเพื่อร้องขอความเมตตาเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นนับครั้งไม่ถ้วน หวังว่าฟู่สือถิงจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ของครอบครัวปล่อยเขาไป แต่ฟู่สือถิงไม่รับสาย หรือไม่ก็โอนสายไปที่ผู้ช่วยของเขา ฟู่สือถึงเย็นชาและโหดร้ายมาก! แม่ของเขาตายแทนเขาไปแล้ว ตอนนี้เขาแค่อยากมีชีวิตที่ดีอยู่ต่อไป ทำไมเขาต้องแบกรับ
ราวกับฟู่เย่เฉินกำลังฟังนิทานอยู่ เขาฟังแล้วมีสีหน้ามึนงงและประหลาดใจ “งั้นอาของผมป่วยทางจิตจริง ๆ เหรอ?” ฟู่ฮั่นคิ้วขมวดและถอนหายใจ “ความเจ็บป่วยทางจิตมีทั้งเล็กน้อยและรุนแรง ถึงแม้ว่าตอนนั้นอาของแกจะป่วยจริง แต่เขาก็ไม่เคยมีอาการกำเริบอีกในภายหลัง ไม่อย่างนั้นเขาจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ได้ยังไง?” “เขาประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่เขาไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรักเลย ฉินอันอันหย่ากับเขาและเธอคลอดลูกหลายคนแต่ไม่ให้ลูกกับเขาเลย พ่อคิดว่าพวกเขาไม่มีความรักต่อกันเลยงั้นเหรอ? ไม่แน่ฉินอันอันอาจรู้อาการป่วยของเขา ดังนั้นเลยไม่อยู่กับเขาไงล่ะครับ!” ฟู่เย่เฉินเดา ฟู่ฮั่นฟังคำพูดเขาแล้วมีท่าทางครุ่นคิด “พ่อครับ ตอนนี้เราไม่เหลืออะไรแล้ว เหมือนสุภาษิตที่ว่า คนเท้าเปล่าไม่กลัวที่จะสวมรองเท้า ถึงเราจะอยู่ฝั่งถังเฉียวเซิน แล้วฟู่สือถิงจะทำอะไรเราได้? ผมไม่ทรัพย์สินอะไรให้เขายึดได้อีกแล้ว!” ฟู่เย่เฉินโกรธจนมีความคิดชั่วร้ายผุดขึ้น “ผมจำเป็นต้องร่วมมือกับถังเฉียวเซิน” ฟู่ฮั่นยกแก้วเหล้าขึ้นแล้วดื่มจนหมดภายในอึกเดียว “แกบอกเรื่องนี้กับถังเฉียวเซินแล้วยังไงต่อ?” ฟู่ฮั่นขมวดคิ้วแล้วพูด
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นหมายเลขจากข้อความที่ไม่รู้จัก เขาเปิดดูข้อความ ทันใดนั้นเนื้อหาก็ปรากฏขึ้น : อิ๋นอิ๋นจากไปแล้ว ผมทำตามคำขอของเธอ นำเถ้ากระดูกของเธอโปรยลงทะเล ผมขอโทษจริง ๆ ที่สร้างความเจ็บปวดให้คุณ ขอโทษนะครับ ผมจะสละทุกอย่างที่มีในประเทศเป็นการชดใช้ : เว่ยเจินเขากัดฟันแน่น ดวงตาเปียกชุ่มความพยายามทั้งหมดที่เขาทำในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเพื่อสงบอารมณ์ไร้ประโยชน์หลังจากเห็นข้อความนี้!อิ๋นอิ๋นตายแล้ว เธอตายไปแล้วจริง ๆ! เพื่อช่วยจื่อชิว เธอถึงกับยอมสละชีวิตของตัวเอง! เขาปกป้องเธออย่างดีมานานหลายปี ไม่ใช่ให้เธอเป็นถุงเลือดของคนอื่น! กระดูกข้อนิ้วที่จับโทรศัพท์ของเขาเริ่มซีดขาว หลังจากแสงหน้าจอโทรศัพท์มืดลง เขาก็ให้สว่างอีกครั้ง เขาไม่ต้องการยอมรับข่าวร้ายนี้ แต่ข้อความนี้ช่างชัดเจนและทิ่มแทงสายตาเหลือเกิน ประเทศบี หลังจากฉินอันอันกับลูกตั้งหลักได้เรียบร้อยแล้ว เธอก็โทรหาครอบครัวของอวิ๋นโม่ และหวังว่าจะได้พบเขาโดยเร็วที่สุด สมาชิกครอบครัวอวิ๋นโม่บอกว่า เธอสามารถมาพบเขาที่บ้านได้ตลอดเวลา ถ้าเธอมีเวลา ดังนั้นเธอจึงมอบเด็กให้กับป้าจาง แล้วไปบ้านของตระกูลอวิ๋
เธอรู้สึกเสมอว่าอวิ๋นโม่และพ่อของอวิ๋นโม่กับอิ๋นอิ๋นและฟู่สือถิงมีความเชื่อมโยงกันบางอย่าง การเชื่อมโยงนี้ ไม่ใช่การเชื่อมโยงทางสังคม แต่เป็นการเชื่อมโยงทางการแพทย์ เธอสะดุ้งตกใจกับความคิดที่เกิดขึ้นของตัวเอง! ช่วงนี้เธอเหนื่อยเกินไปใช่ไหม? ทำไมเธอถึงคิดฟุ้งซ่านแบบนี้? ประเทศเอและประเทศบีอยู่ห่างกันมากขนาดนี้ ถึงแม้ว่าพ่อของอวิ๋นโม่มาจากประเทศเอ แตก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีความสัมพันธ์กับตระกูลฟู่ ตระกูลฟู่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยในประเทศเอซึ่งยากที่คนธรรมดาจะเข้าถึงได้ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลที่เศรษฐีจะซับซ้อน แต่ถ้ามีเรื่องยุ่งเหยิงวุ่นวายจริง ๆ เธอที่อยู่ข้างกายฟู่สือถิงมานานน่าจะได้ยินอะไรบ้าง นอกเหนือจากเรื่องของอิ๋นอิ๋นแล้ว เธอไม่เคยได้ยินเรื่องอื่นเลย รถขับมาจอดที่วิลล่าแล้ว เธอเปิดประตูแล้วลงจากรถ เมื่อเธอลงจากรถ ก็เห็นร่างสวยงามที่ประตู “อันอัน!” ร่างงามนั้นเอ่ยทักทายทันทีที่เห็นเธอ เสียงคุ้นเคยดังขึ้น รอยยิ้มปรากฏบนหน้าฉินอันอัน เป็นหลีเสี่ยวเถียน หลังจากหลีเสี่ยวเถียนออกจากโรงพยาบาล เธอก็มาที่ประเทศบีกับพ่อแม่ของเธอ ครั้งนี้ฉินอันอันพาจื่อชิวมาประเ
ตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่เคยเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาต่อสาธารณะเขาไม่อยากให้เธอถูกรบกวนจากโลกภายนอก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทำแบบนี้ แม้แต่ฉินอันอันก็ยังไม่เข้าใจ เธอรู้สึกว่าเขารังเกียจไอคิวต่ำของอิ๋นอิ๋น ดังนั้นเขาจึงซ่อนเธอเอาไว้ ไม่ให้คนอื่นรู้ เขาไม่เคยรังเกียจอิ๋นอิ๋นเลย ถ้าเขารังเกียจอิ๋นอิ๋นแม้แต่นิดเดียว อิ๋นอิ๋นอาจตายไปนานแล้ว ตอนนี้อิ๋นอิ๋นไม่อยู่แล้ว เขาไม่ต้องกังวลว่ามีคนรบกวนเธอหรือทำร้ายเธออีกต่อไป หลังจากตัดสินใจจัดงานศพให้อิ๋นอิ๋น เขาก็เริ่มจัดการขั้นตอนทั้งหมดด้วยตัวเองหลังจากข่าวแพร่กระจายออกไป เสี่ยวหานจึงบอกไมค์ว่าเขาอยากไปงานศพอิ๋นอิ๋น ไมค์โทรหาโจวจื่ออี้ทันทีและสอบถามว่าเขาไปได้ไหม “เจ้านายของผมเป็นคนร่างรายชื่อแขก ในนั้นไม่มีชื่อคุณกับเสี่ยวหาน” โจวจื่ออี้พูดอย่างลำบากใจ ไมค์เลิกคิ้วหนาขึ้น “งั้นมีฉินอันอันไหม? ถ้ามีฉินอันอัน ผมกับเสี่ยวหานจะไปในนามฉินอันอัน” “ไม่มี” โจวจื่ออี้ตอบอย่างตรงไปตรงมา “เขาเชิญเฉพาะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทและลูกค้าบางรายที่เขาร่วมงานด้วยมาหลายปีเท่านั้น... เขาไม่ได้เชิญฉินอันอัน และไม่ได้เชิญเพื่อนร่วมชั้นหรื